ตอนที่ 2,602 : ต้วนหลิงเทียนโมโห!
“แม่ทัพฉินอวี่”
เมื่อฉินอวี่ทักทายมา ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าทักทายกลับ
ในระหว่างเดินทางมาที่นี่เขาได้ทราบแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ฉินอวี่เบื้องหน้าคนนี้ ก็คืออดีตนายกองใต้บังคับบัญชาของเจี่ยนชิวผิง และวันนี้พอมันไปท้าเจี่ยนชิวผิงแต่อีกฝ่ายยอมแพ้โดยไม่ต้องสู้ มันก็ได้เป็นแม่ทัพคนใหม่แทนที่เจี่ยนชิวผิงทันที ส่วนเจี่ยนชิวผิงก็ลดหลั่นไปเป็นไป่ฟูฉางคนหนึ่ง…
‘ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจี่ยนชิวผิงถึงแทนตัวว่าไป่ฟูฉางตอนท้าประลองกับข้า’
หลังได้รับทราบข้อมูลเบื้องลึก ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที
“ใต้เท้าแม่ทัพ!”
“ใต้เท้าแม่ทัพ!”
…
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงทักด้วยความเคารพ
พอหันไปมองตามเสียงก็พบว่าเป็นเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาของเขาเอง ที่ตอนนี้พร้อมใจกันประสานมือโค้งคารวะทักทายด้วยท่าทีมากเคารพ
เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย
ถึงแม้เขาจะรู้อยู่ว่าการลงมือซัดไป่ฟูฉางก่อนหน้าจะทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อย
แต่เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าหลังเกิดเรื่องแล้ว ทีท่าทัศนคติของทุกคนที่มีต่อเขาจะเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ!
“นั่นน่ะเหรอแม่ทัพคนใหม ต้วนหลิงเทียน?”
“สมควรเป็นมัน เจ้าไม่เห็นหรือไรว่าทหารใต้บัญชาของอดีตแม่ทัพหวงจี่ปิ่งเริ่มคารวะทักทายมันก่อน?”
“มันไม่ใช่แค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงหรือไร หากเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง…แล้วไฉนจึงได้รับความเคารพจากผู้อื่นขนาดนี้เล่า?”
“ผู้ใดจะไปรู้…เรื่องราวบางอย่างคนนอกยากเข้าใจ รอให้มันสู้กับเจี่ยนชิวผิงก่อน ถึงตอนนั้นย่อมเห็นชัดเองว่าพลังฝีมือของมันเป็นเช่นไร”
…
เหล่าทหารที่มารวมตัวกันหนาตาภายในหุบเขาเทพสงครามตอนนี้ แต่ละคนล้วนมองพินิจต้วนหลิงเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสนใจ
เพราะนอกจากระดับสูงๆไม่กี่คนและเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาของต้วนหลิงเทียนแล้ว เหล่าทหารที่อยู่ภายในหุบเขาแทบทั้งหมดพึ่งจะเคยพบเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก
“ข้าไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นแม่ทัพคนใหม่ที่พึ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงวัน กำลังจะถูกอดีตแม่ทัพอย่างเจี่ยนชิวผิงที่พึ่งเสียตำแหน่งไปไม่ถึงวันมาต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพในฐานะไป่ฟูฉางภายในวันเดียวกัน…”
“ข้าเองก็อยากรู้จริงๆ…ว่าผู้ที่ได้รับตำแหน่งแม่ทัพมาเพราะพบเจอป้ายของอดีตแม่ทัพหวงจะอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพได้นานเท่าใด?”
“ไม่รู้ล่ะ ข้ารู้แต่การประมือกันครานี้ช่างน่าดูชมยิ่ง!”
…
สายตาขอเหล่าทหารทัพมังกรดำทั้งหลายมองต้วนหลิงเทียนได้ไม่นาน แต่ละคนก็ฉายแววตาสนใจใคร่รู้อยากชมดูการประลองเต็มที ว่าใครจะอยู่ใครจะไป!
ต้วนหลิงเทียน หรือ เจี่ยนชิวผิง
วันนี้ทั้งคู่คือตัวเอก!
“ต้วนหลิงเทียน เหลือเชื่อนักที่เจ้ามาได้…”
เจี่ยนชิวผิงที่ยืนอยู่บนสังเวียนศิลากลางหุบเขาเทพสงครามมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน ด้วยสายาตดูแคลน วาจาที่เอ่ยยังไม่ขาดการดูถูก
“ข้าหลงคิดว่าพอเจ้าได้ยินข้าท้าประลอง เจ้าจะเอาแต่หดหัวอยู่ในกระโจมทำเป็นปิดด่านบ่มเพาะเสียอีก…ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาแบบนี้!”
