ตอนนี้เจียงหลานแทบรอฆ่าคนเบื้องหน้าให้หมดไม่ไหวแล้ว…

อย่างไรก็ตามมันไม่อาจกระทำแบบนั้นได้

เนื่องเพราะผู้คนเบื้องหน้าล้วนตกอยู่ในค่ายกลมายาหลอนประสาทของมัน หากมันลงมือล่ะก็ ย่อมส่งผลกระทบต่อค่ายกลมายาหลอนประสาทแน่นอน ทำให้ผู้คนเหล่านี้หลุดพ้นจากค่ายกลของมันทันที!

ถึงตอนนั้นต่อให้พลังฝีมือมันจะกล้าแข็งเหนือผู้ใด แต่สองหมัดหรือจะต้านทานสี่ฝ่ามือ มิพ้นถูกกลุ้มรุมจนพลาดท่าเสียทีแน่

นั่นไม่ใช่อะไรที่มันอยากจะเห็น

“อย่างไรก็ตามหากม่านพลังป้องกันต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์พังทลายลง ค่ายกลมายาหลอนประสาทก็มิวายได้รับผลกระทบเช่นกัน ถึงตอนนั้นผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ก็จะหลุดพ้นอำนาจค่ายยกลมายาหลอนประสาททันที”

“แต่พอถึงตอนนั้น มิน่าจะมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่มากนัก…เมื่อข้าลงมือ ย่อมฆ่าพวกมันได้ไม่มีปัญหา!”

“อาศัยพลังฝีมือของข้าพร้อมด้วยศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ จะยากอะไรหากคิดเข่นฆ่าเด็กน้อยขอบเขตยอดเซียนอมตะไม่กี่คน ยังเข่นฆ่าพวกมันได้ทันก่อนที่ดวงจิตและเลือดเนื้อจะถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับไปสร้างผลเทพสังเวยสวรรค์ถมเถ!”

ไม่ทันไรเจียงหลานก็วาดแผนการในหัวเสร็จสรรพ

เพียงรอให้ม่านพลังที่ปกป้องต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์พังทลายลงเมื่อไหร่ มันจะลงมือเข่นฆ่าคนที่รอดชีวิตด้วยตัวเองทันที!

“ถึงตอนนั้นข้าจะไว้ชีวิตก็แต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยาง…หากพวกมันคนใดยอมสวามิภักดิ ให้ข้าปลูกฝังตราทาส ข้ายังจักมอบผลเทพสังเวยสวรรค์ให้มันทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศทันที!”

ไม่ทราบตั้งแต่ตอนไหน แต่สาตายของเจียงหลานก็ไปหยุดมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางอีกครั้ง

หากเป็นไปได้ มันก็อยากให้ 1 ใน 2 คนนี้ยอมสวามิภักดิ์เป็นข้ารับใช้ของมัน

แน่นอนว่าหากทั้งทั้งคู่เลือกจะสวามิภักดิ์มัน มันก็จะยอมรับไว้ไม่ขัดข้อง หากแต่จะมอบผลเทพสังเวยสวรรค์ที่เหลืออีกผลให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋น

ถึงหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางล้วนแล้วแต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วนเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม กฏที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเลือกทำความเข้าใจก็คือ ‘กฏแห่งความตาย’ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด! นั่นไม่ใช่อะไรที่กฏแห่งน้ำจะเทียบได้เลย!!

ในแง่ของศักยภาพแล้ว หลิงเจวี๋ยอวิ๋นย่อมเหนือกว่าหลินเฟยหยางมาก!

ภายในโถงถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหลายก็ยังคงเข่นฆ่ากันสืบต่อ…

เสียงร่ำร้องด้วยความไม่ยินยอมดังขึ้นเป็นครั้งคราว และทุกคราก็จะมีหนึ่งชีวิตที่ร่วงหล่น แถมผู้ที่ร่วงหล่นเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น

เพราะพวกมันไม่ว่าคนไหน ก็เป็นชนชั้นอัจฉริยะที่มีขุมกำลังระดับ 7 อยู่เบื้องหลังทั้งนั้น…

คราวนี้เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เจียงหลานไปล่อลวงมา ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 7 ทั้งสิ้น ไม่มีคนจากขุมกำลังระดับ 6 หรือสูงกว่านั้นเลย

ทั้งหมดเพื่อให้ตัวมันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หมดจด ไม่เสี่ยงให้ผู้ใดมาทำลายแผนการที่มันเตรียมการไว้ตั้งแต่ชาติก่อนได้

