เล่ม 1 ตอนที่ 381 พร้อมหน้า บุกถึงบ้าน

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 381 พร้อมหน้า บุกถึงบ้าน

ในตอนที่มือของนางกำลังจะแตะถูกยิ่นอ๋องนั่นเอง แววตาของยิ่นอ๋องก็เย็นยะเยือก ยึดข้อมือของนางไว้ แล้วถามเป็นเชิงเตือน “จะทำสิ่งใด”

ฮองเฮาเยี่ยหลัวหดคอ เห็นชัดว่านางถูกเขาทำให้กลัวเข้าแล้ว แต่นางก็ยังอดใจมองดูเขาไม่ได้

ยิ่นอ๋องทำสีหน้ารังเกียจพลางปัดมือของนางทิ้ง

คนกลุ่มนั้นขวางรถม้าเอาไว้แล้ว เฉียวเวยไม่มีเวลาสนใจขบคิดเกี่ยวกับอาการประหลาดของฮองเฮาเยี่ยหลัว เฉียวเวยคว้ามือของนาง “เลิกหลงผู้ชายได้แล้ว รีบเข้าไปเร็ว!”

พูดจบก็เลิกผืนผ้าออกแล้วยัดนางเข้าไปใต้ม้านั่ง หลังจากนั้นก็ยัดตัวเองเข้าไปใต้ม้านั่งอีกฝั่งหนึ่ง

นางนั่งก้นกระดก เปิดผืนผ้าบนเบาะเป็นช่องเล็กๆ

ยิ่นอ๋องเห็นก้นน้อยๆ กลมดิกของสตรีที่ตนคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ปฏิกิริยาแรกกลับไม่ใช่อยากลูบสักหน แต่เป็นอยากถีบสักหน

เขาคิดเช่นนี้แล้วก็จะทำเช่นนี้ด้วย

เขายกเท้าขึ้นมา

ทว่าเฉียวเวยกลับหันขวับกลับมาเปิดผืนผ้าเสียก่อน ศีรษะน้อยกลมมนโผล่ออกมา

เท้าของยิ่นอ๋องชะงักกลางอากาศ จะถีบก็ไม่ได้ จะไม่ถีบก็ไม่ได้

เฉียวเวยมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด “ท่านทำอะไร คิดจะถีบข้าหรือ”

“เปล่า แค่เหยียดขาเฉยๆ” ยิ่นอ๋องวางขาลงพลางตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด

เวลานี้ก็มีคนเคาะที่บานประตู เฉียวเวยหดศีรษะกลับไปอยู่ใต้ผืนผ้า

ยิ่นอ๋องจัดอาภรณ์ขยับนั่งตัวตรง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผู้ใด”

องครักษ์ตอบด้วยความเคารพ “เรียนท่านอ๋อง ศิษย์จากตำหนักราชครูของเผ่าเยี่ยหลัวพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาของพวกเขาหายตัวไป…”

ยิ่นอ๋องเอ่ยขัดเขาอย่างไม่เกรงใจสักนิด แล้วยังจงใจตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้นคล้ายกับกลัวว่าคนเยี่ยหลัวกลุ่มนั้นจะไม่ได้ยินอีกด้วย “ฮองเฮาของพวกเขาหายตัวไปแล้วจะมาขวางรถม้าของข้าหรือ พวกเขาคิดว่าข้าลักพาตัวฮองเฮาของพวกเขาไปหรืออย่างไร”

ศิษย์ตำหนักราชครูที่เดินทางมาจงหยวนย่อมฟังภาษาฮั่นรู้เรื่องทุกคน พอยิ่นอ๋องพูดจบ พวกเขาก็หน้าเขียวจนเป็นสีเดียวกับต้นหญ้า อยู่ที่เยี่ยหลัวแม้แต่ราชายังไม่กล้าหักหน้าตำหนักราชครูเช่นนี้ ยิ่นอ๋องคนนี้ช่างใจกล้านักเชียว!

แต่ในใจพวกเขาโกรธเกรี้ยวอีกเท่าใดก็ทำอันใดยิ่นอ๋องไม่ได้

ที่แห่งนี้คือแผ่นดินของต้าเหลียง อยู่บนแผ่นดินของตนเอง ยิ่นอ๋องจะยอมให้คนนอกมารังแกตนเองได้หรือ

ศิษย์ทั้งหลายจากตำหนักราชครูเอียงหัวกระซิบกระซาบกันพักหนึ่ง เนื้อหาหลักๆ ก็คือยิ่นอ๋องกับตระกูลจีไม่ถูกกัน น่าจะไม่มีทางช่วยจีฮูหยินปิดบังโอรสสวรรค์พาคนหนีข้ามทะเล เมื่อคิดได้ดังนั้นทุกคนจึงไม่ยื้อยิ่นอ๋องไว้อีก

รถม้าของยิ่นอ๋องแล่นออกจากประตูวัง

เพิ่งแล่นรถม้าออกมาได้ไม่นาน ศิษย์เอกของราชครูก็ไล่ตามมา เขามองรถม้าที่หายลับไปสุดถนนแล้วทุบกำปั้นแรงๆ!

