‘2 วัน 2 คืนที่ผ่านมาอย่าว่าแต่ค่ายของคฤหาสน์อมตะไหนเลย…ข้ายังไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคน…’
หลังจากออกจากหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่พบเจอใครอีกเลย และไม่เจอค่ายคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นใดอีก
แต่อย่างน้อยๆเขาก็จำได้แล้วว่าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวและค่ายของคฤหาสน์อู่จ้านตั้งอยู่ที่ไหน
อย่างไรก็ตามค่ายของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น เขารู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเขาไม่อาจไปดักตีคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเพื่อช่วงชิงคะแนนได้ เว้นเสียแต่จะเจอคนที่มาเฝ้ารอเล่นงานคนของคฤหาสน์เฉวียนโยว
สำหรับค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน เมื่อ 2 วันก่อนเขากำจัดคนไปทั้งสิ้น 11 คน เช่นนั้นยังจะมีใครกล้าออกมาอีก?
หรือจะให้ไปรอคนที่จะกลับค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน?
แต่ไฉนคนของคฤหาสน์อู่จ้านต้องกลับค่ายด้วย? ตอนนี้มันปลายเดือนแล้ว แค่รออยู่ข้างนอกไม่ทันไรเดี๋ยวก็ถูกอาคมในป้ายส่งตัวออกไปเพราะหมดเวลาเอง
ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงไม่คิดเสียเวลาไปกับการดักรอหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน
‘ตอนนี้เวลาที่มีก็เหลือไม่ถึง 2 วัน 1 คืนดีด้วยซ้ำอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็จะล้างใหม่แล้ว…ท่าทางคนที่ยังอยู่ที่นี่ก็คงมีน้อยเต็มที คิดจะหาใครสักคนยังต่างอะไรกับงมเข็มในกองฟาง’
ขณะเหินร่างต้วนหลิงเทียนก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ตอนนี้เขาก็ไม่ได้หวังอะไรมากนักเรื่องจะพบเจอผู้คน ‘ช่วยไม่ได้ เข้ามาปลายเดือนก็ยังงี้ล่ะ…ดูท่ารอบนี้อย่างดีข้าก็คงมีแค่ 41 คะแนน’
คิดถึงช่วงท้าย ต้วนหลิงเทียนก็พลิกฝ่ามือเรียกป้ายหยกสะสมคะแนนขึ้นมาโยนเล่นเบาๆ
ขณะเดียวกันตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างมาถึงป่าทึบแห่งหนึ่ง
ในอดีตยามเหินผ่านป่าทึบหรือแนวเทือกเขา ต้วนหลิงเทียนจะระวังตัวไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาทำแค่แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบคร่าวๆเท่านั้น เพราะเขารู้สึกว่าไม่น่าจะมีใครมาดักซุ่มอะไรแล้ว และต่อให้มีก็คงไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากมาย
เพราะคนที่ติดอยู่ในอันดับสูงๆ ไม่น่าจะอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางกันแล้ว
“หืม?”
อย่างไรก็ตามหลังผ่านไป 2 เค่อ ร่างต้วนหลิงเทียนก็จำต้องชะงักร่างหยุดลงกลางอากาศทันที
จากนั้นเขาก็เห็นว่า
ซู่มม!
ปรากฏร่างอันเต็มไปด้วยรัศมีพลังสีครามหนึ่ง กำลังพุ่งจี้เข้ามาทางเขาด้วยสภาวะพลังเกรี้ยวกราด คนทะยานตัดฟ้ามาฉับไวปานเส้นสายอัสนี!
ระหว่างพุ่งจี้เข้าใส่เขา อีกฝ่ายยังตวัดซัดคมมีดสายลมเข่นฆ่านำมาทางเขาอีกด้วย!
ฟั่ฟฟ!!
เสียงคมมีดสายลมแหวกอากาศมาเร็วไว กลิ่นอายพลังคมกล้าเยียบเย็นขุมหนึ่งปกคลุมไปทั่วร่างต้วนหลิงเทียน
เรื่องราวทั้งหมดอุบัติขึ้นในเวลาชั่วพริบตา!
รวดเร็วจนต้วนหลิงเทียนแทบตอบสนองสิ่งใดไม่ทัน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนก็กำลังเหินร่างเดินทางอย่างเรื่อยเปื่อย ผ่อนคลายสบายๆ
แต่แล้วจะอย่างไร?
