WSSTH ตอนที่ 2,681 : ฉินอวี่ สายเลือดพระราชวังฉิน?

ในการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ หากจะถามว่าผู้คนนึกถึงใครมากที่สุด ย่อมไม่พ้นต้วนหลิงเทียน!

เพราะเมื่อเกือบปีที่แล้ว สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกระทำไว้ในตระกูลหลิวนั้น หลังจากที่มันแพร่ไปทั่วเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวแล้ว มันก็เริ่มแพร่ออกไปเมืองใกล้เคียง สุดท้ายก็แพร่ไปทั่วเขตปกครองของพระราชวังฉิน

กระทั่งฮ่องเต้ฉินแห่งพระราชวังฉิน ก็เคยได้ยินเรื่องต้วนหลิงเทียน

เรียกว่าต้วนหลิงเทียนได้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน กระทั่งเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของผู้ที่เข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลครานี้ก็ว่าได้ แต่ละคนอยากเห็นหน้าค่าตาและพลังฝีมือของเขานัก

แต่จนถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่ปรากฏตัวให้เห็น

“ไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยว ต้วนหลิงเทียน…ป่านนี้ยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก”

“ไม่ทราบในน้ำเต้าผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวที่แท้ขายยาอันใดกันแน่…หรือมันคิดให้ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายและประลองช่วงชิงอันดับที่ 1 ในการประลอง 16 มณฑลครานี้ในช่วงสุดท้ายจริงๆ?”

“ฮึ่ม! ที่ต้วนหลิงเทียนยังไม่ปรากฏตัวอาจไม่ใช่เพราะผู้ว่าการมรฑลจิ่วโยวไม่อยากให้มันปรากฏตัว…มันอาจจะตายตกนอกมณฑลจิ่วโยวไปแล้วก็เป็นได้!”

“เรื่องนั้นก็อาจเป็นได้จริงๆ”

นอกจากคนของมณฑลจิ่วโยวกับมณฑลผิงชานแล้ว คนอีก 14 มณฑลอดไม่ได้ที่จะกระซิบคุยกันด้วยความสงสัย

ฟังจากที่พวกดมันคุยกัน เห็นชัดว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้จนป่านนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่เผยตัวก็คือ…เถียนจี้หวี่คิดเก็บเขาไว้ลงมือท้ายสุดจริงๆ

และยังมีไม่น้อยที่คิดว่า สาเหตุที่ทำให้จนป่านนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่ปรากฏตัวออกมา เพราะตกตายนอกมณฑลจิ่วโยวไปแล้ว

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นการคาดเดาไปเรื่องของผู้คนเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน ยอดฝีมือจากพระราชวังฉินที่ทำหน้าที่เป็นดั่งโฆษกและพิธีกรผู้ดำเนินการประลอง ก็ได้มาหยุดอยู่กลางลานประลอง และเริ่มประกาศให้เริ่มต้นการช่วงชิง 10 อันดับแรกชั่วคราวได้แล้ว แน่นอนว่ายังไม่ถึงตาของเหล่าไพ่ตายทั้งหลาย

การประลองของคน 10 คนเริ่มดำเนินไปอย่างดุเดือดคู่แล้วคู่เล่า

“ฉินอวี่!”

ไม่นานนักก็ถึงคราวของฉินอวี่จากมณฑลจิ่วโยวขึ้นประลอง

“หืม!?”

เมื่อฉินอวี่ลงประลอง ในอัฒจันทร์ชั้นลอยที่มีไว้สำหรับบุคคลสำคัญ ชายวัยกลางคนในชุดคลุมหรูหราอยู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นมา สองตามองลอดม่านผ้าบางไปยังฉินอวี่ตาเขม็ง

“ท่านอ๋อง 3 มีอะไรหรือท่าน?”

