ตอนที่ 2,603 : พลองทลายขุนเขาลำน้ำ
“เจี่ยนชิวผิง…”
“ข้าจะให้เวลาเจ้า 3 ลมหายใจ…เจ้าสามารถลงมือด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามีได้เต็มที่”
“และหลังจากครบสามลมหายใจแล้ว หากข้าลงมือเอาชนะเจ้าไม่ได้ในกระบวนท่าเดียว…ตำแหน่งแม่ทัพของกองทัพมังกรดำ ข้าต้วนหลิงเทียนไม่คิดเป็น!”
…
เสียงอันเย็นยะเยือกของต้วนหลิงเทียน พอดังออกมา…ทั่วทั้งหุบเทพสงครามก็ตกอยู่ในความเงียบงัน!และประโยคดังกล่าวยังคงดังก้องในหูของผู้คนในหุบเขาเทพสงครามอยู่หลายรอบ ราวกับเล่นข้อความเสียงที่บันทึกเอาไว้…!!
ไม่ว่าจะผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำเฉินเฉวียนป้า ไป่ฟูฉางอย่างเจี่ยนชิวผิงที่เป็นตัวเอกของวัน รวมถึงคนอื่นๆในที่นี้ ล้วนถูกคำพูดของต้วนหลิงเทียนทำให้ตกตะลึงอยู่นาน…
นั่นเพราะวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนน่ากลัวเกินไป
‘แม่ทัพต้วนหลิงเทียนผู้นี้…หรือข้าจะประเมินมันต่ำไป?’
เฉินเฉวียนป้าเป็นคนแรกที่ดึงสติกลับคืนได้สำเร็จ มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาอดไม่ได้ที่ฉายแสงประหลาดใจเจือไว้ด้วยความไม่มั่นใจประการหนึ่ง
ในฐานะที่มันเป็นถึงผู้บัญชาการของกองทัพมังกรดำ สายตามองคนของมันย่อมไม่ต่ำทราม!
ถึงแม้จากที่ต้วนหลิงเทียนแสดงออกมาทั้งหมดจะแลดูหยิ่งยโสถือดี แต่พอมันสังเกตต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียด จึงพบว่า…
ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนเสมือนแผ่พุ่งความมั่นใจอันแรงกล้าถึงที่สุดออกมา!
และความมั่นใจในตัวเองสูงล้ำถึงระดับนี้ ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะมีได้!
และเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าผู้ชมชอบเสแสร้งวางมาดยอดฝีมือลึกลับจะทำได้!!
นี่คือการประเมินของเฉินเฉวียนป้า
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ฮ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
ในขณะเดียวกันกับที่เฉินเฉวียนป้าเริ่มหยีตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย เจี่ยนชิวผิงที่พึ่งฟื้นคืนสติก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเป็นบ้าเป็นหลัง ทำราวกับมันพึ่งได้ยินเรื่องชวนหัวครั้งยิ่งใหญ่ในโลก!
ด้วยเสียงหัวเราะลั่นของเจี่ยนชิวผิง ผู้คนในหุบเขาเทพสงครามก็พอได้ดึงสติกลับคืนมาเช่นกัน
“แม่ทัพต้วนหลิงเทียนผู้นี้…ไม่คิดเลย…ว่าอยู่ๆกลับกล่าววาจาออกมากับการเอาชนะเจี่ยนชิวผิงมันกระทำได้ง่ายๆ…จ้าวสวรรค์ช่วยนี่ใช่ล้อกันเล่นอยู่หรือไม่?”
“เหอๆ เอาชนะเจี่ยนชิวผิงในกระบวนท่าเดียว? ข้าเกรงว่าเรื่องแบบนั้นคงมีแต่ใต้เท้าผู้บัญชาการคนเดียวที่ทำได้มิใช่หรือ?”
“เหอะๆ…หากมันมีพลังฝีมือสูงส่งถึงระดับนั้นจริง แล้วมันจะมาเป็นแม่ทัพของกองทัพมังกรดำพวกเราทำอะไร?”