เจียงหลานนั้น ไม่กลัวแม้แต่น้อยหากยอดฝีมือจากขุมกำลังระดับ 7 เข้ามาแทรกแซง

แต่เมื่อมันพัวพันถึงคนของขุมกำลังระดับ 6 ล่ะก็ มีความเป็นไปได้ที่ตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะจะสอดมือเข้ามาแทรกแซง ถึงตอนนั้นค่ายกลที่มันตระเตรียมไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว อาจรับมือตัวตนเหล่านั้นไม่ได้

เช่นนั้นเมื่อพิจารณาความเสี่ยงทั้งหมดแล้ว เจียงหลานจึงเลือกแต่อัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 7 เท่านั้น

ในบรรดาขุมกำลังระดับ 7 อัจฉริยะที่สามารถบรรลุขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดและสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 200 ปี ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนระดับสุดยอดอัจฉริยะที่จะปรากฏในรอบพันปีทั้งสิ้น…

อนิจจา ภายในถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลเหล่านี้ ชีวิตของสุดยอดอัจฉริยะเหล่านั้นช่างเปราะบางดั่งกระดาษแก้ว…ตายตกกันไปทีละคนๆ

“ดูเหมือนค่ายกลที่ป้องกันต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์จะคงสภาพอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว…”

หลังฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทิ้งไปอีกคน ต้วนหลิงเทียนที่เหลือบไปมองม่านพลังปิดกั้นโลหิตและดวงจิตของผู้ตายด้วยหางตา ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที

ตอนนี้ม่านพลังจากค่ายกลที่ปกคลุมเกาะกลางอันมีต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ตั้งอยู่ มันกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับพร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเวลา…

และเมื่อม่านพลังดังกล่าวพังทลายลง โลหิตและดวงจิตของผู้ตายที่ถูกม่านพลังกั้นไว้จำนวนมหาศาล ก็สมควรถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับในคราเดียว และมันต้องนำไปบำรุงตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ให้เติบโตกลายเป็นผลเทพสังเวยสววรรค์ทันทีแน่

เป็นธรรมดาว่ากระบวนการดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะทำให้ผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏได้แน่นอน ยังมีโอกาสล้มเหลวอีกด้วย!

และหากล้มเหลวล่ะก็ สิ่งที่จะตามมาก็คือตัวอ่อนของผลเทพสังเวยสวรรค์จะฝ่อ ก่อนที่จะสลายหายไปในอากาศ…และนั่นก็บ่งบอกว่าการสังเวยยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์ครั้งนี้ ล้มเหลวเสียแล้ว

“อืม จับตาดูให้ดี ข้าว่าหากมียอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดตกตายอีกสัก 5-6 คน ม่านพลังป้องกันดวงจิตกับโลหิตผู้ตายนั่น คงไม่อาจทนพลังดูดซับของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ได้อีกต่อไป”

หลังจากลอบมองสถานการณ์เรื่องราว หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ส่งเสียงผ่านพลังถึงต้วนหลิงเทียน

“ตายอีก 5-6 คนงั้นหรือ…”

พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็กวาดตามองเหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ยังมีลมหายใจในโถงถ้ำอันสุดไพศาลทันที จากนั้นเขาก็พบว่าเหลือผู้ที่รอดชีวิตอยู่ด้วยกันแค่ 12 คนเท่านั้น ซึ่งจำนวนนี้ก็นับรวมเขา หลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยางแล้ว

กล่าวได้ว่า จะมีผู้รอดชีวิตอยู่แค่ราวๆ 6-7 คนเท่านั้น หลังจากที่ม่านพลังรอบต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์พังทลายลง

“เจ้าทันได้สังเกตหรือไม่..ว่าคู่ต่อสู้ที่เจ้าพบเจอหลังๆมานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการ ทั้งเริ่มเข้าใจประการที่ 4 ได้เล็กน้อยทั้งสิ้น?”

เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “แต่ทางด้านข้ากับหลินเฟยหยางผู้นั้น พวกเราไม่ได้พบเจอคู่ต่อสู้ที่เริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วนแม้แต่คนเดียว…”

“หืม เช่นนั้นหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทันสังเกตเรื่องนี้เลย เพราะสำหรับเขาแล้วมันไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมาย แค่หนึ่งกระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงที่สร้างขึ้นจากพลังของแหวน 9 วิญญาณหยินหยางก็สังหารพวกมันได้ง่ายๆ…

“ข้าสงสัยว่าเจ้านั่นมันคิดไว้ชีวิตข้ากับหลินเฟยหยางเอาไว้…เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าหากผลเทพสังเวสวรรค์ปรากฏขึ้นมาสำเร็จ ก็จะมี 2 ผล และตัวมันก็ต้องการใช้แค่ผลเดียวเท่านั้น…”

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวสืบต่อ “หากข้าเป็นมัน และเห็นคนสองคนที่มีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการแถมยังเข้าใจประการที่ 4 ได้อีกบางส่วน ข้าย่อมบังเกิดจิตคิดถนอมอัจฉริยะขึ้นมาแน่นอน กระทั่งอาจจะรับตัวมาอยู่ใต้อาณัติ…”

ได้ยินคำพูดผ่านพลังดังกล่าวของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะสื่ออะไร “เจ้าคิดว่า มันตั้งใจเหลือเจ้ากับหลินเฟยหยางเอาไว้ เพียงเพราะพวกเจ้าเข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการกับประการที่ 4 เล็กน้อยงั้นเหรอ?”

“และจุดประสงค์ที่มันทำแบบนี้ ก็เพื่อสยบปราบเจ้า ให้เจ้าเป็นข้าทาสบริวารของมัน?”

ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้วเบาๆ เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงจริงๆ หากมีแค่คนเดียวก็อาจถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญได้…แต่พอมาเกิดขึ้นกับ 2 คนที่มีลักษณะคล้ายๆกัน เรื่องบังเอิญพรรค์นี้ไหนเลยจะมีในโลก!

เขาเองเดิมทีก็พบเจอกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการอยู่บ้าง แต่หลังๆมานี้กลับพบเจอแต่คู่ต่อสู้ที่เริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วนแล้วอย่างเดียว ที่สำคัญยังพบเจอกันติดๆนับสิบคน!

ฟุ่บ!

ต้วนหลิงเทียนพึ่งส่งเสียงผ่านพลังคุยกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจบไม่ทันไร ร่างหนึ่งก็พุ่งมาปรากฏตัวเบื้องหน้าเขา และเป็น 1 ในยอดเซียนอมตะสิบกว่าคนที่ยังรอดชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้

เป็นชายหนุ่มมาในชุดคลุมสีเหลือง และต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นมันนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว จึงรู้ดีว่ากฏที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญก็คือกฏสายฟ้า และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งสาฟ้าถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการแล้ว…

ที่สำคัญเลยก็คือ เขายังพบว่าอีกฝ่ายได้เริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ของกฏสายฟ้าได้บางส่วนแล้วด้วย…

‘ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วจริงๆ…’

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มชุดเหลืองถูกจัดให้มาเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้เต็มสิบส่วน ว่าที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคาดเดานั้นไม่มีผิดเพี้ยน…

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอผู้ที่มีพลังฝีมือระดับเดียวกับชายหนุ่มชุดเหลืองมานับ 10 แล้ว เช่นนั้นการจะส่งมันไปตามทางเหมือนคนก่อนๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอันใด

เนื่องจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจงใจปกปิดพลังเอาไว้ไม่คิดเปิดเผยไพ่ตายใดๆออกมาแม้แต่ใบเดียว เช่นนั้นคนที่เข่นฆ่าได้รวดเร็วที่สุดในโถงถ้ำก็คือต้วนหลิงเทียน!

และทุกชีวิตที่สิ้นสุดลงในน้ำมือเขา ก็ไม่ได้ทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังอะไรไปมากมาย…

และหลังจากต้วนหลิงเทียนฆ่ายอดเซียนอมตะชุดเหลือง เขาก็ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้อีกต่อไป เพราะอีก 10 คนที่เหลือบัดนี้ได้จับคู่เข่นฆ่ากันอยู่

ต้วนหลิงเทียนก็ทำทีเป็นหันมองไปรอบๆอย่างเหรอหรา ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงผ่านพลังหารือกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่กำลังประมือกับคู่ต่อสู้อยู่…

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…”

เจียงหลานที่ลอยร่างกลางอากาศเหนือม่านพลังโปร่งแสงที่ปกคลุมต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น

“ความแข็งแกร่งของมันนับว่าเหนือล้ำสุดที่ผู้ใดในโถงถ้ำแห่งนี้จะต้านทานรับมือได้ไหว…หลังจากที่ทั้ง 10 คนนั่นเข่นฆ่ากันจนรู้ผลแล้ว ข้าจะลงมือฆ่าทุกคนยกเว้นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางก่อน และค่อยเข่นฆ่ามันเป็นคนสุดท้าย เพื่อให้มันได้เห็นซึ้งถึงความแตกต่าง และลิ้มรสชาติของความสิ้นหวังจับใจ!”