วาจาของเจี่ยนชิวผิงเห็นชัดว่าไม่ได้ดูดีต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย ยังปรามาสหมิ่นต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ต้องสงสัย
ทันใดนั้น
ขวับ ขวับ ขวับ ขวับ
…
ทุกสายตาของผู้คนในหุบเขาละออกจากร่างเจี่ยนชิวผิงที่พึ่งกล่าว ไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนทันที
“อย่ามโนให้มาก”
เผชิญหน้ากับการดูถูกหยันหยามของเจี่ยนชิวผิง ต้วนหลิงเทียนได้ดิ่งร่างลงมาจากข้างกายเฉินเฉวียนป้าผู้บัญชาการทัพมังกรดำ ลงไปยังลานประลองศิลายกสูงที่ตั้งใจกลางหุบเขาเทพสงคราม พลางกล่าวตอบออกไป 4 คำ!
กึก
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ร่างเขาก็มาหยุดลงกลางอากาศเหนือสังเวียน เหลือบมองเจี่ยนชิวผิงด้วยสายตาเฉยเมย
ซูว
เมื่อเห็นทีท่าทั้งวาจาที่ต้วนหลิงเทียนใช้ตอบ โดยเฉพาะสายตาเหลือบมองลงมาทำเหมือนไม่เห็นหัวตัวเองนั่น เจี่ยนชิวผิงก็มีโมโหนัก สีหน้ายังเปลี่ยนไปไม่น้อย!
ฟุ่บ!
จากนั้นร่างมันก็กระโจนขึ้นฟ้าไปทันที ค่อยหยุดลงกลางอากาศประจัญหน้ากับต้วนหลิงเทียน
ทั่วร่างของมันยามนี้ยังปะทุลุกโชนขึ้นมาด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดดั่งเพลิงไฟ พลังเอ่อล้นพร้อมปะทุ!
“ข้าไม่ทราบจริงๆว่าเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงอย่างเจ้า ไปเอาความกล้ามาแต่ที่ใดถึงกล้าพูดให้ข้าเจี่ยนชิวผิงคนนี้เลิกคิดไปเอง!”
เจี่ยนชิวผิงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงยังดุร้ายหนักแน่น
ส่วนต้วนหลิงเทียนยังคงมองเจี่ยนชิวผิงด้วยสายตาไม่แยแส คล้ายไม่ได้เห็นเจี่ยนชิวผิงอยู่ในสายตา คนลอยร่างสงบนิ่งไม่ไหวติงราวรูปปั้น
“แต่ต้องพูดเลยว่าเจ้าต้วนหลิงเทียนนับว่ามีดีอยู่ท่าสองท่าจริงๆ…อย่างน้อยในเวลาอันสั้นเจ้ากลับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าออกมาปกป้องเจ้าได้ขนาดนี้ ทำถึงขั้นกล้าให้พวกมันแพร่ข่าวลวงไปทั่ว ว่าเจ้าไม่ใช่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงธรรมดา และความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนเจ้า ยังไม่อ่อนด้อยไปกว่าข้าเจี่ยนชิวผิงผู้นี้!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่สนใจมันแม้แต่น้อย สีหน้าของเจี่ยนชิวผิงก็มืดดำราวจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก สุดท้ายมันก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“หืม?”
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของเจี่ยนชิวผิง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปวูบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเหล่าทหารกองทัพมังกรดำใต้บัญชาอย่างอดไม่ได้
เพราะเขาไม่คิดเลยว่าทหารเหลานี้จะไปทำอะไรเพื่อเขาตั้งมากมายลับหลัง
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนหันมองมา ไป่ฟูฉางที่ถูกต้วนหลิงเทียนซัดกระเด็นไปก่อนหน้า ก็ก้าวออกมาประสานมือกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเคารพว่า
“เรียนใต้เท้าแม่ทัพ วันนี้เจี่ยนชิวผิงมันขู่พวกเราทั้งค่าย ว่าจะสั่งสอนบทเรียนให้พวกเรา หลังจากที่มันเอาชนะท่านจนได้เป็นแม่ทัพของพวกเรา…”
“อย่างไรก็ตาม พวกเราเชื่อว่าใต้เท้าแม่ทัพไม่มีวันเปิดโอกาสนี้ให้แก่มันแน่!”
พูดถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของไป่ฟูฉางดังกล่าวก็แลดูตื่นเต้นไม่น้อย
“ใช่แล้ว!”
“ใต้เท้าแม่ทัพ! พวกเราเชื่อมั่นในตัวท่าน!!”
“ใต้เท้า! พวกเราเชื่อว่าท่านไม่มีวันเปิดโอกาสให้มันแทนท่านได้แน่นอน!!”
…
หลังจากที่ไป่ฟูฉางกล่าวบอกออกไป เหล่าทหารใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียนก็แลดูคึกคักขึ้นมาทันตา ต่างพากันมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความคาดหวัง รอคอยให้แม่ทัพคนใหม่ของพวกมันนำชัยกลับมา!
“พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน!”
หน้าเจี่ยนชิวผิงเปลี่ยนไปใหญ่หลวง มันถลึงตามองจ้องไป่ฟูฉางใต้บัญชาต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนของต้วนหลิงเทียนจะกล้าแฉวาจาอาฆาตที่มันลั่นไว้ก่อนหน้าออกมาตรงนี้!
ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้ผู้บัญชาการของกองทัพมังกรดำก็อยู่ที่นี่ด้วย!
ถึงแม้การลงมือทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชาเพราะความแค้นส่วนตัวจะไม่ใช่เรื่องต้องห้ามในกองทัพมังกรดำ แต่นั่นก็นับเป็นการกระทำที่ต่ำช้าไร้ยางอายสิ้นดี!
อย่างน้อยๆ หากเรื่องนี้เกิดขึ้นต่อหน้าผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำ ก็ไม่มีทางทีอีกฝ่ายจะปล่อยไปง่ายๆ!
“เจี่ยนชิวผิง!”
เป็นธรรมดาว่าหลังได้ยินวาจาของไป่ฟูฉางและเหล่าทหารใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียน ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำเฉินเฉวียนป้า ก็ชักสีหน้ามืดทะมึนขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็จ้องไปยังเจี่ยนชิวผิงอย่างคาดโทษกล่าวถามออกมาเสียงหนักว่า “ที่เหล่าทหารกล่าว…เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”
“ใต้เท้าผู้บัญชาการ…ข้าน้อยเพียงแค่ล้อพวกมันเล่นเท่านั้นขอรับ! หยอกๆขอรับ!!”
เจี่ยนชิวผิงเร่งประสานมือโค้งคารวะกล่าวตอบพลางหัวเราะฮ่าๆ เพื่อเอาตัวรอด
แต่จังหวะนี้มันรู้ดีว่าไม่อาจรอดพ้นไปได้!
เหล่าทหารใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียนนับว่าอาศัยวาจาแค่ไม่กี่คำ ก็ทำให้มันจมน้ำลายตายได้แล้วจริงๆ!
“ฮึ่ม!”
หลังเฉินเฉวียนป้าแค่นสบถออกมาเสียงเย็น มันก็มองไปยังเจี่ยนชิวผิงด้วยสายตาไร้อารมณ์ ก่อนจะหันไปเหลือบมองฉินอวี่ที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยขึ้นว่า “แม่ทัพฉินอวี่ หากวันนี้เจี่ยนชิวผิงสามารถเอาชนะแม่ทัพต้วนหลิงเทียนและชิงตำแหน่งแม่ทัพมาได้…เจ้าก็แลกเปลี่ยนสายบังคับบัญชากับมันเถอะให้เจ้าไปดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาต้วนหลิงเทียนแทน ส่วนเจี่ยนชิวผิงก็ให้มันกลับไปดูแลอดีตทหารใต้บังคับบัญชาของมันตามเดิม”
“รับทราบ! ใต้เท้าผู้บัญชาการ!”
