ตอนที่ 2723 : มรดกความทรงจา
ภายในเรือนพักหลังหนึ่งของโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน บนเตียง 1 ใน 3 ห้องพัก ปรากฏร่างอ่วนเอ๋อที่บัดนี้ได้ถอดหมวกงอบรวมถึงผ้าปิดปากออกแล้ว นั่งขัดสมาธิอยู่ ไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่หนาแน่นจนแทบจะควบแน่นเป็นของเหลวกาลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางด้วยความเร็วสูง พวกมันถูกขัดเกลาเพาะสร้างให้กลายเป็นพลังเซียนอมตะต้นกาเนิดในร่างนางอย่างไม่หยุดยั้ง จี้ห้อยคอของฮ่วนเอ๋อไม่ทราบถูกนาออกมาจากกอกเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ และตอนนี้ตัวจี้ก็เปิดอ้าเผยให้เห็นผลึกเทพด้านใน
และจากผลึกเทพดังกล่าว ก็มีไอพลังวิญญาณหนาแน่นฟุ้งออกมาไม่หยุด! เพียงพริบตาก็เปลี่ยนห้องหับหลังนี้ให้กลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะทันที ‘ด้วยสภาพแวดล้อมบ่มเพาะที่ดีเกินขีดจากัดข้าไปมากแบบนี้ หากข้ายังไม่อาจทะลวงถึงจินเซียนตะวันน้าเงินได้ในเวลาสั้นๆ ข้าก็ใช้การไม่ได้แล้วจริงๆ’ ต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิบนเตียงเดียวกันกับฮ่วนเอ๋อทว่าหันหลังให้ ย่อมสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นชวนให้หลงใหลชัดเจน อดกล่าวในใจอย่างมุ่งมาดไม่ได้ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเขาก็เริ่มหลับตาบ่มเพาะพลังทันที
สาหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว สภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันคือสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีเหนือขีดจากัดเขาไปด้วยซ้า ทาให้ไม่จาเป็นต้องใช้หินอมตะเพิ่มแต่อย่างไร เหลือแต่ผลของโอสถเท่านั้นที่ยังพอช่วยเหลือเขาในการบ่มเพาะได้ หลังเข้าสู่ห้วงภวังค์บ่มเพาะ ต้วนหลิงเทียนก็ลืมเลือนเวลาไปอย่างสิ้นเชิง มุ่งมั่นจะทะลวงจุดรอคอยเพื่อทะลวงด่านพลัง บรรลุถึงจินเซียนตะวันน้าเงินให้จงได้! บางทีก็เหมือนเวลายังพึ่งผ่านไปได้ไม่ทันไร แต่บางทีก็เสมือนเนิ่นนานเป็นศตวรรษ ‘ทะลวง!’
