ตอนที่ 2724 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 2724 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ตอนแรกหลังจากที่บรรลุถึงขอบเขตจินเซียนตะวันเขียวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าตัวเองสามารถควบคุมใช้เพลิงสีเทาได้มากขึ้น เดิมหลังจากทะลวงด่านพลังมาถึงจินเซียนตะวันเขียว เขาก็พบว่าสามารถชักนาเพลิงสีเทาที่ซ่อนอยู่ในเศษโลหะแตกๆได้มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งพลังของเพลิงสีเทาที่จุดขึ้นก็เหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นเช่นกัน และตอนนี้พอทะลวงถึงขอบเขตจินเซียนตะวันน้าเงินแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเขาสามารถชักนาเพลิงสีเทาออกมาใช้ได้มากขึ้นกว่าเดิม! ปริมาณที่ชักนาออกมาควบคุมใช้งานยังมากกว่าก่อนหน้า!!
เมื่อมองจากอัตราการชักนานี้แล้ว เขาจึงมั่นใจว่า…วันไหนที่เขาทะลวงถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียนล่ะก็ เขาสมควรควบคุมใช้งานเปลวเพลิงสีเทาทั้งหมดได้แน่นอน! ‘รอก่อนเถอะ วันไหนที่ข้าทะลวงถึงต้าหลัวจินเซียน วันนั้นจะเป็นวันที่ข้าควบคุมใช้เพลิงอมตะระดับกลางได้!’ เมื่อพบว่ายิ่งทะลวงด่านพลังสูงขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งชักนาเพลิงสีเทาออกมาได้มากและทรงพลังขึ้นแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนจึงตัดสินได้ทันที ว่าตราบใดที่เขาสามารถชักนาเพลิงสีเทาทั้งหมดในเศษโลหะแตกหักมาใช้งานได้ล่ะก็ เพลิงสีเทาจะไม่มีพลังอานาจอยู่ในระดับเพลิงอมตะระดับล่างอีกต่อไป แต่มันจะทรงพลังเทียบได้กับเพลิงอมตะระดับกลาง!
‘ถึงตอนนั้น…ข้าจะก็กลายเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับกลาง!’ คิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงจ้าขึ้นมาวาบหนึ่ง หลังจากเหลือบมองเพลิงสีเทาที่จุดขึ้นในมืออีกครู่หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยหนึ่งห้วงคิดดับมันทันที ‘จะว่าไป…ฮ่วนเอ๋อกลับสามารถมองออกได้ด้วยว่าข้ามีชีพจรสวรรค์ 99 เส้น…ไม่รู้ว่านี่เป็นความสามารถพิเศษของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายา หรือเป็นความสามารถพิเศษของจิ้งจอกน้าแข็งพันมายาอย่างนางคนเดียวกันแน่’ เมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้า ที่ฮ่วนเอ๋อกล่าวบอกจานวนชีพจรสวรรค์ที่เขาทะลวงเปิดออกได้ทั้ง 99 สายออกมาโต้งๆ ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับตกตะลึง จนพูดอะไรไม่ออกอยู่บ้าง
