WSSTH ตอนที่ 2,736 : ฮ่วนเอ๋อ ยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับ!

“น้องต้วน พวกเราไปกันเถอะ”

ท่ามกลางสายตาใบหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากของชายชราในชุดคลุมลมดำกับหลงฉิงอวิ๋น หลงเฟยอวิ๋นก็หันมามองกล่าวชักชวนต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม

“อ่า”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ก้าวอาดๆออกจากหน้าโรงประมูลสกุลเหนียน ไปตามทางกลับโรงเตี๊ยม

หลังพวกเขาจากไปลับตาแล้ว ด้านหลงฉิงอวิ๋นยิ่งมาสีหน้ายิ่งอัปลักษณ์ปั้นยากนัก ขณะเดียวกันมันก็หันไปมองตะคอกถามผู้ดูแลโรงเตี๊ยมสกุลเหนียนด้านหลังเสียงแข็งว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไฉนอยู่ดีๆน้อง 13 ของข้าจึงไปสนิทสนมกับชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นได้!?”

เดิมทีในสายตาของหลงฉิงอวิ๋น ชายหนุ่มชุดม่วงที่มีความเป็นมาไม่ธรรมดาแบบนี้ คงไม่เห็นหัวน้อง 13 และไม่คิดจะลดตัวมาเกี่ยวข้องด้วย…

อย่างไรก็ตาม พอมันตัดสินจากสถานการณ์ที่เห็นเบื้องหน้า…

น้อง 13 ของมันคล้ายจะสนิทใจและให้ความสำคัญกับชายหนุ่มชุดม่วงคนนั้นมาก!

ทันใดนั้นมันรู้สึกถึงวิกฤตประการหนึ่ง

ถึงแม้นิกายอมตะอันทรงพลังนอกแดนร้าง จะไม่อาจแทรกแซงเรื่องการสืบทอดบัลลังก์ของประเทศอมตะเถิงหลงได้โดยตรง แต่อย่างไรเสียนิกายอมตะหลงหวู่ก็มีอำนาจลิขิตความเป็นไปของพวกมันอยู่ดี…

แล้วใครจะไปรู้ว่านิกายอมตะเบื้องหลังชายหนุ่มชุดม่วงนั่นยิ่งใหญ่กว่านิกายอมตะหลงหวู่หรือไม่?

หากมีพลังอำนาจเหนือกว่า แล้วชายหนุ่มชุดม่วงนั่นเอ่ยปากกับอาวุโสของมันสักคำ ไม่แน่อาจจะกดดันจนทางนิกายอมตะหลงหวู่ได้ ถึงตอนนั้นเกิดกำหนดตัวน้อง 13 มันให้เป็นองค์ชายรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ขึ้นมา มันจะทำอย่างไรได้?

นั่นไม่ใช่สิ่งที่มันอยากจะเห็นแม้แต่น้อย!

“องค์ชาย 7 …ข้าน้อย…ข้าน้อยก็มิทราบเลยขอรับ”

ผู้ดูแลโรงประมูลสกุลเหนียนได้แต่ยิ้มขื่นขม ตอบคำเสียงอ่อนตาละห้อย “อย่างไรก็ตาม ข้าเชื่อว่าครั้งนี้ที่องค์ชาย 13 เสด็จมาเยือนโรงประมูลของเรา ไม่พ้นมาเพื่อพบปะกับชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นโดยเฉพาะ!”

“เฮอะ! เรื่องนี้ข้ายังต้องให้เจ้าบอกอีกรึไง!”

หลงฉิงอวิ๋นหันไปมองผู้ดูแลโรงประมูลสกุลเหนียนด้วยสายตาเยียบเย็นพลางตะคอกคำหัวเสีย จากนั้นก็มองไปยังปลายถนนหน้าโรงประมูล ครุ่นคิดไปด้วยใจกังวล ‘เจ้าผู้แซ่ต้วนคนนั้น กับน้อง 13 ไฉนแลดูสนิทกันนักล่ะ..’