หลังทุ่มสมาธิทั้งหมดให้กับการบ่มเพาะสั่งสมพลัง ต้วนหลิงเทียนที่ลืมเลือนเวลาในที่สุดก็ได้ตื่นขึ้นมาทันที เมื่อประสบความสาเร็จในการทะลวงจุดรอคอย บรรลุถึงจินเซียนตะวันน้าเงินได้เรียบร้อย วู้ม! รอบตัวต้วนหลิงเทียนคล้ายมีวงคลื่นแผ่กระจายออกไปเป็นระลอกๆ เป็นกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกาเนิดที่ตีปะทะกับไอพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่น! “พี่หลิงเทียนท่านทะลวงด่านพลังได้แล้วหรือ?” และไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะลืมตาเต็มตื่นเขาก็ต้องประหลาดใจไม่น้อย เพราะได้ยินเสียงไพเราะเจือความแปลกใจของฮ่วนเอ๋อดังเข้าหู
“ฮ่วนเอ๋อ นี่ข้าบ่มเพาะพลังไปนานแค่ไหนแล้วเหรอ?” ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าฮ่วนเอ๋อจะรู้รึเปล่าวว่าเขาใช้เวลาบ่มเพาะไปนานเท่าไหร่ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังลองถามออกไปดู “พี่หลิงเทียน ท่านพึ่งบ่มเพาะพลังได้ 3 วันเอง” ฮ่วนเอ๋อกล่าว “ 3 วัน?” ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง ถึงแม้เขาจะรู้สึกได้รางๆว่าการสั่งสมพลังทะลวงด่านครั้งนี้ไม่น่าจะใช้เวลานานนัก แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะใช้เวลาไปแค่ 3 วันก็บรรลุถึงจินเซียนตะวันน้าเงินได้แล้ว
‘นี่มันจะไม่รวดเร็วเกินจริงไปหน่อยหรอ?’ ต้วนหลิงเทียนที่อึ้งไปอยู่นาน ในที่สุดก็ดึงสติให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้ ครานี้นับว่าผลึกเทพได้ทาให้เขาตกใจแล้วจริงๆ กับอีแค่เศษพลังวิญญาณฟ้าดินที่ล้นออกมาก็น่ากลัวขนาดนี้แล้ว ‘พี่หลิงเทียนทาไมด่านพลังของท่านถึงต่านักล่ะ?’ เสียงของฮ่วนเอ๋อดังขึ้นอีกครั้ง “ฮ่วนเอ๋อ เจ้ารู้สึกว่าด่านพลังของข้าสมควรสูงกว่านี้หรือ?” ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ใช่”
ฮ่วนเฮ่อพยักหน้ารับ ค่อยกล่าวด้วยความงุนงง “ฮ่วนเอ๋อพบว่าพี่หลิงเทียนเองก็มีชีพจรสวรรค์ 99 สายในร่างเหมือนฮ่วนเอ๋อ…แม้ในฐานะมนุษย์ศักยภาพและพรสวรรค์ของร่างกายท่านจะสู้ฮ่วนเอ๋อไม่ได้ แต่ก็ไม่สมควรแตกต่างกันมากขนาดนี้…” “อันที่จริงด้วยพรสวรรค์ของท่าน หากไม่ใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับต่าๆ และคอยดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินทีละนิดๆแบบนั้น ด่านพลังของท่านป่านนี้ก้าวหน้าไปไกลแล้ว” ด้วยวาจาอธิบาของฮ่วนเอ๋อ ก็คลายความสงสัยของต้วนหลิงเทียนได้ทันที ทั้งหมดเพราะเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังของเขามันห่วยเกินไป…
แต่จะให้ทาอย่างไรได้ เพราะเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังอย่าง ‘ผลึกรัศมีลี้ลับ’ ที่ต้วนหลิงเทียนใช้อยู่ตอนนี้ มันก็แค่ระดับเหลืองเท่านั้น กระทั่งยังจัดว่าเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเหลืองที่ต่าต้อยที่สุด ในสายตาของคนเมืองหลวงประเทศอมตะด้วยซ้า “พี่หลิงเทียน ให้ฮ่วนเอ๋อสอนเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังให้ท่านดีไหม?” ฮ่วนเอ๋อกล่าวออกมาอีกรอบ ได้ยินคาถามดังกล่าวของฮ่วนเอ๋อ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ส่องสว่างจ้าขึ้นมาทันที ฮ่วนเอ๋อกระทั่งสิ่งของล้าค่าอย่างผลึกเทพยังมี แล้วเคล็ดวิชาบ่มเพาะของนางจะอ่อนด้อยได้หรือ?
