WSSTH ตอนที่ 2,675 : ยอดเซียนอมตะ?!

“ข้ามาหาต้วนหลิงเทียน…”

สตรีชราในชุดคลุมสีขาวที่ลอยร่างเหนือน่านฟ้าจวนผู้ว่าค่อยๆกล่าวคำออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ถึงแม้เสียงจะไม่ได้ดังอะไร แต่ราวกับมีพลังเวทมนตร์หนุนเสริมให้กังวานไปทั่วจวนผู้ว่าทันที

เรียกว่าทุกคนในจวน ไม่ว่าใครล้นได้ยินเสียงสตรีชราทั้งสิ้น

และก่อนที่สตรีชรานางนี้จะเอ่ยวาจา ไม่มีใครแม้แต่ผู้ว่าที่สามารถสัมผัสการมาของนางได้เลย!

ทำให้พออยู่ๆก็ได้ยินเสียงของสตรีชราแบบนี้ กระทั่งผู้ว่ายังต้องคิดหนัก!

“เสียงนี้…ดูเหมือนจะดังขึ้นมาจากบนฟ้าเหนือจวน”

“ฟังจากเสียงแล้วคล้ายจะเป็นสตรีมีอายุ…นางมาหาต้วนหลิงเทียนทำไมกัน?”

“ฟังจากเสียงเรียกไม่คล้ายยินดียินร้ายอะไร…ที่แท้นางมาหาคนเพราะอะไรกันแน่?”

“ไม่ว่านางจะมาด้วยสาเหตุอันใด…แต่ใต้เท้าผู้ว่ากับเหล่าผู้พิทักษ์รวมถึงผู้อาวุโสฝ่ายในก็ไม่มีทางปล่อยให้นางทำอะไรได้ตามใจหรอก!”

วาจาทำนองเดียวกันนี้ เริ่มดังขึ้นทั่วจวน

และผู้ที่พูดประโยคเหล่านั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าหน้าที่ ผู้ดูแล ข้ารับใช้อันมีพลังฝึกปรืออ่อนด้อย

ทั้งหมดล้วนมีพลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตจินเซียน เลยไม่ได้รับทราบเรื่องราวอะไร

กลับกันตัวตนขอบเขตจินเซียนระดับสูงๆ รวมถึงต้าหลัวจินเซียนอย่างตัวผู้ว่าการมณฑล พอได้ยินเสียงสตรีชราก็ใจสะท้านเสียวสันหลังวาบเป็นแถบ

“ผู้มา…มิง่ายเลย”

“นี่มันอะไรกันแน่ แค่เสียงกล่าวไฉนกลับทำให้ข้าที่เป็นจินเซียนตะวันครามรู้สึกใจสั่น?!”

“อย่าว่าแต่เจ้า ข้าเองก็ด้วย กระทั่งต้าหลัวจินเซียนยังไม่อาจทำให้ข้าใจสั่นเช่นนี้เพียงแค่กล่าวคำ!”

เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงและชนชั้นอาวุโสทั้งหลาย ล้วนอดไม่ได้ที่จะใจสั่น เถียนจี้หวี่และอาวุโสฝ่ายในกก็ไม่ต่างกัน เพราะทั้งหมดสัมผัสได้ว่าเจ้าของเสียงไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม!

อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นตัวตนที่อยู่ในขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขึ้นไป!

และตัวตนระดับนั้น ทั้งมณฑลจิ่วโยวตอนนี้เห็นทีจะมีแค่ผู้ว่าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรับมือได้!

เพราะในมณฑลจิ่วโยว ณ เวลานี้ มีแค่ เถียนจี้หวี่ ผู้ว่าคนเดียวเท่านั้นที่มีด่านพลังต้าหลัวจินเซียน!

ต้าหลัวจินเซียนอีกคนของมณฑลจิ่วโยวอย่างโจวทง ได้กลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว และการตาของผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของจวนก็ยังคงเป็นปริศนามาโดยตลอด

“ยอดฝีมืออันทรงพลังระดับนี้…เกรงว่าหากพวกเราเสนอหน้าเข้าไปหาอย่างไม่รัง ไม่พ้นต้องบังเกิดความรำคาญใจแน่!”

พอตระหนักได้ถึงเรื่องดังกล่าว เหล่าอาวุโสฝ่ายในและชนชั้นผู้พิทักษ์ก็ไม่กล้าเหินร่างขึ้นฟ้าไปอย่างผลีผลาม

ฟุ่บ!

ณ บ้านลานแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจวนผู้ว่า ปรากฏร่างหนึ่งเหินขึ้นฟ้าไปรวดเร็วฉับไวปานอัสนีฟาด เข้าหาเจ้าของเสียงเมื่อครู่

คนที่กล้าขึ้นมาในเวลาแบบนี้ย่อมมีแค่คนเดียวเท่านี้น เถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว

‘ยอดฝีมือที่ร้ายกาจถึงขนาดนี้…พวก 15 มณฑลมันไปจ้างวานมาได้อย่างไร?’

เถียนจี้หวี่อดไม่ได้ที่จะคิดไปว่า ผู้มาก็คือมือสังหารที่มาจัดการต้วนหลิงเทียน!

อย่างไรก็ตามเพียงความคิดดังกล่าวแว่บขึ้นในหัวได้ไม่ทันไร ก็ถูกปัดตกไปทันที

เพราะมันเป็นไปไม่ได้!

‘ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะก่อเรื่องในตระกูลหลิวไป 5 วันเท่านั้น…ในเวลาแค่ 5 วัน ยกเว้นแต่สายลับที่คอยจับตามองเรื่องราวในเมืองจะเป็นต้าหลัวจินเซียน หาไม่แล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำข่าวกลับไปส่งถึงต่างมณฑล’

เถียนจี้หวี่ลอบกล่าวในใจ ‘เพราะต่อให้เป็นจินเซียนตะวันม่วงชนชั้นยอดฝีมือ แต่อย่างน้อยๆหากคิดจะคาบข่าวกลับไปส่งยังมณฑลที่ใกล้มณฑลจิ่วโยวที่สุด ก็จำต้องใช้เวลาเดินทางขั้นต่ำ 10 วัน…’

ด้วยเหตุนี้เถียนจี้หวี่จึงปัดความคิดเรื่องที่อาคันตุกะแปลกหน้าผู้นี้เป็นมือสังหารที่อีก 15 มณฑลจ้างมาฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งไปทันที

เพราะอีก 15 มณฑล ไม่มีทางที่จะส่งตัวตนระดับต้าหลัวจินเซียนมาทำหน้าที่สายลับเพื่อหาข่าวแน่นอน!

ในอีก 15 มณฑลที่เหลือ มณฑลที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีต้าหลัวจินเซียนแค่ 3 คนเท่านั้น

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีมณฑลไหนส่งต้าหลัวจินเซียนมาทำหน้าที่ดังกล่าว

เพราะมันช่างฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเกินไป!

ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะผู้ว่า เถียนจี้หวี่ เองก็มีข้อมูลของอีก 15 มณฑลอยู่ในมือ

เท่าที่มันรู้สายลับที่มาคอยหาข่าวในเมืองประจำมณฑลแห่งนี้ อย่างดีก็มีพลังฝึกปรือแค่จินเซียนตะวันน้ำเงินเท่านั้น

เช่นนั้นมันจึงสรุปได้ทันที ว่าอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญผู้นี้ ไม่ใช่มือสังหารที่อีก 15 มณฑลร่วมกันจ้างวานมาแน่!

“หืม?”

พอเขาใกล้แหล่งกำเนิดเสียง เถียนจี้หวี่ก็ค่อยๆชะลอร่างลง สองตาเริ่มมองไปยังร่างที่ลอยอยู่บนฟ้าสูงไม่ไกล

เป็นสตรีชราในชุดขาวธรรมดา…

สตรีชราลอยร่างแน่นิ่งไม่ไหวติงดังขุนเขา หากแต่พิกลนักคนลอยร่างอยู่ตรงหน้าชัดๆ แต่ให้ความรู้สึกว่างเปล่าราวกับนางเป็นหนึ่งเดียวกับโลกหล้า

“เจ้าคือผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว?”

ทันใดนั้นลูกตาขุ่นมัวของสตรีชราก็หรี่ลง มองจี้ถามเถียนจี้หวี่ทันที

และพริบตาเดียวลูกตาขุ่นมัวของนางก็ฉายแสงวาบราวประกายดาวพร่างพราว!

กลิ่นอายพลังอันสุดไพศาลเพาะสร้างเป็นแรงกดดันอันน่ากลัวหนึ่งเริ่มแผ่ออกจากร่างสตรีชรา กดทับลงไปยังร่างเถียนจี้หวี่อย่างครอบงำ

“อั๊ค—!”

และแทบจะทันทีที่แรงกดดันอันน่ากลัวดังกล่าวกดทับร่างเถียนจี้หวี่ มันก็รู้สึกเสมือนขุนเขาถล่มทับไปทั่วร่าง พาลให้เลือดลมตีกลับ ชีพจรปั่นป่วน กระอักโลหิตออกมาคำใหญ่!

เมื่อกระอักโลหิตออกมา ร่างเถียนจี้หวี่ก็สั่นสะท้านไปอย่างแรงคนถึงกับร่วงวูบกลางหาวปานตกหลุมอากาศ

“เถียนจี้หวี่ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว ขอคารวะผู้อาวุโส”

ถึงแม้ในใจเถียนจี้หวี่จะไม่พอใจมากเพียงใด แต่มันก็ไม่กล้าเผยทีท่าก้าวร้าวไม่เคารพให้เห็นแม้แต่เสี้ยว โค้งคำนับกล่าวคำทักทายสตรีชราออกไปมากสุภาพ

ตอนนี้ในใจของเถียนจี้หวี่เสมือนมีมรสุมเข้า

‘ต่อให้เป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอด…ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยแค่แรงกดดันพลังก็ทำร้ายข้าได้แบบนี้!’

‘กล่าวได้ว่า…สตรีชรานางนี้อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นตัวตนขอบเขต ยอดเซียนอมตะ!’

ยอดเซียนอมตะ!

นั่นคือด่านพลังที่อยู่เหนือต้าหลัวจินเซียนไปอีกขั้น!

ทั่วทั้วอาณาเขตของพระราชวังฉิน มีเพียงฮ่องเต้ฉินเท่านั้นที่บรรลุขอบเขตยอดเซียนอมตะ

หลังตระหนักได้ว่าสตรีชราเบื้องหน้าอย่างน้อๆ ก็สมควรเป็นถึงยอดเซียนอมตะ ความไม่พอใจและคามขุ่นเคืองก่อนหน้าของเถียนจี้หวี่ก็มลายหายไปหมดสิ้น ถูกความวิตกกังวลเข้ามาแทนที่!

ตัวตนระดับยอดเซียนอมตะ ไฉนมามณฑลจิ่วโยวได้?

ยิ่งไปกว่านั้นยังมาหาต้วนหลิงเทียนอีก!?

“ต้วนหลิงเทียนอยู่ที่ใด?”

สตรีชรามองถามเถียนจี้หวี่เสียงเข้ม

“ท่านผู้อาวุโส…ท่านมาหาต้วนหลิงเทียนเพื่ออันใดหรือ?!”

เถียนจี้หวี่ถามออกไปอย่างอดไม่ได้

มันไม่ทราบจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนไปเกี่ยวพันกับตัวตนระดับยอดเซียนอมตะได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้นยอดเซียนอมตะดังกล่าวตอนเอ่ยนามต้วนหลิงเทียน แววตาก็เผยเจตนาฆ่าฟันออกมาให้เห็น บ่งบอกว่าไม่ได้มาดี!

เห็นได้ชัดว่ายอดเซียนอมตะผู้นี้มาถามหาต้วนหลิงเทียนเพื่อฆ่าคน!!

“อะไรที่ไม่ควรถามเจ้าก็อย่าได้ถาม เพียงบอกข้ามาว่าต้วนหลิงเทียนอยู่ที่ใด”

สตรีชรากล่าวออกอีกกครั้งด้วยน้ำเสียงเสียบเย็น เถียนจี้หวี่แค่ฟังก็รู้สึกเหมือนถูกจับเข้าห้องแช่!

“ทะ ทราบ!”

เถียนจี้หวี่แตกตื่นจนสูดอากาศเข้าดังเฮือก เร่งตอบกลับราวหนูหวาดแมว

ถึงแม้เถียนจี้หวี่จะเป็นผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว และมีพระราชวังฉินอยู่เบื้องหลัง

อย่างไรก็ตามตัวตนเบื้องหน้านั้น อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นยอดเซียนอมตะ น่ากลัวจะไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมืออันดับ 1 ของพระราชวังฉินอย่างฮ่องเต้ฉินด้วยซ้ำ

ถึงอีกฝ่ายจะเข่นฆ่ามัน ฮ่องเต้ฉินก็ไม่อาจล้างแค้นให้มันได้

เพราะฮ่องเต้ฉินไม่มีวันผิดใจกับตัวตนระดับยอดเซียนอมตะ เพื่อผู้ว่าตัวเล็กๆเช่นมันแน่นอน

“ท่านผู้อาวุโสท่านมาสายเกินไป…ต้วนหลิงเทียนได้ออกจากมณฑลไปตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนแล้ว”

หลังสูดอากาศเข้าลึกๆ เถียนจี้หวี่ก็กล่าวตอบสตรีชราด้วยน้ำเสียงหวั่นเกรง

“ออกไปแล้ว?”

