WSSTH ตอนที่ 2,655 : กลับเมืองเฉวี่ยโยว

ยันต์อมตะสื่อสารที่โจวทงใช้เมื่อครู่ ความเร็วในการเดินทางของพลังอาคมก็เทียบได้กับความเร็วของต้าหลัวจินเซียนระดับทั่วไป…

ให้เทียบกับความเร็วสูงสุดของเขาแล้ว ก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมากนัก

หากเป็นตัวตนที่มีพลังฝึกปรือต้อยต่ำกว่าต้าหลัวจินเซียน คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไล่ตามพลังอาคมของยันต์อมตะสื่อสารเมื่อครู่ได้ทัน…

อย่างไรก็ตามเรื่องราวทุกประการล้วนมีข้อยกเว้น…

ถึงแม้พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะยังไม่บรรลุถึงต้าหลัวจินเซียน แต่การลงมือยามใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ก็ไม่ได้เชื่องช้ากว่าความเร็วของต้าหลัวจินเซียนทั่วไปเลย…

เช่นนั้นการลงมือด้วยค่ายกลกระบี่ของเขาโดยใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน จึงไล่ตามยันต์อมตะสื่อสารที่โจวทงใช้ได้ทันทั้งทำลายมันลงได้อย่างไม่ยากเย็น…

นี่ยังดีที่ตอนนี้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้สูญเสียจิตวิญญาณกระบี่ของมันไปแล้ว จึงไม่มีพลังระดับอุปกรณ์เทพเหมือนในอดีต…

ไม่งั้นล่ะก็อาคมจากยันต์สื่อสารของโจวทง คงไม่อาจพุ่งไปได้ไกลขนาดนั้น…

วูบ

เห็นยันต์อมตะสื่อสารของมันถูกทำลายลงได้ง่ายๆ หน้าโจวทงก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง

มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกรอบ นอกจากความตกใจทั้งเหลือเชื่อ ในแววตาของมันก็คงเหลือแต่เพียงหวาดกลัวจับใจเท่านั้น…

วันนี้ก่อนที่จะเผยตัวลงมือกับต้วนหลิงเทียน มันไม่เคยคิด…กระทั่งหลับก็ยังไม่เคยฝันถึง!

‘ผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้แค่ 2 ปีครึ่ง…ไฉนถึงทรงพลังยิ่งกว่าข้าได้! ระ…เรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปได้อย่างไร!?’

ตอนนี้ต่อให้จะยากยอมรับมากขนาดไหน แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นกับตัว…โจวทงจึงทำได้แค่ยอมรับความจริงอันโหดร้ายดังกล่าว!

“ต้วนหลิงเทียน…”

ขณะเดียวกันฉินอวี่ที่เหินร่างมาหยุดข้างต้วนหลิงเทียนอย่างอื้ออึง ก็มองทักต้วนหลิงเทียนอย่างงุนงง

ถึงมันจะรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งกว่ามันมาก อีกทั้งยังเชี่ยวชาญวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์มากมาย

แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าพลังของต้วนหลิงเทียนจะถึงขั้นทัดเทียมกับตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียน!

วันนี้มันกลับได้เป็นประจักษ์พยาน ‘การทุบตีสยบ’ โจวทง ผู้พิทักษ์อันดับหนึ่งของจวนผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว 1 ใน 2 ต้าหลัวจินเซียนของมณฑลจิ่วโยว!

ตอนนนี้หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนจงใจยั้งมือ โจวทงไม่พ้นต้องตายไปแล้วเป็นแน่!

โดยไม่รู้ตัว สายตาที่ฉินอวี่ใช้มองต้วนหลิงเทียนนอกจากความตกใจเหลือเชื่อ ยังผิดแปลกไปราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า…

เพราะมันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้คล้ายคนพึ่งเคยเจอก็ไม่ปาน…

นี่ยังใช่ต้วนหลิงเทียนที่มันรู้จักอยู่อีกหรือ?