ทันใดนั้นลมหายใจของต้วนหลิงเทียนก็ถี่รัวขึ้นมา “ฮ่วนเอ๋อ” อย่างไรก็ตามครู่ต่อมาคล้ายในใจต้วนหลิงเทียนนึกอะไรขึ้นได้ คนคล้ายถูกน้าเย็นราดรดศีรษะ เริ่มฟื้นคืนสติ “ท่านแม่ของเจ้าได้เตือนเจ้าไว้รึเปล่า ว่าอย่าเผยแพร่เคล็ดวิชาบ่มเพาะให้คนนอก? หากท่านแม่ของเจ้ากาชับเรื่องนี้ไว้ เจ้าเอามาสอนข้าคงไม่ดีมั้ง?” “ไว้พี่หลิงเทียนค่อยไปหาเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสูงกว่านี้เองดีกว่า” ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสริม ตอนแรกพอได้ยินว่าฮ่วนเอ๋อจะสอนเคล็ดวิชาบ่มเพาะให้เขาก็รู้สึกตื่นเต้นทั้งประหลาดใจนัก
อย่างไรก็ตามเขาตระหนักได้ทันที ว่าสิ่งนี้อาจเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะอย่างไรเคล็ดวิชาบ่มเพาะของฮ่วนเอ๋ออาจถูกมารดาของนางกาชับไว้ว่าไม่ให้สอนใคร “พี่หลิงเทียน เคล็ดวิชาบ่มเพาะของฮ่วนเอ๋อๆมีมาตั้งแต่เกิด กล่าวได้ว่าทันทีที่ฮ่วนเอ๋อจาความได้ มันก็อยู่ในความทรงจาของฮ่วนเอ๋อแล้ว…ท่านแม่บอกว่านี่คือ มรดกความทรงจา! ในบรรดาเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายาของพวกเรา มีเพียงจิ้งจอกน้าแข็งพันมายาที่จะถือกาเนิดขึ้นทุกๆรอบล้านปีเท่านั้น ถึงจะมีมรดกความทรงจาดังกล่าว” ฮ่วนเอ๋อกล่าวต่อว่า “ก่อนที่ท่านแม่จะจากไป นางไม่ได้บอกฮ่วนเอ๋อไว้ ว่าไม่อาจถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้…อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ฮ่วนเอ๋อลองถ่ายทอดให้ท่านแม่แล้ว แต่
ท่านแม่ก็ใช้ไม่ได้ ฮ่วนเอ๋อเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร” “มีมาแต่กาเนิด? มรดกความทรงจา?” “แม้แต่ท่านแม่ของเจ้ายังใช้ไม่ได้?” ได้ยินคาพูดของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมา “ถ้างั้นข้าก็คงใช้ไม่ได้หรอก…สุดท้ายแล้วนั่นก็คือเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เป็นมรดกความทรงจาของเผ่าพันธุ์เฉพาะ น่าจะเหมาะสมแค่กับฮ่วนเอ๋อเท่านั้น คนอื่นไม่น่าจะใช้ได้” “ท่านแม่เป็นสัตว์อมตะแท้เลยฝึกไม่ได้…แต่พี่หลิงเทียนเป็นมนุษย์แท้นี่นา บางทีก็อาจฝึกได้ไม่ใช่เหรอ?” ฮ่วนเอ๋อกล่าว
ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงสว่างวาบขึ้นมาอีกรอบ ใช่! มารดาของฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกมายาแท้ๆ สาเหตุที่นางฝึกไม่ได้อาจเป็นเพราะนางไม่มีเลือดมนุษย์ไหลเวียนอยู่ในกาย เพราะในร่างกายของฮ่วนเอ๋อนอกจากเลือดสัตว์อมตะแล้ว ยังมีเลือดมนุษย์ไหลเวียนอยู่อีกด้วย และในฐานะที่เป็นมนุษย์ บางทีเขาอาจจะฝึกวิชาบ่มเพาะของฮ่วนเอ๋อได้
‘ถึงแม้ไม่รู้ว่าภายในร่างกายของฮ่วนเอ๋อเป็นอย่างไร แต่นางเป็นถึงจิ้งจอกน้าแข็งพันมายา…ที่ล้านปีจะมีปรากฏขึ้นสักครั้งในเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายา เผยให้เห็นว่าตัวตนของฮ่วนเอ๋อพิเศษมาก…’ ‘แถมเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายาก็ท่าทางจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ทั่วไป มารดาของฮ่วนเอ๋อถึงขั้นทิ้งผลึกเทพไว้ให้นางได้ แค่นี้ก็บอกแล้วว่ามารดานางไม่ธรรมดาเลยจริงๆ และนั่นทาให้เผ่าพันธุ์ของนางก็ไม่น่าจะธรรมดาไปได้’ ‘เช่นนั้นเคล็ดบ่มเพาะพลังของจิ้งจอกน้าแข็งพันมายาที่เป็นมรดกความทรงจา ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว…’ ถึงแม้ไม่ทราบว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะในมรดกความทรงจาที่ฮ่วนเอ๋อมีจะเป็นระดับไหน แต่ต้วนหลิงเทียนมั่นใจมากว่ามันไม่ใช่เคล็ดวิชาดาษๆแน่นอน
หาไม่แล้วมันจะทาให้ฮ่วนเอ๋อบรรลุถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะได้ในเวลาสิบปีเศษๆงั้นเหรอ? อายุ 13 ปี บรรลุถึงยอดเซียนอมตะ ! ตัวตนเช่นนี้ต่อให้กวาดตามองไปทั่วทั้งแดนสวรรค์หลิงหลัวเทียน แต่น่ากลัวว่ายังเป็นตัวตนทีหาได้ยากยิ่งใช่ไหม? ด้วยเหตุนี้เมื่อฮ่วนเอ๋อตัดสินใจจะสอนเคล็ดวิชาบ่มเพาะดังกล่าวให้ต้วนหลิงเทียน ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะสงบอารมณ์อยู่ได้ เรียกว่าเขาตื่นเต้นคึกคัก ยากจะสงบลงได้อยู่นาน ทว่าไม่ทันถึงวัน….
ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่า ตัวเขาไม่อาจโคจรพลังตามเคล็ดวิชาที่ฮ่วนเอ๋อถ่ายทอดได้ เพราะดูเหมือนชีพจรพลังในร่างจะแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามฟังจากความซับซ้อนของเคล็ดความที่ฮ่วนเอ๋อกล่าวสอนมา ต้วนหลิงเทียนก็พอจะประมาณได้คร่าวๆ ว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังจากมรดกความทรงจาของฮ่วนเอ๋อนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสวรรค์ขึ้นไป! แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่เคยพบเคยเห็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสวรรค์มาก่อน
“พี่หลิงเทียน งั้นฮ่วนเอ๋อช่วยพี่หลิงเทียนหาเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสูงๆดีหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่อาจบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาจากมรดกความทรงจาของตัวเองได้ ฮ่วนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะนางเองก็เห็นความผิดหวังที่ผุดขึ้นในส่วนลึกของแววตาต้วนหลิงเทียนชัดเจน ทาให้รู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง “ไม่เป็นไร ขอแค่ฮ่วนเอ๋อขยันบ่มเพาะพลังให้มากก็พอ…ไม่ต้องห่วงเรื่องเคล็ดวิชาบ่มเพาะนี่หรอก พี่หลิงเทียนของเจ้าหาเองได้” ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือไปลูบหัวฮ่วนเอ๋อ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ที่สาคัญถ้าหากด่านพลังของฮ่วนเอ๋อสูงขึ้น คราวนี้ทีหลังพอเจอศัตรูร้ายกาจเราก็ไม่ต้องกลัวพวกมันอีกต่อไป เพราะถึงตอนนั้นฮ่อนเอ๋อคงช่วยพี่หลิงเทียนตีมันให้ตายใช่หรือไม่? จะได้ไม่เป็นเหมือนตอนนี้ ที่พวกเราต้องมากังวลเรื่องพลังของตระกูลโจวอะไรนั่น จนทาได้แค่หลบอยู่ในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน…” เมื่อเห็นว่าฮ่วนเอ๋อยังแลดูกังวลเรื่องเขา ต้วนหลิงเทียนเลยกล่าวปลอบต่อ “หากพวกเราแข็งแกร่งกว่ามัน…ต่อให้พวกเราจะไปยืนด่าพวกมันถึงหน้าบ้าน พวกมันก็ไม่กล้าทาอะไรด้วยซ้า” ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเรื่องนี้ออกมา สองตาฮ่วนเอ๋อก็ทอประกายจ้า แววตาฉายถึงความมุ่งมั่นขึ้นมาทันตาเห็น เร่งหลับตาลงและเริ่มบ่มเพาะพลังต่อทันที!
