ตอนที่ 342 สวินหลันแท้งลูก
ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนตกใจกันยกใหญ่ ผู้ใดจะคิดว่าอยู่ดีๆ สวินหลันจะถูกโจวมามาชนตกบันไดไปได้ ช่างเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเอาเสียเลย
หลังจากโจวมามาชนสวินหลันแล้ว ตัวนางเองก็ยืนไม่อยู่ กลิ้งหลุนๆ ลงไปเหมือนกัน นางคิดอยากจะช่วยกันให้สวินหลัน แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด นายบ่าวทั้งสองล้มแผละอยู่บนพื้นไม้อันเย็นเยียบ
กว่าจีซั่งชิงจะตั้งสติได้และวิ่งเข้าไปถึงตัวสวินหลันก็สายไปเสียแล้ว เขาเห็นภาพที่สวินหลันกลิ้งตกบันไดเต็มสองตา ท่าทางนางเจ็บปวดจนหน้าขาวซีด ตัวม้วนขดแทบจะเป็นวงกลม
จีซั่งชิงวิ่งลงไป ประคองตัวสวินหลันไว้ในอ้อมแขน “สวินหลัน…สวินหลัน!”
สวินหลันหน้าตาขาวซีด ใช้แรงที่เหลือเพียงน้อยนิดกำเขนเสื้อเขาเอาไว้
เขารู้ว่าคนในอ้อมแขนอยากพูดอะไร จีซั่งชิงเลยคลำไปที่ชายกระโปรงของนาง แต่กลับสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นอุ่นๆ พอเขายกมือขึ้นมองก็ถึงกับตาค้างไปทันที…
จีซั่งชิงอุ้มสวินหลันขึ้นมาแล้ววิ่งเร็วจี๋ไปที่เรือนหลีฮวา
เฟิ่งชิงเกออยากตามไปสังเกตการณ์ด้วยแต่ถูกเฉียวเวยขวางไว้ เฟิ่งชิงเกอเลยบ่นกระปอดกระแปดว่า “คนประเภทเดียวกับข้าบาดเจ็บเสียแล้ว ข้าอยากไปดูสักหน่อย!”
เฉียวเวยเลยบอกว่า “เจ้าไม่ใช่ดอกโบตั๋นหรอกหรือ? ดอกหญ้านั่นเป็นประเภทเดียวกับเจ้า?”
เฟิ่งชิงเกอเลยกรอกตามองฟ้า
เรื่องสนุกเช่นนี้เฟิ่งชิงเกอคงไม่ได้ไปร่วมชมด้วยแล้ว ถึงอย่างไรการวางตัวก็ยังต้องมี ดอกโบตั๋นที่ไม่เกลือกกลั้วกับคนทั่วไปจะไปสนใจใยดีความเป็นอยู่ของนางมารร้ายได้อย่างไร เฟิ่งชิงเกอเสียใจนักที่เติมบทประเภทนี้ให้ตนเอง ถ้ารู้แต่แรกนางคงบอกว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมไปแล้ว!
เฟิ่งชิงเกอกลับเรือนถงไปด้วยความจนใจ เฉียวเวยสั่งให้จางมามาจัดการทำความสะอาดจุดเกิดเหตุให้เรียบร้อย
จางมามามองโจวมามาที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นแล้วพูดเสียงสั่นว่า “ฮูหยินน้อย นาง…นางเล่า จะทำอย่างไร”
เฉียวเวยจัดแต่งแขนเสื้อเล็กน้อยขณะเอ่ยอย่างไม่เร่งร้อนว่า “ก็ต้องให้นางอยู่ไปก่อนน่ะสิ ไม่ได้ยินที่สวินซื่อขอร้องแทนนางเมื่อครู่หรือ”
ตั้งแต่นางแต่งงานเข้าตระกูลจีมา หญิงรับใช้แซ่โจวผู้นี้สร้างปัญหาให้สวินหลันมามากน้อยเพียงใด พรรคพวกที่โง่เขลาเช่นนี้นางจะทำใจกำจัดนางไปได้อย่างไร เก็บไว้สร้างปัญหาให้สวินหลันเพิ่มดีกว่า!