ประหนึ่งถูกทวยเทพเข้าสิงก็ไม่ปาน!

“ฉินอวี่ เจ้าจะไปเมืองเฉวี่ยโยวกับข้า…หรือจะให้ข้าไปส่งเจ้ากลับไปเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวก่อน?”

หลังทำลายอาคมจากยันต์อมตะสื่อสารของโจวทงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ค่ายกลกระบี่ผนึกร่างโจวทงเอาไว้ดั่งกรงขัง! ค่อยหันไปมองถามฉินอวี่ด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นเขาคิดจะเดินทางไปยังเมืองเฉวี่ยโยว เพื่อส่งมอบโจวทงให้หลิ่วเฟิงกู่ และบรรลุข้อตกลงกับหลิ่วเฟิงกู่!

ไม่ต้องพูดถึงก่อนที่เขาจะเดินทางมาเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวเลย กระทั่งวันนี้ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาจากการบ่มเพาะ เขายังไม่ทันคิดด้วยซ้ำ…

ว่าเขามาเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวได้แค่ 2 ปี เขาก็มีพลังสามารถมากพอจะจัดการโจวทงแล้ว!

“หา เอ่อ? อ้อ..”

จู่ๆก็ถูกต้วนหลิงเทียนหันมายิ้มถามแบบนี้ ฉินอวี่ที่กำลังอึ้งกับความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนก็สะดุ้งไปเล็กน้อย พอดึงสติได้ก็กล่าวตอบกลับไปทันทีว่า “ข้าตามเจ้าไปเมืองเฉวี่ยโยวด้วยดีกว่า”

“ไปกัน”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ควบคุมค่ายกลกระบี่ที่ผนึกร่างโจวทง อีกทั้งยังแบ่งพลังสร้างค่ายกลกระบี่อีกชุด ปรากฏเป็นกระบี่เล่มเขื่องให้เขากับฉินอวี่หยุดยืน จากนั้นก็ท่องทะยานข้ามฟ้าออกไปด้วยความเร็วอันทัดเทียมกับต้าหลัวจินเซียน!

“ต้วนหลิงเทียน ตราบใดที่เจ้าปล่อยข้าไป ข้าโจวทงยินดียอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย! กระทั่งเจ้าอยากจะนั่งเก้าอี้ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้!!”

เมื่อเห็นว่าเมืองเฉวี่ยโยวกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โจวทงที่ถูกค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนผนึกร่าง หมายควบคุมจับมันกลับไปยังเมืองเฉวี่ยโยวให้หลิ่วเฟิงกู่ฆ่า ก็คล้ายจะสูดได้กลิ่นแห่งความตายชัดเจน มันก็ได้แต่ก้มหัวลดความหยิ่งผยอง กล่าวเจรจากับต้วนหลิงเทียนอยย่างนอบน้อม

“หืม? ช่วยเหลือข้าให้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเยาะ เหลือบมองโจวทงด้วยสายตาเบื่อหน่าย “โจวทง หากเจ้าช่วยข้าให้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าได้จริง ป่านนี้เจ้าจะยังเป็นแค่ผู้พิทักษ์จวนอีกหรือ?”

“นี่เจ้า…เห็นข้าเป็นเด็กสามขวบรึไง?”

วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียน ยามกล่าวน้ำเสียงแฝงความไร้สาระประการหนึ่ง

ราวกับจะพูดต่อว่า โจวทงเจ้า…หากมีปัญญาช่วยให้ผู้อื่นได้เป็นผู้ว่าจริง ตัวเจ้ายังจะยอมเป็นขี้ข้ารับคำสั่งผู้ว่าทำอะไร? ไฉนไม่เป็นผู้ว่าเองแต่แรก?

“ต้วนหลิงเทียนแม้พลังฝีมือเจ้าจะสูง หากแต่ยังมิสูงพอจะสยบเถียนจี้หวี่ได้ อย่างดีก็ทำได้แค่เสมอกับมันเท่านั้น…หากพวกเราสองคนร่วมมือกัน คิดฆ่าเถียนจี้หวี่ก็มิใช่ปัญหา!”

โจวทงยังคงกล่าวชักจูงต่อ

“ฮ่าๆๆๆ…!!”

ได้ยินวาจาโน้มน้าวดังกล่าวของโจวทง ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเล็กน้อย ค่อยกล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ “จริงเหรอ? ว่าแต่ถึงตอนนั้นใครจะรับประกันให้ข้าได้ล่ะ ว่าโจวทงเจ้าจะไม่หันไปร่วมมือกับผู้ว่ามาจัดการข้าแทน?”

ได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ หน้าโจวทงก็จมลงเล็กน้อย

มันก็คิดเรื่องนั้นอยู่จริงๆ

ยังคิดว่าแผนการนี้ของมันยอดเยี่ยมนัก เพราะดั่งหนึ่งหินสอยสองวิหกโดยแท้…

“เจ้าเชื่อข้าเถอะ!”

อย่างไรก็ตามแม้จะยังโน้มน้าวไม่สำเร็จ แต่พอได้ยินต้วนหลิงเทียนถามเพราะไม่เชื่อแบบนั้น โจวทงก็พยายาต่อไม่เลิก เพราะไม่เชื่อกับไม่เห็นด้วยมันต่างกัน “หากเจ้าได้เป็นผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว ถึงตอนนั้นเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรบ่มเพาะของเจ้าอีกต่อไป…กระทั่งยังสามารถเพลิดเพลินกับอำนาจสูงสุดในมณฑลจิ่วโยวได้!!”

“มณฑลจิ่วโยวแม้จะเป็นมณฑลใต้การปกครองของพระราชวังฉิน…แต่โดยปกติแล้วพระราชวังฉินมักไม่ได้สนใจอะไรในมณฑลจิ่วโยวมากนัก…ตราบใดที่เจ้าขึ้นเป็นผู้ว่าการมณฑลได้ ในมณฑลจิ่วโยวเจ้าเพียงเอ่ยปากคำเดียวก็ได้ทุกสิ่ง!!”

ในวาจาของโจวทงนั้น เห็นชัดว่าพยายามโน้มน้าวให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสนใจในตำแหน่งผู้ว่านัก

“โทษที…แต่พอดีข้าไม่สนใจ!”

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเมืองเฉวี่ยโยวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คร้านเสียเวลากล่าวเหลวไหลกับโจวทงสืบไป “เอาล่ะ ข้าเบื่อจะพูดกับเจ้าแล้ว…อันที่จริงแกล้งเจ้าก็ไม่ได้สนุกสักเท่าไหร่ หรือเจ้าคิดจริงๆว่าข้าจะมองไม่เห็นความคิดตื้นๆนั่น?”

ที่เขาตอบออกไปทำราวกับไม่เชื่อตั้งแต่ตอนแรก และเสียเวลาคุยกับโจวทงต่อนั้น ก็เพราะการเดินทางมันทำให้เขาเบื่อเท่านั้น…

ตั้งแต่ 2 ปีก่อนตอนที่เขาอยู่เมืองเฉวี่ยโยว เขาก็รู้แล้ว…

ว่าหากจะเป็นเจ้าเมืองเฉวี่ยโยว จำต้องได้รับการยอมรับและถูกแต่งตั้งจากผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว

และหากต้องการเป็นผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว ก็ต้องได้รับการยอมรับและถูกแต่งตั้งจากพระราชวังฉิน!

หากไปฆ่าผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวส่งเดช ไม่พ้นต้องถูกพระราชวังฉินไล่ฆ่าแน่! เพราะตำแหน่งผู้ว่าไม่ใช่ใครคิดจะเป็นก็เป็นได้โดยไม่ถามความเห็นของพระราชวังฉิน!!

