WSSTH ตอนที่ 2,734 : โจวฉู่ชิว

เรียกว่าความสำคัญรวมทั้งความยากในการหลอมกลั่นโอสถต้าหลัวกับโอสถหลัวเทียน ฟังแล้วก็คล้ายๆ ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง…

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโอสถหลัวเทียนนั้นมันเป็นโอสถอมตะระดับสูง เช่นนั้นจึงมีแต่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงเท่านั้นที่จะหลอมสร้างได้ และแน่นอนว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่สามารถหลอมโอสถหลัวเทียนได้ ย่อมมีน้อยยิ่งกว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับกลางที่หลอมโอสถต้าหลัวได้เสียอีก!

เช่นนั้นมูลค่าของโอสถหลัวเทียน จึงห่างไกลสุดที่โอสถต้าหลัวจะเทียบได้!

โอสถต้าหลัวนั้น ลำพังแค่ประเทศอมตะระดับกลางยังพอมีมาแจกจ่ายให้เห็น…

ยกตัวอย่างก็เช่น วังอ๋องฉินของประเทศอวิ๋นเหยียน! ในการประลอง 16 มณฑลที่ต้วนหลิงเทียนเคยเข้าร่วม วังอ๋องฉินก็สามารถนำมาแจกจ่ายเป็นรางวัลพิเศษให้แก่ผู้ว่าการมณฑลทั้งหลายได้หลายเม็ด!

ทว่ากับโอสถหลัวเทียนนั้น ต่อให้เป็นฮ่องเต้ประเทศอมตะระดับสูงก็ยากที่จะหามารับประทานได้สักเม็ด!

ในพื้นที่แดนร้างอันกว้างใหญ่แห่งนี้ มีเพียงนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 เท่านั้น ที่สามารถหลอมกลั่นโอสถหลัวเทียนออกมาได้ ทว่าก็ได้แค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น นับว่ายากจะพบเห็นเช่นกัน!

หากไม่ใช่ตัวตนสำคัญและมีศักยภาพสูงล้ำในนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 ก็อย่าหวังว่าจะได้รับประทานโอสถหลัวเทียนเพื่อทะลวงด่าน หรือใช้บ่มเพาะพลัง!

เหตุผลที่ไฉนโอสถหลัวเทียนถึงได้หายากหาเย็นนัก เป็นเพราะนอกจากต้องอาศัยปรมาจารย์หลอมโอสถระดับสูงที่เก่งกาจแล้ว ยังเป็นเพราะปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงหลายคน ไม่มีแม้แต่ตำรับโอสถหลัวเทียน…

และปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่มีตำหรับหลอม…เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ยังจะมีใครแพร่งพรายตำรับหลอมโอสถหลัวเทียนออกไปโดยง่าย?

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงอดตกตะลึงพรึงเพริดไปไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าตำรับโอสถที่หลงเฟยอวิ๋นจะมอบให้เป็นตำรับโอสถหลัวเทียน!

นั่นเพราะตำรับโอสถหลัวเทียนมีค่ามหาศาลนัก!

กระทั่งนิกายอมตะยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ของแดนร้าง ก็ต้องเนื้อเต้นหากทราบว่าจะได้รับตำรับโอสถหลัวเทียน!

“ท่าน…ท่านมีตำรับโอสถหลัวเทียนจริงๆ!?”

เผชิญหน้ากับคำถามด้วยน้ำเสียงเร่งร้อนของต้วนหลิงเทียน…

หลงเฟยอวิ๋นเพียงพยักหน้ากล่าวคำสั้นๆ “ใช่”

เมื่อได้รับคำยืนยันจากหลงเฟยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็หยีตากล่าวออกเสียงเบา “ในเมื่อท่านถึงกับมีตำรับโอสถหลัวเทียนติดตัว ไฉนต้องมาทำข้อตกลงกับข้าให้วุ่นวายเล่า? ไยไม่ไปติดต่อกับนิกายอมตะหลงหวู่โดยตรง เพื่อทำข้อตกลงเรื่องช่วยเหลือท่านขึ้นครองบัลลังก์?”

