WSSTH ตอนที่ 3,008 : อุปกรณ์เทพระดับสูงสุด!

‘จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือ?’

อย่างไรก็ตามชายหนุ่มชุดเทาที่ได้ยินคำตัดสินของคนอื่นๆ มันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ‘ต้วนหลิงเทียนคนนั้น ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญเป็นแน่’

ตัวมันนั้นมีความเป็นมาไม่ธรรมดา ด้วยเหตุนี้มันที่ลองถามตัวเองดู ก็ตอบได้ทันทีว่าสายตามองคนของมันนั้นเหนือล้ำกว่าคนทั่วไปมาก

ตั้งแต่วันที่มันได้เจอต้วนหลิงเทียนครั้งแรก มันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยบางอย่างจากร่างต้วนหลิงเทียน ถึงแม้มันจะยังไม่แน่ใจว่าเป็นกลิ่นอายของอะไรกันแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นกลิ่นอายที่มันเคยสัมผัสได้จากตอนที่มันยังอยู่ในตระกูลที่ระราบแห่งนั้น..

“กลิ่นอายที่ว่าเหมือนอุปกรณ์เทพ…แต่มีอะไรแปลกๆ…คล้ายมีอะไรบางอย่างขาดหายไป”

ชายหนุ่มชุดเทาบ่นพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีแต่มันคนเดียวที่ได้ยิน

“มันไร้จิตวิญญาณแห่งศาสตรา”

ในขณะที่เสียงของชายหนุ่มชุดเทาดังจบคำ ก็มีเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้นในหัว และยังเป็นเสียงของสตรีนางหนึ่ง

เสียงของสตรีนางนี้ฟังดูน่าเกรงขามทั้งเย็นชา พาลให้ผู้คนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหน็บหนาวอยู่บ้าง

“พี่หวงเอ้อ ท่าน…ตื่นแล้วหรือ!?”

ได้ยินเสียงที่อยู่ๆก็ดังขึ้นในหัว ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มชุดเทาจะไม่แตกตื่นตกใจ กลับกันสองตาของมันเบิกโพลง ใบหน้าฉายชัดถึงความตื่นเต้น ราวกับได้พบเจอกับเรื่องราวอันน่ายินดีและทำให้มันมีความสุขมาก

“อืม”

เสียงอันสง่างามน่าเกรงขามทั้งเยย็นชาของสตรีดังขึ้นอีกครั้ง “ตั้งแต่ที่เจ้าเจอมันครั้งแรก ข้าก็เริ่มได้สติแล้ว…อย่างไรก็ตามตอนนั้นข้ายังไม่อาจสื่อสารกับเจ้าได้”

กล่าวถึงจุดนี้ เสียงของสตรีดังกล่าวก็หยุดลง ก่อนที่นางจะกล่าวต่อออกมาว่า “เสี่ยวเฟิง เจ้าโตขนาดนี้แล้วหรือ…”

พอได้ยินวาจาประโยคนี้ ชายหนุ่มในชุดสีเทาที่มักมีสายตาเฉยเมยไม่แยแสต่อสิ่งใด สองตาของมันแดงรื้นขึ้นมาปานจะร้องไห้เสียอย่างนั้น

และไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ สองมือของมันได้กำหมัดแน่นจนข้อขาว เอ่ยกับสตรีนางนั้นว่า “พี่สาวหวงเอ้อ…สักวันข้าจะล้างแค้นให้ท่าน ยังจะล้างแค้นให้ครอบครัวข้า!!”

“ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้…”

สตรีนางนั้นยังคงกล่าวสืบต่อ “แล้วพี่หวงเอ้อคนนี้ ก็จะคอยช่วยเหลือเจ้าอีกแรง…”

“พี่สาวหวงเอ้อ ท่าน…”

ในขณะที่แววตาของชายหนุ่มชุดเทาหดเล็กลงด้วยความหวั่นใจ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา เสียงของสตรีก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน เอ่ยว่า “เสี่ยวเฟิง ข้าคิดจะผสานเข้ากับอุปกรณ์เทพในร่างของต้วนหลิงเทียนคนนั้น และกลายเป็นจิตวิญญาณสถิตย์อุปกรณ์เทพของมัน”

“ท่าน…ท่านจะไปเป็นจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพของมันเหรอ!?”

