พอทราบว่าสตรีอันมีรูปโฉมงดงามไร้ที่ติ พักอาศัยอยู่ในเขตที่พักเดียวกันกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นใครในประประเทศอมตะเถิงหลงไม่เว้นฮ่องเต้เถิงหลง หลงตงผิง ก็ไม่กล้าบังเกิดความคิดชั่วร้ายใดๆทั้งสิ้น

หนึ่งเพราะความเป็นมาของชายหนุ่มชุดม่วงข้างกายสตรีนางนั้นลึกลับเกินไป กระทั่งหลงตงผิงก็ไม่มีปัญญาสืบหาได้ เช่นนั้นจึงไม่กล้าตอแยล่วงเกินชายหนุ่มชุดม่วงโดยง่าย

ประการที่ 2 เนื่องเพราะบัดนี้รูปเหมือนขอสตรีนางนั้นได้แพร่ไปทั่วเมืองไท่อีแล้ว เช่นนั้นไม่พ้นต้องมียอดฝีมือของ 3 นิกายอมตะใหญ่ที่บังเกิดความสนใจในตัวสตรีนางนั้นแน่ พวกมันไหนเลยจะประชันขันแข่งด้วยได้

ด้วยเหตุนี้แม้ในคฤหาสน์จะพูดถึงกันหนาหูขนาดไหน แต่ในบ้านลานที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋ออยู่ยังคงสงบ ไร้ผู้ใดมารบกวน

แต่เป็นธรรมดาว่านี่คือความสงบก่อนพายุจะเข้า

“น้องต้วนตอนนี้รูปโฉมที่แท้จริงของแม่นางฮ่วนเอ๋อแพร่ไปทั่วเมืองไท่อีแล้ว…คนของประเทศอมตะระดับสูงในเมืองไท่อีไม่นับเป็นอะไร ข้ากังวลก็แต่คนของนิกายอมตะทั้ง 3 ในแดนร้าง”

องค์ชาย 13 หลงเฟยอวิ๋นที่พึ่งกลับมาจากด้านนอก กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฮ่องเต้ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนข้าจะเคลื่อนไหวรวดเร็วขนาดนี้…”

สีหน้าฉินอี่ตอนนี้ก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก

ถึงแม้มันจะยังไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับสตรีชุดขาวผู้นั้นเป็นอย่างไร และแม้อีกฝ่ายจะเป็นแค่สหายของต้วนหลิงเทียนก็ตาม มันก็ยังไม่อยากให้นางเกิดเรื่องอยู่ดี

มันเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นสหาย เช่นนั้นแล้วเพื่อนของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนของมันเช่นกัน

หลังหลงเฟยอวิ๋นกล่าวจบคำ ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ตอบคำอะไร…

ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น

“ข้า หวงเชา ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายยอมตะไท่อี ขอเชิญแม่นางในภาพเหมือนออกมาพบปะสนทนากันหน่อย!”

เสียงตะโกนที่ว่าดังขึ้นมาจากลานรวมหน้าบ้านของต้วนหลิงเทียน เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวอยู่หน้าบ้านเขานี่เอง

“ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี?”

ได้ยินเสียงจากด้านนอก ลูกตาหลงเฟยอวิ๋นก็หดเล็กลงทันใด สีหน้ายังไม่ค่อยจะสู้ดีนัก!

“เท่าที่ข้ารู้มาผู้ที่จะเป็นชนชั้นผู้ดูแลอาวุโสผู้ของนิกายอมตะไท่อีได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นชนชั้นขุนนางอมตะ!”

“ในเมื่อผู้ดูแลอาวุโสคนนี้กล้าประกาศตัวว่าเป็นผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อีออกมา เช่นนั้นมันก็ต้องเป็นชนชั้นขุนนางอมตะไม่ผิดแน่!”

หลังบ่นพึมพำจบคำยิ่งมาสีหน้าหลงเฟยอวิ๋นยิ่งดูไม่ได้

ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ!

ถึงแม้ประเทศอมตะเถิงหลงของมันจะเป็นประเทศอมตะระดับสูง แต่ก็ไร้ซึ่งตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ! ที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่ยอดเซียนอมตะขั้นสุดยอดเท่านั้น!!

ขุนนางอมตะมาเพียงหนึ่ง ก็ลงมือสะกดปราบได้ทั้งประเทศอมตะเถิงหลง!

“ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี? ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ!?”

