ตอนที่ 471-1 พร้อมหน้า อบอุ่น (2)
เฉียวเวยพอได้นอนก็หลับยาว กว่าจะตื่นอีกทีก็ดึกดื่นค่ำมืดไปแล้ว สองพี่น้องจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูไห่สือซานก็ยังพากลับมาแล้วด้วย
สองพี่น้องไปตามหามารดาข้างนอกไม่เจอ ไม่ต้องบอกเลยว่าเสียใจแค่ไหน ตอนนั้นไห่สือซานยังไม่รู้ว่าเฉียวเวยกลับจวนมาแล้ว จึงร้อนใจแทบแย่ คิดว่าหากอีกเดี๋ยวเด็กสองคนงอแงอีก คืนนี้เขาคงได้พาพวกเขาออกเดินตามหาไปทั่วเมืองที่ทั้งมืดทั้งเย็นเป็นแน่
โชคดีที่เฉียวเวยกลับมาแล้ว ซ้ำยังพาเด็กน้อยแสนน่ารักอีกคนหนึ่งกลับมาด้วย
จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูถึงขั้นไม่หลับไม่นอน เข้าไปรุมล้อมเด็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
อันที่จริงพวกเขาก็เคยเห็นเด็กตัวน้อยๆ แบบนี้มาก่อน อย่างจวิ้นเกอร์ของหลัวต้าเหนียง พวกเขาก็เห็นมาตั้งแต่เกิด ตอนจวิ้นเกอร์ตัวเล็กๆ น่ารักมาก แต่ไม่น่ารักเท่าหนูน้อยคนนี้ เด็กน้อยคนนี้ตัวเล็กนิดเดียว เล็กพอๆ กับเสี่ยวไป๋ น่ารักอย่าบอกใครจริงๆ… จนใจจะละลายไปหมดแล้ว!
สองพี่น้องไม่เป็นอันทำอะไร เอาแต่เกาะเตียงตูดโด่งอยู่อย่างนั้น สองมือเท้าคาง มองเจ้าหนูตัวน้อยตาปริบๆ
เสี่ยวไป๋ทำหน้าที่เป็นฮีทเตอร์ให้เด็กน้อย เลยกำลังนอนอยู่ในห่อผ้าด้วยกัน
เสี๋ยวไป๋ไม่เคยถูกคนรุมมองแบบนี้มาก่อน เลยใจฟูด้วยความภาคภูมิใจจนแทบจะโป่งพองออกมา!
สองพี่น้อง: ไม่ได้กำลังมองแกอยู่จริงๆ นะ~
จูเอ๋อร์ก็ดีใจมาก ไม่เพียงไม่ถือสาที่เด็กน้อยใส่เสื้อผ้าของมัน แต่ยังใจดีเอาผ้าคลุมกันลมตัวสวยของตนออกมาคลุมให้บนตัวเด็กน้อยด้วย
เฉียวเวยพอลืมตามาก็ได้เห็นภาพเช่นนี้ ใจจึงรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เจ้าตัวน้อยนี่นะ มีแต่คนรักชอบ เจ้าต้องเติบโตมาอย่างปลอดภัยให้ได้นะ
…
เฉียวเวยรู้ว่า ตามธรรมเนียมของยุคสมัยนี้ คนในตระกูลใหญ่จะไม่ป้อนนมบุตรเอง จีหมิงซิวนับว่าหัวก้าวหน้ามากแล้ว แต่ในเรื่องนี้ก็ยังไม่แสดงออกว่าเปิดกว้างมากนัก
เพียงแต่เวลานี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ต้าเหลียง แต่อยู่ในเยี่ยหลัวที่รอบตัวเต็มไปด้วยอันตราย หากทำอะไรพลั้งพลาดไปจนได้สายสืบกลับมาอีก เจ้าเด็กคนนี้คงได้ตกอยู่ในอันตราย
เมื่อคิดเช่นนี้ จีหมิงซิวเลยล้มเลิกความคิดที่จะหาแม่นมไป เรียกน้องชายมาด้วยความรู้สึกผิดแล้วให้อีกฝ่ายไปบอกฟู่เสวี่ยเยียนถึงความจำเป็นในเวลานี้