เมื่อได้ยินคำของสตรี ลูกตาของชายหนุ่มชุดเทาก็หดเล็กลง หน้ายังเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง “พี่สาวหวงเอ้อ…จะอย่างไรท่านก็คือจิตวิญญาณสถิตย์อุปกรณ์เทพระดับสูงสุด…อย่าว่าแต่อุปกรณ์เทพระดับต่ำ ต่อให้เป็นอุปกรณ์เทพระดับกลาง แม้แต่ระดับสูง ท่านก็ไม่เหลือบแล…”

“หรือท่านจะบอกว่า…ต้วนหลิงเทียนคนนั้นมันมีอุปกรณ์เทพระดับสูงสุด!?”

พอชายหนุ่มชุดเทานึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา สีหน้าแววตามันก็เผยอาการตกใจไม่น้อย เร่งหันไปมองชายหนุ่มชุดม่วงในห้องโถงเบื้องงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“เสี่ยวเฟิง…อุปกรณ์เทพที่อยู่ในร่างของมัน เจ้าเองก็รู้จัก…”

เสียงสตรีดังขึ้นอีกครั้ง

“ข้าก็รู้จัก?”

ร่างชายหนุ่มชุดเทาผงะไปทันที จากนั้นสองตามันก็ทอประกายจ้า “พี่สาวหวงเอ้อ…ท่านอย่าได้บอกข้านะ…ว่าอุปกรณ์เทพในร่างต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เทพระดับสูงสุดธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์เทพระดับสูงสุดอันลือชื่อ และยังเป็นอุปกรณ์เทพระดับสูงสุดอันลือชื่อจากระนาบทวยเทพของพวกเรา?”

“มิผิด อุปกรณ์เทพระดับสูงสุดในร่างต้วนหลิงเทียนคนนั้น…ก็คือกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน”

เสียงสตรีดังสืบต่อ

“อะไร!?”

“กะ…กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนรึ!?”

ได้ยินคำของสตรี ลูกตาของชายหนุ่มชุดเทาก็หดหยีลงแทบปิด สีหน้าแลดูตกกใจไม่น้อย “กระบี่เล่มนั้น…มิใช่ว่าอยู่ในมือของนายท่าน 3 แห่งตระกูลเซี่ย เซี่ยเจี๋ย ผู้นั้นหรือไร?!”

“แล้วไฉนถึงไปอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียนผู้นั้นได้เล่า!?”

ตัวมันย่อมเคยได้ยินคำร่ำลือของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนมาก่อน

กล่าวไป…ขอเป็นเพียงผู้คนในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพของมัน ไม่มีใครไม่รู้จักกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน!

ที่ไฉนกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนถึงมีชื่อเสียงโด่งดังนั้น ไม่ใช่เพราะพลังอานุภาพของตัวกระบี่ หากแต่เจ้าของเดิมของมันนั้นเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพต่างหาก!

“เรื่องนี้เจ้าต้องสอบถามมันเอง…แต่ในเมื่อมันสามารถถือครองกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้ จะมากจะน้อยมันย่อมมีความเกี่ยวข้องกับนายท่าน 3 แห่งตระกูลเซี่ย เซี่ยเจี๋ย ผู้นั้น…”

เสียงสตรียังคงกล่าวสืบต่อ “หากเจ้าสามารถสานไมตรีกับเซี่ยเจี๋ยผู้นั้นผ่านมันได้ บางทีวันหน้าเรื่องแก้แค้นของเจ้า อาจมีผู้ช่วยเหลืออันทรงพลังอย่างไม่คาดคิด…เจ้าเองก็สมควรทราบดี ว่าเซี่ยเจี๋ย ของตระกูลเซี่ยผู้นั้น เป็นตัวตนอันน่ากลัวเพียงใด”

“พี่สาวหวงเอ้อ…”

ชายหนุ่มชุดเทาสะเทือนใจไม่น้อย

วิญญาณที่อาศัยอยู่ในร่างของมันตอนนี้ ก็คืออดีตจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพคู่กายของพี่สาวแท้ๆมัน หลังจากที่ร่างกายอันเป็นอุปกรณ์เทพชิ้นนั้นถูกทำลาย วิญญาณศาสตราเช่นนางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในร่างมัน จากนั้นก็เร่งชี้นำให้มันรีบหลบหนีไปจากตระกูล ก่อนที่หายนะจะมาถึงตัว!

จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของนาง มันก็สามารถหลบหนีออกจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพจนมาถึงหลิงหลัวเทียน 1 ใน 81 ระนาบเทวโลกได้สำเร็จ

ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มชุดเทากับสตรีดังกล่าว หาไม่แล้วเขาคงแปลกใจครั้งยิ่งใหญ่กับบทสนทนาของชายหนุ่มชุดเทากับสตรีเป็นแน่

นั่นเพราะเขาเองก็รู้จักชายหนุ่มชุดเทาคนนี้ และชื่อที่เขารู้จักกลับไม่มีคำว่า ‘เฟิง’ แม้แต่น้อย

ทว่าสตรีนางนั้นกลับเรียกหาชาหนุ่มชุดเทาว่า ‘เสี่ยวเฟิง’

“ต้วนหลิงเทียน?!”

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไม่ไกลจากร่างของชายหนุ่มชุดเทา พลันปรากฏร่างชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง

และชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นคนที่พึ่งต่อสู้กับร่างจิตต่อสู้ชนะมาหยกๆ ในห้องโถงห้องอื่น

มันยังจดจำชายหนุ่มชุดม่วง ที่ชายหนุ่มชุดเทาและคนอื่นๆกำลังมองอยู่ได้ทันที

ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็คือองค์ชายรองของประเทศหนันฉี่ เชวียจิงอวี่ ที่เคยประมือกับต้วนหลิงเทียนจนแพ้พ่าย ก่อนที่จะเข้ามายังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ!

เชวียจิงอวี่นั้นไม่เพียงเป็นองค์ชายรองของประเทษหนันฉี่เท่านั้น แต่มันยังเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งสายฟ้า อย่างความหมายแห่งสายฟ้าจนสำเร็จขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว

อาศัยพลังฝีมือของมัน จึงมาถึงที่นี่ได้เช่นกัน

“โกงหรือ?”

เชวียจิงอวี่ถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินผู้คนโดยยรอบสนทนากันว่า ต้วนหลิงเทียนนั้น สมควรโกงโดยการช่วยเหลือใครบางคนเก็บคะแนนสะสมจนครบ 10 แต้มเพื่อให้สามารถมาที่วังจอมราชันอมตะได้ สุดท้ายบททดสอบแรกของต้วนหลิงเทียนจึงถูกวังจอมราชันอมตะเพิ่มความยากกว่าผู้อื่นเขา

ทันทีที่เชวียจิงอวี่รับทราบเรื่องนี้ หน้ามันก็เปลี่ยนสีไปทันที ในใจยังรู้สึกโชคดีไม่น้อย เพราะมันเองก็ช่วยเหลือคนในประเทศเก็บคะแนนสะสมเช่นกัน! แต่ไม่ได้ช่วยอีกฝ่ายจนเก็บสะสมได้ครบ 10 แต้ม!!

“ต้องตายแน่ๆงั้นเรอะ?”

เมื่อได้ยินกลุ่มคนที่กำลังมุงชมอยู่กล่าวกันทำนองว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่ๆ เชวียจิงอวี่อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเย้ยหยันออกมาอย่างประชดประชัน เพราะมันรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน หาได้มีเท่าที่คนพวกนี้กำลังเห็นไม่!

“ถึงแม้ร่างจิตต่อสู้นี้จะทรงพลังไม่เบา และการโจมตีของมันก็รุนแรงกว่าการลงมือที่ข้าใช้กับต้วนหลิงเทียนไม่น้อย…แต่ก็ยังไม่พอฝ่าการป้องกันนรกนั่นของต้วนหลิงเทียนได้หรอก!”

“ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนยังสามารถหยุดกระบวนท่าของข้าได้อย่างง่ายดาย…”

“ซ้ำร้ายตอนนั้นในตัวของต้วนหลิงเทียนยังไม่มีชุดเกราะอมตะระดับราชาด้วยซ้ำ!”

“ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีชุดเกราะอมตะระดับราชาที่เน้นการป้องกันเป็นหลักแล้ว การป้องกันของมันไม่ทราบจะน่ากลัวขึ้นไปอีกเท่าไหร่…ร่างจิตต่อสู้นั่นให้ร้ายกาจกว่านี้อีกขั้น ก็ไม่มีวันฝ่าปราการป้องกันนรกนั่นของต้วนหลิงเทียนได้หรอก!”