“ข้าเชื่อว่า…สิบในสิบมันสมควรเสแสร้งแสดงลึกลับ หมายใช้จิตวิทยาเล่นงานเจี่ยนชิวผิงให้บังเกิดความหวั่นไหว!”
“ใช้จิตวิทยาจู่โจมหรือ? แต่ดูจากทีท่าของนายกองเจี่ยนชิวผิงแล้ว เหมือนมิได้สะทกสะท้านอันใดเพราะวาจามันเลย”
…
เหล่าทหารของกองทัพมังกรดำเริ่มจ้อเรื่องนี้กันยกใหญ่ ทั้งหมดรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนกำลังคุยโวโอ้อวด เป็นวาจาผายลมอันเหลวไหล ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือสูงส่งถึงขั้นเอาชนะเจี่ยนชิวผิงได้ในกระบวนท่าเดียวอย่างที่พูด
“ใต้เท้าแม่ทัพ นี่มัน…”
“ถึงแม้ข้าจะเชื่อว่าพลังฝีมือของใต้เท้าแม่ทัพเรามิได้ด้อยไปกว่าเจี่ยนชิวผิง…แต่คิดจะเอาชนะเจี่ยนชิวผิงได้ในกระบวนท่าเดียว ดูเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้เลยมิใช่หรือ?”
“ไฉนใต้เท้าแม่ทัพถึงกล่าวเช่นนั้นออกมากัน หากมิสามารถสยบเจี่ยนชิวผิงได้ในกระบวนท่าเดียว ก็จักละทิ้งตำแหน่งแม่ทัพเลย? หรือใต้เท้าแม่ทัพมิอยากเป็นแม่ทัพของพวกเราแต่แรก…”
…
จังหวะนี้กระทั่งเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาของต้วนหลิงเทียน ก็ตกใจกับคำพูดเขาไม่น้อย
ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีความเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียน และเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางแพ้เจี่ยนชิวผิงแน่ๆ
แต่พวกมันไม่เคยคิดเคยฝัน
ว่าต้วนหลิงเทียนจะอาศัยเพียงหนึ่งกระบวนท่าเอาชนะเจี่ยนชิวผิงได้!
หากเจี่ยนชิวผิงเป็นแค่ไป่ฟูฉางธรรมดาที่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตจินเซียน ด้วยพลังฝีมือของแม่ทัพคนใหม่ของพวกมันคนนี้ พวกมันเชื่อว่าสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ในกระบวนท่าเดียวจริงๆ…
แต่ปัญหาก็คือเจี่ยนชิวผิงนั่นไม่ใช่แค่ไป่ฟูฉางธรรมดา! แต่ยังเป็นถึงผู้เข้มแข็งขอบเขตจินเซียน และยังดำรงตำแหน่งแม่ทัพในกองทัพมังกรดำของพวกมันมานานแล้ว!!
ตัวตนเช่นนี้ มองไปทั่วทั้งกองทัพมังกรดำ เกรงว่าคงมีแต่ผู้บัญชาการแห่งกองทัพมังกรดำคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถสยบได้ในกระบวนท่าเดียว!
“หยิ่งนัก!”
“ข้าคิดว่าไอ้หนูนี่มันเสียสติไปแล้ว!”
ในบรรดาแม่ทัพทั้ง 4 ของกองทัพมังกรดำด้านหลังเฉินเฉวียนป้า นอกจากฉินอวี่กับจ้าวต่งชิ่งที่ย่นคิ้วเล็กน้อย ด้านหู่จี๋กับไช่เหวินอวี้ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่าอย่างอดไม่ไหว!
ตั้งแต่วินาทีที่รับทราบว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนยังเป็นเพียงเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง พวกมันก็ดูแคลนต้วนหลิงเทียนจากก้นบึ้งของใจ
มาตอนนี้ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ต้วนหลิงเทียนกลับพูดว่าจะสยบเจี่ยนชิวผิงในท่าเดียว…
พวกมันย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมชาติ!
ในสายตาของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่ได้แค่หยิ่งยโสถือดี แต่ถึงขั้นเสียสติไปแล้ว!!
“ต้วนหลิงเทียน!”