“เรื่องนี้ข้าเองก็เคยคิดไว้แล้วเช่นกัน…”

หลงเฟยอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “แต่น้องต้วน…ท่านคิดว่า หากข้าเปิดเผยตำรับโอสถหลัวเทียนออกไปอะไรจะเกิดขึ้น? ข้ายังจะมีลมหายใจมานั่งสนทนานกับท่านได้อยู่หรือ? พวกมันไหนเลยจะลำบากลำบนเรื่องช่วยข้าขึ้นครองราชย์ ฆ่าข้าทิ้งชิงของไปยังไม่ง่ายกว่า?”

เป็นเพราะสาเหตุนี้ทำให้หลงเฟยอวิ๋นไม่กล้ายื่นข้อเสนออะไรกับนิกายอมตะหลงหวู่

ในนิกายอมตะหลงหวู่นั้น ผู้ที่จะมีอำนาจสั่งการแต่งตั้งมันให้เป็นฮ่องเต้ได้ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าต้องเป็นตัวตนที่ต้องมีฐานะสูงพอสมควรในนิกาย และตัวตนเช่นนั้นเป็นธรรมดาว่าล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงพลังทั้งสิ้น!

ต่อหน้าตัวตนเช่นนั้น มันยังนับเป็นตัวอะไรได้…ไม่มีคุณสมบัติจะต่อรองอะไรด้วยซ้ำ!

หลังได้ยินหลงเฟยอวิ๋นกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็พอเข้าใจได้

“องค์ชาย 13 แล้วท่านเชื่อในตัวข้าถึงขนาดนั้นเลยหรือ ไม่กลัวว่าหากข้าได้ตำรับโอสถหลัวเทียนไปแล้วข้าจะกลับกลอกวาจาไม่คิดช่วยเหลือ หรือกระทั่งหนีหายไปหรือไง?”

ต้วนหลิงเทียนมองจ้องหลงเฟยอวิ๋นด้วยสายตาลึกซึ้ง กล่าวถามเสียงขรึม

“ท่านไม่ทำแบบนั้นหรอก น้องต้วน…”

หลงเฟยอวิ๋นมองสบตาต้วนหลิงเทียน ค่อยแย้มยิ้มกล่าวพลางส่ายหน้า “ถึงแม้วันนี้ข้าจะได้พบกับน้องต้วนเป็นครั้งแรก แต่ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น…ข้าหลงเฟยอวิ๋นอย่างไรก็อยู่มาหลายร้อยปีแล้ว เรื่องมองคนข้าก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง”

“แน่นอนว่าต่อให้มองผิดไป…ข้าก็ทำใจรับได้”

หลงเฟยอวิ๋นกล่าว “เพราะ…อย่างน้อยๆข้าก็ไม่ต้องตาย”

ฟังวาจานี้แล้ว เผยให้รู้ว่าสำหรับหลงเฟยอวิ๋นนั้น การมอบตำหรับโอสถหลัวเทียนให้ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเพื่อไขว่คว้าความหวังอันริบหรี่ ดีกว่านำไปเสนอให้นิกายอมตะหลงหวู่แล้วต้องตกตายอย่างโง่งม…

ยิ่งไปกว่านั้นถึงมันจะพึ่งพบปะและสนทนนากับชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าได้ไม่นาน แต่มันก็พอจะบอกได้ว่า…

ชายหนุ่มชุดม่วง มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนสับปลับ!

ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้านั้น ดวงตาใสกระจ่าง ท่วงท่ากริยาองอาจแลดูสง่างามมากราศี กลิ่นอายทั่วร่างเผยให้เห็นถึงความชอบธรรมประการหนึ่ง ด้วยลักษณะผ่าเผยไม่ธรรมดาทั้งยังชวนให้ผู้ที่พบปะสนทนนาด้วยรู้สึกเสมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ ย่อมมิใช่ชนชั้นต่ำทรามแน่นอน!