ได้ยินคำของเถียนจี้หวี่ ลูกตาหญิงชราก็ฉายแสงเย็นวาบออกมาทันใด “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ตอบมาอีกรอบ! หากข้ารู้ว่าเจ้ากล้าเอ่ยคำเท็จแม้ครึ่งคำ ข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”

น้ำเสียงของสตรีชราช่างเยียบเย็นเหลือเกิน

“ท่านผู้อาวุโส ที่ข้าเอ่ยล้วนเป็นความจริงทุกประการ…ต้วนหลิงเทียนได้ออกจากจวนผู้ว่าไปตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนจริงๆ และป่านนี้สมควรออกจากมณฑลจิ่วโยวไปแล้ว”

เถียนจี้หวี่ได้แต่กล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้มเหยเก

“สำหรับเหตุไฉนที่มันต้องจากไปข้าเองก็รู้ดี…หากอาวุโสต้องากรฟัง ข้าน้อยจะเล่าให้ท่านฟังทั้งหมด”

เถียนจี้หวี่กล่าวเสริม

“พูด!”

ทันใดนั้นสองตาสตรีชราก็หรี่ลง มองจ้องสบตาเถียนจี้หวี่เขม็ง แววตาช่างแหลมคมปานมีดดาบ ยังดุร้ายคล้ายมีสายฟ้าผ่าฟาดออกมา!

“เมื่อ 5 วันก่อน…”

แทบจะทันทีที่สตรีชรากล่าวจบ เถียนจี้หวี่ก็ไม่รอช้าเร่งเล่าเรื่องราวออกมาให้หญิงชราฟังอย่าไร้ลังเล ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ตระกูลหลิวเมื่อ 5 วันก่อนบ้าง…

“อายุไม่ถึงร้อยปี…แต่มีพลังฝีมือใกล้เคียงต้าหลัวจินเซียน?”

คิ้วหญิงชราย่นขดเบาๆ

‘เด็กที่ทำให้คุณหนูปิงเอ๋อมีมลทิน…กลับมีความสามารถถึงขนาดนี้?’

สตรีชราอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามไม่ทันไรความตกใจขอนางก็สลายหายไป ถูกเจตนาฆ่าฟันอำมหิตเข้ามาแทนที่ ราวกับอยากจะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายในเร็ววัน!

“พูดอีกอย่าง…มันกลัวว่าอีก 15 มณฑลจะส่งยอดฝีมือมาฆ่ามัน เช่นนั้นจึงเดินทางออกจากมณฑลจิ่วโยวของเจ้า?”

สตรีชราค่อยๆกล่าวถามออกมาเสียงเย็น

“ใช่”

เถียนจี้หวี่พยักหน้า

“แล้ว…มันได้บอกเอาไว้หรือไม่ ว่ามันจะไปเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลอะไรนั่นที่พระราชังฉินหลังจากนี้อีกปี?”

ขณะกล่าวถามประโยคนี้สอตาสตรีชราก็ฉายแสวูบวาบนัก

“เรื่องนี้…มัน…ไม่ได้บอกข้าไว้”

เถียนจี้หวี่

ไม่มีทางที่มันจะบอกสตรีชราออกไปตามตรง

เพราะมันได้ตกลงกับต้วนหลิงเทียนแล้ว ว่าให้ไปพบกันที่วันงานประลอง 16 มณฑลของพระราชวังฉินวันแรก…

มันคิดอาศัยชัยชนะของต้วนหลิงเทียน เพื่อรับโอสถต้าหลัว 3 เม็ด

ส่วนที่มันต้องเล่าให้สตรีชราฟังก็เพราะจำเป็นจริงๆ

เพราะมันรู้ดีว่าหลังสตรีชราได้ยินคำตอบของมัน เพียงไปสืบดูก็ต้องรู้ได้ว่าต้วนหลิงเทียนออกจากเมืองไปแล้วจริงหรือไม่

ดังนั้นมันไม่กล้าซ่อน

เพราะหากสตรีชราพบความจริง มันไม่พ้นต้องตายคาที่แน่!