ขณะเดียวกันนั้น ในที่สุดเสียงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังของเจี่ยนชิวผิงก็หยุดลง และพอมันมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ลูกตาก็เผยประกายวูบวาบกล่าวออกด้วยวาจาดูถูกน้ำเสียงหยันหยาม “อาศัยเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงกระจอกๆเช่นเจ้า ยังต้องให้ข้าใช้ออกด้วยทุกสิ่งที่มีเต็มที่อีกงั้นหรือ?”
“เหอะ! ข้าใช้พลังแค่ครึ่งเดียวก็ฆ่าเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงเช่นเจ้าให้ตกตายได้ง่ายๆ!”
กล่าวสิ้นคำ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่โคจรสั่งสมอยู่ในร่างของเจี่ยนชิวผิงก็ปะทุออกมาทันที ประหนึ่งมังกรติดบ่วงที่พึ่งสลัดหลุด ปะทุพลังชั่วชีวิตโจนทะยานออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!
“ต้วนหลิงเทียนข้ามิจำเป็นต้องใช้ศาสตราอมตะอันใด…อาศัยแค่พลองพลังมีสภาพก็เอาชนะเจ้าได้!”
เจียนชิวผิงคำรามออกมาดังลั่น พร้อมกันนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมัน ก็ระเบิดออกมาอีกครา ส่งร่างของมันให้ทะยานขึ้นไปบนฟ้า!
ตอนนี้เองพลังเซียนอมตะที่พึ่งระเบิดออกมาจากร่างของมันก็ได้ควบแน่นกลายเป็นปีกคู่หนึ่ง!
เป็นเวทย์พลังเสริมท่าร่างที่มันเชี่ยวชาญ!
ส่วนวรยุทธ์ท่าร่างหรือเวทย์พลังสนับสนุนมันไม่ได้ใช้ออก เพราะมันคิดว่าไม่จำเป็น
วูว! วูว! วูว! วูว! วูว! วูว!
…
ท่ามกลางความว่างเปล่าบังเกิดเสียงราวกับภูตผีโหยหวนหมาป่าร้องครวญดังขึ้น!
มองไปพบว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างของเจี่ยนชิวผิงที่ปะทุออก ได้หลั่งไหลไปยังฝ่ามือ ก่อนที่จะควบแน่นผนึกสร้างพลองยาวมีสภาพขึ้นมาเล่มหนึ่ง มันหมุนควงพลองเป็นวงฉับไวปานจักรผันเร่งเร้าสภาวะพลังถึงขีดสุด!
เห็นได้ชัดว่าอาวุธที่เจี่ยนชิวผิงเชี่ยวชาญนั้นก็คือพลอง!
“พลองทลายขุนเขาลำน้ำ!!”
ในขณะที่เจี่ยนชิวผิงตะโกนออกกมาดังลั่น มันก็อยู่ห่างจากต้วนหลิงเทียนแค่ไม่กี่ช่วงตัวแล้ว!
และหากคิดจะบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียนล่ะก็ อาศัยความเร็วระดับนี้ของมัน ก็คงใช้เวลาเพียงเสี้ยวพริบตาเท่านั้น!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
ในเวลาเดียวกันกับที่เจี่ยนชิวผิงตะโกนกู่ร้องดังลั่น พลองที่สร้างขึ้นจากการควบแน่นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมัน หลังหมุนควงเร่งเร้าสภาวะถึงขีดสุด มันก็ฟาดทุบไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยพลังอำนาจมหาศาล ประหนึ่งจะทลายสิ้นทั้งขุนเขาลำน้ำ!!
“ด้วยพลังที่เจี่ยนชิวผิงใช้ออกยามนี้ มากพอทุบตีเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงให้สิ้นท่าได้ง่ายดาย!”
“พลองของเจี่ยนชิวผิงนั้นเต็มไปด้วยพลังจากวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลัง…เรียกว่า พลองทลายขุนเขาลำน้ำ ที่มันฟาดออกมาครานี้ได้ผสานไว้ด้วยวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังจู่โจมที่มันแตกฉานแล้วจริงๆ แม้จะใช้พลังแค่ครึ่งเดียวก็มิอาจประมาทได้!”