“องค์ชาย 13 นับว่ากล้าหาญนัก!”

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชยออกมา กระทั่งมองหลงเฟยอวิ๋นอีกครั้ง ในแววตายังเผยความนับถือเลื่อมไสประการหนึ่ง

เพราะสุดท้ายแล้วไม่ใช่ทุกคนที่จะหาญกล้าเสี่ยงแบบนี้!

มาตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว

ว่าเหตุใดองค์ชาย 13 เบื้องหน้าถึงก้าวขึ้นมาอยู่ ณ จุดนี้ได้โดยไร้ซึ่งผู้ใดหนุนหลัง แถมยังปรีชาสามารถไม่ได้ด้อยกว่าองค์ชาย 4 กับองค์ชาย 7…

อาศัยความกล้าที่จะลงมือทำ ยอมรับความเสี่ยงแม้จะคว้าน้ำเหลว ก็ไม่ใช่อะไรที่องค์ชาย 4 กับองค์ชาย 7 จะมีได้…

“ข้าไม่ได้กล้าหาญอะไรหรอก…ข้าก็แค่ไร้หนทาง ได้แต่เสี่ยงเดิมพันหมดหน้าตักเพื่อความหวังสุดท้ายเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นข้าหรือชิวหลิง ก็ไร้ความสามารถในการคัดลอกยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนไว้…”

ในขณะกล่าวหลงเฟยอวิ๋นยังพลิกฝ่ามือเบาๆ ปรากฏยันต์อมตะเก็บความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นในอากาศว่างเปล่า เป็นยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนเอาไว้…

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน เมื่อเห็นยันต์อมตะเก็บความทรงจำดังกล่าว

“ในยันต์อมตะแผ่นนี้…บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนเอาไว้?”

ต้วนหลิงเทียน ในฐานะปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะคนหนึ่ง ถึงแม้จะยังเป็นแค่ระดับต่ำ แต่ก็ไม่อาจห้ามความปรารถนาอยากครอบครองตำรับโอสถหลัวเทียนในมือหลงเฟยอวิ๋นได้ไหว!

เพราะสุดท้ายแล้วนี่คือตำรับโอสถอมตะระดับสูง โอสถหลัวเทียน! ที่กระทั่งปรมาจารย์อมตะระดับสูงมากมายหลายคนอยากได้ถึงขั้นเก็บเอาไปฝัน!!

ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนก็เลยเร่งร้อนหอบถี่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้!

สำหรับเรื่องที่หลงเฟยอวิ๋นกล่าวว่า จะมันหรือชิวหลิงยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ด้านหลัง ก็ไม่มีปัญญาคัดลอกยันต์อมตะเก็บความทรงจำนั้น เขาไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะการที่จะสร้างยันต์อมตะเก็บความทรงจำตำรับโอสถหลัวเทียนได้ ก็มีแต่ต้องเชี่ยวชาญการหลอมโอสถหลัวเทียนจนหลอมกลั่นโอสถหลัวเทียนออกมาให้ได้ก่อนเท่านั้น…

มีเพียงแต่ปรมาจารย์อมตะที่สามารถหลอมกลั่นโอสถชนิดหนึ่งได้แล้ว จึงจะมีความสามารถใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำของตัวเองเพื่อบันทึกตำรับโอสถชนิดนั้นๆได้

เพราะหากไม่แม้แต่จะหลอมโอสถได้ แล้วไหนเลยจะมีความทรงจำในการหลอม?

“ใช่”

หลงเฟยอวิ๋นพยักหน้ารับ ขณะเดียวกันก็มียันต์อมตะเก็บความทรงจำอีกแผ่นปรากฏขึ้นข้างๆแผ่นแรก “ส่วนยันต์อมตะเก็บความทรงจำชิ้นนี้ ได้บันทึกเคล็ดอมตะขั้นปฐพีที่ข้าฝึกปรือ ‘นภาลัยแดนสรวง’ เอาไว้…ตราบใดที่น้องต้วนใช้มัน เคล็ดความและวิธีโคจรของเคล็ดวิชา ‘นภาลัยแดนสรวง’ ก็จักสลักลึกอยู่ในความทรงจำของน้องต้วนและสามารถใช้ได้ทันที”

เปรียบเทียบกับบันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนแล้ว การบันทึกเคล็ดอมตะที่ใช้ในการสั่งสมโคจรพลังนั้นง่ายกว่ากันมาก เพราะขอแค่เข้าใจและโคจรพลังถูกแนวทาง ก็สามารถคัดลอกลงไปในยันต์อมตะเก็บความทรงจำได้ทันที

“แต่ไม่ทราบน้องต้วนท่าน…ยินดีทำข้อตกลงกับข้าหรือไม่?”

หลงเฟยอวิ๋นกล่าวถึงข้อตกลงออกมาอีกครั้ง มันอยากให้ต้วนหลิงเทียนยอมทำข้อตกลงด้วยจริงๆ

“ในเมื่อองค์ชาย 13 เชื่อในตัวข้าและมีความจริงใจถึงขนาดนี้…ยังมีเหตุผลใดให้ข้าปฏิเสธอีกเล่า?”

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเจื่อนๆ

หลังได้รับเคล็ดอมตะนี้ไป เขายังมีเวลาใช้มันบ่มเพาะสั่งสมพลังอีกนาน กว่าจะถึงการประลองใหญ่ที่แดนร้างด้วยซ้ำ

เพราะหลังจากนี้ก็ยังมีเวลาอีก 1 ปี กว่าที่ทางพระราชวังหลวงจะจัดการประลอง หมายคัดเลือกรุ่นเยาว์อัจฉริยะอายุไม่ถึง 100 ปี 50 คนเพื่อไปเข้าร่วมการประลองในแดนร้าง…

หากหลงเฟยอวิ๋นเสนอมาแค่เคล็ดอมตะขั้นปฐพีล่ะก็ ต้วนหลิงเทียนคงต้องคิดทบทวนเรื่องข้อตกลงนี้อยู่บ้างว่าจะรับหรือไม่รับดี

แต่เมื่อหลงเฟยอวิ๋นหยิบควักตำรับโอสถหลัวเทียนออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่เสียเวลาคิดอะไรให้มากความสืบไป เลือกที่จะยอมรับข้อตกลงที่หลงเฟยอวิ๋นเสนอมาทันที!

“ฮ่าๆๆ…น้องต้วนชัดเจนยิ่ง!”

หลงเฟยอวิ๋นที่เฝ้ารอคำตอบด้วยสีหน้าจริงจังตึงเครียดนั้น พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หมอกมืดบนใบหน้าก็คล้ายต้องสายลมพัด มลายหายไปในทันใด กลับกลายเป็นรอยยิ้มร่าสดใสราวตะวันขึ้นยามรุ่งอรุณ มือสะบัดส่งยันต์อมตะเก็บความทรงจำทั้ง 2 แผ่นให้ต้วนหลิงเทียนทันที

และต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้า ราวกริ่งเกรงวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง เขาใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนและเคล็ดอมตะนภาลัยแดนสรวง ให้พวกมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเขาตอนนี้เลย

ด้วยความทรงจำที่มากมายหลั่งไหลมาในคราวเดียว ต้วนหลิงเทียนจึงต้องใช้เวลาซึมซับมันอยู่พักหนึ่ง

“น้องต้วน…ท่าน…ท่านใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนเองเลยเหรอ…นี่ท่านเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงด้วยงั้นหรือ!?”

เห็นการกระทำดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หลงเฟยอวิ๋นถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

เดิมทีมันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเก็บยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนเอาไว้ใช้ทำประโยชน์ในภายหลัง

แต่มิคาดต้วนหลิงเทียนพอคว้าหมับ ก็จ่ายพลังใช้งานมันเองต่อหน้าต่อตา!

ต้องทราบด้วยว่าหากต้วนหลิงเทียนใช้เองแบบนี้ ยกเว้นแต่จะกลายเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงและหลอมโอสถหลัวเทียนได้ด้วยตัวเองสำเร็จ หาไม่แล้วก็ไม่อาจสร้างยันต์อมตะเก็บความทรงจำตำรับโอสถหลัวเทียนได้อีก!

“ข้าเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะจริงๆ แต่ข้ายังไม่ได้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา

“ดูเหมือนว่าน้องต้วนท่านจะมั่นใจมาก ว่าต้องกลายเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงได้แน่ๆ…หาไม่แล้วคงไม่คิดใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนด้วยตัวเองแบบนี้”

เดิมทีหลงเฟยอวิ๋นหลงคิดไปว่าต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงอยู่แล้วถึงกล้าใช้งานเอง มาตอนนี้พอได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียนมันจึงอดผิดหวังไม่ได้

เพราะสุดท้ายแล้ว หากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงจริงๆ ก็สมควรเข้าร่วมกับนิกายอมตะหลงหวู่ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาไปเข้าร่วมการประลองใหญ่ที่แดนร้าง กระทั่งยังยกระดับฐานะเป็นชนชั้นอาวุโสในนิกายอมตะหลงหวู่ได้แทบจะทันที

ถึงตอนนั้น ต้วนหลิงเทียนเพียงเอ่ยปากสักคำ คงทำให้ประมุขนิกายอมตะหลงหวู่แต่งตั้งมันเป็นฮ่องเต้เถิงหลงได้ไม่ยาก ถึงตอนนั้นมันก็สามารถขึ้นดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ได้อย่างไร้ข้อกังขา!

ยามนั้นต่อให้บิดามันไม่เต็มใจแค่ไหน ก็ทำได้แค่ยืนมองมันขึ้นนั่งบัลลังก์แทนที่…

ฉากนั้นแค่เพียงนึกถึง มันก็บังเกิดความสนุกสนานในใจแล้ว!

มาตอนนี้พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง มันจึงอดผิดหวังไปไม่ได้

“น้องต้วน”

ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดอะไรได้ออก หลงเฟยอวิ่นที่เผยสีหน้าผิดหวังก็ฟื้นคืนสติ เร่งกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจังเสียงเข้ม “ตั้งแต่วันนี้ไปท่านออกจากโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเลยเถอะ…ข้าจะพาท่านไปอยู่ในวังส่วนตัวของข้าในพระราชวังหลวงเอง”

“หืม?”

ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆหลงเฟยอวิ๋นจะกล่าวเรื่อนี้ออกมา จึงอดแปลกใจไม่ได้

เขาไม่ได้กังวลเรื่องหลงเฟยอวิ๋นจะทำร้ายเขา

หากหลงเฟยอวิ๋นคิดร้ายต่อเขาจริง ก็สมควรลงมือก่อนที่จะใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนเอาไว้ ตอนนี้ในเมื่อเขาใช้ไปแล้ว หลงเฟยอวิ๋นย่อมไม่มีทางคิดร้ายต่อเขาแน่นอน

เพราะหากหลงเฟยอวิ๋นทำอะไรแบบนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากโยนยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกตำรับโอสถหลัวเทียนทิ้งไปอย่างเสียเปล่า…

“กับคุณหนู 4 สกุลโจวนั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง…แม้แต่พี่ 4 ของข้าก็คงไม่มายุ่งวุ่นวายอะไรกับท่านอีกแน่”

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสงสัย หลงเฟยอวิ๋นก็เร่งกล่าวอธิบายเสียงหนัก “อย่างไรก็ตามเบื้องหลังคุณหนู 4 สกุลโจว ยังมีคนผู้หนึ่งที่อาจสร้างปัญหาให้ท่านได้…”

“และคนผู้นั้นก็คือศิษย์ปิดสำนักของอดีตประมุขนิกายอมตะเชียนจี ศิษย์น้องหญิงคนเล็กของประมุขนิกายเชียนจีคนปัจจุบัน โจวฉู่ชิว!”