ตั้งแต่ที่โจวทงเอ่ยเรื่องตำแหน่งผู้ว่าขึ้นมา เขาก็มองความคิดชั่วๆของมันออกหมดจด!

จริงอยู่ที่โจวทงอาจไม่ทรยศเขา และเลือกที่จะร่วมมือกับเขาฆ่าผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวตามที่พูด…

อย่างไรก็ตามพอผู้ว่าตาย โจวทงก็สามารถซัดทอดความผิดมาที่เขาได้ไม่ยาก…จากนั้นก็ยืมมือพระราชวังฉินฆ่าเขา

ถึงตอนนั้นเขาไม่พ้นถูกพระราชวังฉินไล่ล่า ไม่อาจอยู่มณฑลจิ่วโยว หรืออีก 15 มณฑลใต้อำนาจพระราชวังฉินได้อีก…

อีกทั้งถึงตอนนั้นโจวทงก็ไม่ต่างอะไรกับชาวประมงได้ประโยชน์! เพราะไม่พ้นมันต้องได้กลายเป็นผู้ว่าการมณฑลคนใหม่แน่ เพราะในมณฑลจิ่วโยวไม่เหลือใครที่เหมาะสมมากกว่ามันแล้ว!

ความคิดชั่วๆของโจวทงเขารู้ตั้งแต่ที่มันเอ่ยพูดคำแรก ที่ไม่แฉก็แค่หาเรื่องคุยไปเรื่อยเท่านั้น…

“เจ้า…”

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนบอกว่าที่คุยกับมทันทั้งหมดก็เพราะแค่แก้เบื่อเท่านั้น โจวทงก็แทบกระอักเลือดออกมา สีหน้ายังกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!

ขณะเดียวกันมันก็เริ่มหันรีหันขวางหมายหาช่องโหว่ค่ายกลกระบี่สีรุ้งที่ล้อมกักผนึกร่างเอาไว้ และคิดปะทุพลังเกรี้ยวกราดแหกค่ายหลบหนีไป…

เพราะตอนนี้อาการบาดเจ็บของมันก็ทุเลาลงมากแล้วเช่นกัน

หากมันดิ้นรนหลบหนีสุดชีวิตล่ะก็ แม้ไม่มั่นใจว่าจะหนีพ้น แต่ก็ไม่แน่ว่าจะหนีไม่รอดเสมอไป!

“อะไร คิดหนีรึ?”

พอเห็นว่าเมืองเฉวี่ยโยวเริ่มปรากฏขึ้นเบื้องหน้าให้เห็นเป็นจุดดำเล็กๆไกลตา อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็โพล่งคำเยียบเย็นออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งยังหันไปหยีตามองโจวทงด้วยสายตาแหลมคม!

เรียกว่าเสียงโพล่งคำเย็นชาของต้วนหลิงเทียน ทำให้โจวทงถึงกับสะดุ้ง! ยังบังเกิดอาการร้อนตัวขึ้นไม่น้อย เร่งหยุดหันรีหันขวางทันที!!

“หึ!”

เมื่อเห็นว่าโจวทงเลิกกลอกตาวุ่นวาย ต้วนหลิงเทียนก็พ่นลมเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง

หลังจากนั้น

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

เสียงหอนกระบี่กรีดฟ้าฉับไวดังขึ้น เป็นรังสีกระบี่ในค่ายกลกระบี่สีรุ้งใต้เท้าต้วนหลิงเทียน เริ่มเคลื่อนไหวดุร้าย ยิงพุ่งรังสีกระบี่บางส่วนออกไปหมายเสือกทะลวงจ้วงร่างโจวทงอย่างอำมหิต!

“อย่า—”

พอเห็นว่าไม่พูดไม่จาต้วนหลิงเทียนก็ลงมือด้วยอำมหิต สีหน้าโจวทงก็อดไม่ได้ที่จเปลี่ยนสีไปทันใด มันเร่งรีดเค้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดให้ระเบิดปะทุออกมาทันที! ทั่วร่างคล้ายมีเพลิงไฟลุกท่วม ต่อต้านทำลายรังสีกระบี่ที่กักร่างได้บางส่วน!