ด้านหลังผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำเฉินเฉวียนป้า แม่ทัพหู่จี๋และแม่ทัพไช่เหวินอวี้ มอไปยังเจี่ยนชิวผิงที่โจนทะยานขึ้นฟ้า ทั้งฟาดพลองเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะพลังแกร่งกร้าว แววตาของพวกมันก็ฉายแววสนุกสนานเจืออำมหิตออกมา!
ทำราวกับวินาทีนี้มันได้เห็นฉากที่ต้วนหลิงเทียนถูกทุบตีจนพิการอย่างไรอย่างนั้น!
‘ให้ข้าดูชมทีเถอะ…ว่าไฉนเจ้าถึงกล้าพูดว่าสามารถเอาชนะเจี่ยนชิวผิงได้ในกระบวนท่าเดียว…’
เฉินเฉวียนป้าลอบกล่าวในใจ สองตามองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนไม่วาง
เพราะในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนยังแลดูไม่อีนังขังขอบ สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว ถึงการลงมือครานี้ของเจี่ยนชิวผิงจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดก็ตามที…
ทำราวกับการโจมตีของเจี่ยนชิวผิงที่ฟาดออกไปอย่างน่ากลัวนั่น ไม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“หืม?”
ในห้วงเวลาพริบตาดุจฟ้าแลบ เฉินเฉวียนป้าที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา พลันเห็นว่าแววตาของต้วนหลิงเทียนพลันเปลี่ยนไป ประกายเยียบเย็นเรืองสว่างออกมาวาบหนึ่ง!
และในห้วงเวลานี้ พลองอันควบแน่นขึ้นมาจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเจี่ยนชิวผิงที่ฟาดออกมาด้วยกระบวนท่าพลองทลายขุนเขาลำน้ำ ก็เจียนบรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียนเข้าไปทุกขณะ…
แต่พอมันอยู่ห่างจากร่างต้วนหลิงเทียนไม่ก้าว…
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
ทันใดนั้นเสียงแหวกอากาศเสียดหูพลันปะทุขึ้นถี่ยิบ! ฟังแล้วประหนึ่งมีกระบี่นับพันกรีดฟ้าอย่างพร้อมเพรียง!!
และภายใต้สายตาของทุกคน ทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนนั้นปรากฏรังสีกระบี่แผ่พุ่งออกมาพร่างพราว เรียกว่าราวกับรังสีกระบี่เหล่านี้มันพุ่งออกมาจากรูขุมขนต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน มองไปอย่างต่ำก็นับพันเล่ม!!
ในขณะที่ทุกสายตาของผู้คนในหุบเขาเทพสงครามถูกประกายจากรังสีกระบี่ที่อุบัติขึ้นในฉับพลันของต้วนหลิงเทียนสะกดนั้น
ตูมมมมม!!
เสียงหนึ่งพลันระเบิดดังขึ้น! ฟังแล้วประหนึ่งมีผู้คนนำกลองศึกมาตีอยู่ข้างหูก็ไม่ปาน!!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
ทันใดนั้นเองอากาศกลับกลายเป็นวิปริต! เสียงระเบิดดังถี่ยิบปานฟ้าคะนอง ทั่วทั้งหุบเขาเทพสงครามถูกสายลมคลั่งดั่งมหาพายุกวาดซัดไปทั่ว เหล่าทหารกองทัพมังกรดำที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยจำต้องหดหยีหรี่ตา
ต่อมาภายใต้สายตาของทุกคน ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยามนี้ใต้ฝ่าเท้าของต้วนหลิงเทียนกลับมีกระบี่ขนาดใหญ่แลดูไม่ธรรมดาเล่มหนึ่ง!!
กระบี่ขนาดใหญ่เล่มนี้ สร้างขึ้นจากรังสีกระบี่นับพัน! พวกมันลอยอยู่ใต้ฝ่าเท้าต้วนหลิงเทียนดั่งกำแพงแกร่ง หยุดยั้งพลองเจี่ยนชิวผิงที่ฟาดมาด้วยสภาวะพลังอันน่ากลัวได้ชะงัดงัน!!
