ตอนที่ 2970 : หลิงเจวี๋ยอวิ๋น

 

“เฮอะ! เพลิงเทพโกลาหลเจ้าก็ช่างพูดได้ไม่อายปากนะ!!”

 

แทบจะทันทีที่เสียงของเพลิงเทพโกลาหลดังจบคำ ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็โพล่งออกมาด้วยความขุ่นเคือง “หากไม่ใช่เพราะเจ้าหนูนี่อาศัยเจ้าในการหลอมโอสถอมตะจนคุ้นเคยกับเจ้าถึงระดับหนึ่ง ไม่ต่างอะไรจากการวางรากฐาน จนใกล้จะเข้าถึงความหมายพื้นฐานของกฏแห่งไฟอยู่รอมร่อ…”

 

“แล้วเจ้าจะไปมีปัญญาทำให้มันเข้าใจความหมายพื้นฐานและเข้าถึงกฏแห่งไฟได้ในเวลาแค่ 1 ชั่วยามครึ่งได้อย่างไร?”

 

คำพูดก่อนหน้าของเพลิงเทพโกลาหลนั้นใครฟังดูก็รู้ว่าจงใจเกทับ และอวดว่าสามารถช่วยให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความหมายพื้นฐานของไฟได้รวดเร็วกว่ามันที่ต้องใช้เวลาชั่วข้ามคืนเห็นๆ…

 

ใครจะไปทนรับการเกทับขี้โกงแบบนี้ได้?

 

อย่างไรก็ตามได้ยินน้ำเสียงขุ่นเคืองของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน เพลิงเทพโกลาหลยังคงนิ่งสงบไม่นำพา เพียงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “กระบวนการไร้สำคัญ ข้าดูก็แต่ผลลัพธ์เท่านั้น”

 

“หากเจ้าคิดจะเป็นพี่ใหญ่ข้า อย่างน้อยๆเจ้าก็ต้องเหนือกว่าข้าสักด้าน…แต่ดูเจ้าเถอะ กระทั่งเรื่องช่วยให้เจ้าหนูร่างต้นเข้าใจความหมายพื้นฐานยังช้ากว่าข้าหลายเท่า แล้วเจ้าคิดว่าตัวเจ้ามีคุณสมบัติอันใด?”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของเพลิงเทพโกลาหลก็ไม่ขาดการดูแคลนหยามหยันแม้แต่น้อย

 

“เจ้า…เจ้า…”

 

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินโมโหกับคำพูดของเพลิงเทพโกลาหลถึงขั้นเถียงไม่ออก จากนั้นก็เงียบไปไม่กล่าวคำใดอีกเลย

 

“ฮ่าๆๆ…ผู้เฒ่าเพลิงท่านช่างร้ายกาจนัก ทำให้สหายตัวน้อยถึงกับเถียงไม่ออกจนต้องเข้าสู่ห้วงนิทราไปแบบนี้ได้!”

 

เสียงที่เงียบหายไปนานของทองเทพสุดลี้ลับดังขึ้นมาทันที ฟังจากน้ำเสียงแล้ว มันแลดูจะมีความสุขกับความทุกข์ของผู้อื่นไม่น้อย

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจวาจาจิกกัดอะไรของเทพธาตุทั้ง 3 ในร่างเลย เพราะเขายังคงจมกับเรื่องที่พึ่งได้รู้เมื่อครู่

 

สองตายังส่องสว่างขึ้นมาปานดวงดารา ‘ที่แท้การที่ข้าใช้เพลิงเทพโกลาหลหลอมโอสถอมตะ ยังมีส่วนช่วยให้ข้าเข้าใจความหมายพื้นฐานของกฏธาตุไฟได้ด้วยงั้นเหรอ?’

 

‘ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว ข้าเกือบเข้าใจถึงความหมายพื้นฐานของกฏธาตุไฟโดยไม่รู้ตัว? และหากได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชาธาตุไฟมาสักอย่าง เพลิงเทพโกลาหลก็จะช่วยข้าให้เข้าใจความหมายพื้นฐานของกฎธาตุไฟได้ในเวลาแค่ชั่วยามครึ่ง?’