“ตอนนี้ขอแค่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะล้มเลิกการชิงไหวชิงพริบ และหันมาลุยดะแลกตายกับร่างจิตต่อสู้นั่น ก็คงเอาชนะร่างจิตต่อสู้นั่นได้นานแล้ว”

ถึงแม้มันจะแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียนมาครั้งหนึ่ง แต่เชวียจิงอวี่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรต้วนหลิงเทียน ยังนับถืออยู่หลายส่วน ขณะเดียวกันมันก็เชื่อมั่นเต็มเปี่ยม ว่าขอเพียงต้วนหลิงเทียนต้องการ ย่อมสามารถฆ่าร่างจิตต่อสู้นั้นได้ตลอดเวลา!

“จะอย่างไรก็ตาม…หากเป็นตัวข้า คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของร่างจิตต่อสู้นั่นแน่”

หลังได้เห็นพลังอันแกร่งกร้าวของร่างจิตต่อสู้ที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเผชิญหน้าอยู่ เชวียจิงอวี่ก็สำเหนียกตัวเองดี “แต่กับต้วนหลิงเทียนมันคนละเรื่อง…เจ้านั่นมันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการแล้ว”

“ทั้งความลึกซึ้งของกฏแห่งดินอีกประการที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจ ไม่พ้นเป็นความลึกซึ้งที่โดดเด่นเรื่องการส่งเสริมการป้องกันเป็นหลัก!”

ในขณะที่เชวียจิงอวี่กำลังพึมพำกับตัวเบาๆถึงจุดนี้

ภายในห้องโถง เรื่องราวก็เริ่มดำเนินไปตามที่เชวียจิงอวี่กล่าวไว้ไม่มีผิด ต้วนหลิงเทียนที่พยายามอาศัยความสามารถและไหวพริบชิงชัยกับร่างจิตต่อสู้นั้น สุดท้ายก็ไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายที่ไร้ช่องโหว่ได้เลย จึงเลือกที่จะไม่ปะทะตามเกมของอีกฝ่าย และเลือกจะใช้วิธี ‘ท่านฟันข้าหนึ่งดาบ ข้าจ้วงท่านหนึ่งมีด’ แทน…

และครู่ต่อมาเงาร่างเกราะอ่อนเกล็ดแดงก็เริ่มปรากฏขึ้นคลุมกายต้วนหลิงเทียนเอาไว้ จากนั้นก็ปรากฏพลังหนุนเสริมสู่เงาร่างเกราะอ่อนเกล็ดแดงมากมายส่งเสริมพลังอำนาจในการป้องกันของมันให้ยกระดับขึ้นจนน่ากลัว

จากนั้นในขณะที่ต้วนหลิงเทียนปล่อยให้กระบี่หนักของร่างจิตต่อสู้ฟันมาที่เขาโดยไม่ใช้กระบี่เข้ารับ ตัวเขาก็อาศัยจังหวะดังกล่าวรวมรั้งพลังทั้งหมดลงสู่กระบี่หนักไร้คมแล้วฟันสวนออกไปฉับไวปานฟ้าผ่าทันที! สุดที่ร่างจิตต่อสู้จะเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าใดๆได้ทันกาล!!

อย่างไรก็ตามร่างจิตต่อสู้ก็ยังคงเลือกที่จะทุ่มพลังไปกับการโจมตีเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามันก็เลือกที่จะแลกกันคนละกระบี่กับต้วนหลิงเทียน!

เพราะจุดประสงค์ของร่างจิตต่อสู้ร่างนี้ ก็คือการฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายให้จงได้ โดยที่มันไม่สนใจว่าหลังจากฆ่าต้ววนหลิงเทียนได้แล้วตัวเองจะต้องตายหรือไม่!

เห็นฉากดังกล่าว เหล่าผู้ที่กำลังมุงชมเรื่องราวอยู่อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ขณะเดียวกันก็คิดกันไปว่า…ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นเสียสติไปแล้วหรือไร ถึงได้คิดแลกชีวิตกับร่างจิตต่อสู้แบบนี้?

หรืออีกฝ่ายไม่รู้ ว่าต่อให้ทำเช่นนี้ถึงจะฆ่าร่างจิตต่อสู้ได้ แต่ตัวเองก็ไม่พ้นต้องตกตายไปตามๆกัน?

อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงที่อุบัติขึ้นในฉับพลัน ก็สร้างความตกตะลึงให้พวกมันอีกรอบ

“นั่นปะไร!”

เชวียจิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างขบขัน เห็นได้ชัดว่ามันชอบใจไม่น้อยที่เดาถูก!

“มารดามันเถอะ! นั่นมันพลังป้องนรกอันใดกัน!?”