รถม้าแล่นเข้ามาในเขตตลาดอันครึกครื้น ยิ่นอ๋องเหล่มองใครบางคนนิ่งๆ “ออกมา ไม่มีอะไรแล้ว”

เฉียวเวยมุดออกมาจากม้านั่งแล้วปัดไม้ปัดมือ ก่อนจะดึงฮองเฮาเยี่ยหลัวออกมาจากใต้ม้านั่ง พลางช่วยนางจัดเสื้อผ้าที่ยับย่น แล้วบอกว่า “หนนี้ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ แม้ก่อนหน้านี้พวกเราสองคนจะทะเลาะกันไม่โสภานัก แต่ข้าหาใช่คนจิตใจคับแคบ เห็นแก่ที่ท่านช่วยข้าหนนี้ บุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้ถือว่าหายกัน!”

สายตาของยิ่นอ๋องเย็นยะเยือกจนจะแช่แข็งวัวตัวหนึ่งตายได้

เฉียวเวยเลิกคิ้วเรียว พึมพำว่า “อะไร ไม่พอใจหรือ”

ยิ่นอ๋องอยากพูดแล้วก็หยุด ผ่านไปพักใหญ่จึงหลบสายตาไปนิ่งๆ “เหตุใดต้องลักพาตัวฮองเฮาเยี่ยหลัวมาด้วย ทำเช่นนี้มีประโยชน์อะไรต่อตระกูลจีของพวกเจ้า”

ฮองเฮาเยี่ยหลัวมองยิ่นอ๋องตาไม่กะพริบ

เฉียวเวยเหลือบมองฮองเฮาแล้วปิดดวงตาของนางไว้อย่างอับอาย ท่านเป็นฮองเฮานะ อย่าหลงผู้ชายที่อายุพอจะเป็นบุตรชายของท่านจะได้หรือไม่

ฮองเฮาเยี่ยหลัวจับมือของเฉียวเวยออกแล้วมองยิ่นอ๋องต่อ

เฉียวเวยยกมืออีกข้างขึ้นมาปิดดวงตาของนางไว้แน่นสนิท หลังจากนั้นจึงตอบคำถามของยิ่นอ๋อง “ข้าทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของข้า”

ยิ่นอ๋องเอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้ากำลังเล่นกับไฟ ต่อให้นางเป็นมารดาบังเกิดเกล้าของหมิงซิว แต่นางก็เป็นฮองเฮาแห่งเผ่าเยี่ยหลัวด้วย หากราชาเยี่ยหลัวทราบว่านางไปตระกูลจี พวกเจ้ากระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็ล้างมลทินไม่ได้แล้ว”

อ้อ เกือบลืมไปเลย เจ้าหมอนี่คิดว่าฮองเฮาเยี่ยหลัวเป็นเจาหมิงตัวจริงเหมือนกับฮ่องเต้นี่นา

จะบอกความจริงกับเขาดีหรือไม่นะ

ระหว่างที่เฉียวเวยลังเลตัดสินใจไม่ได้นั่นเอง ยิ่นอ๋องก็เอ่ยปากอย่างดูแคลนอีกหน “เฉียวซื่อ ตอนนี้เจ้านึกเสียใจก็ยังทันอยู่ ในร่างหมิงซิวมีเลือดของเยี่ยหลัวไหลเวียนอยู่ ช้าเร็วฝ่าบาทย่อมกำจัดเผ่าเยี่ยหลัว ถึงยามนั้นเขาย่อมหนีไม่พ้นและเจ้าก็ย่อมหนีไม่พ้นด้วย หากไม่อยากตายก็รีบตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลจีเสีย”

“หลังจากตัดขาดความสัมพันธ์แล้วอย่างไร”

“ข้าจะสู่ขอเจ้าเอง”

ถุย!

พูดมาเสียนานที่แท้ก็ยังไม่เลิกล้มความคิดชั่วๆ อีก!

ลูกสาวก็มีตั้งสาม ส่วนเมียมีคนเดียวก็เทียบเท่าได้กับสามคน!

ยังจะกล้าเด็ดดอมดอกไม้ใบหญ้านอกบ้านอีกหรือ!

เจ้าไม่ลอยขึ้นสวรรค์ไปเลยเล่า!