‘เคลื่อนมิติ’
เมื่อคมมีดที่ควบแน่นจากสายลมแหวกฟ้ามาห่างจากร่างต้วนหลิงเทียนไม่กี่ก้าว เพียงหนึ่งห้วงคิดร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปในบัดดล
คมมีดสายลมอันเร็วไวปานสายฟ้า ก็ได้แต่จั่วลมดังวืด!
“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ?”
ร่างที่เต็มไปด้วยรัศมีพลังสีครามหยุดลงทันใด ลูกตายังหดหยีลงเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มฉายชัดถึงความประหลาดใจ
ตัวมันที่เชี่ยวชาญกฏแห่งลม ย่อมมั่นใจเรื่องความเร็วเป็นที่สุด ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รวดเร็วเท่ามัน
แต่กระนั้น คู่ต่อไม่เพียงแต่จะหลบการโจมตีของมัน ยังหายตัวไปต่อหน้าต่อตามันอย่างไร้ร่องรอย!
หากนี่ไม่ใช่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติ แล้วยังจะเป็นอะไรได้อีก?
‘กักกัน!’
ในขณะร่างที่เต็มไปด้วยรัศมีพลังสีครามหยุดลงด้วยความตกใจ ร่างต้วนหลิงเทียนที่หายไปก่อนหน้า ไม่ทราบวูบมาปรากฏตัวเบื้องหลังมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งกักกันทันที ปิดผนึกห้วงมิติรอบกายอีกฝ่ายในบัดดล!
‘เขตแดนมิติ’
ขณะเดียวกันพลังมิติก็ระเบิดออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนก่อเกิดเป็นเขตแดนมิติปกคลุมรัศมี 10 หมี่รอบกายเอาไว้ แน่นอนว่าร่างศัตรูที่ติดอยู่ในห้วงมิติกักกันก็อยู่ในรัศมีดังกล่าวด้วย
จังหวะนี้อีกฝ่ายก็พึ่งจะหันมามองต้วนหลิงเทียน
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะใช้ความลึกซึ้งกักกันทั้งกางเขตแดนมิติสะกดร่างอีกฝ่ายไว้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้รับแรงกดดันมากจนถึงขั้นทำอะไรไม่ได้ แถมรัศมีพลังสีครามทั่วร่างของมันที่แผ่พุ่งออกมา ก็สามารถต้านทานพลังของห้วงมิติเอาไว้ได้ไม่ยากเย็น
“คฤหาสน์หานชิง…หลิวจี๋?”
ขณะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายหันกลับมา ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตุเห็นป้ายประจำตัวที่ห้อยอยู่บริเวณเอวของอีกฝ่าย
ทันใดนั้น ในหูต้วนหลิงเทียนคล้ายจะมีเสียงเหล่าศิษย์ที่คุยกันบริเวณหน้าตำหนักเคลื่อนย้ายดังขึ้นอีกครั้ง เป็นบทสนทนาที่เขาได้ยินก่อนจะเข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
“หลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิงที่พึ่งเข้าไปเมื่อ 5 วันก่อน ไม่คิดเลยว่าจะเก็บแต้มได้มากขนาดนี้ แถมอันดับมันยังกระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ…รอบนี้ข้าว่ามันคงติด 30 อันดับแรกได้อย่างไร้ปัญหา”
และนั่นก็คือครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อหลิวจี๋
หลังจากนั้นพอเขามองงตารางจัดอันดับ เขาก็พบว่าหลิวจี๋อยู่ในอันดับที่ 33 พรอมด้วยคะแนนร้อยเศษๆ หากคิดจะเข้าสู่ 30 อันดับแรกอย่างน้อยๆก็ต้องได้คะแนนเพิ่มอีกราวๆ 20 คะแนน
‘คำนวณจากเวลาแล้ว…ต่อให้หลิวจี๋ไม่คิดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางด้วยตัวเอง…อย่างไรก็ตามวันนี้มันก็สมควรถูกส่งตัวออกไปอยู่ดี เพราะมันสมควรอยู่ในนี้ได้วันสุดท้าย’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นรึ?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังป้ายที่หลิวจี๋ห้อยแขวน ด้านหลิวจี๋ก็สังเกตเห็นป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน “ต้วนหลิงเทียน?”
หลิวจี๋ขมวดคิ้วย่นยู่
มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยวจะมีศิษย์ชื่อนี้ แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติอีก
เคลื่อนมิติ เป็น 1 ในความลึกซึ้งที่พิสดารที่สุดในกฏมิติ ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้สามารถเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติได้ เช่นนั้นไม่มีทางเป็นคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามแน่นอน
มันก็เลยงุนงงอยู่บ้าง เพราะมันไม่เคยได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียนจากที่ไหนมาก่อนเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติออกมาทั้งสิ้น 4 ประการแล้ว นอกเหนือจากความหมายแห่งมิติกับเคลื่อนมิติ อีกฝ่ายก็พึ่งใช้ความลึกซึ้งกักกันกับเขตแดนมิติหยุดความเคลื่อนไหวของมัน
ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยว เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 4 ประการ?
ตัวตนเช่นนี้เว้นเสียแต่จะปกปิดพลังฝีมือและไม่เคยเปิดเผยให้ใครเห็นมาก่อน หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไร้ชื่อเสียงเรียงนาม
‘บิดเบือน!’
‘ผ่ามิติ!’
ในขณะที่หลิวจี๋กำลังงุนงงเพราะไม่เคยได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียนมาก่อน ด้านต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะหยุดมือแต่อย่างใด เขาใช้ความลึกซึ้งของกฏมิติอีก 2 ประการออกมาสืบต่อทันที!
ทันใดนั้นความว่างเปล่าที่ผนึกขังร่างหลิวจี๋ก็เริ่มบิดเบือน ทำให้รัศมีพลังสีครามที่แผ่พุ่งออกมาต้านทานเริ่มสั่นสะเทือนก่อนจะถูกทำลายลงไปหลายส่วน
เปรียะ!
จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘เปรียะ’ ดังขึ้นคราหนึ่ง มองไปก็พบว่าความว่างเปล่าเบื้องหน้าไม่ไกล บัดนี้ได้บังเกิดรอยแตกขึ้นจากนั้นก็ปรากฏคมมีดสีเทาดั่งเสี้ยวจันทร์พุ่งออกมาจากรอยแยกดังกล่าว
แสงคมมีดสีเทานี้ ยามปรากฏขึ้นก็เสมือนมันกลายเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจทันที สรรพสิ่งโดยรอบคล้ายหม่นแสงลงในฉับพลัน เพ่งเล็งเข่นฆ่าไปทางร่างหลิวจี๋เขม็ง!
เห็นได้ไม่ยากเลย ว่าหากหลิวจี๋ไม่อาจหลุดพ้นพันธนาการของพลังแห่งมิติที่สะกดเคี่ยวกรำรอบกายได้ล่ะก็ มันไม่พ้นต้องโดนคมมีดมิติสีเทานี้ฆ่าตายแน่นอน!!
“บัดซบ! เดือนหน้าอย่าให้ข้าเจอเจ้าก็แล้วกัน!!”
ใบหน้าหลิวจี๋บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก หลังกล่าวทิ้งท้ายอย่างดุร้ายจบคำแล้ว มันก็บดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนของตัวเองทันที!
และทั่วร่างมันก็เปล่งแสงพลังสีครามออกมาต้านทานคมมีดมิติสีเทาอยู่พักหนึ่ง พอคมมีดสีเทาดังกล่าวพุ่งฝ่าเข้าไปได้ส้ำเร็จ พร้อมเข่นฆ่าผ่าร่าง คนก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียก่อน!
การถูกกำจัดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งที่สร้างความอัปยศให้กับหลิวจี๋มากที่สุด!
ตอนมันเห็นป้ายประจำตัวของต้วนหลิงเทียน มันก็เชื่อไปตามจิตใต้สำนึกว่าอีกฝ่ายก็เป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกกระจอกๆคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยว
ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์ ต่อให้จะเชี่ยวชาญกฏมิติและเข้าใจความลึกซึ้งได้ 3-4 ประการแล้ว แม้จะแลดูน่าตกใจไม่น้อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีปัญญาทำอะไรมันได้แน่นอน
จนเมื่อมันเห็นว่าต้วนหลิงเทียนได้ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งของกฏมิติออกมาเพิ่มอีก 2 ประการ มันจึงรู้ดีว่าครั้งนี้เป็นตัวเองประมาทเกินไป และไม่ควรเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายลงมือใส่มันแบบนี้โดยที่มันไม่ได้เตรียมตัวแต่แรก…
สุดท้ายมันก็เลยไม่เพียงแต่จะไม่มีเวลาตอบโต้เท่านั้น กระทั่งจะต้านทานยังทำไม่ได้!
ถึงแม้ตัวมันจะเชี่ยวชาญกฏแห่งลม และเข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักถึง 2 ประการ แต่มันก็ไม่อาจทำลายพันธนาการแห่งห้วงมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้กักขังมันเอาไว้ได้ทันแน่นอน!
คิดจะทำลายพลังมิติที่ล้อมกักอยู่ทั่วร่างแบบนี้ ต้องใช้เวลาสักพัก
แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีเวลามากพอ
หากมันมัวแต่ทำลายพันธนาการมิติ เกรงว่ามันคงทำลายพันธนาการไม่ทันก่อนที่คมมีดมิตินั่นจะบรรลุถึงตัวด้วยซ้ำ
นอกจากนั้นคมมีดมิติดังกล่าวก็พุ่งมาได้ฉับไวทั้งพลังสภาวะได้ถูกเร่งเร้าถึงขีดสุด ถึงมันเปล่งพลังทำลายพันธนาการได้แล้วก็จริง แต่ไหนเลยจะมีเวลามากพอให้เร่งเร้าพลังเพื่อต้านทานคมมีดมิตินั่นได้ทัน?
สายเกินไป!
สายเกินไปแล้ว!!
ด้วยเหตุนี้หลิวจี๋จึงหลงเหลือเพียงหนึ่งทางเลือกเท่านั้น รีบบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนของตัวเอง และพยายามเร่งเร้าพลังต้านทานการจู่โจมของต้วนหลิงเทียนให้ได้มากที่สุด เพื่อยื้อเวลาให้อาคมส่งตัวทำงาน ถึงจะออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทั้งยังมีชีวิต!
หาไม่แล้วมันต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
แต่ถึงมันจะตัดสินใจได้เด็ดขาดและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดได้ในฉับพลัน แต่ตัวมันก็ไม่เต็มใจถึงที่สุด! ยังคับจ้องใจถึงขีดสุด!!
หากอีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติแค่ 6 ประการ ลองให้มันเตรียมพร้อมแต่แรก มันไม่เพียงแต่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้ ยังมั่นใจว่าสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้แน่!
ต่อให้อีกฝ่ายจะเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติก็ตามที!
เพราะมันเข้าใจความลึกซึ้งที่เน้นความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม 2 ประการ ยามใช้ออกพร้อมกันความเร็วในการเคลื่อนไหวของมัน ย่อมไล่ตามความถี่การเคลื่อนย้ายข้ามมิติของอีกฝ่ายได้แน่นอน!
‘หากข้ารู้ตัวและอาศัยการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแต่แรก ไหนเลยจะถูกมันใช้ความลึกซึ้งกักกันผนึกความเคลื่อนไหวได้? อีกทั้งด้วยระยะกับความถี่ในการใช้เคลื่อนมิติของมัน ข้าสามารถไล่มันได้ทันถมเถ ถึงตอนนั้นจะเอาชนะมันกระทั่งฆ่ามันให้ตายก็ไม่มีปัญหา…เพราะความเร็วของข้าเหนือล้ำครอบงำมันทุกทาง!’
หลังถูกอาคมเคลื่อนย้ายส่งตัวออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว ในใจหลิวจี๋ก็เปี่ยมล้นไปด้วยความไม่ยินยอมถึงขีดสุด มันคับแค้นใจจนแทบบ้า!
อย่างไรก็ตาม ต่อให้หลิวจี๋จะไม่ยินยอมและคับข้องใจแค่ไหน มันก็ถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดออกมาแล้ว…
‘113 แต้ม?!’
พอป้ายหยกสะสมคะแนนของหลิวจี๋แหลกเป็นเสี่ยง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าคะแนนสะสมในป้ายหยกสะสมคะแนนของเขากำลังพุ่งทะยานขึ้นมากกว่าครั้งใด และพุ่งขึ้นไปรวดเดียว113 แต้ม!!
เดิมทีเขามี 41 แต้มเท่านั้น
มาตอนนี้พอรวมกับแต้มที่พึ่งได้จากหลิวจี๋ เขาจึงมีคะแนนสะสมรวมทั้งสิ้น 154 แต้ม!!