‘และเท่าที่ข้ารู้มาถึงแม้พี่ 4 จะถามชื่อเจ้านั่น มันก็ไม่แม้จะเอ่ยบอกด้วยซ้ำ’

‘บางที…เรื่องนี้ข้าต้องเอาไปหารือกับพี่ 4 แล้ว’

ในขณะที่หลงฉิงอวิ๋นกลับจากโรงประมูลสกุลเหนียนโดยมีชายชราในชุดคลุมลมดำที่สะบักสะบอมเดินประกบตามหลัง และมุ่งหน้าไปยังวังองค์ชาย 4 เพื่อหารือเรื่องนี้นั้น

ทางด้านพวกต้วนหลิงเทียน ก็กลับมาถึงโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเรียบร้อย

“น้องต้วน พวกเราจะคอยท่านกับสหายอยู่ที่นี่”

ในโถงรับรองด้านหน้าโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน หลงเฟยอวิ๋นก็กล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม

มันไม่คิดจะตามต้วนหลิงเทียนไปถึงเรือนที่พัก เพราะอย่างไรเสียสหายของต้วนหลิงเทียนก็เป็นสตรี ไม่สะดวกที่พวกมันปุบปับจะเข้าไปหาอะไรแบบนี้

เรื่องนี้ก็ตรงกับความต้องการของต้วนหลิงเทียนพอดี

เพราะสุดท้ายแล้วฮ่วนเอ๋อก็บ่มเพาะพลังอยู่ หากหลงเฟยอวิ๋นติดตามเขาไปยังเรือนพัก ชิวหลิง ผู้ติดตามขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์นั่นก็ต้องติดตามมาด้วยเป็นแน่! และมันต้องเอะใจไม่มากก็น้อยว่ายามที่ฮ่วนเอ๋อออกจากห้องมา กลิ่นอายพลังวิญญาณฟ้ารอบๆมีความผิดปกติ!!

นั่นเป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนไม่อยากเห็น

เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันถึง ผลึกเทพ ที่จะอุบัติขึ้นทุกๆรอบ 1,000 ปีของระนาบเทวโลก หากอีกฝ่ายรู้ว่าฮ่วนเอ๋อมีผลึกเทพ ก็เกรงว่าจะเป็นภัยถึงชีวิตแล้ว

“ฮวนเอ๋อ”

เนื่องจากฮ่วนเอ๋อไม่ถึงขั้นปิดด่านบำเพ็ญ เช่นนั้นเพียงต้วนหลิงเทียนที่กลับมาถึงเรือนพักแล้ว เพียงเอ่ยเรียกหาเสียงเบาจากในลาน ฮ่วนเอ๋อก็ตื่นขึ้นมาทันที

หลังส่งเสียงผ่านพลังไปแจ้งฮ่วนเอ๋อให้เก็บผลึกเทพให้เรียบร้อย และทำการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินในห้องต่อสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็รอเวลาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไป

เขาต้องระวังเรื่อง ผลึกเทพ ให้มาก

“พี่หลิงเทียน เมื่อครู่ท่านบอกว่าจะพาฮ่วนเอ๋อไปอยู่ที่อื่นหรือ? เพราะอะไรเล่า? ใช่สตรีบ้านางนั้นพาผู้คนมาหาเรื่องเราอีกแล้วหรือไม่?”

ขณะกล่าวในดวงตาคู่งามของฮ่วนเอ๋อ ก็ฉายประกายเยียบเย็นหนึ่งให้เห็น

ยามนางลุกขึ้นมา เสื้อผ้าสีขาวที่ยับย่นของนางก็ค่อยๆคลี่ตัว พริบตาร่างบางก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้า พาลให้ต้วนหลิงเทียนอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ ยังต้องระงับปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติ สะกดความร้อนรุ่มใต้ท้องน้อยเอาไว้

“เปล่า…พวกเราแค่เปลี่ยนที่อยู่เฉยๆ และสถานที่ๆพวกเราจะไปอยู่ใหม่ ก็กว้างใหญ่และสะดวกสบายกว่านี้มาก”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยตอบ

“น่าอยู่กว่าที่นี่หรือ?”

ประกายเยียบเย็นมลหายหายไป ถูกความตื่นเต้นคึกคักเข้ามาแทนที่

“อ่า น่าอยู่กว่ามาก แถมมีของอร่อยๆกว่าที่นี่เยอะเลย”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “แต่ก่อนออกไป ฮ่วนเอ๋ออย่าลืมใส่ผ้าปิดหน้ากับหมวกงอบคลุมห….”

“ได้ๆ…ปิดหน้าปิดตาให้มิดชิดใช่ไหม? ฮ่วนเอ๋อรู้แล้วน่า”

ฮ่วนเอ๋อกล่าวขัดคำต้วนหลิงเทียนอย่างฮึดฮัด แต่อย่างไรนางก็ยังคงทำตามคำพูดของต้วนหลิงเทียน ยอมปกปิดใบหน้างดงามพิฆาตโลกนั่นแต่โดยดี

อย่างไรก็ตามอาศัยแค่ทรวดทรงองค์เอวอันสมบูรณ์แบบนั่น ก็มากพอให้เกิดอาชญากรรมแล้ว…

เมื่อต้วนหลิงเทียนพาฮ่วนเอ๋อออกมาพบเจอพวกหลงเฟยอวิ๋นที่รออยู่ที่โถงรับรองหน้าโรงเตี๊ยม แม้หลงเฟยอวิ๋นจะไม่เห็นหน้าค่าตาฮ่วนเอ๋อ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับท่วงท่าสง่างามและสมบูรณ์แบบของฮ่วนเอ๋ออยู่บ้าง

ในฐานะองค์ชาย 13 ของประเทศอมตะเถิงหลง มันก็เคยพบพานหญิงงามมามากมาย แต่นี่นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่ได้เห็นท่วงท่าลักษณะอันสง่างามไร้ที่ติพร้อมด้วยรูปร่างอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามันจะประทับใจมากแค่ไหน ก็ไม่กล้าดูชมอยู่นาน เร่งถอนสายตาออกมาทันที

ถึงแม้จนบัดนี้มันจะยังไม่ทราบว่าที่แท้สตรีชุดขาวกับชายหนุ่มชุดม่วงมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ แต่เมื่อพิจารณาถึงท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมของสตรีชุดขาวที่มีต่อชายหนุ่มชุดม่วงแล้ว มันเชื่อว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่น่าจะธรรมดา!

เช่นนั้นมันจึงไม่กล้ามองสตรีผู้นี้มากเกินควร

และเท่าที่มันทราบมา

พลังฝีมือของสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชั่วเลยจริงๆ นางถึงขั้นเข่นฆ่าอาวุโสสกุลโจว ที่มีขอบเขตพลังต้าหลัวจินเซียนขั้นปฐพีได้ด้วยการลงมือส่งๆ…

“ชิวหลิง น้องต้วนเคยบอกพี่ 4 ว่าสตรีชุดขาวผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึงร้อย…”

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหลงเฟยอวิ๋นจึงส่งเสียงผ่านพลังไปหาชิวหลิงทันที คิดให้ชิวหลิงใช้สำนึกเทวะตรวจสอบกลิ่นอายเลือดเนื้อของสตรีชุดขาวเบื้องหน้า เพื่อดูว่านางใช่มีอายุไม่ถึงร้อยปีจริงหรือไม่

“ฮึ!”

ทว่าหลงเฟยอวิ๋นไม่ทันส่งเสียงผ่านพลังบอกชิวหลิงจบคำ ก็มีเสียงสบเย็นชาหนึ่งดังขึ้นเข้าหู!

เป็นฮ่วนเอ๋อข้างกายต้วนหลิงเทียนที่พ่นลมออกมาเสียงเย็น!

ทันใดนั้นเอง ปรากฏไอเย็นยะเยือกขุมหนึ่งกำจายออกมาจากร่างฮ่วนเอ๋อ ยังกรรโชกไปทางชิวหลิงด้านหลังหลงเฟยอวิ๋น ทำให้สีหน้าของชิวหลิงเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที มันเร่งเปล่งพลังต้านทานอย่างไม่คิดชีวิต!

“นางจับสัมผัสสำนึกเทวะข้าได้…นางยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีจริง! ยิ่งไปกว่านั้นระดับพลังฝึกปรือของนางก็บรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับแล้ว!!”

ขณะเดียวกันนั้นเอง ในหูของหลงเฟยอวิ๋นก็ได้ยินเสียงผ่านพลังรีบร้อนของชิวหลังดังขึ้น

ไฉนที่อยู่ๆ ชิวหลิง ในฐานะที่เป็นถึงยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์จึงหน้าเสียไปเพราะ พบว่าฮ่วนเอ๋อตรวจจับสำนึกเทวะของมันได้ และแผ่ไอเย็นขุมหนึ่งย้อนรอยมาเล่นงานมันนั้น เป็นเพราะมันได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการประมือกับผู้ติดตามของหลงฉิงอวิ๋น!

ถึงแม้ตอนนี้อาการของมันจะทุเลาลงและฟื้นพลังมาได้ส่วนหนึ่ง หากแต่ความแข็งแกร่งของมันตอนนี้ก็ลดลงไปไม่น้อย ให้ประมือกับยอดเซียนอมตะขั้นเหลืองยังนับว่าตึงมือ! ไหนเลยจะต้านทานไอพลังเย็นยะเยือกของฮ่วนเอ๋อได้!?

ยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับ อายุไม่ถึงร้อยปี!?

หลงเฟยอวิ๋นตกกตะลึงพรึงเพริดแล้ว!!

ตัวตนเช่นนี้ ไฉนมาปรากฏตัวนประเทศอมตะเถิงหลงได้!?

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ! กระทั่งผู้ที่บรรลุถึงต้าหลัวจินเซียนขั้นลี้ลับได้ก่อนอายุ 100 ปี ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมาของแดนร้างยังมีปรากฏขึ้นแค่ไม่กี่สิบคน ยิ่งต้าหลัวจินเซียนขั้นปฐพีก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น

และต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์นั้น ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของแดนร้าง ก็เคยมีปรากฏขึ้นแค่ 2 คนเท่านั้น!

สำหรับต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอดนั้น ไม่เคยมีปรากฏขึ้นมาในประวัติศาสตร์ของแดนร้างแม้แต่คนเดียว!

แต่ตอนนี้ชิวหลิงกลับบอกมันว่า…

สตรีในชุดขาวเบื้องหน้าของมันคนนี้ กลับเป็นยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับที่มีอายุไม่ถึงร้อยปี!

“ฮ่วนเอ๋อ ใจเย็นก่อนนะ เกิดอะไรขึ้น?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย พลางปรามฮ่วนเอ๋อที่กำลังจะแช่ร่างชิวหลิงเอาไว้

“พี่หลิงเทียน ลุงคนนี้หยาบคายยิ่ง มันใช้สำนึกเทวะตรวจสอบฮ่วนเอ๋อด้วย!”

ฮ่วนเอ๋อหันมองไปทางชิวหลิงพลางตอบด้วยโทสะ

ได้ยินคำของฮ่วนเอ๋อต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว สีหน้ายังมืดลงโดยพลัน

“ชิวหลิง…เจ้าคงไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ?”

หลงเฟยอวิ๋นตอนนี้ที่ยังแตกตื่นทั้งหวาดกลัวกับเสียงผ่านพลังก่อนหน้าของชิวหลิง เช่นนั้นจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าต้วนหลิงเทียนหันไปสนทนาถามตอบกับฮ่วนเอ๋อ และยิ่งไม่ทันสังเกตเห็นถึงสีหน้าต้วนหลิงเทียนทีเริ่มเปลี่ยนเป็นปั้นยาก

“ข้าไม่ได้ล้อเล่นองค์ชาย”

ด้วยได้ยินคำยืนยันเป็นมั่นเหมาะของชิวหลิง ใจหลงเฟยอวิ๋นก็สะท้านไปทันใด ขณะเดียวกันมันก็เริ่มสงบสติอารมณ์ลง

และพอหันไปเห็นสีหน้ามีโทสะของต้วนหลิงเทียน และสัมผัสได้ถึงความโกรธของฮ่วนเอ๋อ หลงเฟยอวิ๋นก็เร่งกล่าวขอขมาซ้ำๆเป็นการใหญ่ ยังขอให้ชิวหลิงขอโทษอย่างจริงใจ และสิ่งนี้ทำให้ฮ่วนเอ๋อค่อยๆหายโกรธ สีหน้าต้วนหลิงเทียนเองก็ค่อยๆหวนคืนสู่ปกติ

“น้องต้วน…ท่าน…ท่านสะดวกจะเข้าร่วมนิกายอมตะหวู่หลงจริงๆหรือ?”

หลังออกจากโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนจนเดินทางมาถึงด้านหน้าพระราชวังหลวงแล้ว หลงเฟยอวิ๋นที่เงียบมาตลอดทาง ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าประหม่า

ตอนที่อยู่ในโรงประมูลสกุลเหนียน มันเริ่มมั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนสมควรไร้ภูมิหลังความเป็นมายิ่งใหญ่อะไร เพราะเห็นได้ชัดจากความต้องการเคล็ดอมตะขั้นลี้ลับรวมถึงเคล็ดอมตะขั้นปฐพี…

ล้อกันเล่นหรือไร?