อนิจจาแม้ตอนนี้อาการบาดเจ็บของมันจะทุเลาลงมากแล้ว แต่ก็ยังนับว่าหากไกลจากสภาพสมบูรณ์พร้อมมากมาย…

พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่พุ่งขึ้นมาดั่งเพลิงไฟของมัน เพียงทำลายรังสีกระบี่ได้ไม่ไม่เท่าไรก็ดับมอดลง!

จากนั้นรังสีกระบี่จากค่ายกลกระบี่ใต้เท้าก็ดี หรือจะรังสีจากค่ายกลกระบี่ที่ผนึกกักขังร่างโจวทงที่เหลือก็ดี ต่างจ้วงทะลวงเข้าร่างโจวทงกันสนุกสนาน!!

ฉึก!

ฉึก!

ฉึก!

เสียงทะลวงเลือดเนื้อชวนสยองดังขึ้นระรัว ร่างโจวทงถูกรังสีกระบี่สีรุ้งทะลวงกระซวกจนปรุพรุนเป็นรังแตนอีกรอบ! หากแต่ครานี้โลหิตกลับไม่ได้ทะลักออกมามากมาย คล้ายในร่างมันไม่มีเลือดให้ไหลแล้วอย่างไรอย่างนั้น…

ขณะเดียวกันก็เหมือนกับรอบที่แล้ว ทุกรังสีกระบี่ที่ทะลวงจ้วงร่างมันนั้น ดั่งมีดวงตางอกเงยก็ไม่ปาน หลบหลีกจุดชีวิตของมันได้อย่างรู้งาน ไม่ทำร้ายให้มันเป็นอันตรายถึงชีวิตแต่อย่างไร…

กระทั่งยังเหลือเศษพลังขุมหนึ่งในร่างให้โจวทงใช้รักษาและประคองสติตัวเองให้ไม่ต้องเป็นลมล้มพับไป…

กลิ่นอายพลังทั่วร่างของโจวทง อ่อนโทรมลงเสมือนสุนัขป่วยใกล้ตายอีกรอบ…

“ต้วน! หลิง! เทียน!”

หลังจากที่ห่ารังสีทะลวงแทงจบลง โจวทงที่บัดนี้สีหน้าซีดเซียวทั้งมีเหงื่อเย็นชโลมหน้าผาก ก็ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาแดงฉาน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดลอดไรฟันอย่างโกรธแค้น ทำราวกับทนรอพุ่งเข้ามาดื่มกินเลือดเนื้อต้ววนหลิงเทียนเพื่อระบายโทสะไม่ไหวแล้ว!

การลงมือของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ ได้ตัดเส้นทางรอดตายสายสุดท้ายของมันหมดสิ้น…

ด้วยสภาพร่างของมันตอนนี้กับเศษพลังที่เหลือ มันไม่มีทางหนีรอดไปได้ภายใต้สายตาของต้วนหลิงเทียนแน่นอน!

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสโจวทงที่ถลึงตากล่าวกัดฟันเรียกหาด้วยความเคียดแค้นแม้แต่น้อย

เพราะสำหรับเขาแล้วโจวทงก็เป็นแค่ คนที่กำลังจะตาย!

‘ต้าหลัวจินเซียน…นั่นมันต้าหลัวจินเซียน…’

แม้ฉินอวี่ที่ถูกต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วอยู่ด้านข้างจะเห็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะปั่นป่วนดั่งมีพายุเข้า!

เพราะจะอย่างไรโจวทงก็เป็นถึงต้าหลัวจินเซียน!!

อนิจจาต้าหลัวจินเซียนที่ว่า…ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนกลับไม่ต่างอะไรจากลูกแกะน้อยรอเชือด!!