กระทั่งท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน เจี่ยนชิวผิงที่ฟาดทุบพลองถูกกระบี่เล่มเขื่องของต้วนหลิงเทียนนั้น ถึงกับมือสั่นระริก!
“อั๊ค!!”
จากนั้นคล้ายพบพานกับพลังสะท้อนสุดต้านทาน พลองของเจี่ยนชิวผิงพลันกระเด้งออกมาอย่างแรง กระทั่งร่างของมันยังไม่ต่างจากถูกพลังซัดกระแทกเข้าให้! คนปลิดปลิวออกมาราวลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร กระอักเลือกทิ้งไว้เป็นทางอย่างน่าสังเวช!!
เรียกว่ากลางอากาศอุบัติบุปผาโลหิตเบ่งบานวูบหนึ่ง ก่อนแตกซ่านกระเซ็นส่องแสงระยิบระยับงดงามพิกล!
“สารเลวต้วนหลิงเทียน! ข้าจะตีเจ้าให้ตาย! พลองหน้าข้าจะตีเจ้าให้ตาย!!”
ในขณะที่ทุกคนำลังตกตะลึงกับฉากเรื่องราวตรงหน้า เจี่ยนชิวผิงที่หยุดร่างลงกลางหาวหลังปลิดปลิวละลิ่วออกมาได้แล้ว ก็แผดเสียงจากส่วนลึกของลำคอ คำรามออกมาอย่างอำมหิต!
ในแววตาคล้ายมีเปลวเพลิงแห่งโทสะอันอัปยศอดสูลุกโชนขึ้นเร่าๆ ราวกับพร้อมจะแผดเผาสรรพสิ่งให้มอดไหม้!
วูว! วูว! วูว! วูว! วูว! วูว!
…
เสียงประหนึ่งภูตผีโหยหวนหมาป่าคร่ำครวญดังขึ้นอีกรอบ!
ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!
…
เมื่อเจี่ยนชิวผิงลงมืออีกครั้ง คราวนี้มันหาได้ควบสร้างพลองขึ้นจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดแล้วไม่ มันกลับเรียกศาสตราอมตะประเภทพลองออกมาทั้งยังสำแดงเวทย์พลังสนับสนุนที่ไม่ได้ใช้ก่อนหน้า ยกระดับพลังในร่างให้บรรลุถึงจุดสูงสุด!
พลองทะลายขุนเขาลำน้ำ!!
เป็นกระบวนท่าเดียวกันกับก่อนหน้า แต่ครานี้พลังอานุภาพแตกต่างกันหลายขุม!!
เพราะคราวนี้ไม่เพียงแต่เจี่ยนชิวผิงจะลงมือออกด้วยพลังเต็มสิบส่วน มันยังได้ใช้ยอดสมบัติสวรรค์ ทั้งเวทย์พลังสนับสนุน! พาลให้พลองในมือของมันบังเกิดรังสีพลังฉาบเคลือบ จนแสงพลังทอประกายสว่างไสวยังสาดส่องออกไปเป็นทางปานจะเชื่อมฟ้าดิน!
พลองฟาดแหวกฟ้าผ่าอากาศออกมาด้วยสภาวะพลังเกรี้ยวกราดรุนแรง! ประหนึ่งจะทำลายโลกให้แหลกได้ในหนึ่งฟาด!!
ตูมมมมมมมม!!
ในที่สุดพลองอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังสภาวอันรุนแรงที่สุดเท่าที่มันจะกระทำได้ก็ฟาดทุบลงบนกระบี่เล่มเขื่องใต้เท้าต้วนหลิงเทียนที่เป็นดั่งปราการแกร่งอีกครา!
ทันใดนั้นพลังอำนาจของกระบวนท่าทลายขุนเขาลำน้ำพลันปะทุระเบิดออกมาอีกครั้ง!!
แน่นอนว่าหากเทียบกับก่อนหน้า พลังทำลายจากกระบวนท่าทลายขุนเขาลำน้ำพลองนี้ ทวีความรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า!!