ตอนที่ 2,971 : ข้อมูล ความลึกซึ้ง ของกฏต่างๆโดยสังเขป…

ณ หอตำราหลวงของพระราชวัง

หลังจากแสดงตัวตนให้กับผู้ตรวจสอบหน้าหอตำรา ต้วนหลิงเทียนที่เดินนำหลิวก่วงหลินเข้ามาในหอตำราหลวงก็เอ่ยขึ้นว่า “ก่วงหลินที่นี่เจ้าไม่ต้องคอยตามข้าก็ได้ เจ้าไปหาดูข้อมูลที่เจ้าอยากรู้เถอะ”

หลังเดินเข้ามาในหอตำราหลวงไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นว่าหลิวก่วงหลินเองก็แลดูสนใจไม่น้อย สายตาเอาแต่ส่ายมองไปยังชั้นหนังสือ ชั้นวางยันต์อมตะเก็บความทรงจำ และชั้นวางลูกแก้วเงาลอยไม่หยุด เขาก็เลยให้อีกฝ่ายไปหาความรู้ตามใจชอบ ไม่ต้องมาคอยตามเขาให้เสียเวลาเปล่า

“ขอบคุณนายท่าน”

หลิวก่วงหลินเร่งประสานมือกล่าวขอบคุณด้ววยความยินดี จากนั้นก็เริ่มเดินไปหาสิ่งที่สนใจในหอตำราหลวง

ภายในหอตำราหลวงมีม้วนกระดาษที่บันทึกเรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งหนังสือเก่าแก่โบราณไม่น้อย ยันต์อมตะรวมถึงลูกแก้วก็จัดวางไว้เต็มชั้น จัดแบ่งหมวดหมู่ไว้ชัดเจน หากคิดจะชมดูทั้งหมดเกรงว่าให้เวลา 2-3 ปีก็ไม่น่าจะพอ

และต้วนหลิงเทียนกับหลิวก่วงหลินก็มีเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น กระทั่งยังต้องออกจากหอตำราหลวงก่อนมืดค่ำอีกด้วย

ดังนั้นทั้งคู่จึงได้แต่เลือกดูชมเฉพาะ สิ่งที่สนใจจริงๆเท่านั้น

ร่างต้วนหลิงเทียนก้าวอาดๆพลางมองชมรายชื่อหัวข้อบนชั้นในหอตำราไปเรื่อย

จะตำราเก่าๆ ม้วนคัมภีร์ ยันต์อมตะเก็บความทรงงจำหรือลูกแก้วเงาลอยก็ดี ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองผ่านๆโดยไม่ได้เจาะเจาะอะไร และหากอันไหนสะกิดความสนใจเขา ก็ค่อยเลือกดูชมสิ่งนั้น

“ข้อมูลความลึกซึ้งของกฏต่างๆโดยสังเขป?”

หลังจากมองไปสักพัก สายตาต้วนหลิงเทียนก็ไปสะดุดอยู่กับตำราเก่าๆเล่มหนึ่ง สภาพของมันแลแล้วท่าทางจะผ่านวันเวลามาเนิ่นนาน ทว่าหัวข้อที่เขียนบอกไว้ กลับทำให้เขารู้สึกสนใจจนอดเอื้อมมือไปหยิบมาพลิกดูไม่ได้

“หืม?”

หลังจากหยิบตำราดังกล่าวขึ้นมาพลิกดู ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เพราะนอกกจากหน้าปกแล้ว ด้านในแทบไม่มีหน้าไหนมีสภาพสมบูรณ์พร้อม หากไม่ขาดแหว่ง ปลวกแทะ หมึกที่เขียนก็เลือนจนอ่านไม่รู้ความ

กระทั่งที่อนาถาหน่อยหน้ากระดาษบางหน้าก็ขาดแหว่งไปจนเหลือแค่หัวข้อให้ชมดูตาละห้อย

อย่างไรก็ตามแม้ตำราแล่มนี้จะเก่าและทรุดโทรมเต็มที แต่ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆพลิกอ่านด้วยความสนใจ เพราะเขาพบว่าตำราเล่มนี้ได้จดบันทึกความลึกซึ้งของกฏต่างๆเอาไว้

ตัวอย่างเช่นความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน ก็มีบันทึกไว้เช่นกัน

