ตอนที่ 415-1 ซาลาเปาน้อย หงายไพ่ยิ่นอ๋อง
พอเฮ่อหลันชิงกับเฉียวเจิงกลับมา นายท่านสี่เฉียวก็ได้ทราบข่าวทันที เขารีบไปพบพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ที่หอหลิงจือ พอได้พบหน้าแล้วก็เชิญทั้งสองให้กลับไปพักที่บ้าน เขารู้ว่าเมื่อครานั้นเพื่อให้ได้ดูแลเฉียวเวย พี่ใหญ่เลยไม่กลับไปอยู่บ้าน ถ้าไม่อยู่บนเขาก็ไปพักอยู่ที่หอหลิงจือใกล้ๆ ตระกูลจี เวลานี้พี่สะใภ้ใหญ่กลับมาแล้ว หากยังพักข้างนอกอีกคงไม่สะดวกสบายนัก
แน่นอนว่านี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเขา เฮ่อหลันชิงไม่ใช่คุณนายในเมืองหลวงที่บอบบางจนต้องลงไม่ได้ นางไม่เลือกที่อยู่ที่กิน ด้วยอาการของอาจารย์ตาฮั่วกับยิ่นอ๋อง การพักอยู่ที่หอหลิงจือนับว่ารอบคอบที่สุด
ทุกคนจึงพักอยู่ที่หอหลิงจือกันเป็นการชั่วคราว
เฉียวเวยกลับไปบ้านตระกูลจีรอบหนึ่ง หมิงซิวไปที่ค่ายทหารใหญ่ตะวันออกยังไม่กลับ เฉียวเวยจึงไปรับพวกเด็กๆ ทั้งสามมาที่หอหลิงจือ
จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูพอรู้ว่าท่านยายมาไม่ต้องบอกเลยว่ายินดีเพียงใด วั่งซูเอาขนมในบ้านใส่ถุงผ้าของตนไปทั้งหมด มีทั้งลูกอมที่นางเลียแล้วเอย ขนมที่กินแล้วเอย แล้วยังมีเมล็ดฟักทองที่เก็บสะสมเอาไว้หลายเดือนอีก…
จิ่งอวิ๋นวาดภาพหนึ่งอย่างเจ้าแผนการ เป็นภาพครอบครัวพวกเขา แน่นอนว่าเขาวาดตัวเองหล่อที่สุด วาดน้องสาวอัปลักษณ์ที่สุด
หลิวเกอร์ไม่เคยเจอท่านแม่ของพี่สะใภ้ใหญ่มาก่อน แต่พอเห็นสหายทั้งสองเตรียมของขวัญพบหน้าไปมากมายเพียงนี้ เขาก็เตรียมบ้าง เป็นไส้เดือนที่ตนจับมาเอง
รถม้าไปถึงหอหลิงจือ
เด็กน้อยทั้งสามกระโดดตามกันลงมาจากรถม้า
เฮ่อหลันชิงยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั้นเอง อมยิ้มมองพวกเขาอยู่
วั่งซูไม่มีทางเป็นคนแรกที่วิ่งออกไป แต่จะต้องเป็นคนแรกที่โผเข้าไปให้เฮ่อหลันชิงกอด นางโผตัวเข้าไปเต็มที่ สาวใช้ในหอหลิงจือที่เคยถูกวั่งซูโผเข้าใส่จนกระเด็นได้แต่ลอบปาดเหงื่อแทนฮูหยิน ผู้ใดจะรู้ว่าเฮ่อหลันชิงเพียงใช้มือเปล่าโอบหลานสาวไว้ ก็อุ้มหลานน้อยตัวอวบอ้วนขึ้นมาได้แล้ว
“วั่งซู”
“ท่านยาย!” วั่งซูเอ่ยเรียกเสียงกังวานใส!
ไม่เท่าไรจิ่งอวิ๋นก็วิ่งตุบตับๆ มาสมทบ “ท่านยาย!”