คนที่มีภูมิหลังความเป็นมายิ่งใหญ่ไฉนจะมาสนใจเคล็ดอมตะขั้นลี้ลับกับปฐพีได้?

ทว่าตอนนี้จากคำยืนยันก่อนหน้าของชิวหลิงที่โรงเตี๊ยม

สตรีในชุดขาวข้างกายต้วนหลิงเทียนนั้น กลับเป็นถึงยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับที่มีอายุไม่ถึงร้อยปี!!

คราวนี้มันอดไม่ได้ที่จะกลับมาสงสัยอีกครั้ง ว่าต้วนหลิงเทียนกับสตรีชุดขาวอาจมีพื้นเพความเป็นมายิ่งใหญ่สุดที่มันจะหยั่งถึงได้จริงๆ!

หากไม่ใช่มีขุมกำลังอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง และได้รับการสนับสนุนด้วยทรัพยากรบ่มเพาะอันเลิศล้ำสุดที่มันจะล่วงรู้ ไหนเลยจะเพาะสร้างตัวตนที่บรรลุถึงยอดเซียนยอมตะขั้นเหลืองที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีออกมาได้?

เรื่องนี้สุดที่มันจะจินตนาการได้ออกจริงๆ!

“ทำไมถามแบบนั้นเล่า?”

ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง พลางย้อนถาม

“น้องต้วนข้าขอพูดกับท่านตรงๆ…ชิวหลิงได้บอกข้าแล้วว่าสตรีชุดขาวข้างกายท่านนั้นแม้จะยังอายุไม่ถึงร้อยปีแต่กลับสามารถบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นเหลืองได้…ตอนนี้ให้ท่านบอกข้าว่าพวกท่านไม่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่อะไรอีกครั้ง ข้ายากจะเชื่อได้ลงคอจริงๆ”

หลงเฟยอวิ๋นกล่าวออกด้วยรอยยิ้มเหยเก

“เรื่องฮ่วนเอ๋อนั้น…ข้าบอกได้แค่ว่าความเป็นมาของนางซับซ้อนยากอธิบายจึงไม่สะดวกที่ข้าจะกล่าวถึง แต่สำหรับตัวข้านั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง เพราะข้าไม่มีพื้นเพอะไรทั้งสิ้น ข้าสามารถเข้าร่วมนิกายอมตะหวู่หลงได้ไม่มีปัญหา”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ “แต่เรื่องให้ฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมนิกายอมตะหวู่หลง…ข้าไม่กล้ารับปากท่าน เพราะเรื่องนี้ต้องสุดแล้วแต่ความต้องการของนาง”

“ไม่ ไม่กล้า…ข้าไม่กล้ารบกวนให้น้องสาวฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมนิกายอมตะหวู่หลงด้วยหรอก!”

ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน หลงเฟยอวิ๋นเร่งส่ายหัวและกล่าวตอบยืนยันซ้ำๆทันที “กระทั่งหากเป็นไปได้ ข้ายังไม่อยากให้น้องสาวฮ่วนเอ๋อเปิดเผยอายุที่แท้จริงของนางออกมาโดยง่าย…”

“ยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับที่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีเช่นนี้ หากเรื่องราวแพร่งพรายออกไป ข้าเกรงว่าคงไม่พ้นสร้างความแตกตื่นครั้งใหญ่ในเขตอำนาจแดนร้าง!”

“เรื่องนี้กับน้องสาวฮ่วนเอ๋อ มีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์อันใด!”

กล่าวถึงประโยคหลัง สีหน้าของหลงเฟยอวิ๋นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทั้งตึงเครียด “เพราะหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ถึงตอนนั้นข้ากลัวว่าทุกคนต้องมั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าความเป็นมาของน้องสาวฮ่วนเอ๋อไม่ธรรมดาสามัญแน่นอน…และนางสมควรมีเคล็ดอมตะรวมถึงวรยุทธ์และเวทย์พลังระดับสูงล้ำ! ซึ่งนี่มากพอจะกระตุ้นความโลภให้ผู้คนเลือกจะเสี่ยงครั้งใหญ่ และนั่นมิใช่เรื่องดีสำหรับน้องสาวฮ่วนเอ๋อเลย”