ตอนที่ 326-1 ปกป้องลูกในครรภ์

ฟู่เสวี่ยเยียนมองเขาด้วยสีหน้าเฉยชา “เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปหรือ”

“เจ้าพูดว่าอะไร” ใต้เท้าเจ้าสำนักถาม

ฟู่เสวี่ยเยียนจ้องเขา “ข้าบอกว่าวันหลังเจ้าไม่ต้องมาหาข้าอีกแล้ว”

ใต้เท้าเจ้าสำนักมองสำรวจนางครู่หนึ่ง “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะไปหาข้าหรือไม่”

ฟู่เสวี่ยเยียนแววตาวูบไหว “เจ้าฟังให้ดี ข้ากับเจ้าไม่เกี่ยวข้องกัน เจ้าอย่ามาเสียเวลากับข้า มิเช่นนั้น ข้าไม่รับประกันว่าคนถัดไปที่ฝึกวรยุทธ์จนธาตุไฟเข้าแทรกจะเป็นเจ้าหรือไม่”

คำพูดนี้พาดพิงไปถึงจุดจบของศิษย์พี่ห้า น่าเสียดายใต้เท้าเจ้าสำนักไม่นึกถึงเจ้าสารเลวคนนั้นสักนิด เขาแค่นเสียงเหอะ บอกว่า “ข้าไม่ได้ฝึกวรยุทธ์เสียหน่อย ข้าไม่ธาตุไฟเข้าแทรกหรอก”

ฟู่เสวี่ยเยียนกระชากคอเสื้อเขา ตวาดเบาๆ “เหตุใดเจ้าจึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง”

ใต้เท้าเจ้าสำนักถูกท่าทางเย็นชากะทันหันของนางทำให้นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แต่หลังจากกะพริบตาปริบหนึ่งก็ส่งไหในมือให้ “ให้เจ้า น้ำผึ้งเพิ่งซื้อมา หวานมากนะ”

ฟู่เสวี่ยเยียนปล่อยเขา “เจ้าเก็บไว้กินเองเถอะ ข้าไม่เอา”

ใต้เท้าเจ้าสำนักตอบว่า “ข้ามีของตัวเองแล้ว ข้าซื้อมาหลายไห เจ้าตัวเล็กพวกนั้นคนละไห เจ้าหนึ่งไห ข้าหนึ่งไห”

ฟู่เสวี่ยเยียนไม่รักษาน้ำใจแม้แต่น้อย “ข้าขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ข้าไม่ชอบเจ้า หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องมาตามตื๊อข้าอีก!”

“ผู้ใดมาตามตื๊อเจ้า” ใต้เท้าเจ้าสำนักกลอกตา “ข้าก็ไม่ชอบเจ้าเหมือนกัน!”

ฟู่เสวี่ยเยียนมองเขาอย่างเย็นชาแล้วหันหลังเดินกลับเข้าเรือน เสียงของใต้เท้าเจ้าสำนักผู้กำลังพองขนดังไล่หลัง “นี่! จะไปแล้วหรือ ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ! นี่! เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้!”

ฟู่เสวี่ยเยียนเดินกลับเข้าไปในห้องของตนเองโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง ตอนเดินผ่านประตูห้องของบุรุษผู้นั้น ชายหนุ่มก็เดินออกมาจากด้านใน เขามองฟู่เสวี่ยเยียนแล้วถามพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้ม “ช่วงที่ข้าไม่อยู่ เกิดเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้หรือไม่”

ฟู่เสวี่ยเยียนตอบอย่างเย็นชา “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ “ข้าคิดมากเกินไปหรือว่าเจ้าคิดน้อยเกินไปกันแน่”

เท้าของฟู่เสวี่ยเยียนหยุดชะงัก

ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาว่า “เจ้าคือผู้หญิงของราชาเยี่ยหลัว ร่างกายของเจ้า หัวใจของเจ้าเป็นของว่าที่ราชาเยี่ยหลัวเท่านั้น จุดจบของการทรยศราชาเยี่ยหลัว เจ้าคงรู้ดี”

ฟู่เสวี่ยเยียนเดินเข้าห้องไปโดยไม่หันกลับมามอง

ซิ่วฉินปิดประตูแล้วถือบ๊วยเปรี้ยวชามหนึ่งเข้ามาอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ทานหรือไม่เจ้าคะ”

นิ้วเรียวขาวดุจต้นหอมของฟู่เสวี่ยเยียนหยิบบ๊วยเปรี้ยวเม็ดหนึ่งขึ้นมา แต่กลับไม่ได้เอาเข้าปาก

ซิ่วฉินถามว่า “เหตุใดไม่กินเจ้าคะคุณหนู อยากเปลี่ยนรสหรือเจ้าคะ ท่านอยากกินอะไร บอกข้า ข้าจะไปสั่งให้ห้องครัวทำ”

ฟู่เสวี่ยเยียนหลุบแพขนตายาวลง “ซิ่วฉิน”

“เจ้าคะ” ซิ่วฉินเบิกตาโตมองนางอย่างสงสัย

นางสั่งว่า “เจ้าลงเขาไปซื้อของให้ข้าหน่อย”

“ซื้ออะไรเจ้าคะ” ซิ่วฉินถาม

“หงฮวา[1]” นางบอกเสียงเบา

ซิ่วฉินเปลี่ยนสีหน้าไปทันที สายตาเลื่อนไปจับตรงท้องน้อยที่ยังไม่นูนออกมาชัดนัก แล้วเอ่ยเสียงสั่น “คุณหนูท่านจะ…”

ฟู่เสวี่ยเยียนตอบด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ไปเถิด”

ซิ่วฉินจากไปอย่างเศร้าใจ

บอกตามตรง นางหวังว่าคุณหนูจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ แต่ในเวลาเดียวกันนางก็เข้าใจว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ เพราะเมื่อถูกเผ่าเยี่ยหลัวรู้เข้า คุณหนูกับเด็กจะเป็นอันตรายถึงชีวิต

ซิ่วฉินเดินออกจากหอชิงหลิว มุ่งหน้าไปยังประตูสำนักของสำนักซู่ซินจง เดินไปได้ไม่นานนัก หลินชวนก็ไล่ตามมา “น้องซิ่วฉิน!”

ซิ่วฉินผ่อนฝีเท้าลงรอเขา แล้วถามว่า “พี่ใหญ่หลินชวนมีธุระหรือ”

หลินชวนคลี่ยิ้มตอบว่า “ข้ากำลังจะลงเขาพอดี พวกเราไปด้วยกันเถิด!”

ซิ่วฉินไม่สะดวกปฏิเสธเขา จึงได้แต่ฝืนตอบว่า “ท่านจะซื้ออะไรหรือ ข้าช่วยซื้อให้ท่านด้วยดีหรือไม่”

หลินชวนตอบว่า “นั่นจะได้อย่างไรเล่า ข้าวของมากมาย เจ้าเป็นแม่นางคนหนึ่งแบกไม่ไหวหรอก!”

ซิ่วฉินรีบตอบว่า “ข้าไม่ใช่หญิงสาวทั่วไปสักหน่อย ข้าเป็นวรยุทธ์”

หลินชวนเลิกคิ้วยิ้มให้ “ต่อให้เป็นวรยุทธ์ ข้าก็รังแกเจ้าเช่นนี้ไม่ได้สิ! คุณชายให้ข้าซื้อภาพวาด ซื้อพู่กัน ซื้อหมึกแล้วก็ของกินให้เขา เจ้าเองก็ต้องช่วยคุณหนูซื้อของไม่ใช่หรือ จะแบกไหวได้อย่างไร”

ซิ่วฉินแววตาวูบไหวตอบว่า “ของที่ข้าต้องซื้อไม่มากเท่าไร”

หลินชวนถอนหายใจตอบว่า “ข้าเห็นระยะนี้คุณหนูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่ ข้างกายนางไม่มีใครคอยรับใช้ ข้าไม่ค่อยวางใจอยู่บ้าง ไม่สู้ข้าลงเขาไปซื้อของ ส่วนเจ้ากลับไปปรนนิบัติคุณหนูเถิด”

ซิ่วฉินเผยรอยยิ้มขัดเขินแล้วบอกว่า “ของที่ข้าจะซื้อเป็นของใช้ของผู้หญิง จะให้บุรุษตัวโตคนหนึ่งเช่นท่านออกหน้าได้อย่างไร”

หลินชวนจึงตอบว่า “ข้ามิใช่คนอื่นไกลเสียหน่อย ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ซื้อของให้น้องสาวนิดหน่อย มีอะไรน่าอายกัน”

ซิ่วฉินทำท่าขัดเขินและกระดากอาย “ไม่ได้ๆ มีแต่ของส่วนตัวของผู้หญิงทั้งนั้น บุรุษแตะแล้วจะโชคร้าย”

หลินชวนเกาศีรษะ “เช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ลงเขาไปด้วยกันเถิด”

ซิ่วฉินลอบร้องในใจว่าแย่แล้ว หากสลัดหลินชวนผู้นี้ไม่หลุด แล้วนางจะซื้อหงฮวาได้อย่างไร

ทั้งสองคนลงจากเขาแล้วเดินทางไปซื้อของที่เมืองหลีฮวาด้วยกัน หลินชวนตามติดซิ่วฉินตลอดเวลา ทำให้ซิ่วฉินไม่มีโอกาสเข้าไปในร้านสมุนไพรแม้แต่น้อย

“ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องซื้อของบางอย่างหรือ เหตุไฉนจึงไม่ซื้อเล่า” หลินชวนถาม

“ข้า…ข้าไม่รู้ว่าร้านผ้าร้านไหนดี” ซิ่วฉินพยายามตอบด้วยท่าทางนิ่งสงบ

หลินชวนคลี่ยิ้มชักชวน “ลองเข้าไปดูร้านนั้นเถิด!”

ซิ่วฉินหมดหนทาง ได้แต่ตามหลินชวนเข้าไปในร้านขายผ้าใกล้ๆ ร้านหนึ่ง คนที่เฝ้าร้านขายผ้าอยู่คือเถ้าแก่เนี้ยคนหนึ่ง เถ้าแก่เนี้ยเห็นชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งเดินเข้ามากับแม่นางน้อยหน้าตางดงามก็คิดทันทีว่ามีลูกค้าสูงศักดิ์เข้ามาในร้าน นางฉีกยิ้มกว้างถามทันที “ทั้งสองท่านต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

ซิ่วฉินมองหลินชวนที่อยู่ด้านข้างแล้วบีบนิ้วมือ โพล่งออกมาเสียงดัง “ข้าต้องการ…ผ้ารองระดู”

หลินชวนได้ยินคำไม่กี่คำนี้ก็หน้าแดงก่ำทันควัน

เถ้าแก่เนี้ยมองดูก็ทราบทันทีว่าทั้งสองคนรู้จักกัน นางยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม แล้วจูงมือซิ่วฉินบอกว่า “อยู่ด้านใน แม่นางเชิญตามข้าเข้ามา”

ซิ่วฉินกับเถ้าแก่เนี้ยเข้าไปภายในห้อง เถ้าแก่เนี้ยเปิดหีบใบหนึ่งแล้วหอบผ้ารองระดูที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ออกมาวางบนโต๊ะ “แม่นาง เจ้าต้องการชนิดที่ใช้ฝ้ายหรือใช้ขี้เถ้า ราคาของฝ้ายจะแพงกว่าสักหน่อย แต่ใช้สะดวกกว่าชนิดขี้เถ้า ข้าดูแล้วเจ้าคงจะมาจากตระกูลร่ำรวย มิสู้ใช้ชนิดที่ทำจากฝ้ายเถิด ร้านข้าใช้ฝ้ายใหม่ชั้นดีทั้ง…”

ซิ่วฉินชักมีดสั้นออกมาจากอกเสื้อ พาดลงบนลำคอของเถ้าแก่เนี้ย เถ้าแก่เนี้ยตกใจสะดุ้งโหยง เกือบจะกรีดเสียงร้องแล้ว แต่ซิ่วฉินปิดปากนางไว้ทัน ก่อนจะกระซิบขู่ว่า “ไม่อยากตายก็อย่าส่งเสียง!”

เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้าอย่างหวาดกลัว

ซิ่วฉินคลายมือออก ปลายมีดจ่ออยู่ที่ลำคอของนางแล้วถามว่า “ร้านของเจ้ามีประตูหลังหรือไม่”

เถ้าแก่เนี้ยยกมือชี้

ซิ่วฉินบอกว่า “ข้าจะออกไปครู่หนึ่ง เจ้าอย่าให้คนข้างนอกนั่นรู้ว่าข้าออกไป มิเช่นนั้นพอข้ากลับมา ข้าจะสังหารเจ้าเสีย!”

เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้าตัวสั่นระริก

ซิ่วฉินเก็บมีดสั้นแล้วออกไปทางประตูหลังของร้านขายผ้า ร้านขายผ้าร้านนี้ด้านหน้าเชื่อมกับถนนเส้นหนึ่ง ด้านหลังเชื่อมกับถนนอีกเส้นหนึ่ง สิ่งที่บังเอิญก็คือถนนด้านหลังไม่มีร้านยาร้านใดเลย ต้องอ้อมไปหน้าร้าน แต่ถ้าทำเช่นนั้นย่อมถูกหลินชวนพบ

ขณะที่ซิ่วฉินกำลังลังเลยากจะตัดสินใจอยู่นั่นเอง เงาร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่งก็เดินอาดๆ เข้ามาหานาง

“เอ๋ เจ้าเป็นสาวใช้ของนางยักษ์ไม่ใช่หรือ เหตุไฉนเจ้าจึงลงจากเขามาเล่า” ใต้เท้าเจ้าสำนักถามพร้อมกับสีหน้าฉงน

ไม่รอซิ่วฉินตอบ ภายในร้านก็มีเสียงหลินชวนดังขึ้น “นางเล่า”

เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะอย่างเกินจริง “คุณชายท่านนี้ รีบร้อนอะไรเช่นนี้เล่า นางไปห้องสุขา!”

ใต้เท้าเจ้าสำนักมองร้านขายผ้าด้านหลังนางแล้วถามว่า “คุณหนูของเจ้าจะซื้อเสื้อผ้าหรือ”

ซิ่วฉินสะกดความตื่นตระหนกในหัวใจแล้วบอกว่า “คุณชายรองจี ข้าไหว้วานท่านเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”

“ข้าไม่สนเรื่องของเจ้าหรอก” ใต้เท้าเจ้าสำนักตอบอย่างไม่เกรงใจสักนิด

ซิ่วฉินกระซิบเสียงเบา “เป็นเรื่องของคุณหนูของข้า นางต้องการซื้อของสิ่งหนึ่ง ท่านช่วยซื้อให้หน่อยได้หรือไม่ ประเดี๋ยวกลับไปข้าจะไปรับจากท่านด้วยตนเอง”

ใต้เท้าเจ้าสำนักเชิดคางอย่างหยิ่งยโส “นางต้องการซื้อสิ่งใด”

ซิ่วฉินทำใจแล้วตอบว่า “หงฮวา”

[1]หงฮวา คือดอกคำฝอย สรรพคุณทางยามีฤทธิ์ขับลิ่มเลือด อาจทำให้แท้งได้ แต่คำว่าหงฮวาตามตัวอักษรอาจหมายถึงดอกไม้สีแดงก็ได้