และทันทีที่ชายวัยกลางคนในชุดคลุมหรูหราลุกพรวดขึ้นมา ชายชราสองคนที่ติดตามมาด้วยก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ หันไปมองถามชายวัยกลางคนที่ถูกพวกมันเรียกว่า อ๋อง 3 ด้วยความสงสัย

พระราชวังฉินนั้น มีฮ่องเต้ฉินเป็นผู้ปกครองสูงสุด

ผู้ที่มีอำนาจรองลงมาจากฮ่องเต้ฉิน ก็คือเหล่าน้องชายทั้ง 3 ของมัน อันได้แก่ อ๋องรอง อ๋อง 3 และอ๋อง 5…

คราวนี้ทางพระราชวังฉินก็ได้ส่งอ๋อง 3 ให้มาควบคุมดูแลการประลอง 16 มณฑล

เมื่อ 2 วันก่อนมันไม่ได้มาที่นี่แต่อย่างใด พึ่งจะมาถึงเอาวันที่ 3 ช่วงสายๆซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประลอง 16 มณฑลซึ่งก็คือวันนี้เท่านั้น เลยไม่ทันได้เห็นฉินอวี่สู้ก่อนหน้า

ผู้ที่ทำหน้าที่จัดและดำเนินการประลองอยู่ตอนนี้ ก็เป็นหนึ่งในข้ารับใช้ที่มีความสามารถของมัน

“คล้าย…ช่างคล้ายกันเหลือเกิน…หนุ่มน้อยผู้นั้น…ดูเหมือนจะเรียกว่าฉินอวี่?”

อ๋อง 3 กล่าวพึมพำกับตัวออกมา โดยที่ไม่ได้สนใจจะตอบคำถามของชายชราด้านหลังทั้ง 2 เลย และขณะกล่าวพึมพำสองตาของมันก็ฉายแสงสว่างวาบ ปานดวงดาราระยิบระยับกลางฟ้ายามค่ำคืน

ขวับ! ขวับ!

หลังได้ยินคำพึมพำของอ๋อง 3 ชายชราทั้ง 2 ก็หันขวับไปจับจ้องร่างชายหนุ่มที่พึ่งขึ้นเวทีประลองไปทันที

และเพียงมองปราดเดียว ลูกตาของพวกมนัทั้งคู่ก็หดเล็กลงอย่างแรง

“ชะ…ชายหนุ่มผู้นั้น…ไฉนถึงได้ละม้ายคล้ายท่านอ๋องค์ 4 นักเล่า!?”

“จมูกกับริมฝีปาก…และหน้าผากนั่น…แทบจะถอดพิมพ์เดียวมากับท่านอ๋อง 4…ผู้ใด…ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้ใดกันแน่!?”

พอชายชราทั้ง 2 ฟื้นสติจากอาการตะลึง พวกมันก็หันหน้ามามองสบตากันด้วยความตื่นตระหนก ในแววตาแต่ละคนฉายชัดถึงความเหลือเชื่อนัก

อ๋อง 4 ที่ว่า ก็คือน้องชายคนที่ 4 ของฮ่องเต้ฉินพวกมัน

กระทั่ง ก่อนที่อ๋อง 4 จะเดินทางออกจากวัง พลังฝีมือก็เหนือกว่าฮ่องเต้ฉินเสียแล้ว!

และสาเหตุการออกจากวังของอ๋อง 4 ครานั้น ก็มีต้นตอจากการฝึกวรยุทธ์ผิดพลาดจนธาตุไฟเข้าแทรก ทำให้คนกลายเป็นคุ้มคลั่งไร้สติ และในที่สุดก็ได้พลั้งมือทำร้ายฮ่องเต้ฉินจนบาดเจ็บ หลังได้สติอารามเสียใจและรู้สึกผิด อ๋อง 4 ก็ได้เลือกจะหลบหนีออกจากพระราชวังไป ตั้งแต่วันนั้นก็ไร้ซึ่งข่าวคราวมาโดยตลอด…

แม้พระราชวังฉินจะระดมกำลังออกตามหาเท่าไหร่ ก็ไม่อาจพบเจอ…

ทว่าหลังจากเกิดเรื่องขึ้นได้ไม่กี่สิบปี วันนี้ในเวทีของการประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินจัดขึ้น กลับปรากฏร่างชายหนุ่มอ่อนวัยที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายอ๋อง 4 อยู่ 6-7 ส่วน แลดูสง่างามไม่ต่างอะไรจากอ๋อง 4 ในยามนั้น…

ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มผู้นี้กลับมีแซ่ ฉิน!

เรื่องนี้พาลให้ความคิดของพวกมันโลดแล่นไปไกล!

“ฉินอวี่คนนี้…คงมิใช่ว่า…”

ไม่นานชายชราทั้ง 2 ก็หันหน้ามามองสบตากันอีกครั้งแต่ละคนเบิกตากว้างปานลูกวัวแรกเกิด

“ผู้เฒ่าฉี ไปตรวจสอบความเป็นมาของ ฉินอวี่ ให้ข้าที!”

อ๋อง 3 ที่รู้สึกตัวก็เร่งกล่าวสั่งออกมาเสียงดัง ในแววตาฉายชัดถึงความตื่นเต้นประการหนึ่ง

ราวกับชายหนุ่มบนเวทีเป็นสหายเก่าแก่ที่มันไม่ได้พบมานานปี

“ทราบ”

1 ใน 2 ร่างชราพุ่งหายไปทันที

ขณะเดียวกัน การประลอง 16 มณฑลก็ยังคงดำเนินต่อไป

ฉินอวี่ตอนนี้ได้ประมือแลกกระบวนท่ากับชายหนุ่มที่อยู่ในรุ่นราวคราเดียวกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ช่วงแรกๆพลังฝีมือของทั้งคู่ก็สูสีกินกันไม่ลง จนเมื่อผ่านไปหลายร้อยกระบวนท่ายังยากหาตัวผู้ชนะ ในที่สุดแววตาฉินอวี่ก็เปลี่ยนไป ทั่วร่างปะทุคลื่นพลังมหาศาล ฝ่ามือที่ยกขึ้นผนึกพลังเริ่มเปล่งสีแดงฉานปานโลหิต!

ปงง!!

ฉินอวี่ที่ยกมือขึ้นผนึกพลังจนฝ่ามือคล้ายโดนโลหิตทาย้อม พอตบฟาดออกไป มวลอากาศเบื้องหน้าก็เริ่มสั่นไหวสะท้าน อุบัติเป็นประทับฝ่ามือมหึมาสีเลือด พุ่งทะยานออกไปทำลายพลังกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายประหนึ่งบดขยี้ใบไม้แห้งกรอบ สุดท้ายก็ซัดเปรี้ยงเข้าคนปานตบแมลงวัน ปลิวละลิ่วตกเวทีไปสลบไสลไม่ได้สติ…

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

ทันใดนั้นรอบเวทีประลองบังเกิดเป็นเสียงสูดอากาศเข้าลึกๆด้วยความตื่นตระหนก

“อะไรกัน! ฉินอวี่ของมณฑลจิ่วโยวผู้นี้…ที่แท้มันปกปิดพลังฝีมือมาโดยตลอดหรือ!?”

“เมื่อครู่มันใช้วรยุทธ์หรือเวทย์พลังอันใดกัน…ไม่สิ สมควรเป็นเวทย์พลังสนับสนุน! ยิ่งไปกว่านั้นยังเหนือกว่าเวทย์พลังสนับสนุนที่มันใช้ออกก่อนหน้าจมหู!!”

“เมื่อครู่พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบถูกรั้งรวมมาหนุนเสริมพลังทั่วร่างมันในฉับพลัน ก่อนที่จะไปควบรวมผนึกไว้ที่ฝ่ามือจนฝ่ามือเริ่มแดงฉานขึ้นมาปานเลือด…อย่างไรก็ตาม อานุภาพพลังระดับนี้ อย่างน้อยๆสมควรเป็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับลี้ลับ!”

“ข้ากลัวว่าจะมิใช่เวทย์พลังสนับสนุนระดับลี้ลับธรรมดาๆ…ข้าเห็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับลี้ลับมาก็มาก แต่อานุภาพการเสริมพลังกระบวนท่าเมื่อครู่ นับว่าทรงพลังกว่าเวทย์พลังระดับลี้ลับที่ข้าเคยเห็นมากนัก!”

เสียงจากผู้ชมรอบเวทีตอนนนี้ดังระงมปานตลาดสด ฟังๆแล้วดูเหมือนทั้งหลายจะตกใจกับพลังอำนาจของฝ่ามือสีเลือดของฉินอวี่ที่สมควรเป็นเวทย์พลังระดับลี้ลับไม่น้อย!

“ข้าไม่คิดเลยว่าฉินอวี่จะปกปิดพลังฝีมือเอาไว้…”

“จากอานุภาพฝ่ามือเมื่อครู่ของฉินอวี่ นับว่าทรงพลังสุดที่หลายคนจะต้านทานรับไหว ตอนนนี้ดูไปแล้วเรื่องติด 3 อันดับแรกชั่วคราวคงมิใช่ปัญหา เพียงรอให้แต่ละมณฑลทิ้งไพ่ตายลงมาก่อนจึงจักตัดสินได้”

“ข้าไม่คิดเลยว่าพลังฝึกปรือของฉินอวี่จะก้าวหน้ารวดเร็วถึงเพียงนี้…หากให้เวลามันอีกไม่กี่ปีหรือสักสิบกว่าปี อาจได้เป็นต้วนหลิงเทียนคนที่สอง”

เหล่าผู้อาวุโสของมณฑลจิ่วโยวไม่กี่คนที่ติดสอยห้อยตามเถียนจี้หวี่มา อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ

กระทั่งอาวุโสฝ่ายในทั้งสองอย่างผางปิงกับเจิ้งชิว พอมองไปยังฉินอวี่อีกครั้ง ในแววตาก็เผยให้เห็นความชื่นชมประการหนึ่ง

“เวทย์พลังสนับสนุนนั่นมัน…หรือว่า”

ส่วนทางด้านผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว เถียนจี้หวี่นั้น พอมองไปยังฉินอวี่อีกครั้ง ลูกตาของมันพลันหดหยีเล็กลง คิ้วยังย่นยู่เป็นปมราวกับครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง

สีหน้าแต่เดิมที่เคยสงบ บัดนี้เผยให้เห็นความตกใจระคนตะลึงปานพึ่งเห็นผีกลางวันแสกๆ

“ประทับโลหิตฟ้าร่ายรำ!”

“นั่นคือ ประทับโลหิตฟ้าร่ายรำ!!”

ในขณะที่เถียนจี้หวี่กำลังมองฉินอวี่ด้วยความตกตะลึงปานเห็นผี เหล่าผู้ว่าอีก 15 มณฑลที่เหลือก็มีอาการไม่ต่างจากเถียนจี้หวี่สักเท่าไหร่ บางคนถึงกับโพล่งคำออกมาอย่างแตกตื่น

“ประทับโลหิตฟ้าร่ายรำ…นั่นมิใช่เวทย์พลังสนับสนุนระดับลี้ลับที่จะฝึกปรือได้ก็ต่อเมื่อมีสายเลือดของพระราชวังฉินหรือไร?”

“เจ้าหนุ่มจากมณฑลจิ่วโยวนี่ไฉนใช้เวทย์พลังเฉพาะของพระราชวังฉินได้ มันไปขโมยมาจากที่ใดกัน?”

“ไม่ว่าจะขโมยก็ดี หรือลักลอบฝึกปรือเวทย์พลังสนับสนุนระดับลี้ลับเฉพาะของพระราชวังฉินก็ดี…นี่นับเป็นอาชญากรรมใหญ่หลวงนัก!!”

เหล่าผู้ว่าการมณฑลทั้งหลาย ไม่เว้นอาวุโสหลายต่อหลายคนพากันซุบซิบกล่าวคำกันดังระงม

ในวาจาคล้ายพวกมันตัดสินไปแล้ว ว่าฉินอวี่ถ้าไม่ลักลอบฝึกปรือก็ต้องขโมยเวทย์พลังสนับสนุนระดับลี้ลับนี้มาแน่

“ประทับโลหิตฟ้าร่ายรำ!!”

