ตอนที่ 395-2 ดักจับ ถูกเปิดโปง
เฉียวเวยเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็ทราบทันทีว่านางมีเรื่องในใจ จึงขยับไปอยู่ตรงหน้านางแล้วจ้องเข้าไปในดวงตา
ฮองเฮาเยี่ยหลัวถูกจ้องจนใจฝ่อ สองตาเสมองฟ้าแล้วเบี่ยงกายหลบ มือเรียวงามจับชายเสื้ออย่างไม่รู้ตัว
ชุดแต่งงานบนร่างเหมือนจะเริ่มร้อนลวกทำเอานางไม่สบายตัวไปหมด
สายตาของเฉียวเวยจับบนแขนเสื้อของนาง สีแดงที่ซ่อนอยู่ด้านในทำให้ดวงตาของเฉียวเวยหรี่จ้องเขม็ง
ฮองเฮาเยี่ยหลัวมาตระกูลจีมือเปล่า ที่อยู่ที่กินและเสื้อผ้าทั้งหมดล้วนเป็นเฉียวเวยตระเตรียมให้กับมือ เฉียวเวยมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เตรียมอาภรณ์สีแดงสดให้นาง
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเหมือนจะสังเกตเห็นสายตาของเฉียวเวย นางวางแขนลงทันควันจากนั้นจับแขนเสื้อปิด แสร้งทำท่าเหมือนไม่มีอะไร “ข้า…ข้ายังอยากไปเดินเที่ยวเล่น เจ้ากลับบ้านไปเองก็แล้วกัน”
เฉียวเวยคลี่ยิ้ม “ไปเดินเที่ยวเล่นที่ใดเล่า ข้าไปเป็นเพื่อนท่านเอง”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวปฏิเสธ “ไม่ต้อง ข้าไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว ข้าไปเองได้!”
เฉียวเวยยิ้มน้อยๆ “ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปเป็นเพื่อนท่านอย่างเดียวหรอก พอดีข้าต้องซื้อของบางอย่างด้วยพอดี ไปด้วยกันเสียเลยก็แล้วกัน”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวกระแอม บอกอย่างแค้นใจ “ข้าไม่อยากเดินเที่ยวแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านดีหรือไม่”
“กลับบ้านก็กลับบ้านสิ!” ฮองเฮาเยี่ยหลัวตอบอย่างกลัดกลุ้ม!
เฉียวเวยเกือบจะกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่ไหว ท่านน้าหนอท่านน้า จะสู้กับข้า ท่านยังอ่อนหัดเกินไป
…
เฉียวเวยเชื่อว่าฮองเฮาเยี่ยหลัวคงเข้าวังไปรับเฉี่ยวหลิง แต่หลังจากเข้าวังคงเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้นางเปลี่ยนแผนการกะทันหัน นางไม่สงสัยว่าท่านน้าจะร่วมมือกับคนนอกมาเล่นงานตนเองหรอก นางเพียงเป็นห่วงว่าท่านน้าผู้ใสซื่อจะถูกใครบางคนหลอกใช้ก็เท่านั้น
หลังกลับมาถึงตระกูลจี เฉียวเวยก็จงใจเดินไปหาฟู่เสวี่ยเยียน
ฮองเฮาเยี่ยหลัวลำบากนักกว่าจะอ้างการงีบกลางวันแล้วไล่เฉี่ยวหลิงที่เพิ่งจะพบหน้ากันออกไปได้ ราวหนึ่งเค่อหลังจากนั้น นางก็แอบเปิดประตูห้องยื่นศีรษะกลมๆ ออกมามองซ้ายทีขวาที
เนื่องจากเฉียวเวยไล่สาวใช้ในเรือนออกไปก่อนแล้ว ภายในเรือนจึงเงียบสงบ ไม่มีเงาคนสักคน
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น พวกเขาก็คงสงสัยอยู่บ้างว่าคนไปอยู่ที่ใดกัน ทว่าฮองเฮาเยี่ยหลัวรีบร้อนจะออกจากจวน จึงกลับกลายเป็นว่านางแอบดีใจอยู่ในใจ
นางย่องออกจากบ้านชิงเหลียนแล้วเลือกรถม้าคันหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังจวนยิ่นอ๋อง
เฉียวเวยขึ้นไปนั่งบนรถม้า สะกดรอยตามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ฮองเฮาเยี่ยหลัวถอดเสื้อผ้าบนรถม้า จากนั้นพับจนเรียบร้อยแล้วซุกไว้ในอกเสื้อ
หลังยิ่นอ๋องออกจากวังก็ไม่ได้กลับจวนทันที แต่ย้อนกลับมารอในวังหลวงอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนคงไม่ย้อนกลับมาเจอก็หน้าบึ้งกลับมา ตอนที่เขาลงจากรถม้าก็เห็นว่ามีสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูจวน เค้าโครงร่างของสตรีนางนั้นดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด
เขาเดินเข้าไปหาอย่างฉงน “ท่านเองหรือ”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวหันกลับมา แววตาเป็นประกายเล็กน้อย “เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
ยิ่นอ๋องมองรอบด้านอย่างระแวดระวัง แล้วถามว่า “ท่านมาหาข้าที่จวนได้อย่างไร มีคนตามท่านมาหรือไม่”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวตอบว่า “เมื่อครู่ข้ารออยู่ข้างนอกแต่เจ้าไม่มาเสียที แล้วบังเอิญพบกับเสี่ยวเวยเข้า ข้าจึงได้แต่กลับไปกับนางก่อน แต่เจ้าวางใจ ข้าออกมาคนเดียว ไม่มีใครสะกดรอยตามข้ามา!”