ในกฏแห่งดิน นอกจากความลึกซึ้งอย่าง ความหมายพื้นฐานแล้ว ก็ยังมีบันทึกความลึกซึ้งข้ออื่นๆเอาไว้ด้วยไม่ว่าจะเป็น พื้นที่แรงโน้มถ่วง เคลื่อนปฐพี การสั่นสะเทือน การฟื้นฟู…อย่างไรก็ตามเนื่องจากหน้ากระดาษมันขาดแหว่ง ต้วนหลิงเทียนก็เลยไม่ได้ข้อมูลเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ รู้ก็แต่ชื่อมันแล้วก็พลังอำนาจคร่าวๆเท่านั้น

ในส่วนของกฏแห่งไฟที่เขาบังเกิดความสนใจหลังได้ยินเทพธาตุในร่างคุยกันวันนี้ นอกจากความหมายพื้นฐานแล้ว ยังมีบันทึกความลึกซึ้งหัวข้อ การปะทุ การเผาไหม้ …แต่ก็เป็นเช่นเคยตัวเนื้อหาไม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่าไหร่

ยิ่งกฏแห่งทองนี่หนักกว่ากฏแห่งไฟเสียอีก เพราะความลึกซึ้งที่มีข้อมูลอธิบายไว้ก็มีแค่ ความหมายเบื้องต้น กับร่างทอง เท่านั้น

‘หืม? กฏแห่งลมค่อนข้างมีเนื้อหาสมบูรณ์ทีเดียว ยังมีความลึกซึ้งบันทึกไว้ตั้ง 7-8 ข้อ’

ต้วนหลิงเทียนพลิกตำราเก่าๆในมือชมดูจนละลานตา ไม่นานก็ได้รับทราบข้อมูลเล็กๆน้อยของธาตุต่างๆ รวมถึงความลึกซึ้งของกฏต่างๆด้วย

กฏไม้ กฏน้ำ กฏความมืด กฏแสง กฏน้ำแข็ง กฏสายฟ้า

เป็นธรรมดาว่าแต่ละกฏที่กล่าวถึงนั้นก็มีบันทึกข้อมูลความลึกซึ้งเอาไว้ไม่ครบสักกฏ และบางกฏก็มีไม่ถึงครึ่ง อย่างไรก็ตามยังดีกว่าไม่ได้รู้อะไรเลย

‘ทุกกฏล้วนมี ความหมายพื้นฐานทั้งนั้น…ส่วนความลึกซึ้งก็จะสอดคล้องกับจุดเด่นของกฏนั้นๆที่ทุกคนพอจะรู้จัก อย่างกฏความมืดก็มีความลึกซึ้งในแง่มุมต่างๆของความมืด แผ่ขยาย ปกคลุม กฏสายฟ้าก็มีความลึกซึ้งของสายฟ้า… แถมเรื่องความลึกซึ้งเองก็ยังมีแบ่งแยกระดับความเข้าใจอีก’

หลังงปิดตำราเก่าๆ ต้วนหลิงเทียนก็หลับตา ค่อยๆแยกย่อยข้อมูลในหัว ขณะเดียวกันเขาก็พอจะเข้าใจเรื่องกฏขึ้นมาบ้าง ว่ามันคืออะไรแล้วมีความสำคัญอย่างไร

สำหรับความลึกซึ้งที่ว่า ก็คือพลังอำนาจอันลี้ลับสุดหยั่งถึงของฟ้าดิน หากสามารถทำความเข้าใจมันได้ ก็จะเข้าถึงพลังของมันและสามารถควบคุมใช้พลังดังกล่าวได้

นอกจากนั้นความลึกซึ้งของแต่ละกฏไม่เพียงจะมีหลายหัวข้อ แต่ยังแบ่งออกเป็นระดับต่างๆอีกด้วย ระดับที่ว่าก็มีเบื้องต้น ความสำเร็จเล็กน้อย ความสำเร็จยิ่งใหญ่

‘ที่แท้วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชา ก็ช่วยทำให้คนเข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้นของแต่ละกฏเท่านั้น…หากคิดจะเข้าถึงความลึกซึ้งระดับความสำเร็จเล็กน้อย ก็มีแต่ต้องไปหาวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจอม

ราชันที่มีกฏเดียวกัน ถึงจะมีโอกาสเข้าใจความลึกซึ้งความสำเร็จเล็กน้อยของกฎนั้น’

‘และหากคิดจะทำความเข้าใจความลึกซึ้งความสำเร็จยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่ต้องมีวรยยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชากับจอมราชัน ยังต้องได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจักรพรรดิที่สอดคล้องกันอีกด้วย!’