เฮ่อหลันชิงดูแลตัวเองดีเกินไป นางไม่เหมือนเป็นท่านยายของเด็กสองคนนี้สักนิด ด้านข้างจึงมีสายตาของญาติผู้ป่วยที่มองมาด้วยความอิจฉา
เฮ่อหลันชิงอุ้มจิ่งอวิ๋นขึ้นมา พอเขาเห็นใบหน้าที่งดงามอย่างที่สุดของเฮ่อหลันชิงก็พลันหน้าแดงขึ้นมาทันที
“เอ๋? ไม่ได้บอกว่ายังมีอีกคนหรอกหรือ” เฮ่อหลันชิงถาม
หลิวเกอร์ก้าวขาสั้นๆ ของตนเข้ามา พอได้เห็นรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับปีศาจบนชั้นฟ้า…ของเฮ่อหลันชิง เขาก็ชะงักงันไปทันที!
เฮ่อหลันชิงพาเด็กทั้งสามเข้าไปในห้อง
เด็กทั้งสามเริ่มเอาของขวัญออกมาให้ พอเห็นของขวัญของวั่งซูกับจิ่งอวิ๋นแล้วหันกลับมามองของขวัญของตน หลิวเกอร์ก็รู้สึกไม่กล้าให้ขึ้นมาทันที เขาวิ่งตูดโด่งออกไปที่สวนดอกไม้ เด็ดดอกไม้สีสดกลับมาให้เฮ่อหลันชิง
ระหว่างทางบังเอิญพบจิ่งอวิ๋น
เขาทำตาแป๋วถามว่า “จิ่งอวิ๋นๆ เจ้าว่าท่านยายจะชอบดอกไม้ที่ข้าให้หรือไม่”
จิ่งอวิ๋นที่ไม่รู้สึกเอะใจกับการเรียกขานสักนิดเหลือบมองดอกไม้ดอกนั้นแล้วเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่งอย่างยิ่งว่า “ท่านยายข้าไม่ชอบดอกไม้”
“อย่างนี้เองหรือ” หลิวเกอร์โยนดอกไม้ทิ้งด้วยความผิดหวัง
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ จิ่งอวิ๋นก็ถือดอกไม้ ไม่ใช่สิ ช่อดอกไม้สีสันสดใส เดินอกตั้งเข้าไปหาเฮ่อหลันชิง!
เมื่อมองดอกไม้แต่ละดอกที่สีสันงดงาม ใบหน้าของจิ่งอวิ๋นก็เผยให้เห็นความอัศจรรย์ใจเป็นที่ยิ่ง
อีกเดี๋ยวท่านยายก็จะได้รู้ว่าเขาต่างหากเป็นบุรุษที่รู้ใจนางมากที่สุด!
“โอ้ย โอ้ย หนักจังเลย!”
ในขณะที่จิ่งอวิ๋นเดินมาถึงหน้าประตูและกำลังจะยกเท้าข้ามธรณีประตูนั้น ด้านหลังก็มีเสียงร้องอุทานของน้องสาวดังขึ้น พอเขาหันไปมองก็เห็นน้องสาวยกดอกไม้ทั้งกระถางเข้ามา!
“ท่านยาย… ข้าเอาดอกไม้มาให้ท่าน…”
ใบหน้าน้อยๆ ของจิ่งอวิ๋นพลันดำครึ้มเป็นเถ้าถ่าน
เหตุใดเขาถึงต้องมีน้องสาวแบบนี้ด้วยนะ…
…
ภายในห้องส่วนตัวของบ้านตระกูลจี สัตว์น้อยทั้งสามก็จะออกไปหาเฮ่อหลันชิงเช่นกัน ต้าไป๋เสี่ยวไป๋ตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว ขาดเพียงจูเอ๋อร์เท่านั้น
จูเอ๋อร์ค้นของในหีบอยู่ในห้อง มันโยนของทุกอย่างออกมาเต็มห้องจนไม่เหลือทางเดิน แล้วในที่สุดก็สวมเสื้อคลุมสีดำด้านในสีทองเดินสวยเริศเชิดหยิ่งออกมา!