 

คิดถึงจุดนี้อารมณ์ต้วนหลิงเทียนก็พุ่งพล่านขึ้นมาไม่น้อย ขณะเดียวกันในใจก็บังเกิดความโหยหาต่อวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังระดับราชาธาตุไฟขึ้นมา…

 

‘งานประมูลของตระกูลราชวงศ์ประเทศตันจี้กว่าจะเริ่มก็ช่วงหัวค่ำ…ถ้างั้นก็เดินเล่นแถวในวังหลวงนี่ล่ะ จริงสิที่นี่ก็สมควรมีหอตำราอยู่ด้วยสินะ…’

 

พอนึกได้ว่ากว่างานประมูลจะเริ่มก็ช่วงหัวค่ำ และตอนนี้ตะวันก็พึ่งจะขึ้น ฟ้ายังไม่ทันสว่างดีด้วยซ้ำ ต้วนหลิงเทียนก็เดินออกจากห้องไปเรียกหาหลิวก่วงหลินที่ลานบ้าน คิดชวนอีกฝ่ายออกไปข้างนอกด้วยกัน

 

‘ตอนนี้พี่เจียหลงคงกำลังง่วนอยู่กับการตีความเวทย์พลังระดับราชาธาตุลม…ไม่ไปกวนดีกว่า’

 

ขณะที่เดินผ่านบ้านลานที่พักของหวงเจียหลง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองคิดเล็กน้อย จากนั้นก็พาหลิวก่วงหลินเดินออกจากเขตที่พักที่ทางฮ่องเต้ตันจี้จัดไว้ให้ทันที

 

หลังจากออกมาจากเขตตำหนักที่พัก ต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่ามีผู้คนที่กำลังเดินออกมาจากตำหนักอีกหลังที่อยู่ไม่ไกลเช่นกัน

 

“นายท่าน ตำหนักหลังนั้นเป็นสถานที่พักของคนจากประเทศตงหมิง…พวกมันเองก็มาเพื่อประมูลไส้เดือนฝอยทองคืนนี้เช่นกันขอรับ”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหันไปมองได้ไม่ทันไร หลิวก่วงหลินก็กล่าวเสริมออกมาพอดี

 

“ประเทศตงหมิง?”

 

คิ้วต้วนหลิงเทียนเลิกขึ้นทันที

 

เหตุผลที่เขาถ่อมาถึงเมืองหลวงประเทศตันจี้ ก็เพื่อประมูลไส้เดือนฝอยทอง 1 ใน 2 วัตถุดิบยาหลักมาหลอมโอสถเฉียนจิน

 

สำหรับไส้เดือนฝอยทองที่ประเทศตันจี้นำออกมาประมูลนั้น ฮ่องเต้ฝูชิวเองก็ได้ติดต่อขอซื้อกับอีกฝ่ายดูก่อนแล้ว

 

จึงพบว่าหากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ประเทศโม่หลุน กับฮ่องเต้ประเทศตงหมิงเองก็ต้องการไส้เดือนฝอยทองเช่นกัน ฮ่องเต้ตันจี้คงขายไส้เดือนฝอยทองให้แก่ฮ่องเต้ฝูชิวเพื่อรักษามิตรภาพ สุดท้ายแล้วฝูชิวตันจี้ก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากฮ่องเต้ของประเทศโม่หลุน และฮ่องเต้ประเทศตงหมิงเองก็ต้องการไส้เดือนฝอยทอง แถมยังขอก่อน ฮ่องเต้ตันจี้ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ได้แต่นำออกประมูลให้ทั้ง 3 ประเทศไปประมูลช่วงชิงกันเอาเอง

 

ด้วยวิธีนี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงการผิดใจกับประเทศใดประเทศหนึ่งได้

 

เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย หากคิดจะเอาใจประเทศหนึ่งโดยไม่สนใจอีก 2 ประเทศที่เหลือ

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับหลิวก่วงหลินหันไปมองคนของประเทศตงหมิงที่พึ่งเดินออกมา คนของประเทศตงหมิงเองก็สังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนกับหลิวก่วงหลินเช่นกัน

 

“สองคนนั่น…ดูเหมือนจะพึ่งออกมาจากตำหนักที่พักประเทศฝูชิวสินะ?”

 

“ช้าก่อน! ชายหนุ่มหล่อเหลา ชุดม่วง…เจ้านั่นคงไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน ผู้ฝึกตนไร้สังกัดที่โด่งดังไปทั่วประเทศฝูชิวเมื่อเร็วๆนี้หรอกนะ?”

 

“สมควรเป็นมันนั่นล่ะ! ข้าได้ยินว่า 5 คนของประเทศฝูชิวที่มาเข้าร่วมการประมูลคราวนี้มีชายหนุ่มมาด้วย 2 คน…หนึ่งในนั้นก็คือหวงเจียหลงเจ้าเมืองน้อยเมืองตู้อวิ๋น ที่สำคัญเจ้าหวงเจียหลงนั่นข้าเคยเจอมันมาก่อนก็เลยจำหน้ามันได้ ข้าจึงบอกได้ทันทีว่าเจ้านี่ไม่ใช่หวงเจียหลง!”

 

 

กลุ่มคนของประเทศตงหมิงที่สังเกตเห็นพวกต้วนหลิงเทียนก็เริ่มซุบซิบคุยกันทันที และจากนั้นพวกมันก็หันไปมองคนๆหนึ่งในกลุ่ม

 

เป็นชายหนุ่มในชุดสีเทาสีหน้าแววตาเย็นชา ที่เอวสะพายกระบี่พร้อมฝัก ให้ความรู้สึกเหมือนมือกระบี่ไร้ใจผู้หนึ่ง

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

ได้ยินเสียงซุบซิบของกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง สองตาไร้อารมณ์ของชายหนุ่มชุดเทาก็ทอประกายขึ้นมาอย่างหาได้ยาก

 

ครู่ต่อมา

 

วูบ!

 

สายตาแหลมคมปานกระบี่ของมันก็หันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนทันที

 

สำนึกเทวะเองก็แผ่ออกมาพร้อมๆกัน

 

และไม่ทันไร สำนึกเทวะของมันก็แผ่มาปกคลุมทั่วร่างต้วนหลิงเทียน จึงพบว่ากลิ่นอายเลือดเนื้อของต้วนหลิงเทียนนั้นยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี จึงเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆ ‘เป็นมันจริงๆ!’

 

หมายความว่าชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งออกมาจากตำหนักที่พักของประเทศฝูชิว ก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ขอบเขตยอดเซียนอมตะของประเทศฝูชิว ต้วนหลิงเทียน ที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีผู้นั้น!

 

“เป็นมันจริงๆด้วย!!”

 

และในขณะเดียวกันกับที่ชายหนุ่มชุดเทาพบว่าต้วนหลิงเทียนมีอายุไม่ถึงร้อยปี ชายหนุ่มอีกคนในชุดสีเงินของประเทศตงหมิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆชายหนุ่มชุดเทา ก็ค้นพบเรื่องนี้เช่นกัน ลูกตายังอดไม่ได้ที่จะหดเล็กลง “ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะเป็นต้วนหลิงเทียนของประเทศฝูชิวที่ร่ำลือ…”

 

“อายุไม่ถึงร้อยปี แต่กลับเอาชนะหวงเจียหลงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดของประเทศฝูชิวได้ในกระบวนท่าเดียว…หวงเจียหลงที่ว่า ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดของประเทศฝูชิวแล้ว”

 

“ที่สำคัญมันไม่เพียงแต่จะเอาชนะหวงเจียยหลงได้ในกระบวนท่าเดียว ฟังมาว่ามันยังไม่ได้ใช้พลังแห่งกฏอะไร ที่สำคัญด่านพลังฝึกปรือของมันก็ยังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์เท่านั้น!”

 

พอชายหนุ่มชุดสีเงินกล่าวถึงจุดนี้ มันก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายหนุ่มชุดเทาข้างๆ พลางเอ่ยถามว่า “พี่เจวี๋ยอวิ๋น ท่านคิดว่า…เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปได้หรือไม่?”

 

ขณะที่มองถามชายหนุ่มชุดเทา แววตาของชายหนุ่มในชุดสีเงินก็เผยความยำเกรงอีกฝ่ายไม่น้อย

 

เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศตงหมิง อดีตผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด

 

ของประเทศตงหมิงเช่นมัน ก็แพ้พ่ายต่อชายหนุ่มชุดเทาผู้นี้ลงได้อย่างราบคาบ…

 

และตั้งแต่ต้นจนจบชายหนุ่มชุดเทายังไม่แม้แต่จะชักกระบี่ที่เอวด้วยซ้ำ อีกฝ่ายเพียงควบแน่นกระบี่พลังมีสภาพจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานพลังแห่งกฏ แล้วซัดออกมาเท่านั้น!

 

กระทั่งอีกฝ่ายออมมือไว้ขนาดนี้ แต่วันนั้นมันก็ยังโดยกระบี่พลังซัดจนสิ้นท่า อาการยังสาหัสไม่ใช่เล่น พักฟื้นอยู่สิบวันครึ่งเดือนกว่าจะหายดี…

 

ที่สำคัญด่านพลังของอีกฝ่ายไม่เพียงยังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ อายุก็ยังไม่ถึงร้อยปีอีกด้วย!

 

ทำให้ชายหนุ่มชุดเทาผู้นี้ได้เข้ามาแทนที่มัน และกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะอันดับ 1 คนใหม่ของประเทศตงหมิง

 

เรื่องนี้มันยอมรับหมดใจ

 

“ใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาล พิสดารมากมี…เรื่องที่ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์คนหนึ่งจะสยบยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดโดยไม่ใช้พลังแห่งกฏ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

 

ชายหนุมชุดเทากล่าวออกเสียงเรียบ แววตาของมันเองก็ดูสงบนัก ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆแฝงอยู่

 

และชายหนุ่มในชุดสีเทาผู้นี้ ก็คืออัจฉริยะที่ปรากฏตัวออกมาในงานประลองสวรรค์ใต้ของประเทศตงหมิงปานดาวหาง หลิงเจวี๋ยอวิ๋น!

 

“พี่เจวี๋ยอวิ๋น หากให้ท่านประมือกับมัน…ท่านมั่นใจว่าจะชนะมันหรือไม่?”

 

ชายหนุ่มชุดเงินเอ่ยถามสืบต่อ

 

“ข้าไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของมัน…ย่อมไม่กล้าพูดว่าจะเอาชนะมันได้เต็มปาก”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอ่ยตอบเสียงเบา

 

‘ดูเหมือนชายหนุ่มชุดเทาผู้นั้นจะเป็นอัจฉริยะที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาในประเทศตงหมิง…แลดูไม่ธรรมดาจริงๆ’

 

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่อยู่ไกลๆ และลอบคาดเดาเรื่องราวไปในใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายก็มีอายุไม่ถึงร้อยปีเช่นกัน

 

ได้ฟังมิสู้พบเจอ นับว่ากล่าวไว้ไม่ผิด…!

 

‘ไม่รู้…มันจะใช่เซียนอมตะยอดฝีมือกลับชาติมาเกิดจริงอย่างที่ว่ารึเปล่า หากเป็นแบบนั้นจริงๆชาติที่แล้วของมันต้องไม่ธรรมดาแน่ พรสวรรค์มันคงกล่าวได้ว่าท้าทายสวรรค์!’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจ

 

“ก่วงหลิน เราไปกันเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนถอนสายตาออกมาจากร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก่อนที่จะหันไปกล่าวทักหลิวก่วงหลิน แล้วเดินทางต่อ

 

ครั้งนี้ที่เขาออกมา จุดประสงค์ก็คือไปหาความรู้ที่หอตำราของพระราชวังหลวง

 

หอตำราหลวงที่ว่ายังเปิดให้แขกที่มาเข้าพักในวังเข้าชมได้ตามอัธยาศัย มีหนังสือตำรา ยันต์อมตะเก็บความทรงจำ ไม่เว้นลูกแก้วเงาลอยมากมาย

 

และลูกแก้วเงาลอยที่มีเก็บไว้ในหอตำรา ก็จะเป็นลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกฉากการประมือของเหล่ายอดฝีมือ และส่วนมากด่านพลังยังต่ำกว่าขอบเขตราชาอมตะ

 

แม้จะมีลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกการประมือของตัวตนขอบเขตราชาอมตะบ้าง แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นราชาอมตะที่ไม่อาจเข้าถึงพลังแห่งกฏ

 

แน่นอนว่าลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกการประมือของยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะที่เข้าถึงพลังแห่งกฏ ประเทศตันจี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แค่ไม่ได้เก็บไว้ในหอตำราหลวงเท่านั้น

 

เนื่องจากลูกแก้วเงาลอยพวกนั้นนับว่ามีค่าไม่น้อย ประเทศตันจี้จึงไม่เต็มใจจะเปิดเผยให้คนนอกเห็น

 

กระทั่งลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกการประมือของตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะที่ใช้พลังแห่งกฏ ตระกูลราชวงศ์ของประเทศตันจี้เองก็มีเก็บไว้ไม่น้อย ทว่าพวกมันก็ไม่คิดจะนำมาเก็บไว้ในหอตำราหลวงเช่นกัน

 

“พี่เจวี๋ยอวิ๋น หรือท่านให้ข้าไปยั่วยุท้าทายเจ้านั่นให้มาประลองกับท่านดีไหม…หากมันแพ้ท่าน เช่นนั้นก็ให้ประเทศฝูชิวถอนตัวเรื่องการประมูลไส้เดือนฝอยทองไปเสีย?”

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 2 เดินจากไปแล้ว ชายหนุ่มชุดสีเงินก็หยีตาเอ่ยถามความเห็นชายหนุ่มชุดเทาดู

 

“แล้วหากข้าแพ้มันล่ะ?”

 

หลิงเจวี๋ยอิ๋นย้อนถาม

 

“แพ้?”

 

มุมปากชายยหนุ่มชุดเงินถึงกับกระตุกขึ้นมาตงิดๆ

 

มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจริงๆว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะพูดเรื่องที่ตัวเองอาจจะพ่ายแพ้ออกมา ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ดุจเดียวกัน!

 

กระทั่งคนของประเทศตงหมิงที่อยู่ด้านหลังยังอดไม่ได้ที่จะอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น มองไปยังหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกครั้ง ยังเผยสายตาแปลกๆ ราวกับพึ่งเคยเห็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นครั้งแรก!

 

“ข้า หลิงเจวี๋ยอวิ๋น เซียนกระบี่ขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ หากมือผู้ใดสามารถรับหนึ่งกระบี่ของข้าได้ ให้ถือเสียว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้!”

 

ในการประลองสวรรค์ใต้วันนั้น พวกมันล้วนได้ยินวาจาอหังการของอีกฝ่ายดังชัดถนัดหู กล่าวได้ว่าวาจาเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจของชายหนุ่มผู้นี้ ยังทำให้พวกมันบังเกิดความรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างหยิ่งผยองถือดีเป็นที่สุด!

 

แต่มิคาด วันนี้อีกฝ่ายกลับพูดออกมาได้เต็มปาก ว่าอาจแพ้พ่ายยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งของประเทศฝูชิว!

 

สิ่งนี้ช่างทำให้พวกมันรู้สึกเหลือเชื่อนัก!

 

นี่ยังใช่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น เซียนกระบี่ที่หยิ่งผยองจนไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาในงานประลองสวรรค์ใต้ของประเทศตงหมิงคนนั้นแน่หรือ?