ด้านต้วนหลิงเทียนเห็นดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆลุกออกจากเตียงไปเปิดประตูอย่างเบามือ แล้วเดินออกจากห้องไป ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเดินออกมา แน่นอนว่าพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่นในห้องก็พวยพุ่งออกมาเช่นกัน ยังดีที่เขารีบปิดประตูเร็วไว จึงทาให้ไอพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่นจนแทบควบแน่นเป็นของเหลวทะลักออกมาไม่มาก พวกมันจึงเริ่มแพร่กระจายไปในอากาศ ไม่ทันไรก็เบาบางลงอย่างรวดเร็ว… “ท่านลูกค้า” สาวใช้เฉิงเอ้อ ที่กาลังดูแลดอกไม้ในสวนบนลานเล็กๆ พอเห็นต้วนหลิงเทียนเดินออกมา นางก็รีบวางมือจากงานที่ทา แล้วเร่งมาคารวะทักทายต้วนหลิงเทียนทันที
สายตาที่นางใช้มองต้วนหลิงเทียนยังหวานเชื่อมหยดย้อยนัก ราวกับจะบอกต้วนหลิงเทียนเป็นนัยว่า ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนต้องการ นางก็พร้อมจะตามใจต้วนหลิงเทียนทุกอย่าง จะให้นางทาอะไรก็ได้… “เจ้าทางานของเจ้าไปเถอะ” ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆให้เฉิงเอ้อ ก่อนที่จะเดินไปแขวนผ้าสีแดงไว้ที่หน้าประตู ตามที่เสี่ยวซือนามเสี่ยวลิ่วกล่าวบอกไว้ก่อนหน้า จากนั้นค่อยเดินกลับไปพักในห้องว่างห้องอื่น “เฉิงเอ้อ ถ้าเสี่ยวลิ่วมาแล้ว เจ้ามาเคาะประตูเรียกข้าได้เลย” ก่อนที่จะปิดประตูห้องพัก ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมกาชับเรื่องราวกับเฉิงเอ้อ
“เจ้าค่ะ” เฉิงเอ้อขานรับอย่างเชื่อฟัง หลังเข้ามาในห้องแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไปนั่งลงบนเตียง เพียงห้วงคิดก็ปรากฏเปลวเพลิงสีเทาหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงมันเป็นถึงเพลิงเทพโกลาหล จุดติดขึ้นบนฝ่ามือ… แต่แน่นอนว่าสาหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว เขายังรู้แค่ว่ามันเป็นเพลิงอมตะระดับต่า ‘จริงด้วย…หลังจากที่ระดับพลังฝึกตนของข้าก้าวหน้า เปลวเพลิงสีเทาที่อยู่ในเศษโลหะแตกหักนี่ก็ถูกข้าดึงออกมาควบคุมใช้งานได้มากขึ้น…’
‘มองจากอัตราการดึงออกมาใช้แบบนี้…ข้าทะลวงถึงต้าหลัวจินเซียนเมื่อไหร่ ก็สมควรควบคุมเปลวเพลิงสีเทาทั้งหมดใน
เศษโลหะแตกหักนี่ได้…’ ลูกตาต้วนหลิงเทียนส่องสว่างขึ้นปานดาราสุกสกาวกลางฟ้ายามราตรี