‘ความลึกซึ้งระดับเบื้องต้น ความสำเร็จเล็กน้อย และความสำเร็จยิ่งใหญ่ ก็จะมอบพลังอำนาจให้ผู้ใช้แตกต่างกันมหาศาล…นอกจากนั้นหากเข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมกัน ยามใช้ออกผลกระทบที่ได้รับจะไม่ใช่แค่หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองเท่านั้น แต่มันจะทรงพลังขึ้นเป็นทบเท่าทวี…’

ข้อมูลที่ต้วนหลิงเทียนได้มาจากตำราเก่าๆ แม้จะไม่มากมายอะไร แต่ก็พอให้เขาได้เรียบเรียงเรื่องราวในหัวสักพัก

และตลอดทั้งงวันหลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนที่ตระเวนดูตำรับตำรา ยันต์อมตะเก็บความทรงจำไม่เว้นลูกแก้วเงาลอย หากจะถามว่าอันไหนให้ประโยชน์เขามากที่สุด ก็คือตำราเก่าๆ ที่มีเนื้อหาขาดๆหายๆนี้นั่นเอง

เพราะอย่างน้อยๆก็ทำให้เขาเข้าใจเรื่องพลังแห่งกฏ ความลึกซึ้งทั้ง 3 ขอบเขต และความลึกซึ้งบางข้อของแต่ละกฏ

เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน

ต้วนหลิงเทียนที่หาความรู้ไปเพลินๆในหอตำราหลวง รู้ตัวอีกทีตะวันก็กำลังจะตกดินเสียแล้ว

“นายท่าน ถึงเวลาที่พวกเราควรไปกันได้แล้วขอรับ”

ในขณะที่หลิวก่วงหลินเดินมาเรียกต้วนหลิงเทียนนั้น ต้วนหลิงเทียนก็กำลังใช้ลูกแก้วเงาลอยลูกหนึ่งอยู่ เบื้องหน้ากลางอากาศก็มีม่านแสง เผยให้เห็นฉากเรื่องราวหนึ่ง

หลิวก่วงหลินเองก็แลเห็นม่านแสงดังกล่าวเช่นกัน จึงพบว่าเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด 2 คน แต่ทั้งคู่ต่างก็เข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้น อย่าง ความหมายพื้นฐาน ของกฏเรียบร้อยแล้ว

หนึ่งในนั้นเข้าใจความหมายพื้นฐานของกฏแห่งลม

ส่วนอีกคนนั้นเข้าใจความหมายพื้นฐานของกฏแห่งไฟ…

พลังฝีมือย่อยที่ทั้งคู่เผยให้เห็นนับว่าพอๆกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลัง อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายผู้ที่เป็นฝ่ายชนะกลับเป็นผู้ที่เข้าใจความหมายพื้นฐานของกฏแห่งไฟ

และในระหวว่างชมดูการประมือดังกล่าว ก็มีคำหนึ่งผุดขึ้นในหัวต้วนหลิงเทียน

ไฟลุกโหมตามแรงลม!

ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าถึงกฏแห่งไฟนั้น ยามพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานไปด้วยธาตุไฟของมัน ปะทะกับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานกับธาตุลมของอีกฝ่าย พลังของมันก็คล้ายบังเกิดการปะทุลุกโหมขึ้นมาเล็กน้อย แต่ทว่าความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยดังกล่าวกลับทำให้มันเอาชนะอีกฝ่ายได้ในที่สุด

‘ดูเหมือนว่าหากด่านพลังกับทักษะพอๆกัน คนที่เข้าถึงกฏแห่งไฟ ก็ยังเหมือนจะสะกดข่มผู้ที่เข้าถึงกฏแห่งลมอยู่บ้าง…’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ถอนพลังออกจากลูกแก้วเงาลอยแล้วเก็บมันเข้าชั้นวาง และพาหลิวก่วงหลินออกจากหอตำราหลวงทันที

เมื่อเดินออกมาจากหอตำราหลวง ก็เห็นอาทิตย์อัสดงเจียนหม่นแสง ชะโลมย้อมแผ่นฟ้าโลกหล้าให้กลับกลายเป็นสีแดงฉาน

และหลังออกจากหอตำราหลวงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พาหลิวก่วงหลินย้อนกลับไปยังตำหนักที่พักที่ทางประเทศตันจี้จัดไว้ให้

พอมาถึงก็พบเห็นหวงเจียหลง หวงเฟยเหยี่ยนและผู้เฒ่าโม่ที่ออกมายืนรอพวกเขาด้านหน้าตำหนักเรียบร้อย

“อ้าวน้องต้วน…นี่ท่านออกไปข้างนอกมาหรือ?”

