ตอนที่ 460-2 ต้าไป๋ปรากฏตัว ชาติกำเนิด
เฉียวเวยหรี่ตาลง พอแขนขยับ กริชเฟิ่นเทียนก็ตกลงมาอยู่ในมือ นางจับกริชแน่น กระโดดลงจากรถม้าประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินไปอยู่ด้านหลังฮองเฮาเยี่ยหลัว
เฉียวเวยเอากริชออกจากปลอก ฮองเฮาเยี่ยหลัวแหวกเปิดผ้าม่าน และในจังหวะเดียวกัน กริชของเฉียวเวยก็ชะงักค้างอยู่อย่างนั้น
นี่นางเห็นอะไรอยู่ นี่คือ…โรงพนันงั้นหรือ!
ฮองเฮาเยี่ยหลัวดึงมือเฉียวเวยไป เฉียวเวยยังไม่ทันยัดกริชกลับเข้าไป กริชจึงส่งเสียงดังเคร้งตนตกลงกับพื้น
ชายร่างกำยำท่าทางดุดันที่อยู่ข้างในพากันหันมาเหลือบมองเฉียวเวย
“กริชเจ้าหล่นแล้ว!” ฮองเฮาเยี่ยหลัวก้มลงไปช่วยเฉียวเวยหยิบขึ้นมา ก่อนจะส่งคืนให้เฉียวเวยในทันที “เอา ถือไว้ดีๆ”
เฉียวเวยรับกริชมาอย่างไม่อยากเชื่อ ตัวนางคล้ายยืนสับสนอยู่ท่ามกลางสายลม
นางถูกดึงเข้ามาอยู่ในโรงพนันได้อย่างไรนั้นเฉียวเวยจำไม่ได้แล้ว สรุปก็คือรู้ตัวอีกที บนโต๊ะพนันตรงหน้าก็มีเงินที่เล่นชนะมากองอยู่กองใหญ่แล้ว
เหรียญเงินของเยี่ยหลัวเป็นแบบเดียวกับชนเผ่าลึกลับ คือไม่ใช้ก้อนทอง แต่ใช้เป็นเหรียญกลม เหรียญกลมมีแบ่งเป็นทองแดง เงินและทอง หนึ่งเหรียญทองเท่ากับสิบเหรียญเงิน หนึ่งเหรียญเงินเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญทองแดง ซาลาเปาหนึ่งลูกราคาสองเหรียญทองแดง
พวกนางชนะได้มาทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบเหรียญทอง ฟังดูไม่น้อย แต่ข้าวของในเมืองเยี่ยหลัวแพงจนน่าตกใจ เหรียญทองเพียงเท่านั้นแค่พอเหน็บซอกฟันใครบางคนเท่านั้น
ฮองเฮาเยี่ยหลัวดวงเฮงมาก แทงสูงได้สูง แทงต่ำได้ต่ำ ตั้งแต่เข้ามาในโรงพนัน นางยังแทงไม่ผิดเลยสักครั้งเดียว จมูกเจ้ามือแทบจะบิดเบี้ยวแล้ว!
