ตอนที่ 430-2 เป็นนางหรือนี่ (2)
เดิมทีคิดว่าฟู่เสวี่ยเยียนกำลังตั้งครรภ์ จะปลอมตัวคงไม่ง่าย ไหนเลยจะรู้พอลองใส่เสื้อคลุมดูก็สามารถปิดท้องของนางไว้ได้อย่างมิดชิด เช่นนี้แล้วคนที่ยิงนางบาดเจ็บวันนั้นก็คือนางจริงๆ อย่างนั้นสิ
ดวงตาคู่ที่นางรู้สึกคุ้นตานั้นก็เป็นของนางจริงๆ งั้นหรือ
แต่กระนั้นตัวนางก็ดันนึกไม่ออกว่าดวงตาคู่นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร จำได้เพียงความรู้สึกคุ้นเคยในเวลานั้นที่โอบล้อมอยู่ในใจ
จีหมิงซิวเห็นนางหน้าตาดูครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงก็เอ่ยเบาๆ ว่า “คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว”
“อื้อ” เฉียวเวยเอาเสื้อคลุมโยนลงบนเก้าอี้ เสื้อคลุมตัวนี้เดิมทีทำให้ท่านแม่นาง รูปร่างของนางสูงโปร่งกว่าฟู่เสวี่ยเยียนอยู่เล็กน้อย ย่อมต้องไม่พอดีตัวฟู่เสวี่ยเยียนแน่นอน
“ท่านกำลังอ่านอะไรอยู่หรือ” เฉียวเวยถามจีหมิงซิว
จีหมิงซิวตอบว่า “ข้าเอาหนังสือจำนวนหนึ่งมาจากพื้นที่ต้องห้าม ในหนังสือมีการบันทึกเกี่ยวกับนักรบมรณะของเยี่ยหลัว ข้าเลยลองอ่านดู”
เอ่ยถึงนักรบมรณะ เฉียวเวยนึกถึงสือชีจึงถามด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดข้าถึงไม่ได้พบหน้าสือชีมานานเพียงนี้นะ เขาไปไหนแล้วหรือ”
“เขากำลังเก็บตัวอยู่” จีหมิงซิวบอก
เฉียวเวยอึ้งไป “เขาเก็บตัวทำไมกัน ได้รับบาดเจ็บหรือ”
เฮ่อหลันชิงเคยถูกกู่ขับขานราตรี เพื่อควบคุมพิษกู่ไว้ นางจะต้องเก็บตัวทุกปีปีละหลายเดือน ส่วนจีหมิงซิวก็กำลังจะเก็บตัว ถึงแม้จะเพื่อฝึกฝ่ามือเจ้าสุริยัน แต่เป้าหมายนั้นเพื่อถอนพิษฝ่ามือในตัวออก ดังนั้นในความคิดของเฉียวเวย การเก็บตัวจึงมีไว้เพื่อรักษาตัว
จีหมิงซิวหัวเราะเบาๆ “เขากำลังฝึกวิชาอยู่ ช่วงนี้วรยุทธ์ของเขารุดหน้าขึ้นค่อนข้างเร็ว มีแววว่าจะทะลุผ่านขึ้นไปได้ ข้าเลยให้จีอู๋ซวงพาเขากลับบ้านบนภูเขาไป”
เฉียวเวยคิดตามแล้วก็ถามด้วยความสงสัย “เจ้าเก่งกาจเพียงนี้แล้ว หากทะลุผ่านไปได้จะเป็นอย่างไร จะกลายเป็นราชันอสูรหรือไม่”
จีหมิงซิวจะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะเศร้าใจก็ไม่เชิง “ราชันอสูรไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เพียงนั้น นานปีมาแล้วที่ไม่มีนักรบมรณะคนใดฝึกวิชาตามปกติจนกลายเป็นราชันอสูรได้ สือชีถึงมือจะมีพรสวรรค์เหนือมนุษย์ แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้วิธีการที่ผิดแผกไปจากธรรมดา ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่วรยุทธ์เขาจะสูงส่งขึ้นจนกลายเป็นราชันอสูร แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเขาจะสำเร็จ”
หลายร้อยปีมานี้ นักรบมรณะที่อยากกินยาพิษเพื่อให้กลายเป็นราชันอสูรนั้นมีอยู่มาก แต่คนที่ทำสำเร็จมีเพียงชู้รักของหรงเฟยเท่านั้น
เดิมทีเฉียวเวยคิดว่า หากมีราชันอสูรน้อยสักคนจะดีเพียงใด หากเป็นเช่นนั้นนักรบมรณะของทั้งเยี่ยหลัวก็ไม่ใช่คู่ปรับของพวกเขาแล้ว แต่พอคิดว่าหากจะเป็นเช่นนั้นได้สือชีต้องกินยาพิษเข้าไปเสียก่อน นางก็คิดว่าอย่าเลยดีกว่า
เจ้าเด็กอ้วนคงเสียใจน่าดู
“เช่นนั้นหลังจากเก็บตัวแล้วสือชีจะเก่งกาจขึ้นเพียงใดหรือ”
จีหมิงซิวบอกว่า “หากโชคดี วรยุทธ์เขาก็น่าจะใกล้เคียงกับนักรบมรณะดาบยาว”
นักรบมรณะดาบยาวเป็นนักรบมรณะขั้นสูงสุดรองจากราชันอสูร หากไม่ผ่านการฝึกอย่างหนักมาเป็นสิบยี่สิบปีนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ สือชีเพิ่งอายุสิบห้าก็เกือบจะไปถึงวรยุทธ์ขั้นนั้นแล้ว นับว่าน่าตกใจมากจริงๆ
เฉียวเวยมองกำปั้นตนเอง หากมีวันใดที่นางสามารถซัดเจ้าพวกเวรนั้นให้ราบได้กระบวนท่าเดียวได้บ้างก็คงดีหรอก!
บางทีนางอาจจะต้อง…เก็บตัว?
“เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่”
ใต้เท้าอัครเสนาบดีอ่านใจนางออก จึงเอ่ยเตือนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เฉียวเวยคว้าหมอนมาโยนใส่อีกฝ่ายทันที เจ้าสิท้อง! เจ้าท้องไปทุกที่เลย! คนทั้งตระกูลเจ้าท้องกันทั้งหมดนั่นแหละ! สะใภ้เจ้าก็ท้องด้วยเหมือนกัน!
แย่แล้ว ก็ตนไม่ใช่หรือที่เป็นสะใภ้เขาน่ะ…
ใต้เท้าเจ้าสำนัก “หึ ท้องเดียวหัวช้าไปสามปี”
…
ปี้เอ๋อร์ไม่อยู่ ฉานเอ๋อร์กับเยี่ยนเอ๋อร์เลยจัดการเจ้าเด็กอ้วนวั่งซูไม่อยู่ ตอนเฉียวเวยไปเรือนข้างๆ เจ้าเด็กอ้วนกำลังวิ่งล่อนจ้อนไปทั่วห้อง สาวใช้สองคนไล่ตามกันเหงื่อแตกพลั่ก แต่กลับจับตัวนางไม่ได้เลย
ในตอนที่วั่งซูเปิดประตูแล้ววิ่งผ่านเยียนเอ๋อร์ไปนั้น เฉียวเวยก็คว้าแขนบุตรสาวไว้ทันที หิ้วตัวนางขึ้นมาแล้วจับกดลงในถังอาบน้ำ
เจ้าเด็กอ้วนอาบน้ำด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ขึ้นเตียงด้วยความเสียใจ ใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะไม่สนใจเฉียวเวยอีก
เฉียวเวยเป่าดับเทียนแล้วเดินออกจากห้องไป
วั่งซูแอบดึงผ้าห่มลง โผล่ลูกตากลมโตออกมาคอยมองแผ่นหลังท่านแม่ที่ค่อยๆ หายไป แล้วจึงคลำหาลูกกวาดในถุงผ้าด้วยความระมัดระวัง
“ห้ามกินลูกกวาดนะ!”
วั่งซูอึ้งงัน ท่านแม่ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ยังรู้อีกหรือว่านางจะแอบกินลูกกวาด
“ได้ยินหรือไม่ วางลูกกวาดลงเดี๋ยวนี้!”
วั่งซูวางลูกกวาดกลับลงในถุงผ้าอย่างว่าง่าย แต่นางยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ จึงแอบหยิงขนมเปี๊ยะชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวังกว่าเดิม
“ขนมเปี๊ยะก็ห้ามกิน”
มืออวบอ้วนของวั่งซูพลันสั่น ขนมเปี๊ยะตกลงพื้น
นางลงจากเตียงจะไปเก็บ
“เจ้าลงจากเตียงด้วยหรือ กลับขึ้นไปนอนเดี๋ยวนี้!”
เจ้าเด็กอ้วนกลับนอนลงบนเตียงด้วยความตกใจเหลือประมาณ!
ในห้องใต้เท้าเจ้าสำนัก เฉียวเวยมองลูกกวาดงากับขนมเปี๊ยะที่ยังไม่ทันได้เก็บ กับใต้เท้าเจ้าสำนักที่พอพูดไม่ถูกหูก็จะเอาแต่เก็บของหนีออกจากบ้านท่าเดียว “ทำไม? ไม่ให้เจ้าไปค้างคืนที่นั่นเจ้าก็จะประท้วงข้าหรือ”
“ข้า…ข้าไม่ได้อยากนอนกับเขา!” ใต้เท้าเจ้าสำนักมององค์ชายสามที่นอนน้ำลายยืดแล้วกรอกตาบนด้วยความระอาใจ
เฉียวเวยหรี่ตาดุ ไม่อยากนอนกับน้องชายลูกพี่ลูกน้องหรือคิดอยากหนีไปนอนกับฟู่เสวี่ยเยียนกันแน่ เจ้าเด็กบ้านี่พอปีกกล้าขาแข็งก็รู้จักปีนขึ้นเตียงผู้อื่นยามวิกาลแล้วนะ!
แต่เวลานี้ฟู่เสวี่ยเยียนมีข้อน่าสงสัยเต็มไปหมด นางจะปล่อยให้เขาไปอย่างสบายใจได้อย่างไร ด้วยสมองทึ่มทื่ออย่างเขานี่ ยังตามนางไม่ทันเลยด้วยซ้ำ
“เจ้าไม่อยากนอนกับใครนะ” เฉียวเวยมองเขาด้วยสายตาเหี้ยมโหด เงื้อมือขึ้นค่อยๆ กำหมัดแน่นต่อหน้าต่อตาเขา
หมัดของนางส่งเสียงดังปึ๊ดๆ ราวกับกระดูกใครบางคนถูกขยำจนหักไปแล้วกระนั้น
ใต้เท้าเจ้าสำนักพลันหงอให้ทันที เผ่นแผล็บกลับขึ้นเตียง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังดึงแขน ขาขององค์ชายสามมาพาดบนตัวตนเองอย่างเป็นมิตรอีกด้วย เรียกได้ว่ายอมหงอให้ในทุกทางเลยทีเดียว!