ตอนนี้เอง กระทั่งชายหนุ่มชุดเทาที่ยังคงสนทนากับสตรีในร่างอยู่ ก็ถูกเสียงอุทานของผู้คนรอบๆปลุกให้กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง

“เจ้านั่นมันอะไรกันแน่ อาศัยแค่ชุดเกราะอมตะระดับราชา กลับป้องกันการโจมตีของร่างจิตต่อสู้นั่นได้งั้นเหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!?”

“ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ชุดเกราะอมตะของมันไม่คล้ายเป็นชุดเกราะอมตะที่ได้รับการหล่อเลี้ยงขัดเกลาด้วยพลังของจอมราชันอมตะมาก่อน…ต่อให้เป็นชุดเกราะอมตะระดับราชาที่จอมราชันอมตะใช้พลังขัดเกลาหล่อเลี้ยงมา ก็ไม่มีวันทรงพลังถึงขั้นป้องกันการโจมตีนั่นของร่างจิตต่อสู้ได้โดยไร้ขีดข่วนแบบนี้!!”

“เจ้านั่น มันต้องเข้าใจความลึกซึ้งประการที่สองของกฏแห่งดินแล้วเป็นแน่…และความลึกซึ้งที่มันเข้าใจ สมควรเอกอุในเรื่องป้องกัน! หาไม่แล้วพลังป้องกันมันไม่ผิดประหลาดได้ถึงขนาดนั้นหรอก!!”

ในขณะที่ได้ยินเสียงอุทานโพล่ดังขึ้นด้วยความตกใจ ชายหนุ่มชุดเทาก็เห็นว่า

เรื่อราวภายในห้องโถงเบื้องหน้านั้น ร่างจิตต่อสู้ที่ฟันกระบี่หนักลงไปสุดแรงกลับไม่อาจฝ่าม่านพลังลักษณ์เกราะอ่อนเกล็ดแดงไปถึงตัวต้วนหลิงเทียนได้เลย

แต่กระบี่หนักไร้คมที่รวมรั้งพลังทั้งหมดของต้วนหลิงเทียน กลับฟันร่างจิตต่อสู้ขาดสะพายแล่ง เรียกว่าเอาชนะได้อย่างหมดจด!

“เจ้านั่นมันจะถึกเกินไปแล้ว!!”

“มารดามันเถอะ! ภายใต้การป้องกันนรกนั่นของมัน ข้าว่าคงมีไม่กี่คนกระมังที่ทะลวงฝ่าเข้าไปได้?”

“มันเป็นผู้ใดมาจากไหนกันแน่? ไฉนข้ากลับไม่เคยได้ยินเรื่องราวของมันมาก่อน ร้ายกาจเช่นมันสมควรโด่งดังในคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่น้อย!”

“เฮ่ ดูเหมือนเจ้าหนุ่มที่พึ่งออกมาจากโถงเมื่อครู่ จะเรียกชื่อเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นอยู่นี่! ลองไปถามมันดูเร็ว!”

หลายคนที่กำลังแตกตื่นกับเรื่องราวในห้องโถงของต้วนหลิงเทียน พอคุยกันไปได้สักพัก ก็มีบางคนที่จำได้ว่า เหมือนก่อนหน้าเชวียจิ่งอวี่จะเรียกชื่อต้วนหลิงเทียนออกมา

“เจ้านั่นเรียกว่าต้วนหลิงเทียน เป็นอัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนพันประเทศ ยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัดคนหนึ่ง”

เมื่อถูกมองจ้องมาด้วยสายยตาสงสัยของผู้คนโดยรอบ เชวียจิงอวี่กล่าวออกมาทันที

“อัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนพันประเทศรึ?”

เดิมทีพวกมันเข้าใจว่าชายหนุ่มชุดม่วงที่ร้ายกาจขนาดนี้ สมควรเป็นไพ่ลับของขุมกำลังระดับ 7 แน่นอน พอมาได้ยินคำของเชวียจิงอวี่ พวกมันจึงตกใจไม่น้อย!

“หืม?”

ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลังจากเขาผ่านการทดสอบและพึ่งจะเดินออกจากห้องโถงมา กลับพบเห็นผู้คนมากมายกำลังมองจ้องมาที่เขา

ที่สำคัญในบรรดากลุ่มคนดังกล่าว ยังมีคนที่เขารู้จักอยู่ 2 คน

เชวียจิงอวี่ องค์ชายรองของประเทศหนันฉี่

หลิงเจวี๋ยอวิ๋น อัจฉริยะที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาของประเทศตงหมิง!