ตอนที่ 2,574 : ระนาบเทวโลก หลิงหลัวเทียน!

เมื่อครู่ตอนที่มีเสียงหัวเราะของชายหนุ่มนามเฝิงชิงดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองบริเวณขอบสระตามเสียงทันที เพื่ออยากรู้ว่าเป็นใครที่หัวเราะออกมา

น่าเสียดายที่ต่อให้เป็นเขา แม้จะเพ่งสมาธิแล้วแต่ก็มองเห็นเป็นเพียงภาพเลือนรางสายหนึ่งวูบมาเท่านั้น ก่อนที่เฝิงชิงจะปรากฏตัวขึ้น!

หลังได้เห็นความเร็วดังกล่าวของเฝิงชิง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่า…

ความแข็งแกร่งของเฝิงชิงไม่ใช่ชั่ว!

หากเป็นแค่ผู้มีพลังฝีมือทั่วไป ไหนเลยจะมีความเร็วระดับนี้ได้!

ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะในระนาบโลกียะอีกต่อไป แต่เป็นผู้ที่ได้ขึ้นมายังระนาบเทวโลกและกลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์คนหนึ่งเพราะสระกำเนิดเซียนอมตะแล้ว

ระดับพลังบ่มเพาะของเขา เหนือกว่าตอนอยู่ระนาบโลกียะ!

สายตาย่อมดีขึ้นเช่นกัน!

‘ระดับความเร็วของเฝิงชิงเมื่อครู่ เทียบกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์แล้วดูเหมือนจะพอๆกันเลย หากไม่ใช้พลังข้าก็ยากจะมองเห็นได้ชัด…’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดี

ถึงแม้ความเร็วของเฝิงชิงเมื่อครู่จะพอๆกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าด่านพลังบ่มเพาะของเฝิงชิงทัดเทียมกับระดับบ่มเพาะขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์ที่สอดคล้องกับระดับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์

เซียนอมตะเสเพลในระนาบโลกียะนั้น ไร้ซึ่งร่างเนื้อเหมือนผู้คนทั่วไป ทั้งหมดเป็นร่างพลังวิญญาณเท่านั้น และเพื่อความอยู่รอดแล้วเหล่าเซียนอมตะเสเพลจึงไม่อาจใช้เวทย์พลังหรือวรยุทธ์เซียนอมตะใดๆของระนาบเทวโลกได้เลย…

หากแต่เหล่าเซียนอมตะสวรรค์บนระนาบเทวโลกไม่มีข้อจำกัดเช่นนี้!

ด้วยเหตุนี้ในระนาบเทวโลก ตัวตนที่มีความเร็วทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ในระนาบโลกียะ ไม่แน่ว่าจะมีระดับพลังที่สอดคล้องกัน อาจจะมีระดับพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าด้วยซ้ำ!

อย่างไรก็ตามเมื่ออีกฝ่ายสามารถเผยให้เห็นความเร็วที่ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ออกมา แม้ระดับพลังในขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จะไม่สอดคล้องกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมาจะเทียบได้!

ถึงแต่ต้นจนจบหวังเวยจะไม่ได้เผยพลังอะไรให้เห็น

แต่ในขณะที่หวังเวยกับเฝิงชิงเผชิญหน้ากัน ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นได้ชัด…

กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างทั้งคู่…ไม่ได้แตกต่างกันเลย!

กล่าวอีกอย่างได้ว่า…

หวังเวยไม่ได้อ่อนแอกว่าเฝิงชิง!

เช่นนั้นพอต้วนหลิงเทียนเห็นชายหนุ่มในชุดหรูหรากระโจนออกจากสระกำเนิดเซียนอมตะไปเผชิญหน้ากับหวังเวยอย่างห้าวหาญแบบนั้น เขาจึงได้แต่กล่าวในใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะโดนดี!

ทันใดนั้นในสายตาต้วนหลิงเทียนคล้ายมีประกายแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่ง เป็นหวังเวยได้ลงมือออกไปด้วยความฉับไวปานอัสนีฟาด!

ซู่มมม!!

หนึ่งฝ่ามือที่หวังเวยตวัดฟันออกไปส่งๆ บังเกิดเป็นคลื่นพลังสะบั้นสายหนึ่งแหวกอากาศไปฉับไว ฝ่าทะลวงม่านพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่พึ่งก่อเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุกของชายหนุ่มในชุดหรูหราทันที จากนั้นก็ซัดลงบริเวณไหลของมัน!!

ฉัวะ!!

“โอ๊ยยย!!”

เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น

ท่ามกลางสายตาของทุกคน แขนของชายหนุ่มในชุดหรูหราข้างหนึ่งพลันขาดกระเด็นเสมอไหล่หมุนคว้างไปในอากาศ! โลหิตฉีดพุ่งออกมาปรี๊ดๆปานสายน้ำพุ ซ่านกระเซ็นก่อเกิดบุปผาสีแดงเบ่งบานเต็มพื้น!

และเมื่อแขนข้างดังกล่าวตกลงพื้น ก็เกิดกองโลหิตเจิ่งนองอีกแห่ง

ในขณะที่ชายหนุ่มในชุดหรูหราหน้าซีดลงด้วยความเจ็บปวด และกำลังใช้พลังห้ามเลือดนั้นเอง

ปงงง!!

หวังเวยพลันสะบัดมือออกไปส่งๆอีกครั้ง ปรากฏเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขุมหนึ่งพุ่งไปฉับไว เป้าหมายก็คือแขนของชายหนุ่มในชุดหรูหราที่ขาดตกกองบนพื้น ราวกับจะทำลายแขนข้างดังกล่าวทิ้ง!!

หากแขนข้างที่ขาดไม่ถูกทำลาย เพียงชายหนุ่มในชุดหรูหราหยิบกลับมาต่อ และเดินพลังเชื่อมประสานสักครู่ย่อมรักษาได้…

แต่หากถูกทำลายไปแล้วไซร้ ก็ยากจะงอกเงยออกมาใหม่!

ถึงแม้ว่าจะมีโอสถที่สามารถทำให้งอกเงยอวัยวะที่ขาดด้วนออกมาได้ขายในระนาบเทวโลก แต่โอสถเหล่านั้นก็ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ราคายังไม่ใช่ถูกๆที่ใครหน้าไหนจะจับจ่ายมากินได้ตามใจ!

“อย่า….!!!”

ชายหนุ่มในชุดหรูหราหวีดร้องออกมาเสียงหลง! อนิจจาหวังเวยไม่แยแสอะไร พลังดังกล่าวพุ่งไประเบิดแขนจนแหลกเป็นผงอย่างอำมหิต!!

“เจ้า…สารเลวเอ๊ย เจ้ากล้าทำลายแขนของข้านายน้อยงั้นเหรอ! เจ้ารอก่อนเถอะ…ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่! ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”

เมื่อเห็นแขนข้างที่ขาดถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มในชุดหรูหราที่เดิมหน้าซีด ก็ซีดลงหนักข้อ!

อย่างไรก็ตามตอนนี้ดวงตาของมันแทบจะถลนออกจากเบ้า ยังเริ่มแดงฉานไปด้วยเส้นเลือดฝอย ถลึงมองตะคอกเสียงใส่หวังเวยอย่างดุร้าย!

ราวกับจะเฉือนร่างหวังเวยสักสามพันแผล ขาดไม่ได้เกินไม่ได้ก่อนตกตาย!!

“อ้อ ไม่มีวันปล่อยข้าไปเหรอ?”

ได้ยินวาจาอาฆาตของชายหนุ่มในชุดหรูหรา หวังเวยแสยะยิ้มเย็นชา ก่อนจะยกมือขึ้นอีกครั้งค่อยสะบัดโบกออกไปราวพัดไปยังร่างชายหนุ่มในชุดหรูหรา ซัดร่างอีกฝ่ายจนหงายหลัง!

ตุบ!

หวังเวยสะบัดมือส่งๆอีกครา ดูดรั้งร่างชายหนุ่มในชุดหรูหราให้ไถลพื้นเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งย่ำเหยียบลงบนใบหน้าชายหนุ่มในชุดหรูหรา ยีๆเท้าไม่กี่ครั้งจมูกของมันก็แหลกเละ เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นเบาๆ

“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าไม่ปล่อยข้าไปแล้วจะอย่างไร? ที่นี่หาใช่ระนาบโลกียะที่เจ้าเคยอยู่ไม่ แต่คือระนาบเทวโลก!”

“ไม่ว่าในระนาบโลกียะที่เจ้าจากมา ตัวเจ้าจักเป็นพยัคฆ์หรือมังกรอันใดข้าไม่รู้ แต่เจ้าที่พึ่งขึ้นมายังระนาบเทวโลกแห่งนี้ก็ไม่ต่างใดจากมดตัวกระจ้อยที่ผู้ใดก็ย่ำเหยียบเจ้าให้แหลกตายคาตีนได้!”

“หากมิใช่เพราะในระนาบเทวโลกมีกฏมิให้เข่นฆ่าตามอำเภอใจ มดปลวกเช่นเจ้า…ป่านนี้ตายตกไปแล้ว!”

หลังกล่าวจบคำ แววตาของหวังเวยก็ฉายแววอำมหิต จิตฆ่าฟันทะลักออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ

“ขะ..ข้าคือศิษย์สายตรงของวังหงอี้! วังหงอี้ของข้าแม้จะเป็นทั้งแดนหลีหั่วเทียน ก็ทรงพลังมิต้อยต่ำ! เจ้าแน่จริงก็ฆ่าข้าเสียตั้งแต่ตอนนี้! หาไม่แล้ววันหน้าหากข้าเดินทางไปถึงวังหงอี้เมื่อใดเจ้าได้ตายไร้ที่ฝังแน่!!”

ชายหนุ่มในชุดหรูหราที่ถูกเหยียบหน้าคำรามออกมาด้วยโทสะอันคับแค้นทั้งอับอาย

วังหงอี้ที่ชายหนุ่มในชุดหรูหรากล่าวอ้าง เป็นชื่อขุมพลังในระนาบโลกียะของมัน

หากแต่พลังอำนาจของวังหงอี้มันหาได้มีอยู่แค่ในระนาบโลกียะไม่ แม้จะเป็นในหลีหั่วเทียนอันเป็น 1 ใน 81 ระนาบเทวโลกก็ถือว่ามีชื่อเสียงและทรงพลังไม่น้อย

“วังหงอี้?”

ได้ยินเสียงคำรามของชายหนุ่มในชุดหรูหรา หวังเวยเพียงชะงักไปครู่หนึ่งค่อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่าอย่างไร้แยแส “ข้าต้องขออภัยด้วย วังหงอี้อันใดของเจ้าข้าไม่รู้จัก…แต่หลีหั่วเทียนที่เจ้าว่าสมควรเป็นแดนสวรรค์หลีหั่วเทียนใช่หรือไม่?”

“น่าเสียดายที่ตอนนี้เจ้ามิได้ขึ้นมายังหลีหั่วเทียน…แดนสวรรค์ของพวกเราแห่งนี้คือ หลิงหลัวเทียน!”

กล่าวถึงท้ายประโยคหวังเวยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า ใบหน้ายังเผยความดูแคลนหยันหยามมากขึ้น “หากข้าเดาไม่ผิด…วังหงอี้อันใดของเจ้าสมควรเป็นขุมพลังงในหลีหั่วเทียนใช่หรือไม่? น่าเสียดาย…แต่ที่นี่คือหลิงหลัวเทียน มิใช่หลีหั่วเทียน!!”

“และหากคิดจะเดินทางไปยังหลีหั่วเทียนจากหลิงหลัวเทียนแห่งนี้…เกรงว่าเซียนอมตะสวรรค์ขนอุยที่พึ่งขึ้นมาระนาบเทวโลกเยี่ยงเจ้า คงยากยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสวรรค์!”

“ต่อให้ขุมพลังอย่างวังหงอี้เจ้าจักร้ายกาจและมีอำนาจในหลีหั่วเทียนแล้วอย่างไร? ในหลิงหลัวเทียนแห่งนี้เจ้าอย่าได้หวังจะหยิบยืมบารมีอำนาจอันใดมาทำกร่างเสียให้ยาก!”

กล่าวถึงท้ายประโยค หวังเวยก็ยกเท้าออก ก่อนที่จะนั่งยองๆลงไปทั้งใช้ฝ่ามือตบหน้าชายหนุ่มในชุดหรูหราเสียงดังสนั่น

“ไอ้หนูขนอุยเอย…อยู่ในหลิงหลัวเทียนของพวกเราเจ้าหัดเรียบๆร้อยๆว่าง่ายเสียจักประเสริฐกว่า…หากเจ้ากล้าโอหังกับข้าอีกครา ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่กับอีแค่หักขาเจ้าเพิ่มอีกสักข้างก็ไม่ใช่ปัญหา!”

หลังตบหน้าทั้งกล่าวหยามชายหนุ่มในชุดหรูหราแล้ว หวังเวยก็ลุกขึ้น และไม่คิดจะย่ำเหยียบมันสืบไป

อย่างไรก็ตามชายหนุ่มในชุดหรูหราไม่ได้ลุกขึ้นยืนแต่อย่างใด ยังคงนอนแน่นิ่งกองอยู่กับพื้นด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับสติหลุดลอย กล่าวพึมพำออกมาด้วยใบหน้าชุ่มเลือด

“ได้อย่างไร…ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้…ระนาบโลกียะที่ข้าอยู่ เมื่อขึ้นสู่ระนาบเทวโลกมิใช่ต้องโผล่ไปยังหลีหั่วเทียนแน่ๆหรือไร…”

ฟังจากเสียงบ่นพึมพำอย่างเลื่อนลอยของชายหนุ่มในชุดหรูหราแล้ว เห็นชัดว่ามันไม่อยากจะเชื่อ…

ว่าระนาบเทวโลกที่มันอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่หลีหั่วเทียน!

ชายหนุ่มในชุดหรูหราตอนนี้แลดูเหมือนคนพิการไร้บ้านที่กำลังสิ้นหวัง มากกว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะที่พึ่งกลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์!

“อันใด!? แดนสวรรค์แห่งนี้เรียกว่าหลิงหลัวเทียนงั้นหรือ!?”

“เอ๊า! ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า…มิใช่ว่าข้าต้องขึ้นมายังอวี้ฉีเทียนหรือไร!?”

“ได้อย่างไรกัน ไม่ว่าจะครึ่งก้าวเซียนอมตะหรือเซียนอมตะเสเพล จากระนาบโลกียะของข้า หลังขึ้นมายังระนาบเทวโลกมิใช่ว่าต้องมาปรากฏในแดนสวรรค์หุยเมิ่งเทียนหรือไร แล้วไฉนตัวข้ากลับมาปรากฏในแดนสวรรค์ หลิงหลัวเทียน แห่งนี้ได้เล่า?”

“ผู้ใดล่วงรู้บอกข้าที…ว่านี่มันอย่างไรกันแน่”

ในหูของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ดังระงมไปด้วยเสียงถามไถ่ไม่เข้าใจของเหล่าเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ทั้งหลาย แต่ละคนประกาศชื่อระนาบเทวโลกที่สมควรขึ้นมากันยกใหญ่

ทั้งยังมีเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ไม่น้อยในสระกำเนิดเซียนอมตะที่แลดูหน้าเสีย ทำท่าทำทางราวกับไปไม่เป็นเมื่อได้ยินว่าสถานที่แห่งนี้ก็คือแดนสวรรค์ หลิงหลัวเทียน ไม่ใช่ระนาบเทวโลกที่พวกมันรู้จัก

บางคนยังแลดูยอมรับความจริงไม่ได้ หยิกแก้มตัวเองยกใหญ่คล้ายคิดว่าฝันไป

‘ที่นี่คือหลิงหลัวเทียนงั้นเหรอ?’

‘ข้า…ไม่ใช่สมควรขึ้นมายังอวี้หวงเทียนหรือไร?’

และไม่เพียงแต่ผู้คนรอบๆเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะงุนงงไม่แพ้กัน

ไม่ว่าจะเป็นในอดีตที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกเขาในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ หรือตอนสนทนากับเซียนหยวนจื่อ เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังเซียนหยวน ทั้งคู่ล้วนบอกว่า…

ครึ่งก้าวเซียนอมตะ และเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ในระนาบเหยียนหวงนั้น หากขึ้นสู่ระนาบเทวโลก ย่อมไปปรากฏยังแดนสวรรค์อวี้หวงเทียน 1 ใน 81 ระนาบเทวโลกที่อยู่ใกล้ที่สุด

ทว่าตอนนี้พอได้ยินคำของหวังเวย ต้วนหลิงเทียนจึงได้ทราบว่า…

เขาไม่ได้อยู่ในระนาบเทวโลกนาม อวี้หวงเทียน แต่อยู่ในระนาบเทวโลกนาม หลิงหลัวเทียน!

“เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เสียงถามด้วยความสงสัยหนึ่งดังขึ้น และไม่นานสายตาต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองหวังเวยที่ขอบสระตามคนอื่นๆ

ตอนนี้ทุกสายตาล้วนเต็มไปด้วยความสับสน

ทุกคนไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ไฉนแต่ละคนจึงไม่ได้ขึ้นสู่ระนาบเทวโลกที่ตัวเองรู้จัก…แต่กลับขึ้นมายังแดนสวรรค์ หลิงหลัวเทียน แห่งนี้แทนอย่างแปลกประหลาด?

“เมื่อปีที่แล้วบังเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในมหาสหัสโลกธาตุ ที่จะเกิดขึ้นทุกๆรอบหมื่นปี…”

ในขณะที่หวังเวยกวาดตามองคนอื่นๆและต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไร้แยแส ทำราวกับรำคาญที่ต้องมาคอยอธิบายให้ทุกคนฟัง ก็เป็นชายหนุ่มในชุดเกราะสีเงินหน้าตาหล่อเหลานาม เฝิงชิง ที่กล่าวอธิบายออกมา

“และในช่วงที่มหาสหัสโลกธาตุบังเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายเช่นนี้ มีโอกาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ผู้คนจะได้ขึ้นไปยังระนาบเทวโลกเดิมที่ใกล้ที่สุดในระนาบโลกียะของตัวเอง…”

“แม้ความผันผวนปั่นป่วนของมหาสหัสโลกธาตุจะปรากฏขึ้นทุกๆรอบหมื่นปี…แต่ทว่าเมื่อบังเกิดขึ้นแล้วจะคงอยู่ไปนานนับพันปี…”