‘ตอนมีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ผู้เฒ่าหั่วที่เป็นถึงอีกาทองคา 3 ขาก็บอกไว้…ว่าจานวนชีจรสวรรค์นั้น กระทั่งตัวตนอย่างจักรพรรดิสวรรค์ยังมองไม่ออกด้วยซ้า และจนถึงวันนี้นอกจากฮ่วนเอ๋อแล้ว คนที่มองออกทันทีว่าในร่างข้ามีชีพจรสวรรค์ 99 เส้นก็มีแต่ เซี่ยเจี๋ย อาสามของเค่อเอ๋อ ยอดฝีมือจากดินแดนแห่งทวยเทพคนเดียว…’ เรื่องที่พลังฝีมือของเซี่ยเจี๋ยสูงส่งกว่าจักรพรรดิสวรรค์นั้น เป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่สงสัย อย่างไรก็ตามสาหรับฮ่วนเอ๋อแล้ว พลังของนางยังด้อยกว่าจักรพรรดิสวรรค์อยู่มาก ต้วนหลิงเทียนก็เลยคิดไปว่า การที่ฮ่วนเอ๋อสามารถมองออกได้ว่าในร่างเขามีชีพจรสวรรค์ 99 สาย อาจเป็นเพราะความสามารถพิเศษบางประการของเผ่าพันธุ์จิ้งจอก
มายาของนาง หรืออาจจะเป็นความสามารถพิเศษของจิ้งจอกน้าแข็งพันมายา ‘ยังไงก็ช่าง…รู้แค่ว่าฮ่วนเอ๋อไม่ใช่เล่นๆเลย’ ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยิ่งรู้สึกว่าฮ่วนเอ๋อไม่ธรรมดาเข้าไปใหญ่ และสิ่งที่สาคัญที่สุดเลยก็คือ… ดุจเดียวกับเขา ฮ่วนเอ๋อก็มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเช่นกัน! “ก็อกๆๆ” “ท่านลูกค้า ท่านเสี่ยวลิ่วมาแล้วเจ้าค่ะ”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะเรื่องที่การได้พบกับฮ่วนเอ๋อแบบนี้เสมือนฝันไปยังไงไม่ทราบ เฉิงเอ้อสาวใช้ประจาเรือนพัก ก็ได้เคาะประตูห้องเขาสองสามครั้ง พลางกล่าวเสียงใสเรียกหา 2 ห้องด้านในสุดของเรือนพักแต่ละหลังของโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนนั้น แต่ละห้องย่อมมีค่ายกลปิดกั้นเสียงรบกวนเช่นกัน ทว่าค่ายกลนี้ยังกาหนดเงื่อนไขไว้อีกอย่าง ถ้าหากเป็นการเคาะประตูเบาๆนามาก่อน ก็จะเป็นการหยุดค่ายกลปิดกั้นเสียงชั่วคราว หาไม่แล้วคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เสียงของเฉียงเอ้อจะดังถึงหูต้วนหลิงเทียน เมื่อได้ยินเสียงเรียก ต้วนหลิงเทียนก็ลุกไปเปิดประตูแล้วเดินออกไปทันที “ท่านลูกค้า”
เมื่อได้เห็นเสี่ยวซือ อย่างเสี่ยวลิ่วอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างจากครั้งก่อน เพราะตอนนี้แววตาท่าทีที่อีกฝ่ายใช้มองปฏิบัติกับเขา คล้ายจะทวีความเคารพขึ้นสามส่วน “หืม? ไม่เห็นเจ้าแค่ 2-3 วัน ไฉนเจ้าแลดูเกรงใจข้าขึ้นมากเล่า? แลดูสุภาพเรียบร้อยเชียว…” ต้วนหลิงเทียนกล่าวหยอก “ท่านลูกค้า อย่าได้ล้อผู้น้อยเล่นเลยขอรับ” เสี่ยวลิ่วคลี่ยิ้มเจื่อนๆ กล่าวคาด้วยน้าเสียงมากเคารพ “ตอนนี้ให้มองไปทั่วเมืองหลวงประเทศเถิงหลง ยังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกเล่า ข้าล่ะยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกท่านถึงขั้นกล้าเข่นฆ่าอาวุโสสกุลโจว ทั้งซัดคุณหนู 4 จนกลิ้งกลางถนนเช่นนั้น…”