“เสี่ยวเวยๆ เจ้าก็เล่นด้วยสิ! เจ้าแทงอะไร” ฮองเฮาเยี่ยหลัวตบไหล่เฉียวเวย
พอนางโดนตบไหล่ ความทรงจำช่วงก่อนหน้าถึงได้กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง เฉียวเวยหันมองไปรอบด้าน ในโรงพนันมีสตรีอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ทุกคนอยู่ในชุดจั๋วเช่นเดียวกับพวกนาง หน้าตาของเจ้ามือดูไม่สู้ดีนัก ไม่ต้องเก๋าก็รู้ว่าเพราะพวกนางชนะบ่อยเกินไป
แต่คนมาโรงพนันไม่ได้มาเพื่อชนะหรอกหรือ
เฉียวเวยยืดเอวขึ้นแล้วตบโต๊ะ “ข้าแทงสูง!”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเอาเงินทั้งหมดไปวางอยู่บน “สูง”
ทุกคนพอเห็นนางแทงสูง ก็พากันแทงสูงบ้าง
เจ้ามือพอเปิดฝา “จ่ำ (ต่ำ)…
สีหน้าเฉียวเวยพลันดำคล้ำ…
“ไม่เป็นไร พวกเราไปเล่นอย่างอื่นกัน!” ฮองเฮาเยี่ยหลัวไม่ขาดเงิน แพ้ก็แพ้ไป สำคัญที่สุดคือนางไม่เคยแพ้มาก่อน ในที่สุดพอมีเฉียวเวยเข้ามาช่วยก็ทำให้นางแพ้ได้สักครั้ง ไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวพาเฉียวเวยเดินตามทางไปเข้าอีกห้องหนึ่ง
ห้องนี้เบียดเสียดกว่าห้องเมื่อครู่มากนัก ในโรงพนัน จะเล่นอะไรล้วนมีเวทีของตนเองทั้งสิ้น โรงพนันที่กิจการดีๆ ทุกเวทีจะมีผู้คนเบียดเสียดกันแน่นขนัด กวาดตามองไปมีแต่ผู้คน ที่นี่ก็เช่นกัน ต่างเล็กน้อยก็คือ ในห้องนี้สิ่งที่ผู้คนล้อมวงอยู่ไม่ใช่เวที แต่เป็นกรง
กรงในนี้ทั้งสูงมีทั้งเตียง มีที่ลงกลอน มีที่ไม่ลงกลอน ด้านในมีสัตว์ปีกหลายประเภทขังอยู่
ฮองเฮาเยี่ยหลัวดึงเฉียวเวยไปหน้าลานชนไก่อันหนึ่ง รอบใหม่เพิ่งเริ่มต้น นางแทงไก่สีดำตัวเล็กที่ตัวผอมแห้ง เฉียวเวยไม่ค่อนสนใจเรื่องประเภทนี้ แต่เมื่อครู่นางเพิ่งแพ้เสียเงินไป ในใจจึงเกิดไม่อยากยอมแพ้ นางจึงตั้งใจเลือกไก่สีทองตัวใหญ่ที่ดูกระปรี้กระเปร่าตัวหนึ่ง
การต่อสู้อันดุเดือดเริ่มต้นขึ้น ไก่สีทองนำหน้าไปไกล จัดการคู่ต่อสู้เสียจากกระโดดเด้งไปทั่ว ทางด้านไก่สีดำถูกคู่ต่อสู้จิกจนกระโดดเร่าๆ ไก่ทองตัวใหญ่ดูจะชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ไก่ดำดูเหมือนจะโชคเข้าข้าง สุดท้ายชนะไปอย่างสะบักสบอม
หลังจากนั้นไก่ทองตัวใหญ่ก็มาเจอกับไก่ดำตัวเล็กที่แผลเต็มตัวจนตัวสั่นงันงก
แต่ไก่ดำตัวเล็กกลับได้รับชัยชนะ…
เฉียวเวยแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนมองเห็น!
ไก่ที่ตัวเล็กผ่ายผอมเช่นนี้ ชนะแม่ทัพร่างทองของนางได้อย่างไร!
ไม่มีใครเดิมพันฝั่งไก่ดำ ฮองเฮาเยี่ยหลัวเลยกินรวบทั้งกระดาน ถุงเงินตรงเอวบวมป่องขึ้นมา
ฮองเฮาเยี่ยหลัวก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อยากแพ้สักครั้งเหตุใดถึงยากเย็นเพียงนี้
หลังจากนั้น ฮองเฮาเยี่ยหลัวลากเฉียวเวยไปพนันชนจิ้งหรีด ชนงู ชนเหยี่ยว ตัวที่ฮองเฮาเยี่ยหลัวเลือกล้วนเป็นตัวที่ร่อแร่ดูจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ทุกตัว แต่สุดท้ายนางก็ชนะทุกครั้งไป
ยังดีที่นางมีเพื่อนพนันที่โง่เขลา จึงนำเงินที่นางชนะได้มาคืนไปหมด ไม่อย่างนั้นด้วยความดวงเฮงของนาง น่ากลัวว่าทุกคนในโรงพนันคงไม่ให้นางมีชีวิตรอดออกไปแน่
เฉียวเวยเดิมพันแพ้เสียไม่มีชิ้นดี!
ชนะที่ดวงจะไปสนุกอะไร เก่งจริงก็มาแข่งปายโกว[1]กันสิ!