เฉียวเวยเดินนำปี้เอ๋อร์ไปที่เรือนหลีฮวา
ระหว่างทางปี้เอ๋อร์เอาแต่พูดไม่หยุด “ฮูหยิน ท่านว่าแม่นางแซ่สวินตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น เด็กในท้องยังจะรักษาไว้ได้หรือไม่”
เฉียวเวยตอบเสียงเรียบว่า “เรื่องนี้คงต้องแล้วแต่บุญกรรมของนางแล้ว”
เดิมทีสุขภาพร่างกายของสวินหลันก็ไม่นับว่าดีนักอยู่แล้ว ได้ยินว่าครานั้นตอนตั้งท้องหลิวเกอร์ก็หนักหนาเอาการอยู่ แทบจะต้องเอาชีวิตเข้าแลกถึงจะคลอดหลิวเกอร์ออกมาได้ แล้วหลังจากนั้นนางก็ไม่ตั้งท้องอีกเลยมาตลอดหลายปี การที่สตรีในบ้านตระกูลใหญ่มีปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์นั้น โดยมากมักเกิดจากการที่สามีมีอนุมากเกินไป ไม่ค่อยให้เวลากับภรรยาเอก แต่สวินหลันกลับไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ จีซั่งชิงกับนางแต่งงานกันหลายปี เขามีนางเพียงคนเดียวมาตลอด เรียกได้ว่าได้รับความรักอย่างมากทีเดียว
ในสถานการณ์เช่นนี้ กว่านางจะตั้งครรภ์ยังเพิ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ถึงแม้จะตั้งครรภ์แล้วแต่กลับมีบางอย่างไปกระตุ้นทำให้แท้งไป ครั้งนั้นไม่มีใครทำอะไรนางเลยจนนิดเดียว
หลังจากแท้งบุตร เดิมทีควรจะบำรุงร่างการก่อนสักปีหรือครึ่งปี แต่นางกลับตั้งครรภ์อีกครั้งหลังจากผ่านไปไม่ถึงสี่เดือน ว่ากันตามจริงแล้วการที่นางสามารถระหกระเหินมาถึงเมืองหลวงได้ เฉียวเวยก็รู้สึกอัศจรรย์ใจมากแล้ว
ถึงแม้เฉียวเวยจะเดาไม่ออกทั้งหมดแต่ก็คงไม่หนีไปจากนี้มากนัก ท้องนี้ของสวินหลันนั้นไม่ง่ายเลย จะรักษาให้ดีก็ยิ่งไม่ง่าย ไม่รู้ว่ากินยาสงบครรภ์เข้าไปเท่าไรถึงรักษามาได้จนถึงตอนนี้ แต่เมื่อครู่ที่ล้มลงไปนั้น ความพยายามกว่าครึ่งปีของนาง….สูญสิ้นแล้ว
เรือนหลีฮวาอยู่ไม่ไกลจากบ้านชิงเหลียน ตอนผ่านบ้านชิงเหลียนย่อมต้องผ่านเรือนของอาจารย์ตาฮั่ว เฉียวเวยนึกขึ้นได้ว่าอยากให้อาจารย์ตาฮั่วไปรับคุณชายรองกับฟู่เสวี่ยเยียน เลยเข้าไปบอกกล่าวกับอาจารย์ตาฮั่วสักหน่อย
อาจารย์ตาฮั่วออกไปโดยใช้วิชาตัวเบา เฉียวเวยไม่มีทางยอมรับว่าที่นางตัดต้นไม้ที่เขียวชะอุ่มภายในเรือนออกไปจนเกือบโกร๋นนั้นเพื่อไม่ให้อาจารย์ตาฮั่วไปติดต้นไม้เข้าอีก
หลังจากอาจารย์ตาฮั่วไปแล้วเฉียวเวยก็เดินออกจากเรือน ตอนกำลังก้าวข้ามธรณีประตู สาวใช้จากเรือนหลีฮวาก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน “ฮูหยินน้อย อาการของฮูหยินดูจะไม่สู้ดี นายท่านให้ท่านรีบไปช่วยดูเจ้าค่ะ!”
เฉียวเวยพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”
สาวใช้เห็นทั้งเฉียวเวยทั้งปี้เอ๋อร์ไปกันตัวเปล่าจึงพูดขึ้นทันทีว่า “บ่าวไปเอากระเป๋าเครื่องมือท่านมาให้นะเจ้าคะ!”