“ที่สาคัญพวกท่านยังฆ่าสัตว์ขี่คู่กายของคุณหนู 4 ต่อหน้าต่อตานางอีก” “อย่างไรก็ตามพวกท่านยังนับว่าโชคดียิ่งที่ไม่ได้พลั้งมือฆ่าคุณหนู 4 สกุลโจวไป…หาไม่แล้วต่อให้เป็นยอดฝีมือของทางโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเรา ก็ไม่แน่ว่าจะคุ้มครองท่านได้” ขณะกล่าวถึงจุดนี้ เสียงกล่าวทั้งทีท่าของเสี่ยวลิ่วคล้ายรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนช่างโชคดีนัก “หืม? ไหงเจ้าพูดงั้นล่ะ?” ต้วนหลิงเทียนถามไปด้วยสงสัย
ต้องทราบด้วยว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนมาเข้าพักโรงเตี๊ยมแห่งนี้ อีกฝ่ายรับประกันเป็นมั่นเหมาะ ว่าต่อให้เขาไปมีเรื่องกับสกุลโจวมาก็ไม่ต้องกลัว เพราะพวกมันสามารถรับประกันความปลอดภัยให้เขาได้ และนั่นก็ทาให้เขารู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่วันนั้นไม่ได้ฆ่าคุณหนู 4 อะไรนั่นทิ้ง… ที่เขาไม่ฆ่านางเพราะกลัวก่อปัญหาโดยใช่เหตุ และทาให้ไม่อาจรั้งอยู่ในเมืองหลวงของประเทศเถิงหลงแห่งนี้ได้อีก จนต้องออกเดินทางอีกครั้ง “ข้าน้อยขอกล่าวเรียนต่อท่านลูกค้าตามตรง หากเป็นคนอื่นในสกุลโจว ท่านอยากฆ่าผู้ใดก็ฆ่าได้ตามแต่ใจ ไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะกล้าบุกเข้าไปทาอะไรท่านที่นี่…แต่บุตรของประมุขสกุลโจวนั้นเป็นข้อยกเว้น! ท่านมิอาจแตะต้องผู้ใดได้ เพราะทุกคนจักมีความเกี่ยวข้องกับองค์
ชาย 4 ของประเทศเถิงหลงเรา…ทุกคนเป็นลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 4 ขอรับ” “โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหนู 4 แห่งสกุลโจว นางยังสนิทสนมกลมเกลียวกับองค์ชาย 4 ยิ่ง…อีกทั้งพระชายาเองก็รักนางมากเช่นกัน เห็นนางไม่ต่างอะไรจากลูกกสาวแท้ๆ หากท่านฆ่านางไป ไม่เพียงแต่สกุลโจวจะไม่มีวันเลิกรากับท่าน กระทั่งองค์ชาย 4 ยังไม่เลิกราต่อท่านโดยง่าย…” เสี่ยวลิ่วกล่าว “องค์ชาย 4 แห่งประเทศเถิงหลง?” ได้ยินคาของเสี่ยวลิ่ว ต้วนหลิงเทียนก็โค้งคิ้วขึ้นเล็กน้อย ด้วยมิคาดว่าคุณหนู 4 นั่น จะสนิทสนมกับเชื้อพระวงศ์คนสาคัญอย่างองค์ชาย 4 แห่งประเทศเถิงหลง
เมื่อ 3 วันก่อนตอนที่พาฮ่วนเอ๋อไปหาอะไรกินในเหลา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินผู้คนในเหลากล่าวถึงเชื้อพระวงศ์คนสาคัญในประเทศเถิงหลงมาบ้าง ยังได้ยินเรื่องตัวเก็งที่จะได้รับตาแหน่งองค์ชายรัชทายาททั้ง 3 คน และหนึ่งในนั้นก็คือองค์ชาย 4! “ใช่แล้วขอรับ” เสี่ยวลิ่วพยักหน้า “มารดาผู้ให้กาเนิดองค์ชาย 4 หรือก็คือพระชายารองนั้น เป็นพี่น้องคลานตามกันมากับผู้นาสกุลโจวคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นบิดาของคุณหนู 4 สกุลโจว” พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ทันที ว่าไฉนนางถึงสาคัญนัก “ว่าแต่ท่านลูกค้าเรียกหาข้า มิทราบว่ามีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ?”