ในที่นั่งพิเศษสำหรับบุคคลสำคัญ เบื้องหลังม่านผ้าบาง ตอนนี้อ๋อง 3 ที่พึ่งนั่งลงได้ไม่ทันไร จำต้องลุกพรวดขึ้นมายืนอีกครั้ง “หนุ่ม…หนุ่มน้อยนั่นต้องเป็นลูกชายของน้อง 4 แน่…น้อง 4 …น้อง 4 มีทายาทแล้ว!!”

“เมิ่งผิงพาฉินอวี่มาพบข้า!”

สายตาที่แหมคมปานมีดดาบของอ๋อง 3 คล้ายทะลวงม่านผ้าตัดระยะเหลือบมองไปยังร่างพิธีกรที่ดำเนินการประลองอยู่ในเวทีด้านล่างปราดหนึ่ง ค่อยถ่ายทอดคำสั่งให้มันโดยตรง จากนั้นก็กลับมามองจ้องฉินอวี่ไม่วางตา

“รับด้วยเกล้าท่านอ๋อง 3”

หลังได้รับคำสั่งโดยตรงจากอ๋อง 3 พิธีกรที่ลอยร่างอยู่เหนือเวทีประลอง ก็หันไปมองฉินอวี่ที่พึ่งคว้าชัยชนะมาหมาดๆ กล่าวทักไปทันทีว่า “ฉินอวี่ ท่านอ๋อง 3 เรียกเจ้าไปพบ…ตามข้ามา!”

ทันทีที่พิธีกรกล่าววาจานี้ออกมา ไม่ทันที่ฉินอวี่จะได้ตอบสนองสิ่งใด ด้านผู้ชมก็ตกอยู่ในความโกลาหลเรียบร้อย

“อ๋อง 3!?”

ทันใดนั้นทุกสายตาบนอัฒจันทร์รอบเวทีการประลอง ก็หันขวับจับจ้องไปยังชั้นลอยพิเศษ อันมีม่านผ้าบดบังไว้ทันที! ล่านผ้าผืนนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดาๆ

คนในม่านสามารถมองออกมาด้านนอกได้โดยไม่ถูกบดบังทัศนียภาพ ทว่าคนทั่อยู่ด้านนอกคิดมองเข้าไป นั่นก็ยากเย็นยิ่งแล้ว…

“เจ้าหนูจากมณฑลจิ่วโยวนั่น ข้าเกรงว่าจะซวยแล้วล่ะ…ที่อ๋อง 3 เรียกมันไปพบ ไม่พ้นเรียกไปสอบสวนแน่ ว่ามันไปร่ำเรียนเวทย์พลังสนับสนุนนั่นมาจากผู้ใด…”

“แม้ไม่รู้ว่ามันจะไปลักลอบร่ำเรียน หรือไปขโมยฝึกเวทย์พลังสนับสนุนเฉพาะพระราชวังฉินอย่างประทับโลหิตฟ้าร่ายรำมาจากที่ใด…แต่การลักลอบฝึกปรือเวทย์พลังเฉพาะเช่นนี้มีโทษหนักนัก!”

หลายคนคิดว่าฉินอวี่กำลังจะถึงคราววเคราะห์แล้ว

“ข้าไม่คิดว่าท่านอ๋องค์ 3 จะเรียกมันไปไต่สวนความผิด…บางทีอาจไถ่ถามเรื่องลำดับญาติวงศ์วานก็ได้มิใช่หรือ?”

“นั่นสิ…อย่าได้ลืมไปว่าเจ้าหนุ่มผู้นั้นก็แซ่ฉินเช่นกัน!”

แม้หลายคนจะคิดว่าคราวนี้ฉินอวี่ซวยแล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่ฉุกคิดถึงแซ่ของฉินอวี่ จึงคิดว่าฉินอวี่อาจจะเป็นลูกหลานของพระราชวังฉินที่อาศัยอยู่ข้างนอกก็เป็นได้

“ข้าก็เคยคิดว่าฉินอวี่ผู้นี้ให้ความรู้สึกคุ้นหน้าอยู่บ้าง…ลองคิดดูแล้วช่างเหมือนท่าน อ๋อง 4 ในตอนนั้นนัก…”

ลูกตาของ เถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวหดเล็กลง กล่าวพึมพำเสียงหนัก