เฉียวเวยบอกสบายๆ ว่า “ไม่ต้องหรอก”
“เจ้าคะ?” สาวใช้อึ้งไป
เฉียวเวยเลยบอกว่า “คงจะไม่ได้ใช้”
สาวใช้เข้าใจเอาเองว่าเฉียวเวยคงไม่ต้องใช้กระเป๋านั้นก็สามารถรักษาสวินซื่อได้ นางนึกเลื่อมใสฮูหยินน้อยในใจ แล้วรีบเดินตามเฉียวเวยเข้าไปในเรือนหลีฮวา
สวินหลันถูกจีซั่งชิงอุ้มมาวางลงบนเตียง ด้วยความเจ็บปวดสีหน้านางจึงขาวซีด เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าที่มักเรียบเฉยไม่มีความกังวลใดสามารถทำอะไรนางได้อยู่เป็นนิจ เวลานี้กลับไม่อาจรักษาไว้ได้อีก นางคว้ามือจีซั่งชิงไว้คล้ายกำลังจับยอดหญ้าต้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตนางได้ “ช่วย…ลูก…”
จีซั่งชิงจับมือนางพร้อมเอ่ยปลอบว่า “แน่นอน…ข้าจะต้องช่วยเขา…เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ…อีกเดี๋ยวเสี่ยวเวยก็มาแล้ว…”
เฉียวเวยเลิกผ้าม่านเข้ามา “ท่านพ่อ”
จีซั่งชิงรีบสละที่ของตนให้ ในขณะที่กำลังจะปล่อยมือสวินหลันนั้นกลับถูกสวินหลันจับมือไว้ไม่ยอมปล่อย สายตาระแวดระวังของสวินหลันหยุดมองเฉียวเวยขณะพูดออกมาทีละคำว่า “ข้า…ไม่อยากให้นางตรวจ”
จีซั่งชิงอึ้งไป
สีหน้าของเฉียวเวยไม่สะทกสะท้านสักนิดและไม่มีแววขุ่นเคืองจากการถูกปฏิเสธด้วย สายตาราบเรียบประหนึ่งผิวน้ำที่ไร้ซึ่งระลอกคลื่น มองคนบนเตียงนิ่งๆ พร้อมบอกว่า “ไม่อยากให้ข้าตรวจ เช่นนั้นก็คงไม่อยากให้ท่านหมอจากหอหลิงจือช่วยดูอาการให้เช่นกันกระมัง เช่นนี้แล้วข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”
“เสี่ยวเวยช้าก่อน” จีซั่งชิงเรียกเฉียวเวยไว้แล้วหันไปบอกสวินหลันว่า “เจ้าอย่าเอาแต่ใจสิ เสี่ยวเวยไม่ทำร้ายเจ้าหรอก เจ้าให้นางตรวจเถิด”
สวินหลันกลับดื้อรั้น “ข้าไม่อยากให้นางตรวจ”
เฉียวเวยก็ไม่อยากต้องรับผิดชอบหากนางเป็นอะไรไปเช่นกัน เช่นนี้ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เฉียวเวยเดินออกจากเรือนหลีฮวา
ปี้เอ๋อร์เห็นฮูหยินของตนออกมาเร็วเพียงนี้ก็นึกตกใจ “นี่รักษาหายแล้วหรือ? หรือว่ารักษาไม่หายเจ้าคะ”
เฉียวเวยเอ่ยเรื่อยๆ ว่า “ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง คนเขาไม่เชื่อใจในฝีมือข้า ไม่ยอมให้ข้าตรวจให้”
ปี้เอ๋อร์เดอะลิ้น “นางเสียสติไปแล้วกระมัง ทั่วทั้งเมืองหลวงยังมีผู้ใดฝีมือการแพทย์ดีไปกว่าฮูหยินอีกหรือ หากฮูหยินรักษาลูกนางเอาไว้ไม่ได้ก็คงไม่มีใครรักษาไว้ได้แล้ว!”
เฉียวเวยเอ่ยเสียงเรียบ “บางทีอาจจะไม่ได้หนักหนามากก็ได้ เป็นใครมาก็คงรักษาไว้ได้ทั้งนั้น”
“จริงหรือเจ้าคะ” ตากลมของปี้เอ๋อร์เบิกโต
เฉียวเวยกลับเพียงยิ้มบางๆ ไม่พูดอะไรอีก
ไม่เท่าไร ท่านหมอหลูก็ได้รับเชิญมา เขาตรวจโรคให้บ้านตระกูลจีมานานหลายปี นับว่าเป็นหนึ่งในคนที่สวินหลันไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดคนหนึ่ง
หลังจากท่านหมอหลูเข้าไปแล้วก็รีบตรวจชีพจรให้สวินหลัน พอได้จับชีพจรสีหน้าเขาดูหนักอึ้ง
จีซั่งชิงรีบถามว่า “ท่านหมอหลู นางเป็นอย่างไรบ้าง”
ท่านหมอหลูลุกขึ้นประสานมือตอบ “ขอเชิญนายท่านจีออกไปก่อน ข้าขอตรวจให้ละเอียดอีกสักนิด”
จีซั่งชิงสูดหายใจเขาลึกๆ ทีหนึ่งก่อนจะเดินหน้าเครียดออกไป
ท่านหมอหลูหยิบยาสงบครรภ์จากในกระเป๋ามาให้นางกินก่อนแล้วจึงเลิกผ้าห่มขึ้น พอเห็นเลือดคาวๆ สีแดงฉานก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที
สวินหลันมองเขาอย่างอ่อนแรง ใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดบอกเขาว่า “รักษา เขา ไว้!”