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมาจากด้านนอก หวงเจียหลงก้รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

“ใช่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “พอดีข้าไปหอตำราหลวงของประเทศตันจี้มาน่ะ”

“อั้ย ข้าคิดว่าน้องต้วนจะเป็นเหมือนข้าซะอีก ที่เก็บตัวตีความวรยุทธ์อมตะเวท์พลังที่พวกเราได้รับมาเพื่อจะได้เข้าถึงกฏ”

หวงเจียหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อย่างไรก็ตาม ถึงข้าจะเคยได้ยินมาก่อนว่า ความหมายพื้นฐานนั้นเป็นความลึกซึ้งของแต่ละกฏที่เข้าใจง่ายที่สุด แต่ข้าพยายามทำความเข้าใจอยู่ทั้งวันทั้งคืน แต่ยังไม่อาจเห็นประตูของมันเลย…”

กล่าวถึงท้ายประโยค หวงเจียหลงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา

“หึ!”

จังหวะนี้หวงเหยี่ยนเฟยที่อยู่ข้างๆอดพ่นลมสบถออกมาเสียงเย็นไม่ได้ “อาศัยแค่หนึ่งวันหนึ่งคืน แต่เจ้าคิดเห็นประตูความลึกซึ้งเบื้องต้นอย่างความหมายพื้นฐานของกฏแห่งลม? เจ้าฝันละเมออยู่หรือไร?”

“คนที่มีพรสวรรค์และไหวพริบปฏิภาณสูงส่งถึงขนาดนั้น ให้มองไปทั่วเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวก็หามีไม่!!”

หวงเหยี่ยนเฟยกล่าวจบก็ส่ายหน้าไปมาเช่นกัน

หวงเจียหลงได้แต่ยิ้มแหยๆ ด้วยไม่คิดว่าวาจาขำๆของมันกลับทำให้บิดาอารมณ์เสียได้

‘เฮ่อ คงเป็นเพราะตัวเองไม่มีโอกาสเข้าใจกฏอันใดกระมัง พอเห็นลูกชายได้ดีข้ามหน้าข้ามตาหน่อย ก็เลยหงุดหงิดง่าย…’

หวงเจียหลงได้แต่กล่าวปลอบตัวเองในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง

ยังดีที่หวงเหยี่ยนเฟยไม่อาจลวงรู้ได้ว่าหวงเจียหลงคิดอะไรอยู่ หากรู้ไม่พ้นต้องแพ่นกบาลมันจังๆสักที!

มีผู้ใดคิดเล็กคิดน้อยกับบิดาเช่นนี้บ้าง?

“น้องต้วน แล้วเจ้าเล่า…เมื่อคืนได้พยายามทำความเข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้นอย่างความหมายพื้นฐานของธาตุดินหรือไม่?”

หวงเจียหลงที่ไม่ปีกกล้าขาแข็งพอจะเถียงอะไรบิดา ก็เลือกจะหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนแทน

“ก็ใช่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

“เป็นเช่นไรบ้าง?”

หวงเจียหลงถามต่อ

“ก็ราบรื่นดี”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

“ราบรื่นดีรึ?”

อย่างไรก็ตามวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน พอดังเข้าหูของหวงเจียหลง มันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนกล่าวล้อเล่น และคิดเกทับมันเท่านั้น

หวงเหยี่ยนเฟยกับผู้เฒ่าโม่เองก็คิดไปทำนองดังกล่าว

“เจ้าเมืองหวง ผู้เฒ่าโม่!”

จากนั้นไม่นานนัก ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล ค่อยปรากฏเงาร่างสูงใหญ่หนึ่งก้าวอาดๆเข้ามา

ผู้มานั้นมาในชุดเกราะหนักสีเงินให้ความรู้สึกดุดันเหี้ยมหาญ กอปรทั้งรูปร่างของมันที่บึกบึนล่ำสันเป็นทุน ก็มีอานุภาพขู่ขวัญผู้คนให้หวั่นเกรงไม่น้อย

คนผู้นี้ก็คือผู้ตรวจการพ่วงด้วยตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยองค์รักษ์ประจำวังหลวงที่ไปต้อนรับทุกคนเข้าที่พักเมื่อไม่กี่วันก่อน เหอเฟิง!

“ผู้ตรวจการเหอ”

หวงเหยี่ยนเฟยก็พยักหน้าทักทายเหอเฟิงด้วยรอยยิ้ม ด้านผู้เฒ่าโม่เพียงพยักหน้าให้เหอเฟิงเบาๆ แลดูไม่ได้สนใจอะไร

“ไป๋กังเล่า?”

หลังเหอเฟิงหันไปพยักหน้ารับการทักทายจากต้วนหลิงเทียนและหวงเจียหลง มันก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆเล็กน้อย พอพบว่าคนของประเทศฝูชิวคล้ายจะหายไปหนึ่ง และยังเป็นคนที่มันรู้จัก ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไปด้วยความสงสัย

“น้องไป๋ติดตามผู้อาวุโสไป๋เจิ้นเยว่กลับเผ่าพยัคฆ์เหินไปแล้ว…”

หวงเหยี่ยนเฟยตอบ

“หือ? ติดตามผู้อาวุโศไป๋เจิ้นเยว่กลับเผ่าหรือ…ที่แท้ผู้อาวุโสไป๋เจิ้นเยว่คิดมอบรางวัลอันใดให้ไป๋กังกันแน่?”

ลูกตาเหอเฟิงหดเล็กลงโดยพลัน

มันรู้ดีแก่ใจ ว่าหากไป๋กังติดตามไป๋เจิ้นเยว่กลับเผ่าพยัคฆ์เหินไปแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องกลับไปรับรางวัลเรื่องที่ส่งมอบกระบี่อมตะจอมราชันให้เผ่าแน่นอน!

เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงไปเล่นพนันหินจนเปิดกระบี่จอมราชันออกมาจากหินดิบได้อย่างเหลือเชื่อ ฮ่องเต้ตันจี้ก็ได้กล่าวบอกเรื่องนี้แก่มัน หลังจากที่ได้รับรายงานมาจากองค์ชาย 9 ทันที

และพอมันได้ยินว่าไป๋กังคิดจะมอบกระบี่อมตะจอมราชันให้เผ่าพยัคฆ์เหิน มันก็รู้ได้ทันทีว่าสหายผู้นี้กำลังจะได้รับโชคครั้งใหญ่แล้ว!

“ผู้อาวุโสไป๋เจิ้นเยว่ รับปากน้องไป๋ว่า…จะให้น้องไป๋เข้าใช้ ‘สระวิวัฒนาการ’ ของเผ่าพยัคฆ์เหินน่ะ”

หวงเฟยเหยี่ยนนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มสดใส

ไป๋กังเป็นดั่งน้องชายแท้ๆของมัน มันย่อมบังเกิดความยินดีและมีความสุขถึงที่สุดที่ไป๋กังได้รับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่!

“อะไร!?”

สีหน้าเหอเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นมันก็สูดอากาศเข้าลึกๆ “สระ…สระวิวัฒนาการ? ข้าได้ยินมาว่าสระวิวัฒนาการของเผ่าพยัคฆ์เหินที่จะเปิดทุกรอบหมื่นปีนั่น หากพยัคฆ์ลายทองแดงเข้าไปใช้มันล่ะก็…หลังจากผ่านไป 10 ปีก็จักกลายเป็นพยัคฆ์ลายเงินใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว!”

หวงเหยี่ยนเฟยพยักหน้า

“เจ้าบ้านั่น…เจอกันครั้งหน้ามันต้องอวดข้าไม่เลิกแน่!”

เหอเฟิงคลี่ยิ้มแหยๆออกมา อย่างไรก็ตามสองตามันก็ทอประกายสดใสไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ายินดีที่ไป๋กังได้รับโอกาสประเสริฐเช่นกัน

ครู่ต่อมาเหอเฟิงก็ค่อยๆสงบอารมณ์ลง จากนั้นก็หันไปมองต้วนหลิงเทีนกับคนอื่นๆพลางกล่าว “เจ้าเมืองหวง ผู้เฒ่าโม่ สหายน้อยต้วนแล้วก็หลานเจียหลง…พวกเราไปสถานที่จัดงานประมูลกันเลยเถอะ อีกครึ่งชั่วยามการประมูลก็จะเริ่มขึ้นแล้ว”