หลังอธิบายจบ เสี่ยวลิ่วก็กลับมาถามเข้าเรื่อง “สกุลเหนียนของพวกเจ้า ใช่มีโรงประมูลส่วนตัวอะไรทานองนี้รึเปล่า?” ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม “มีขอรับ” เสี่ยวลิ่วพยักหน้า จากนั้นก็ฉีกยิ้มสดใสกล่าวถามว่า “หรือ…ท่านลูกค้าสนใจเข้าร่วมการประมูล?” “อ่า” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“โรงประมูลสกุลเหนียนของพวกเรา จะจัดงานประมูลย่อยทุกๆ 3 เดือน และจัดงานประมูลใหญ่ทุกๆปีขอรับ…กล่าวไป หลังจากนี้อีก 5 วันที่โรงประมูลสกุลเหนียนของเราก็จะจัดงานประมูลย่อยขอรับ” เสี่ยวลิ่วตอบ หลังพูดจบแล้วมันหยุดพักเล็กน้อย ค่อยอธิบายเพิ่มเติมว่า “โรงประมูลสกุลเหนียนของพวกเรา ยังอยู่ไม่ไกลจากโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนแห่งนี้ด้วยขอรับ…หากท่านลูกค้าต้องการเข้าร่วมงานประมูล เมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มงานประมูล ข้าน้อยจะจัดให้ท่านลูกค้าเข้าร่วมงานประมูลโดยมี ยอดฝีมือของทางเราคุ้มกันไปส่งถึงโรงประมูลขอรับ” “งานประมูลขนาดย่อยงั้นเหรอ…แล้วปกติงานประมูลขนาดย่อยมีอะไรดีๆเข้าร่วมการปรมูลบ้างล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม เขาจาเป็นต้องรู้ข้อมูลคร่าวๆก่อน ถึงจะตัดสินใจได้ว่าควรไปเข้าร่วมงานประมูลย่อยที่สกุลเหนียนจัดขึ้นไหม เพราะในความคิดเขา หากเป็นงานประมูลย่อยที่จัดขึ้นบ่อยครั้งแบบนี้ คงยากจะมีของดีอะไรเข้าร่วมประมูล แต่จะว่าไป หากเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับลี้ลับที่เขาต้องการนั้น สาหรับเมืองหลวงของประเทศเถิงหลงแห่งนี้ สมควรไม่ใช่อะไรที่ล้าค่าและหาได้ยากมาก
ยิ่งไปกว่านั้นในระนาบเทวโลกแห่งนี้ การจะคัดลอกเคล็ดวิชาบ่มเพาะสักเคล็ด อาศัยยันต์อมตะเก็บความทรงจาแผ่นเดียวก็เหลือเฟือ… จากนั้นหลังได้ยินสิ่งของร่วมประมูลคร่าวๆจากงานประมูลย่อยครั้งก่อนๆ รวมถึงรายการที่จะนาเข้าประมูลครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโล่งอก ‘เป็นอย่างที่คิดไว้เลย แค่เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับลี้ลับไม่ได้หายากอะไรในเมืองหลวงประเทศเถิงหลง…’ ‘อีกทั้งงานประมูลย่อยคราวนี้ ยังมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับลี้ลับเข้าร่วมการประมูลถึง 7 เคล็ด’ ต้วนหลิงเทียนที่รู้สึกโล่ใจ ก็กล่าวกับเสี่ยวลิ่วด้วยน้าเสียงสบายๆ “เสี่ยวลิ่ว เจ้าช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ข้าด้วย…อีก 5 วันข้าจะไปเข้าร่วมงานประมูลย่อยที่โรงประมูลสกุลเหนียนเจ้า”
… หลังเสี่ยวลิ่วกลับไปได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนที่นั่งจิบชาอยู่ที่ลานหน้าเรือนพักหมดกา และลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยคิดจะกลับไปบ่มเพาะพลังที่ห้องนั้น ไม่ทันจะเดินถึงเรือนพัก อยู่ๆก็มีคนมาเรียกหาหน้าเรือน…เป็นอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญมาเยือนถึงที่! “ท่านลูกค้า องค์ชาย 4 คิดพบปะกับท่านสักครา” เมื่อเสียงดังกล่าวจากหน้าประตูเรือนพักดังขึ้น เฉิงเอ้อก็เร่งหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนทันที “ท่านลูกค้า…เป็นท่านผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลโรงเตี๊ยม?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ค่อยมองกล่าวกับเฉิงเอ้อ “เฉิงเอ้อเจ้าไปเปิดประตู” กล่าวจบคา ต้วนหลิงเทียนก็เดินย้อนกลับไปนั่งรอที่โต๊ะในลานว่าง หลังเปิดประตูเรือนพักถูกเปิดออก เฉิงเอ้อก็คารวะทักทายผู้มาด้วยท่าทีสุภาพมากเคารพ และร่าง 4 ร่างที่เดินเข้ามานั้น คนหนึ่งก็คือ ‘สหายเก่า’ ต้วนหลิงเทียนนั่นเอง แต่เป็นธรรมดาว่าคา ‘สหายเก่า’ ในที่นี้ ไม่ใช่สหายของต้วนหลิงเทียนจริงๆ แต่เป็นคนที่เขาเคยเจอครั้งหนึ่งเท่านั้น โจวชู่ตง คุณหนู 4 ตระกูลโจว!