ท่านหมอหลู “ร่างกายของเจ้าในตอนนี้ ทางที่ดีอย่าเก็บไว้จะดีกว่า”
สวินหลันคว้าข้อมือท่านหมอหลูไว้ ทั้งๆ ที่หมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้วแต่นางยังบีบจนเนื้อเขาเขียวได้ “ต้อง…รักษาไว้”
ท่านหมอหลูถอนหายใจ “ข้าจะทำเต็มที่”
…
ท่านหมอหลูตั้งต้นการช่วยชีวิตอย่างไม่หลับไม่นอน เขาให้คนไปต้มน้ำร้อน เตรียมน้ำแกงโสมแล้วเขียนใบยา ก่อนจะลงมือฝังเข็ม คนทั้งเรือนหลีฮวาวุ่นวายอลหม่านกันไปหมด
เดิมทีหอหลิงจือเป็นโรงหมอที่ไปจับยาได้ใกล้ที่สุด แต่เพราะสวินหลันไม่ไว้ใจ บ่าวไพร่จึงต้องเปลี่ยนไปที่โรงหมออื่น ดังนั้นซิ่วฉินที่นั่งนับดาวอย่างเบื่อหน่ายอยู่ตรงระเบียง จึงเห็นคนของตระกูลจีวิ่งมาขอจับยา
ซิ่วฉินยังนึกงงงวยในใจ คนผู้นี้สติฟั่นเฟือนไปหรือไร หอหลิงจืออยู่ใกล้เพียงนั้นเหตุใดต้องดั้นด้นมาไกลเพียงนี้
ซิ่วฉินไม่คุ้นหน้าบ่าวผู้น้อยคนนี้จึงไม่ได้เข้าไปพูดคุยด้วย ยังคงแหงนหน้ามองฟ้านับดาวต่อไป
บ่าวผู้น้อยจับยาเสร็จก็รีบควบม้ากลับเรือนหลีฮวาไป
อีกด้านหนึ่ง จางมามาทำความสะอาดลานเรียบร้อยแล้ว จีซั่งชิงก็ให้คนไปเรียกตัวนางมา
ท่านหมอหลูบอกข้อห้ามในการต้มยาให้นาง จางมามาทำงานในห้องครัวมาหลายปี ต้มยาให้คนมาก็ไม่น้อย ใช้เวลาไม่นานก็จำข้อห้ามได้ทั้งหมด หลังจากแช่ตัวยาในน้ำเย็นสองเค่อ นางก็เริ่มต้มด้วยไฟแรงสูง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นไฟอ่อนๆ
จีซั่งชิงเดินไปเดินมาอยู่ตรงระเบียงทางเดิน
กะละมังน้ำสีเลือดใบแล้วใบเล่าถูกยกออกมา เขาที่คอยมองอยู่จึงใจเต้นระส่ำไปหมด
“ยาต้มเสร็จแล้ว! ยาต้มเสร็จแล้ว!” จางมามายกยาที่ส่งไอร้อนพวยพุ่งเข้าไปในห้อง ไม่เท่าไรในห้องก็มีเสียงเครื่องกระเบื้องแตกดังมาให้ได้ยิน จางมามาเก็บเอาเศษเครื่องกระเบื้องที่แตกออกมา ไปที่ห้องครัวรินยาชามใหม่ แล้วยกกลับเข้าไปอีกครั้ง ครั้งนี้โชคดีที่ดื่มลงไปจนหมด
ไฟในเรือนหลีฮวาสว่างอยู่ตลอดคืน
ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันสายตัวแทบขาด สาวใช้หลายคนที่ฝืนทนไม่ไหวอีก นั่งพิงถังน้ำหลับไปก็มี
ฟ้าเริ่มสว่าง แสงแรกของวันส่องมาจากปลายขอบฟ้า ตกกระทบลงบนยอดหญ้าสีเขียวสดและดอกไม้ตูมที่เตรียมจะผลิบาน เป็นทัศนียภาพที่งดงามจับตา
จีซั่งชิงขยี้ตาที่อ่อนหล้า
ประตูถูกผลักเปิดออก ท่านหมอหลูเดินออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
จีซั่งชิงรีบเดินเข้าไปหา “เป็นอย่างไรบ้าง ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกหรือไม่”
ท่านหมอหลูก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษด้วย ข้าทำเต็มที่แล้ว”
“กรี๊ด…”
ในห้องมีเสียงกรีดร้องอย่างใจสลายของสวินหลันดังออกมา…