ได้ยินคำพึมพำเสียงเข้มของหลงเฟยอวิ๋น ฉินอวี่ถึงกับต้องลุกขึ้นยืนพรวด สีหน้าเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลอย่างหนัก

ถึงแม้มันจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว ว่าหลังจากภาพเหมือยของสตรีนางนั้นถูกเปิดเผยออกไป ย่อมดึงดูดตัวตนอันทรงพลังจากนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 ในแดนร้างมาแน่ แต่มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าคนแรกที่มาเยือนถึงหน้าประตูจะเป็นตัวตนขอบเขตพลังขุนนางอมตะแบบนี้!!

“ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี?”

ได้ยินเสียงตะโกนจากนอกบ้าน สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

คฤหาสน์ที่พักที่คนของประเทศอมตะเถิงหลงพักอยู่ตอนนี้ ก็เป็นสถานที่ๆนิกายอมตะไท่อีจัดเตรียมไว้ให้

และตอนนี้ในลานรวม หน้าบ้านลานที่เรียงรายเป็นแถวหลังหนึ่ง ปรากฏร่างชายวัยกลางคนหน้าตาแลดูธรรมดามาในชุดคลุมสีเหลืองยืนนิ่งปานปูนปั้น

ทว่าแม้ชายวัยกลางคนชุดคลุมเหลืองจะยืนนิ่งปานปูนปั้น แต่ทั่วร่างของมันก็แผ่กลิ่นอายไม่สามัญออกมา พาลให้ผู้คนโดยรอบบังเกิดความเกรงขามโดยไม่รู้ตัว

“ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อีหรือ?!”

“คนผู้นั้นประกาศว่าตัวเองเป็นผู้ดูแลอาวุโสของนิกายยอมตะไท่อี…เท่าที่ข้าทราบมา ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี อย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงขุนนางงอมตะ 1 ต้นกำเนิด…เช่นนั้นกล่าวอีกอย่างได้ว่า คนผู้นั้นเป็นตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ!?”

“ข้าไม่คิดเลยว่าพอภาพเหมือนสตรีงามพิลาศข้างกายชายหนุ่มชุดม่วงที่สนิทกับองค์ชาย 13 เปิดเผยออกไป ก็จักชักนำตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะมาเร็วไวขนาดนี้…แถมผู้มาถึงเป็นคนแรกยังเป็นผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี!”

“อาศัยผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อีคนนี้เพียงคนเดียว ก็มีพลังกวาดล้างประเทศอมตะเถิงหลงของพวกเราได้แล้ว…”

“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนทั่วร่างของมันจึงแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามแลดูไม่แยแสผู้ใดออกมา…ที่แท้เป็นถึงผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ!”

ที่ด้านหน้าบ้านต้วนหลิงเทียนเดิมทีก็มีคนสัญญจรผ่านไปมาไม่กี่คน แต่พอได้ยินเสียงตะโกน ผู้คนก็เริ่มมามุงดูกันหนาตา

คนที่มามุงเหล่านี้ นอกจากยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่อายุไม่ถึงร้อยปีที่มาเพื่อเข้าร่ววมการประลองใหญ่ในแดนร้างแล้ว ยังมีผู้คนจากตระกูลราชวงศ์ของประเทศอมตะเถิงหลงอีกด้วย และเหล่าองค์ชายแต่ละคนก็มีคนติดสอยห้อยตามมาคนสองคนเป็นอย่างน้อย…

“ฝ่าบาทยังไม่เสด็จมาหรือ?”

“ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อีคนนั้น คงไม่หงุดหงิดที่ต้องรอ แล้วหันมาลงมือเข่นฆ่าพวกเราระบายอารมณ์หรอกนะ?”

ตอนนี้เหล่าคนของประเทศอมตะเถิงหลลงที่มาถึงก่อน ก็ใจเต้นไปไม่เป็นจังหวะเพราะฮ่องเต้เถิงหลงยังไม่มา พวกมันจึงเป็นกังวลนักว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น มีเพียงฮ่องเต้อมตะเถิงหลงมา พวกมันถึงจะพอวางใจได้บ้าง เพราะมีเพียงฮ่องเต้เถิงหลงคนเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพูดกับยอดฝีมือระดับนี้…

ขณะเดียวกันหลายคนเมื่อมาถึงก็ได้แต่พยายามทำตัวให้เงียบที่สุด และไม่มีใครหาญกล้าคารวะทักทายผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อีคนนี้เลย ด้วยกริ่งเกรงว่าอีกฝ่ายจะลงมือเข่นฆ่าพวกมันด้วยความรำคาญ

และในขณะที่ทั้งหลายกำลังกังวล เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากภายในบ้าน