ฟู่เสวี่ยเยียนดีใจแทบแย่เลยต่างหาก
ไม่มีมารดาคนใดไม่อยากป้อนนมบุตรตนเอง หากหาแม่นมมาให้นางจริงๆ นางคงเสียใจแย่
เฉียวเวยตื่นมาได้ไม่เท่าไรเด็กน้อยก็ร้องไห้จ้า เฉียวเวยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้นาง นางก็ยังร้องไห้ คำนวณจากเวลาคิดว่าเด็กน้อยน่าจะหิวแล้ว
เฉียวเวยกำลังจะอุ้มเด็กไปหา ปิงเอ๋อร์ก็หิ้วกล่องอาหารเข้ามาพอดี
ปิงเอ๋อร์เห็นเด็กที่เฉียวเวยอุ้มร้องไห้จ้าอยู่ ถึงจะบอกว่าร้องไห้จ้าแต่เอาเข้าจริงเสียงไม่ได้ดังเลยสักนิด ร้องๆ อยู่ก็เริ่มจะหายใจไม่ทันเสียแล้ว
เฉียวเวยรีบเอ่ยปลอบ “รู้แล้วว่าเจ้าหิว กำลังพาเจ้าไปกินนมนะ”
สายตาของปิงเอ๋อร์สั่นไหวเล็กน้อย นางวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ ส่งยิ้มน้อยๆ พลางเดินเข้าไปหาเฉียวเวย “ข้าให้โรงครัวทำมื้อดึกมาให้ จั๋วหม่าน้อยกินก่อนนะ เดี๋ยวข้าอุ้มไปให้พี่สาวเอง”
วั่งซูกระโดดลงมา “ข้าขอไปด้วยๆ!”
จิ่งอวิ๋นก็รีบใส่รองเท้า
สองพี่น้องเดินเข้ามาล้อมไว้อย่างพร้อมเพรียง เฉียวเวยมองนาฬิกาทรายที่แขวนอยู่บนกำแพง นี่โมงยามใดเข้าไปแล้ว สองคนนี้ยังไม่นอนอีกหรือ
ช่างเถิด นานๆ ทีในบ้านจะมีเด็กหญิงเพิ่มเข้ามา ปล่อยให้ตื่นเต้นไปก่อนก็แล้วกัน
เฉียวเวยส่งเด็กให้ปิงเอ๋อร์อุ้ม ซาลาเปาทั้งสองก็กลายเป็นหางของปิงเอ๋อร์ไปอย่างรวดเร็ว เดินตามเข้าห้องใต้เท้าเจ้าสำนักไปทันที
ซาลาเปาทั้งสองยังไม่รู้ว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นบุตรของพี่สาวฟู่กับอารองของพวกเขา ยังคิดว่าท่านแม่ของพวกตนเป็นคนให้กำเนิดมา เวลานี้พอเห็นฟู่เสวี่ยเยียนอุ้มน้องสาวเอาไว้แล้วเบี่ยงตัวหลบไปจะป้อนนมน้องสาว พวกเขาถึงนึกได้ว่าตอนนั้นน้าสะใภ้ก็ป้อนจวิ้นเกอร์แบบนี้
“พี่ฟู่นี่เป็นบุตรของท่านหรือ” จิ่งอวิ๋นถามด้วยความใคร่รู้
“พี่ฟู่ เหตุใดท่านถึงมาอยู่ในห้องอารองเล่า” วั่งซูก็ถามด้วยความใคร่รู้เช่นกัน
“พ่อของน้องสาวเป็นใครหรือ” วั่งซูถามด้วยความอยากรู้อีกครั้ง
ฟู่เสวี่ยเยียนถูกเด็กทั้งสองถามจนตอบไม่ถูก โชคดีที่ใต้เท้าเจ้าสำนักมาพอดี เลยหิ้วตัวเด็กทั้งสองออกนอกห้องไป
เรือนร่างของภรรยาเขา เขายังไม่ค่อยจะได้เห็นเลย จะให้เจ้าเด็กตูดเหม็นสองคนนี้ได้เห็นเป็นบุญตาได้อย่างไร
พอไม่ได้เห็นน้องสาว ซาลาเปาน้อยหน้าตาดูเศร้าสร้อยอย่างยิ่ง ข้าจะไม่เล่นกับอารองสามวัน!