“ท่านแน่ใจหรือว่าไม่มีใคร” ยิ่นอ๋องขมวดคิ้วถาม
ฮองเฮาเยี่ยหลัวพยักหน้าประหนึ่งตำกระเทียม!
สายตาเย็นชาของยิ่นอ๋องกวาดมองรอบด้านทีละจุด ทันใดนั้นสองหูก็ขยับแล้วเอ่ยว่า “ออกมา!”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวกะพริบตาหันไปมองตรอกที่อยู่ด้านหลัง
เฉียวเวยเดินออกมาจากด้านในตรอก นางคลี่รอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้มให้ยิ่นอ๋อง “ท่านอ๋องช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ วางแผนหลอกใช้ฮองเฮาเยี่ยหลัวเสียด้วย”
มิน่าเมื่อครู่เจ้าหมอนี่ถึงพูดว่าเข้าวังมาหาเฉี่ยวหลิงครั้งแล้วครั้งเล่า ดูท่าหนก่อนที่ท่านน้าเข้าวังไปก็คงพบเขาด้วยกระมัง
นางยอมรับว่าเขามีหน้าตางามสง่า แต่จะอาศัยหน้าตานี้มาล่อลวง ‘มารดา’ ของจีหมิงซิวก็หน้าไม่อายเกินไปหรือไม่
ยิ่นอ๋องหันไปมองฮองเฮาเยี่ยหลัวอย่างเย็นชา “ท่านขายข้า!”
ดวงหน้างามของฮองเฮาเยี่ยหลัวถอดสี “ข้าเปล่านะ!
ยิ่นอ๋องกัดฟัน “คืนของมาให้ข้า!”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวรีบหยิบชุดแต่งงานในอกเสื้อออกมาเป็นพัลวัน แล้วส่งให้ยิ่นอ๋องอย่างไม่ลังเลสักนิด
ยิ่นอ๋องเอื้อมมือไปคว้า แต่เฉียวเวยชิงชุดแต่งงานมาไว้ในมือได้ก่อนเขาก้าวหนึ่ง!
ฮองเฮาเยี่ยหลัวตกตะลึงไปแล้ว
สีหน้าของยิ่นอ๋องเย็นชาขึ้นทันควัน “คืนเสื้อมาให้ข้า!”
เฉียวเวยเลิกคิ้วเรียวสวยของตน “โอ๊ะ นี่เป็นชุดแต่งงานนี่นา ท่านอ๋องไปเอามาจากที่ใดกันเล่า อยากจะมอบให้ผู้ใดสวมหรือ”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า! คืนมาให้ข้า!” ยิ่นอ๋องว่าอย่างโกรธเกรี้ยว
เฉียวเวยยิ้มน้อยๆ “เมื่อตอนเย็นในวังหลวงเพิ่งมีการขโมยของเกิดขึ้น จากนั้นไม่นานท่านอ๋องก็กล้าหลอกฮองเฮาเยี่ยหลัวให้พกชุดแต่งงานตัวหนึ่งออกมาจากวัง ท่านอ๋องไม่คิดว่าตนเองดูน่าสงสัยมากหรือ”
ยิ่นอ๋องกำหมัดแน่น “เจ้าอย่าพูดจาส่งเดช! ข้าไม่ได้ขโมยอะไร นี่เป็นชุดแต่งงานธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับคดีที่เจ้าพูดถึง”
เฉียวเวยยิ้มเฉยเมย “ไม่เกี่ยวแล้วท่านอ๋องจะกังวลอะไรเล่า”
ยิ่นอ๋องอยากจะพูดแต่แล้วก็หยุดไป
เฉียวเวยยิ้มพลางบอกว่า “ความจริงเกี่ยวหรือไม่ตรวจสอบดูก็รู้แล้ว”
หัวใจของยิ่นอ๋องเกิดลางสังหรณ์ร้ายผุดขึ้นมาเลือนราง “เจ้าคิดจะทำอันใด”
สองมือของเฉียวเวยจับชุด จากนั้นก็ทำท่าจะกระชากออกสองฝั่ง
“หยุดนะ!” ยิ่นอ๋องตวาดกร้าว
เฉียวเวยหันไปมองเขา “ท่านอ๋องกลัวหรือไร”
ยิ่นอ๋องตั้งสติ แล้วเอ่ยอย่างยากเย็น “ข้าไม่ได้กลัว แต่ชุดแต่งงานชุดนี้สำคัญกับข้ามาก ข้าต้องนำมันไปฝังแทนสหายคนหนึ่งเพื่อจบเรื่องราวในใจ เจ้าติดค้างน้ำใจข้าอยู่หนหนึ่งไม่ใช่หรือ ตอนนี้ชดใช้ให้ข้าดีหรือไม่”