อินทรีทองเกี่ยวตัวสัตว์ทั้งสามไว้แล้วกระพือปีกบินไปทางหอหลิงจือ
…
ในหอหลิงจือ เฉียวเจิงรักษาบาดแผลให้อาจารย์ตาฮั่วกับยิ่นอ๋องเสร็จแล้ว
เฉียวเวยเดินเข้าไปช่วยบิดาเก็บกล่องยา ระหว่างที่เก็บไปนั้นก็ถามอาการของทั้งสองไปด้วย
อาจารย์ตาฮั่วโดนราชันอสูรเข้าไปหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น แต่ราชันอสูรแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ชีพจรและระบบหายใจของอาจารย์ตาฮั่วจึงได้รับความเสียหายไปพอสมควร เลยยังสลบไปอีกพักหนึ่ง ยังดีที่ท่านพ่อนางฝีมือการแพทย์ล้ำเลิศ ทั้งยังมีผลสองภพจากชนเผ่าลึกลับ จึงไม่ถึงกับช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ เพียงแต่ช้าหน่อยเท่านั้น
หากเทียบกับอาจารย์ตาฮั่วแล้ว บาดแผลตามตัวยิ่นอ๋องที่ได้จากราชองครักษ์เหล่านั้นกลับหลบเลี่ยงชีพจรใหญ่และจุดสำคัญทั้งสิ้น หากรักษาดีๆ ไม่กี่วันก็กลับมาดีได้แล้ว
เฉียวเวยผลักประตูห้องยิ่นอ๋องเข้ามา เพราะเพิ่งทายาเสร็จไป ภายในห้องจึงมีกลิ่นยาอบอวล ยิ่นอ๋องนอนนิ่งอยู่บนเตียง สองตาปิดสนิท
เฉียวเวยงับประตูเบาๆ เดินเข้าไปมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง “ข้ารู้ว่าเจ้าได้สติแล้ว อย่าเสแสร้งอีกเลย”
ขนตายิ่นอ๋องขยับเล็กน้อย ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา แต่กลับไม่ได้มองเฉียวเวย เพียงเหม่อมองเพดานเตียงนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น
เฉียวเวยถอนหายใจโดยที่ยังไม่พูดอะไร “ให้ตายสิ จะเริ่มพูดจากตรงไหนดี…เจ้ารู้เรื่องในวังมากน้อยเพียงใด ข้าแบกเจ้าอยู่ตลอดยังไม่รู้เลยว่าเจ้าได้สติเมื่อไร หมดสติไปเมื่อใด แต่ตอนข้าไปหาเจ้าที่วังเย็นเป็นครั้งที่สองนั้น เจ้าลุกจากเตียงมานั่งอยู่บนเก้าอี้แล้ว ทั้งยังเตือนให้ข้ารีบไปอีก ก่อนหน้านั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคงพอรู้กระมัง”
ยิ่นอ๋องไม่พูดอะไร
เฉียวเวยเหลือบมองเขา “เจ้าคิดว่าหากเจ้าไม่พูดอะไรก็จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้หรือ เจ้าอย่าบอกข้านะว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังมองเป้าหมายของหรงเฟยไม่ออกอีก หรงเฟยนางมิใช่นางสนมที่ซื่อตรงมาแต่ไหนแต่ไร นางเป็นสายลับของเยี่ยหลัว! นางเป็นคนลักขโมยเอาตำราลับไป หลอกใช้เจ้าให้เอาตำราลับออกจากวัง พอเห็นว่าพวกเราสงสัยไปถึงตัวนาง จะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อเปิดโปงนาง นางก็กลายมาเป็นสนมรักที่ได้อยู่ในตำหนักกานลั่วทันที… ถึงตอนนี้เจ้ายังจะปิดบังแทนนางอีกหรือ”
ลูกกระเดือกของยิ่นอ๋องขยับขึ้นลงอย่างยากลำบากทีหนึ่ง “นางเป็นมารดาของข้า”
เป็นมารดาเจ้าก็แปลกแล้ว!
มีแม่คนใดหลอกใช้บุตรชายเช่นนี้บ้าง ซ้ำยังไม่ใช่เพียงครั้งเดียว วันนี้หากข้าไม่พาเจ้าออกมา ยังไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้เขาจะย่ำยีเจ้าอย่างไร!