ตอนจีหมิงซิวกลับมาถึงห้อง เด็กน้อยไม่มีใครอยู่เลย เหลือแค่เฉียวเวยนั่งกินข้าวต้มพุทราใส่ดอกกุ้ยฮวาอยู่คนเดียวในห้อง
“ไปไหนกันหมดล่ะ” เขาถาม
เฉียวเวยหัวเราะเบาๆ บอกว่า “ไปอยู่กันห้องข้างๆ แล้ว”
จีหมิงซิวตอบอื้มคำหนึ่งแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ เห็นได้ว่าเขาค่อนข้างผ่อนปรนให้บุตรชายกับบุตรสาวตามติดน้องสาวจนไม่หลับไม่นอนเช่นนี้ เขาปลดเสื้อคลุมที่เปรอะหิมะออก แล้วเอาขึ้นแขวนเอง
เฉียวเวยหันไปมองเขา “หิมะตกหรือ นี่เพิ่งเดือนใดเอง”
“ทางตะวันออกของเมืองตกลงมานิดหน่อย ทางนี้ยังไม่มี” จีหมิงซิวนิ่งไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยต่อว่า “ตกเร็วกว่าต้าเหลียงจริงๆ”
เฉียวเวยวางตะเกียบกับถ้วยให้เขา “ท่านก็กินด้วยสิ”
จีหมิงซิวไม่หิว แต่ก็นั่งลงกินเป็นเพื่อนนาง
เฉียวเวยหิวมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ จึงเจริญอาหารยิ่งนัก นางไม่เพียงกินข้าวต้มไปหนึ่งถ้วย แต่ยังกินหมั่นโถวไปสองลูก กับขนมเปี๊ยะไส้แพะไปอีกหนึ่งชิ้น ตอนท้ายจีหมิงซิวเห็นท่าทางภรรยาดูยังไม่อิ่มดี เลยเอาข้ามต้มในถ้วยของตนให้นางไปด้วย
พอกินข้าวต้มชามนั้นเสร็จ เฉียวเวยถึงได้รู้สึกว่าตนอิ่มจริงๆ นางลูบท้องป่องๆ ของตนพร้อมอุทานออกมา “ไม่ได้กินอิ่มอย่างนี้นานแล้ว”
จีหมิงซิวยื่นมือใหญ่ๆ ของตนออกมาลูบท้องนางเบาๆ “อยากออกไปเดินเล่นที่สนามหน่อยหรือไม่”
เฉียวเวยนิ่งไปครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
จีหมิงซิวขยับมือลูบท้องนางเบาๆ “เรื่องสองสามวันนี้น่ะหรือ”
“อื้อ” เฉียวเวยรู้สึกสบายที่มีคนมาลูบท้อง นางเอนหลังพิงพนัก ท่าทางปล่อยตัวตามสบายเช่นนี้ หากเฉียวเจิงมาเห็นเข้าได้คว้าตัวนางมาตีตายแน่
จีหมิงซิวไม่ใช่เฉียวเจิง ซ้ำยังเห็นว่าท่าทางนางในเวลานี้ดูน่ารักดี
เฉียวเวยนั่งพิงอยู่พักหนึ่งก็ไม่รู้สึกแน่นท้องขนาดนั้นแล้ว นางขยับนั่งตัวตรงแล้วเล่าเรื่องสองวันนี้ให้อีกฝ่ายฟัง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเริ่มจากตอนที่ซิ่วฉินเข้ามาหานาง
พอเอ่ยถึงชื่อซิ่วฉิน เฉียวเวยก็รู้สึกเอะใจขึ้นมาทันที “เอ๊ะ? เหตุใดข้าถึงยังไม่เห็นซิ่วฉินเลย นางกลับมาแล้วหรือยัง”
จีหมิงซิวเพ่งสายตามอง “ยังไม่กลับมา เมื่อครู่ที่ข้าออกไปก็เพราะจะไปตามหานาง นางน่าจะยังอยู่ในทิวเขา พวกไห่สือซานไปตามหากันแล้ว”
“ไม่ถูกสตรีนางนั้นจับตัวไปหรือ” เฉียวเวยถาม
จีหมิงซิวหัวเราะเสียงเย็น “หากนางจับตัวซิ่วฉินไป จะต้องเอามาใช้บีบฟู่เสวี่ยเยียนเป็นแน่ แต่นี่นางยังมา แสดงว่านางก็หาตัวซิ่วฉินไม่เจอเช่นกัน หรือบางทีนางอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ว่าซิ่วฉินหายตัวไป”
************************