ฉินอวี่ขานรับทันที
“นี่…ใต้เท้าผู้บัญชาการถึงกับกล่าวเตรียมไว้เช่นนี้…”
และพอเฉินเฉวียนป้าเอ่ยคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวออกมา ก็ทำให้เหล่าทหารทัพมังกรดำทั้งหลายในหุบเขาเทพสงครามอดไม่ได้ที่จะชะงักไปด้วยความอึ้งวูบหนึ่ง
“ดูเหมือนว่าการประลองชิงตำแหน่งครานี้…กระทั่งใต้เท้าผู้บัญชาการยังมองเจี่ยนชิวผิงว่ามีภาษีดีกว่า”
“นี่ยังไม่ชัดเจนหรือไร หากไม่มองว่าเจี่ยนชิวผิงมีโอกาสชนะมากกว่า ไหนเลยจะจัดแจงเรื่องหลังประลองไว้เช่นนี้แต่แรก”
“ใต้เท้าผู้บัญชาการออกคำสั่งโยกย้ายแม่ทัพฉินอวี่กับเจี่ยนชิวผิงไว้แต่แรกแบบนี้…เพราะกลัวว่าหลังเจี่ยนชิวผิงเอาชนะแม่ทัพต้วนหลิงเทียนและชิงตำแหน่งมาได้แล้ว มันจะไปรังแกเหล่าทหารใต้บัญชาด้วยความแค้นส่วนตัว…”
“ดูเหมือนว่า…ในสายตาใต้เท้าผู้บัญชาการ แม่ทัพต้วนหลิงเทียนไม่มีโอกาสชนะเลย”
“หากกระทั่งใต้เท้าผู้บัญชาการยังไม่ดูดีแม่ทัพต้วนหลิงเทียน…เช่นนั้นการประลองครานี้แม่ทัพต้วนหลิงเทียนก็ไร้ความหวังเอาชนะแล้วล่ะ…”
…
ทันทีที่วาจาสั่งการฉินอวี่ของเฉินเฉวียนป้าดังจบคำ เหล่าทหารในหุบเขาเทพสงครามแทบทั้งหมดยกเว้นเหล่าทหารใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียน ก็ล้วนฟันธงกันไปว่าต้วนหลิงเทียนต้องแพ้แน่!
หากไม่ได้เห็นการลงมืออันน่าทึ่งของต้วนหลิงเทียนมากับตา แล้วมาได้ยินวาจาสั่งการล่วงหน้าดังกล่าวของเฉินเฉวียนป้า กระทั่งเหล่าทหารใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่พ้นต้องสงสัยในพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนแน่
แต่ตอนนี้แม้พวกมันจะได้ยินวาจาของเฉินเฉวียนป้า พวกมันก็ยังคงมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน
“ด้วยพลังฝีมืออันน่าทึ่งนั่นของใต้เท้าแม่ทัพ อย่างน้อยๆก็ต้องสามารถลากถ่วงเจี่ยนชิวผิงให้ผลการประลองออกมาเป็นเสมอได้แน่นอน…เจี่ยนชิวผิงคิดเป็นแม่ทัพของพวกเรางั้นเหรอ ให้มันฝันไปเถอะ!”
“พลังฝีมือของใต้เท้าแม่ทัพ มิได้อ่อนด้อยกว่าเจี่ยนชิวผิงแน่นอน!”
…
สายตาของเหล่าทหารที่มองทอดลงบนร่างต้วนหลิงเทียนนั้นเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ไร้สั่นคลอน!
“แทนที่ข้าได้เมื่อไหร่…คิดจะสั่งสอนคนของข้างั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินวาจาที่ไป่ฟูฉางที่ตัวเองเคยซัดจนบาดเจ็บ ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง พอหันไปมองเจี่ยนชิวผิงอีกครั้งในแววตาก็เย็นชาชวนให้หนาวเหน็บนัก!
“เจี่ยนชิวผิง!
ครู่ต่อมาร่างตวนหลิงเทียนก็กระพริบวาบคนคล้ายภูตผีไต่บันไดเมฆเหินขึ้นไปบนฟ้าสูงในชั่วพริบตา!
ขณะเดียวกันเมื่อเหลือบมองลงมายังร่างเจี่ยนชิวผิงอีกครั้งด้วยสายตาเยียบเย็น เขาก็เอ่ยคำออกมาด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
“ข้าจะให้เวลาเจ้า 3 ลมหายใจ…เจ้าสามารถลงมือด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามีได้เต็มที่”
“และหลังจากครบสามลมหายใจแล้ว หากข้าลงมือเอาชนะเจ้าไม่ได้ในกระบวนท่าเดียว…ตำแหน่งแม่ทัพของกองทัพมังกรดำ ข้าต้วนหลิงเทียนไม่คิดเป็น!”
เสียงกล่าวคำของต้วนหลิงเทียนรอบนี้ช่างเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกนัก บรรยากาศโดยรอบคล้ายเย็นลงหลายองศา พาลให้เหล่าทหารกองทัพมังกรดำทั้งหลายรู้สึกเสมือนเหมันตฤดูมาเยือน…
และหลังต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ
ทั้งหุบเขาเทพสงครามก็จมลงสู่ความเงียบงัน!