แพ้หมดรูปขนาดนี้กลับไปสิถึงเรียกว่ายอมไม่ได้ โชคดีที่เฉียวเวยรู้จักจัดการอารมณ์ของตนได้ดี หลังจากสูดหายใจเข้าออกลึกๆ อยู่หลายทีก็ข่มความร้อนรุ่มในใจเอาไว้ได้ แล้วเป็นฝ่ายจูงมือฮองเฮาเยี่ยหลัวแทน
จังหวะที่ยื่นมือไปจับนั้น นางก็รู้สึกได้ว่าไม่ถูกต้อง นางเลยคิดจะสะบัดมืออก แต่แล้วจู่ๆ คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ตรงมุมห้องก็ตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “ชิวลาจี๋จี๋…”
ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ พวกนางไม่ได้เล่นทุกอย่าง ตั้งแต่ตอนเล่นอยู่อีกมุมหนึ่งเฉียวเวยก็ได้ยินเสียง “ชิวลาจี๋จี๋” มาตลอด จนนางรู้แล้วว่าจี๋จี๋แปลว่าชนะ ส่วนคำว่าชิวลานี้คิดว่าคงเป็นชื่อสัตว์ปีกสักตัวเป็นแน่
นางได้ยินมาไม่ต่ำว่าสิบครั้งแล้ว แสดงว่าเจ้าตัวนั้นชนะมาแล้วสิบตา อันที่พวกนางเล่นมาทั้งหมด ยังไม่มีสัตว์ตัวใดที่ชนะติดต่อกันได้สามตาเลย ต่อให้ยังพอมีแรง โรงพนันก็จะดึงพวกมันออกเพื่อให้เก็บไว้ใช้งานได้ยาวๆ
ไอเจ้าตัวที่ชื่อชิวลานั้นเป็นตัวอะไรกันแน่ เหตุใดถึงได้…
นางไม่รู้ว่าควรบอกว่ามันสู้เก่ง หรือควรบอกว่าโรงพนันใจคอโหดเหี้ยมให้มันสู้อยู่อย่างนั้น
เฉียวเวยลอบพึมพำในใจ หันไปมองดูอย่างอดไม่ไหว
เจ้าตัวที่ชื่อชิวลานั่นน่าจะสู้จนครบทั้งหมดของวันนี้แล้ว มันถูกคนจับเอาเข้ากรงแล้วหิ้วออกไปทางโถงด้านหลัง
เฉียวเวยทันเห็นเพียงหางสีขาวปุย ชั่วขณะนั้นความรู้สึกอันคุ้นเคยประดังประเดเข้ามาในอก…
นางปล่อยมือฮองเฮาเยี่ยหลัวแล้วรีบวิ่งไปทางโถงด้านหลัง
ตรงโถงด้านหลังมีบ่าวไพร่ปัดกวาดยืนอยู่หลายคน เฉียวเวยคว้าตัวคนหนึ่งไว้แล้วส่งภาษามืออยู่พักหนึ่ง “ชิวลา! เจ้า…เห็นชิวลาหรือไม่”
ชิวลาน่าจะมีชื่อเสียงในโรงพนันอยู่ประมาณหนึ่ง บ่าวไพร่พูดภาษาเยี่ยหลัวมาประโยคหนึ่งแล้วชี้ไปทางประตูหลัง น่าจะบอกว่าชิวลาไม่ใช่สัตว์ของโรงพนัน เลยมีเจ้าของมาพาตัวไปแล้ว
เฉียวเวยรีบเดินออกไปทางประตู แต่บนถนนใหญ่ที่ผู้คนจอแจ ไหนเลยจะยังมีเงาของต้าไป๋ให้เห็นอีก
ระหว่างทางกลับ เฉียวเวยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องต้าไป๋กับฮองเฮาเยี่ยหลัว
เดิมทีก็เป็นนางที่จับต้าไป๋โยนลงแม่น้ำฮู่เฉิง หากให้นางรู้ถึงร่องรอยของต้าไป๋ ใครจะรู้ว่านางจะทำอะไรต้าไป๋หรือไม่
ฮองเฮาเยี่ยหลัวนับเหรียญทองในถุงผ้าที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด คิ้วคู่งามโค้งขึ้นเล็กน้อย “ข้าไม่เคยเสียพนันเยอะเท่านี้มาก่อนเลย เสี่ยวเวย ออกมากับเจ้านี่ช่างดีเหลือเกิน!”
เฉียวเวย: อย่าพูดแทงใจดำข้านักได้ไหม
เฉียวเวยเป็นกังวลถึงร่องรอยของต้าไป๋ อันที่จริงไม่ได้สนใจความตื่นเต้นเล็กๆ น้อยๆ ของอีกฝ่ายเท่าไรนัก ถึงขั้นว่านางออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกกับอีกฝ่ายทั้งๆ ที่เสี่ยงจะถูกล่อมาสังหาร เสี่ยงที่จะถูกกักตัวเอาไว้ แต่นางได้กลับวังอย่างปลอดภัยครบสามสิบสอง เรื่องที่แสนจะไม่ปกติเช่นนี้นางก็ยังไม่มีกะจิตกะใจจะคิดถึง
ในหัวนางมีแต่เรื่องของต้าไป๋
เฉียวเวยกับฮองเฮาเยี่ยหลัวปีนกำแพงกลับเข้าวังได้อย่างราบรื่น
นางกำนัลที่ตอนแรกถูกส่งมาปรนนิบัติเฉียวเวยแต่กลับทำนางหายไป ตกใจจนร้องไห้ นางวิ่งโร่ไปสารภาพผิดกับฮองเฮาเยี่ยหลัว ฮองเฮาเยี่ยหลัวก็ยกโทษให้นางอย่างใจกว้าง
ราชาเยี่ยหลัวเสนอให้ทั้งสองพักอยู่ในวังอย่างมีน้ำใจ ก็ถูกจีหมิงซิวขอบคุณแล้วปฏิเสธไป
เฉียวเวย: ปฏิเสธน่ะถูกต้องแล้ว ราชาเยี่ยหลัวมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง! ไม่แน่ว่าอาจจะลุกขึ้นมาฆ่าพวกเรากลางดึกก็เป็นได้!
ทั้งสองเดินออกจากประตูวังแล้วจะเดินไปทางรถม้าที่จอดรออยู่ แต่พอออกไปถึงทางเดินกลับเห็นว่ารถม้าคันเดิมหายไปแล้ว
มีรถม้าหน้าตาหรูหราคันหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา
ท่านมู่อ๋องเลิกผ้าม่านขึ้น แล้วเอ่ยกับทั้งสองอย่างมีอัธยาศัย: รถม้าคันนั้นพังเสียแล้ว นั่งรถม้าข้ากลับจวนก็แล้วกัน”
เฉียวเวยเหลือบมองมู่อ๋องด้วยความข้องใจ คนผู้นี้เหตุใดอยู่ๆ ถึงเกิดมีน้ำใจกับนางขึ้นมาเช่นนี้
ก็แค่รถม้าคันหนึ่งเท่านั้น ทั้งสองไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนัก ถึงอย่างไรมู่ชิวหยางก็อยู่ในมือพวกเขา พวกนางไม่กลัวว่าท่านอ๋องผู้นี้จะทำร้ายพวกตน
…
ตอนกลับไปถึงฟางชุ่ยหยวน ฟ้ายังสว่างโร่อยู่ เด็กทั้งสองวิ่งเล่นไปมาอยู่ตรงระเบียงทางเดิน
จีหมิงซิวไม่รีบร้อนจะคิดบัญชีเรื่องที่เฉียวเวยหนีออกไปกับฮองเฮาเยี่ยหลัว ส่วนเฉียวเวยก็ย่อมไม่รอให้เขามาคิดบัญชี ชิงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดก่อนเพื่อเลี่ยงการถูกลงโทษหนัก พร้อมใส่สีตีไข่เพื่อเพิ่มอรรถรส “…ข้าไม่ได้ตั้งใจจะออกไปกับนางจริงๆ นางควบคุมตัวข้า มือเท้าข้าไม่ฟังคำสั่งข้าเอาเสียเลย!”
จีหมิงซิวยกมุมปากขึ้น มองภรรยาอย่างอ่อนโยนและรักใคร่ “ไม่ฟังคำสั่งงั้นหรือ หือ?”
เสียงหือตอนท้ายนั้นสูงขึ้นเล็กน้อย ทำเอาเฉียวเวยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไปหมด
เฉียวเวยตั้งสติ แสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ข้าไม่ได้ไปเสียเที่ยวนะ ข้าเจอร่องรอยของต้าไป๋แล้ว!”