ดังคากล่าว ‘พบศัตรูอีกครา หน้าเหี้ยมเป็นพิเศษ’ โจวชู่ถงพอสบตากับต้วนหลิงเทียนนางก็แยกเขี้ยวยิงฟัน ทาราวกับทนรอพุ่งเข้ามาเข่นฆ่าสังหารไม่ไหว แววตาคล้ายคิดสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นชิ้นๆ เผาศพให้เป็นเถ้าถ่าน สาดเทอัฐิ! โจวชู่ตงก้าวอาดๆติดตามชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวขลิบทองคนหนึ่งเข้ามา และข้างๆก็มีชายชราแลดูธรรมดาสามัญ หากแต่ทาให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหยั่งไม่ถึง สุดท้ายก็เป็นชายวัยกลางคนในชุดสุภาพเรียบร้อย สีหน้าแลดูลาบากใจรั้งท้าย มองจากทีท่าและตาแหน่งการเดินแล้ว ต้วนหลิงเทียนบอกได้ทันที ว่าชายวัยกลางคนที่เดินตามหลังสุด สมควรเป็นผู้ดูแลโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน
ส่วนชายหนุ่ม 2 คนที่เหลือ ผู้ที่มาในชุดเขียวขลิบทองเดินนาหน้าสุด อันมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา และมองจากลวดลายบนชุดคลุมหรูหรานั่น ไม่พ้นเป็นองค์ชาย 4แห่งประเทศเถิงหลงแน่แท้ ส่วนชายอีกคนที่แลดูชรามีอายุแล้ว ก็คงเป็นผู้ติดตามคุ้มกันขององค์ชาย 4 อย่างไรก็ตาม การที่มันสามารถรับหน้าที่ติดตามคุ้มกันคนสาคัญของประเทศเถิงหลงอย่างองค์ชาย 4 ได้เพียงลาพัง ก็บ่งบอกให้รู้ประการหนึ่ง…ว่ามันมิใช่ชนชั้นต่าทราม พลังฝีมือสมควรสูงล้า มิใช่แค่ยอดเซียนอมตะดาษๆ! เห็นทั้ง 4 ก้าวอาดๆผ่านลานว่างเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มรินชาลงจอกอย่างไม่รีบไม่ร้อน แลดูไม่ได้อีนังขังขอบอะไร
“เจ้ามันช่างโอหังนัก!!” เป็นโจวชู่ตงที่เอ่ยทาลายความเงียบ นางถลึงตามองต้วนหลิงเทียนพลางตะคอกคาอย่างดุร้าย “องค์ชาย 4 เสด็จมาเยือนเจ้าก็บุญหัวขนาดไหนแล้ว แต่เจ้ายังกล้านั่งแช่โง่งม ไม่รีบลุกขึ้นมาคารวะอีก!!” “อ้อ…ข้าก็สงสัยอยู่เชียว ว่าใครกันที่คิดถึงข้าจนมาหาถึงที่นี่ได้….ที่แท้ก็เป็นคุณหนู 4 นี่เอง” เผชิญหน้ากับท่าทีดุร้ายมากโทสะของโจวชู่ตง ต้วนหลิงเทียนที่เริ่มละเลียดชาอย่างได้อารมณ์ ก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้า มองนางพลางคลี่ยิ้มบางๆ เอ่ยคาด้วยน้าเสียงสนุกสนาน ค่อยละสายตาจากนางไปมองสารวจองค์ชาย 4 ที่กาลังมองพินิจเขาอย่างสุขุม