ตอนนี้เฉียวเวยเลิกล้มความคิดที่จะบอกความจริงกับเขาแล้ว ปล่อยให้เขาถูกปิดหูปิดตาอยู่ในกลอง ถูกปิดหูปิดตาจนตายไปเลย!

รถม้ามาถึงบริเวณใกล้กับตระกูลจีแล้ว เฉียวเวยจึงจูงฮองเฮาเยี่ยหลัวลงจากรถม้า

ฮองเฮาเยี่ยหลัวเดินก้าวหนึ่งหันหลังกลับไปเสียสามหน นางมองยิ่นอ๋องอย่างเหม่อลอย

เฉียวเวยบอกว่า “ไม่ต้องดูแล้ว พวกท่านสองคนล้วนแต่เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว อายุก็ไม่เหมาะสมกัน อีกอย่างภรรยาของเขาดุร้ายยิ่ง แม้แต่แม่ทัพต้าเหลียงของพวกเรายังถูกนางซัดจนหมอบกระแต เรือนร่างเล็กจ้อยนี่ของท่านไม่พอให้นางยัดในซอกฟันด้วยซ้ำ”

เฉียวเวยพูดพลางก็ลากฮองเฮาเยี่ยหลัวเข้าไปในตระกูลจี

บนรถม้า ยิ่นอ๋องปลดม่านลงอย่างสงสัย

เหตุใดองค์หญิงเจาหมิงจึงมองเขาด้วยสายตาเช่นนั้น ช่างทำให้คนไม่เข้าใจเสียจริง!

กล่าวถึงเฉียวเวยหลังจากนางพาฮองเฮาเยี่ยหลัวกลับมาถึงตระกูลจี นางก็กำลังครุ่นคิดว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ในตระกูลอย่างไร ตอนนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าร้อนรนของปี้เอ๋อร์เดินเข้ามา “ฮูหยิน เหล่าไท่ไท่กับเรือนรองเดินทางไปเยี่ยมญาติแล้วเจ้าค่ะ เดือนหน้าจึงจะกลับ พวกเขาให้ข้านำป้ายมามอบให้ท่าน เรื่องในจวนระหว่างนี้มอบหมายให้ท่านจัดการ”

โอ๊ะโย๋ โชคดีอะไรเช่นนี้หนอ

กำลังกลุ้มว่าน่าจะอธิบายยากอยู่เชียว แต่ปรากฏว่าคนเขาออกเดินทางไกลไปนอกบ้านกันหมดแล้ว

สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือจีซั่งชิงไม่ได้ไปด้วย

เฉียวเวยกังวลจริงๆ ว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าฮองเฮาเยี่ยหลัวเป็นเจาหมิง หากเขาทำอะไรผู้อื่นขึ้นมา ถ้าเช่นนั้นกระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็ล้างมลทินไม่ได้จริงๆ แล้ว

เฉียวเวยในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าความกังวลใจของตนเองเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าอย่างสิ้นเชิง หลังจากถูกฮองเฮาเยี่ยหลัวมัดอยู่ในเรือนร่าง ทนผ่านค่ำคืนหนึ่งมาอย่างยากลำบาก ในที่สุดจีซั่งชิงก็ดิ้นหลุดจากพันธนาการ ลากร่างอันสะบักสะบอมของตนเองกลับมาถึงตระกูลจี

ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดว่าจะเชือดเฟิ่งชิงเกออย่างไรดี เขาสาบานว่าหนหน้าที่พบเฟิ่งชิงเกออีก เขาจะต้องให้นางเห็นดีกันแน่!

จีซั่งชิงเดินกะโผลกกะเผลกกลับไปยังเรือนถง ระหว่างที่เดินผ่านสวนดอกไม้ เขาก็บังเอิญพบกับฮองเฮาเยี่ยหลัวที่เดินออกมาจากห้องสุขาพอดี

ดวงตาสองคู่ของทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาคู่โตถลึงตาจ้องดวงตาคู่น้อย

จีซั่งชิงพองขนทันควัน เขาคว้าไม้กวาดที่อยู่บนพื้นวิ่งเข้าไปไล่ตี ‘เฟิ่งชิงเกอ’!

ฮองเฮาเยี่ยหลัวกุมศีรษะวิ่งหลบ

เจ้าหมอนี่น่าชังนัก หนีออกมาได้แล้ว แล้วยังตามมาถึงตระกูลจีอีก!

ถึงอย่างไรจีซั่งชิงก็บาดเจ็บอยู่ ไล่ตีไม่กี่หนก็ตีไม่ไหวแล้ว เขาทำให้ตนเองเหนื่อยจนสำลัก

ฮองเฮาเยี่ยหลัวได้โอกาส คว้าไม้กวาดของเขามาตีเขาดัง เพียะ! เพียะ! เพียะ! “ตีเจ้าให้ตาย! ตีเจ้าให้ตาย! ตีเจ้าให้ตาย!”