จีหมิงซิวส่งเสียงหึเย็นๆ ปลายนิ้วที่มีผ้าชั้นบางๆ ปกคลุมอยู่ไล้ผ่านกลีบปากอ่อนนุ่มของเฉียวเวยไป “ข้าจดไว้ก่อนนะ เดี๋ยวค่อยสะสางบัญชีกับเจ้า”
โดยปกติเวลาบอกว่าเดี๋ยวค่อยสะสางบัญชีกับเจ้าจะหมายถึงว่าตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ ดวงตาคู่สวยของเฉียวเวยเป็นประกาย “ท่านกับราชาเยี่ยหลัวพูดคุยกันเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่อย่างไร”
“ไม่อย่างไรนี่เป็นอย่างไร”
“ก็คือไม่อย่างไรนั่นแหละ”
เฉียวเวยรินชาให้เขาถ้วยหนึ่ง “ท่านอย่าทำงุบงิบเช่นนี้ พวกท่านคุยอะไรกันแน่ ท่านกับเขาได้เอ่ยเรื่ององค์หญิงเจาหมิงกับฮองเฮาหรือไม่”
จีหมิงซิวยกถ้วยชาขึ้นจิบเรียบๆ “ไม่”
“เหตุใดถึงไม่เอ่ย” เฉียวเวยรินชาให้ตัวเองด้วยถ้วยหนึ่ง
“ไม่ทันได้เอ่ย” จีหมิงซิวนวดหน้าอก ถ้าท่าทางเหมือนตกใจกับอะไรบางอย่างมา “ถูกเขาทำให้ตกใจไม่น้อย”
ตาจิ้งจองเฒ่านี้ก็ถูกใครทำให้ตกใจเป็นกับเขาด้วยหรือ เฉียวเวยเลิกคิ้ว “เขาทำอะไรหรือ”
“เขาบอกว่าข้าเป็นบุตรของเขา”
เฉียวเวยถึงกับพ่นชาในปากออกมา!
ไม่แปลกที่เฉียวเวยเสียกิริยาเพียงนี้ ข้อมูลนี้สั่นสะเทือนนางเกินไปจริงๆ นับเป็นข่าวที่สะเทือนเลื่อนลั่นเป็น TOP3 เลยทีเดียว TOP1 คือที่นางข้ามภพมา TOP2 คือนางมีซาลาเปาน้อยแล้ว
“ท่าน…ท่าน…ท่าน…ท่านเป็นบุตรชายของราชาเยี่ยหลัวจริงๆ หรือ” เฉียวเวยตาโตอ้าปากค้าง
จีหมิงซิวเลื่อนพัดที่ยกขึ้นบังน้ำชาออกอย่างใจเย็น เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ย่อมต้องไม่ใช่”
เฉียวเวยคิดแล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่ แต่หากไม่ใช่ เหตุใดราชาเยี่ยหลัวถึงต้องมาบอกว่าเขาเป็นบุตรของตนมั่วซั่วเช่นนี้
ราชาเยี่ยหลัวดูไม่เหมือนคิดเองเออเอง
วันนี้เมื่อเช้าตอนอยู่ในท้องพระโรง นางรู้สึกว่าราชาเยี่ยหลัวดูมีปฏิกิริยาผิดแปลกไป เขาได้พบกับบุตรชายของสตรีในดวงใจ แต่ทำเสียหยั่งกับได้พบหน้าบุตรชายในอุทร เวลานี้พอหมิงซิวเอ่ยเช่นนี้ แปดเก้าส่วนราชาเยี่ยหลัวคงถือว่าหมิงซิวเป็นบุตรชายในอุทรของเขาแล้ว
แต่หากเป็นเช่นนั้นก็คงประหลาดมากมิใช่หรือ เหตุใดราชาเยี่ยหลัวถึงคิดว่าองค์หญิงเจาหมิงเคยคลอดบุตรให้กับเขากันนะ
เฉียวเวยกะพริบตาปริบๆ “หรือว่าเขากับท่านแม่ท่าน…”
จีหมิงซิวตีศีรษะนางเบาๆ “อย่าคิดเพ้อเจ้อ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
[1]ปายโกว คือเกมพนันอย่างหนึ่งของจีน โดยใช้ตัวโดมิโน่เป็นอุปกรณ์
………………