เจียงหลานไม่ได้แยแสความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน หากแต่ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนกลับทำให้มันไม่สบอารมณ์!

ด้วยเหตุนี้มันจึงต้องการให้ต้วนหลิงเทียนได้เป็นประจักษ์พยานยามมันเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นเสียก่อน ค่อยลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนยามที่บังเกิดความสิ้นหวังถึงขีดสุด!

“ไม่มมม!!”

ศัตรูที่ปะทะกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกรีดร้องออกมาด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจก่อนจะตกตายคามือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น สองตาของมันยังเบิกโพลงจับจ้องมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยความท้อแท้ทั้งไม่ยินยอมถึงขีดสุด

ไม่นานหลังจากที่คู่ต่อสู้ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นตกตาย คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มชุดเขียวไกลๆก็ตายตกลง จากนั้นคู่ค่อสู้ของหลินเฟยหยางก็ตกตาเป็นลำดับถัดมา…

ชายหนุ่มชุดเขียวที่ยังรอดอยู่คนนี้ ก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการ และยังเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ของกฏแห่งลมได้อีกเล็กน้อย พลังความแข็งแกร่งของมันนับว่าเทียบได้กับหลินเฟยหยางและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามในแง่ของอายุแล้ว มันแก่กว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางมาก

เปรี๊ยะ!!

ครืนนนน! ครืนนนนน!!!

ทันใดนั้นเองเมื่อโลหิตลและดวงจิตของผู้ที่พึ่งตายตก ถูกพลังดูดซับของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดึงดูดไปรวมกับดวงจิตและโลหิตที่มีอยู่ก่อน ก็ทำให้ม่านพลังโปร่งแสงเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง!!

กระทั่งบางจุดของม่านพลังโปร่งแสงยังเริ่มปรากฏรอยร้าวขึ้นมาให้เห็น!

‘ตราบใดที่อีก 4 คู่ที่เหลือเข่นฆ่ากันจบ…ม่านพลังนั่น เกรงว่าคงไม่อาจต้านไหวสืบไป…’

สายตาต้วนหลิงเทียนละออกมาจากม่านพลังโปร่งแสงที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงและปรากฏรอยร้าวหลายจุด ไปหยุดลงยังยอดเซียนยอมตะอีก 4 คนที่กำลังจับคู่เข่นฆ่ากันอยู่…

ในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 4 มี 2 คนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการ และเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วน

ส่วนคู่ต่อสู้ของพวกมันแต่ละคน ล้วนแล้วแต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏเพียง 3 ประการทั้งสิ้น ยังไม่ริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งของกฏประการที่ 4 แต่อย่างไร

“หืม?”

ในขณะที่ 4 คนกำลังจะตัดสินความเป็นตายกันนั้นเอง เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดเขียวขึ้นมา และมันก็คือชายหนุ่มชุดเขียวที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น 3 ประการ และริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมประการที่ 4 ได้บางส่วน…

อย่าไรก็ตาม แม้ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้จะไม่ใช่ชั่ว แต่คนที่มีพลังฝีมือระดับมัน ก็ได้ตกตาคามือต้วนหลิงเทียนไปไม่น้อยกว่าสิบคน…

เช่นนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ ต้วนหลิงเทียนก็ส่งอีกฝ่ายไปตามทางในกระบวนท่าเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่อาจต่อต้านอะไรได้เลย…

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าชายหนุ่มชุดเขียวตายตก อีก 4 คนที่ประมือกันอยู่ก็ตัดสินผลได้พอดี

ดวงจิตและโลหิต 2 ด้านนั้นก็พุ่งไปยังต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ทันที

ครู่ต่อมา

เปรี๊ยงงงงง!!

ม่านพลังที่กางคลุมต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ หลังถูกดวงจิตและโลหิต 2 ชุดดังกล่าวมาหนุนเสริมกับของเดิมที่มีอยู่ ในที่สุดก็ไม่อาจต้านทานได้ไหวสืบไป! แหลกลงเป็นเสี่ยงในบัดดล!!