จีซั่งชิงถูกตีจนไม่มีเรี่ยวแรงสวนกลับแม้แต่น้อย เขาอยากตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าลำคอของตนแห้งผากจนเปล่งเสียงออกมาไม่ได้

ฮองเฮาเยี่ยหลัวตีอย่างมีจังหวะราวกับตีหนู “ข้าตี! ข้าตี! ข้าตี ตี ตี!”

จีซั่งชิงกุมศีรษะวิ่งหนี

หนีมาจนถึงริมทะเลสาบ

พอเห็นผิวทะเลสาบสีเขียวครามสะท้อนประกายวิบวับ ดวงตาของเขาก็ฉายแววหวาดผวา

ฮองเฮาเยี่ยหลัวไล่ตามมา นางไม่มองแววตาหวาดกลัวในดวงตาเขาสักนิด ยกเท้าขึ้นมาถีบเขาลอยลงไปทันที!

ตู้ม! จีซั่งชิงร่วงลงไปในน้ำ

เฉียวเวยได้ยินเสียงก็รีบเดินเข้ามา เห็นฮองเฮาเยี่ยหลัวเหงื่อชุ่มโชกก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้น”

ฮองเฮาเยี่ยหลัวกระแอม “ไม่มีอะไร แค่ตีหนูแก่ตัวเหม็นตัวหนึ่ง”

เฉียวเวยพยักหน้า “ไปกันเถิด ข้าจะท่านไปพบแม่นางฟู่”

ทั้งสองคนหมุนตัวเดินจากไป

จีซั่งชิงที่จมบุ๋งอยู่ในน้ำรู้สึกสิ้นหวัง

เขาว่ายน้ำไม่เป็น…

อย่าเพิ่งไป…

ดึงเขาขึ้นไปก่อนสิ…

….

เฉียวเวยพาฮองเฮาเยี่ยหลัวเดินไปทางเรือนเสี่ยวอวี่ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปถึงครึ่งทาง เด็กรับใช้จากเรือนชั้นนอกคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอกว่า “ฮูหยินน้อย ด้านนอกมีคุณชายคนหนึ่งมาหาท่าน!”

เฉียวเวยชะงักไปเล็กน้อย “มาหาข้า คุณชายตระกูลใด”

เด็กรับใช้ตอบว่า “เขามิยอมพูด แต่ให้ท่านไปพบเขาด้วยตนเอง ข้าดูแล้วเขา…สวมเสื้อผ้าค่อนข้างแปลก ดูไม่เหมือนชาวต้าเหลียงของพวกเรา แต่หน้าตาดูหล่อเหลา เหมือนคุณชายผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง”

คุณชายผู้ร่ำรวยที่ไม่ใช่คนต้าเหลียง เฉียวเวยพอจะเดาได้แล้วว่าเป็นผู้ใด

เฉียวเวยให้ปี้เอ๋อร์พาฮองเฮาเยี่ยหลัวไปเรือนเสี่ยวอวี่ ส่วนตนเองเดินไปที่ประตูใหญ่จวนตระกูลจีเพื่อพบคุณชายสูงศักดิ์ผู้โวยวายจะพบหน้านางให้ได้คนนั้น

ไม่ผิดจากที่คาด เมื่อก้าวพ้นธรณีประตูออกมาก็เห็นเด็กหนุ่มที่สวมอาภรณ์ชนชั้นสูงของเผ่าเยี่ยหลัวยืนแผ่บรรยากาศความสูงศักดิ์อยู่ตรงหน้า หากเมินผ่านหมอนใบโตที่เขากอดอยู่ในอ้อมแขนไปล่ะก็นะ

มุมปากของเฉียวเวยกระตุกนิดๆ นางยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าองค์ชายสามจะให้เกียรติมาเยือนจึงเสียมารยาทไม่ได้ออกมาต้อนรับ เสียมารยาทแล้วๆ”

องค์ชายสามเอ่ยตอบด้วยภาษาฮั่นอันคล่องแคล่ว “เลิกพูดไร้สาระ มารดาข้าอยู่ด้านในใช่หรือไม่”

องค์ชายสามคนนี้ จะบุกมาขอตัวคนอย่างนั้นหรือ

องค์ชายสามเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เหตุใดเจ้าลักพาตัวเสด็จแม่ของข้าไป แต่ทิ้งข้าไว้คนเดียว”

เฉียวเวย “!”

องค์ชายสามก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วพูดว่า “รีบลักพาตัวข้าไปด้วยเร็วสิ!”

เฉียวเวย “…”