“ผู้ดูแลอาวุโสหวงเชามาเยือนแท้ๆ แต่ข้าหลงตงผิงมิได้ออกไปต้อนรับนับว่าเสียมารยาทมากแล้วจริงๆ ขอผู้ดูแลอาวุโสหวงเชาอภัยให้ข้าด้วย”

ฮ่องเต้ประเทศอมตะเถิงหลง หลงตงผิง ในชุดคลุมมังกรสีทองก้าวอาดๆเข้ามา เหลาผู้คนที่มามุงล้อมก็พากันเปิดทางให้มันเดินไปพบชายวัยกลางคนชุดเหลืองอย่างสะดวก ถ้อยคำวาจาที่กล่าวยังฟังแล้วรื่นหูแลดูเคารพนอบน้อมไม่น้อย

“คารวะผู้ดูแลอาวโสหวงเชา!”

เมื่อมาถึงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนชุดเหลืองฮ่องเต้เถิงหลงก็ประสานมือโค้งคารววะอีกฝ่ายทันที

“เจ้าคือฮ่องเต้ของประเทศอมตะเถิงหลงงั้นรึ?”

สายตาหวงเชาเหลือบมองสำรวจหลงตงผิงพลางถามด้วยความเฉยเมย ไม่ได้ให้เกียรติอะไรแม้แต่น้อยแม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงฮ่องเต้ประเทศอมตะระดับสูงก็ตาม

“ใช่”

หลงตงผิงรีบขานรับเร็วไว ขณะเดียวกันก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ

‘ได้ยินมานานแล้ววว่าฮ่องเต้ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียน อวิ๋นฉือหลิง นั่นเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์…แต่ไม่คิดเลยว่ามันไม่เพียงแต่จะลงมือแพร่ภาพเหมือนของสตรีนางนั้นออกไปทั่วเมืองไท่อี ยังจะส่งข้อมูลไปให้คนผู้นี้ทราบโดยเฉพาะ…’

ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อี หวงเชา นั้น หลงตงผิงย่อมรับทราบกิตติศัพท์ขออีกฝ่ายเป็นอย่างดี และรู้ว่ามันเป็นดั่งโจรปล้นสวาทคนหนึ่งเมื่อพบเจอสตรีงดงาม

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่หวงเชามาถึงที่นี่ได้ในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้ ก็ทำให้มันประหลาดใจอยู่บ้าง

เช่นนั้นหลังลองคิดดูมันก็ตระหนักได้ว่า…

สาเหตุที่หวงเชามาถึงในเวลาอันสั้น สิบในสิบไม่พ้นอวิ๋นฉือหลิง ฮ่องเต้ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนจงใจกระทำแน่นอน ไม่งั้นหวงเชาคงไม่มาถึงเร็วไว!

“เจ้าสมควรได้ยินที่ข้าพูดเมื่อครู่แล้ว…ให้สตรีในภาพเหมือนนางนี้ออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”

แทบจะทันทีที่หลงตงผิงกล่าวตอบออกมา หววงเชาก็สะบัดมือเรียกภาพเหมือนม้วนหนึ่งออกมาคลี่กางยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าหลงตงผิง

เมื่อภาพเหมือนคลี่ออก จนเผยภาพสตรีอันมีรูปโฉมงดงามไร้ตำหนินาง ผู้คนโดยรอบก็หันไปมองจ้องด้วยความสนใจทันที

ถึงแม้กลุ่มคนที่มามุงดูรอบๆ จะมากจะน้อยก็เคยเห็นภาพเหมือนมาแล้ว แต่ใจก็ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นไปอีกรอบ

“อาวุโสหวงเชาข้า…”

ในขณะที่หลงตงผิงรู้สึกลำบากใจ และคิดจะกล่าวถึงความลำบากใจของมันออกมาให้อีกฝ่ายทราบตรงๆ…

เสียงแหลมปานอิสตรีหนึ่งพลันดึงขึ้นจากทุกทั่วสารทิศ พริบตาก็ดังเข้าหูผู้คนโดยรอบปานฟ้าลั่น!

“หวงเชา เจ้านับว่ามาได้เร็วดีแท้! หากข้าช้ากว่านี้อีกแค่ก้าวเดียว ดูท่าบุปผางามคงถูกเจ้าเด็ดดอมจนชอกช้ำหมดสิ้น!”

ทุกคนไม่ทันได้ตอบสนองเสียงที่ดังขึ้นแต่อย่างไร

ฟุ่บบ!!

ร่างที่วูบมาปานสายลมหนึ่ง พลันปรากฏขึ้นในลานรวม หน้าบ้านหลังหนึ่งไม่ห่างหวงเชา…

“เฮอะ! พวกตัวบัดซบเจ้าทั้ง 2 มาทางไหนรีบกลับไปทางนั้นเสีย! โฉมงามนางนั้นต้องเป็นของบิดา!!”

และไม่ทันที่ทุกคนจะทันได้มองสำรวจร่างที่พึ่งมาดั่งสายลม เหนือฟ้าพลันปรากฏเสียงหยาบกระด้างหนึ่งดังลง จากนั้นยังปรากฏร่างชายวัยกลางคนแลดูกำยำแข็งแกร่ง ใบหน้าดุร้ายปานโจรป่าโรยตัวลงมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน!

“เชวียลั่ง! เถิงชิ่ง!”

เห็นร่างทั้ง 2 ที่ปรากฏตัวติดๆกันเบื้องหน้า สีหน้าของ หวงเชา ผู้ดูแลอาวุโสของนิกายอมตะไท่อีก็เริ่มมืดลงทันใด ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าทั้ง 2 คนจะมาด้วย!

ทั้ง 2 คนที่พึ่งมาถึงไล่เลี่ยกันนั้น หนึ่งก็เป็นถึงผู้คุมกฏของนิกายอมตะเชียนจี ส่วนอีกคนก็เป็นชนชั้นผู้อาวุโสของนิกายอมตะหวู่หลง ต่างเป็นตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะดุจเดียวกับมัน

แม้มันจะรู้ดีว่าทั้ง 2 อาศัยอยู่ในเมืองไท่อีแห่งนี้ และทราบว่ารสนิยมของทั้งคู่ก็ไม่แตกต่างจากมันเท่าไหร่ แต่มันก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าทั้งคู่จะมาถึงรวดเร็วขนาดนี้

‘เชวียลั่ง เถิงชิ่ง…?’

ได้ยินหวงเชาอุทานทัก 2 คนผู้มาใหม่ ลูกตาของฮ่องเต้เถิงหลง หลงตงผิงก็อดหดหยีลงไม่ได้ สีหน้ายังฉายชัดถึงความประหลาดใจไม่น้อย

‘กระทั่ง 2 คนนี้…ก็มาด้วย?’

ไม่ว่าจะเชวียลั่งก็ดี เถิงชิ่งก็ดี แม้หลงตงผิงจะไม่เคยพบเจอทั้งคู่มาก่อน แต่มันก็ได้ยินเรื่องราวของทั้งคู่มาอย่างหนาหู

เชวียลั่งนั้นเป็นถึงผู้คุมกฏนิกายอมตมะเชียนจี และเป็นตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะอันร้ายกาจ!

เถิงชิ่งก็เป็นชนชั้นอาวุโสของนิกายอมตหวู่หลง เป็นขุนนางอมตะที่มีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วเช่นกัน

‘ในบรรดานิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 ของแดนร้าง มียอดฝีมือที่มักมีข่าวฉาวโฉ่เรื่องสตรีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 5 คน…ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าวันนี้ 3 ใน 5 จะมารวมตัวกันที่นี่’

หลงตงผิงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนในใจ ‘แต่นี่ก็ไม่แปลกอะไร สตรีชุดขาวข้างกายเจ้าหนุ่มชุดม่วงที่สนิทกับเจ้า 13 นั่นงดงามเกินไปจริงๆ….คงยากที่จะมีบุรุษคนใดไม่สนใจนาง’

‘สมควรเป็นเพราะอีก 2 คนไม่ได้อยู่ในเมืองไท่อีแห่งนี้เป็นแน่…หาไม่แล้วที่มาคงมิใช่แค่ 3 แต่คงมากันครบทั้ง 5 คน!’

ใจหลงตงผิงเต้นไปดังโครมคราม เนิ่นนานกว่าจะสงบลงได้

เพียงพริบตาเดียว อยู่ๆตรงหน้ามันก็ปรากฏตัววตนทรงพลังขอบเขตขุนนางอมตะถึง 3!

ยิ่งไปกว่านั้นหลังตัวตนทรงพลังขุนนางอมตะทั้ง 3 มองสบตากันสักพัก ก็คล้ายจะตกลงอะไรกันได้ ทั้ง 3 ยังพร้อมใจกันหันมามองมันอย่างพร้อมเพรียง…

จังหวะนี้หลงตงผิงรู้สึกเสมือนมีภูเขามหึมากดทับลงมากลางอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก!