WSSTH ตอนที่ 3,145 : พบกันอีกแล้ว…

“เฮ่พวก! ต้วนหลิงเทียนมานู่นแล้ว!!”

“เจ้านี่น่ะเหรอต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือ…พับผ่าเถอะ! อายุไม่ถึงร้อยจริงๆด้วย!!”

“นี่เจ้าหนุ่มนั่นมันเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศทั้งเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 6 ประการเป็นอย่างน้อยๆจริงๆเหรอ? อายุไม่ถึงร้อยปีจักมีความสำเร็จเช่นนั้นได้จริงๆ!?”

พอต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายเพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่อยู่บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายที่เขามา ก็ฮือฮากันใหญ่

ยังมีศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวมากมาย ที่มารอเจอต้วนหลิงเทียนตัวเป็นๆโดยเฉพาะ

และหลายคนไปสืบมาจนรู้ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นพักอยู่กับผู้ตรวจการฉี แถมลานที่พักผู้ตรวจการฉีก็อยู่บนเกาะหลักแห่งนี้ ทำให้พวกมันเดาว่าหากต้วนหลิงเทียนจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ไม่พ้นต้องมาใช้ตำหนักเคลื่อนย้ายแห่งนี้เหมือนเดิมแน่…

ปรากฏว่าพวกมันเดาถูกจริงๆ

คราวนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยังเลือกจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่จุดนี้

“อาวุโส ขอป้ายหยกสะสมคะแนนให้ข้าที…”

ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ต้วนหลิงเทียนก็ก้าวอาดๆไปยังโต๊ะบริการโต๊ะหนึ่งในตำหนักเคลื่อนย้าย และยื่นส่งป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกของเขาออกไปอย่างรู้งาน

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้โต๊ะบริการตัวเดิม แต่เห็นว่าที่นี่ว่างอยู่พอดีก็เลยมาใช้

แน่นอนว่าโต๊ะบริการที่ต้วนหลิงเทียนมาใช้ครั้งก่อน ผู้อาวุโสที่มาประจำโต๊ะก็เปลี่ยนคนไปแล้วเช่นกัน และตอนนี้อาวุโสทั้งหลาย จะไกลหรือใกล้ก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจทั้งสิ้น

“ต้วนหลิงเทียน ข้าอดถามไม่ได้จริงๆ เดือนก่อนเจ้านับว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนพวกเราตกตะลึงกันนัก…ว่าแต่เดือนนี้เจ้าคิดว่าจะสามารถติดอยู่ในอันดับใด? เรื่อง 10 อันดับแรกคิดว่าทำได้หรือไม่?”

ผู้อาวุโสที่ประจำโต๊ะบริการที่ต้วนหลิงเทียน ขณะรับป้ายประจำตัวต้วนหลิงเทียนมาตรวจสอบแล้วเสร็จ ขณะยื่นส่งป้ายคืนพร้อมป้ายหยกสะสมคะแนน มันก็เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ มุมปากยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ลูกตาหยีมองรอฟังคำตอบเขาด้วยความสนใจ

“หากข้าไม่โชคร้าย…เรื่องอันดับที่ 1 ก็ไม่น่าจะยาก”

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆกล่าวตอบคำ ขณะเดียวก็รับป้ายประจำตัวรวมถึงป้ายหยกสะสมคะแนนที่อีกฝ่ายยื่นมาให้

ป้ายหยกสะสมคะแนนที่จะใช้เก็บคะแนนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง จำต้องเปลี่ยนใหม่ทุกๆเดือน

นั่นเพราะหากอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางครบกำหนด 10 วัน ป้ายจะทำลายตัวเองอัตโนมัติและส่งเจ้าของป้ายออกมา

เป็นธรรมดาว่าหากป้ายทำลายตัวเอง เจ้าของป้ายก็จะไม่ถูกคัดออก แต่เป็นการระบุคะแนนอย่างเป็นทางการ

ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้น เป็นอีกกรณีหนึ่ง

เขายังไม่ได้อยู่ด้านในครบ 10 วันก็จริง แต่มันครบกำหนดเวลาแข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของเดือนนั้นแล้ว ป้ายจึงทำลายตัวเองและส่งเขาออกมา โดยที่คะแนนเขาก็ยังอยู่

ทั้งหมดเพราะคะแนนสะสมและอันดับจะทำการสรุปผลทุกสิ้นเดือน และพอถึงต้นเดือนมันก็จะล้างใหม่ เช่นนั้นไม่ว่าจะอยู่ด้านในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็ดีไม่อยู่ก็ดี ป้ายหยกจะทำการทำลายตัวเองทั้งสิ้น เพียงแค่หากไม่ได้อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณ ก็จะไม่ถูกอาคมส่งตัวไปยังจุดเคลื่อนย้าย

“อันดับ 1!?”

ผู้อาวุโสคฤหาสน์เฉวียนโยวหลังโต๊ะบริการที่ส่งป้ายหยกสะสมคะแนนให้ต้วนหลิงเทียน พอได้ยินคำตอบดังกล่าว ลูกตาของมันก็หดเล็กลงโดนพลัน

คนที่อยู่ใกล้ๆ และได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปสักพักเพราะคำตอบของต้วนหลิงเทียน

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนได้ผละออกจากโต๊ะบริการ เดินไปใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายจนร่างวูบหายเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไปแล้ว พวกมันถึงจะทยอยกันฟื้นคืนสติ…

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ช่างกล่าวคำโตนัก…กล้าพูดมาได้ว่าหากไม่โชคร้าย เรื่องอันดับที่ 1 ก็ไม่น่าจะยาก!”

“มันเสียสติไปแล้วหรือไร? ถึงแม้ในแง่อัจฉริยะภาพของมันให้พูดว่าฝืนฟ้าและยากจะหาใครในแดนสวรรค์ใต้เทียบเทียใ ก็คงไม่มีใครคิดจะเถียง แต่ไม่ต้องกล่าวถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศระดับแนวหน้าในแดนสวรรค์ใต้โบราณไม่กี่คนนั่นเลย พวกมันคิดว่าผู้อื่นเป็นตะเกียงขาดน้ำมันหรือไร?”

“หากมันมีเวลาฝึกปรืออีกสักสิบยี่สิบปี ถึงตอนนั้นถ้ามันพูดว่าเรื่องคว้าอันดับ 1 ก็ไม่น่าจะยาก ข้าคนนึงที่เชื่อ…แต่ตอนนี้พลังฝีมือของมันยังขาดอยู่ไม่น้อย!”

“รายชื่อ 6 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้ว…อย่างไรก็ตามใน 6 อันดับแรก อันดับของพวกมันยังเปลี่ยนมือกันเองบ้าง…ตลอดปีที่ผ่าน ดูเหมือนจะมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่เคยได้รับอันดับ 1 2 เดือนติด…”

“ช่วยไม่ได้ เพราะพลังฝีมือของพวกมันทั้ง 6 พอๆกัน เช่นนั้นใครจะได้อันดับที่ 1 ก็ขึ้นอยู่กับโชคล้วนๆ…ตลอดปีที่ผ่านพวกมันทั้ง 6 ก็เวียนกันได้อันดับ 1 ครบทุกคน”

“ต้วนหลิงเทียนสามารถทัดเทียมกับพวกมัน 6 คนได้ ก็นับว่าไม่เลวแล้ว…แต่เรื่องที่จะเหนือกว่าพวกมันทั้ง 6 ข้าว่ามันเลอะเทอะเกินไปหน่อย!”

“ข้าไม่ทราบจริงๆว่ามันไปพกพาความมั่นใจมาแต่ที่ใด…”

หลังจากได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ทั้งอาวุโสและเหล่าศิษย์แถวๆนั้นก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาโอ้อวดเกินไป

เหล่าคนที่ไม่ได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดโดยตรง พอได้ยินจากคนอื่น ก็พากันส่ายหัวไปตามๆกัน

ทุกคนรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไร้เดียงสาเกินไป คิดง่ายเกินไป

ถึงต้วนหลิงเทียนจะเข้าใจความลึกซึ้งของฏมิติ 7 ประการจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะถีบตัวขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับสุดยอดฝีมือ 6 อันดับแรกได้…

เว้นแต่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งงมิติได้ 8 ประการ ถึงจะสามารถทัดเทียมกับทั้ง 6 นั่นได้

ส่วนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวว่าจะได้อันดับ 1 นั้น…

เกรงว่าหากไม่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 9 ประการ คงเป็นไปไม่ได้เลย

ไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์กับอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้นที่คิดแบบนี้ คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆก็คิดไปทำนองเดียวกัน

“โอ้! รอบนี้คะแนนของเหิงเฟิงคฤหาสน์อู่จ้านพุ่งกระฉูดดีจริงๆ…ชื่อพึ่งจักขึ้นในตารางจัดอันดับเมื่อวันก่อนแท้ๆ แต่วันนี้กลับพุ่งขึ้นไปติด 30 อันดับแรกได้แล้ว!!”

ทันใดนั้นเอง เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากลานนอกตำหนัก ต้นเสียงก็คือบริเวณม่านแสงตารางจัดอันดับ ทำให้เสียงสนทนาของเหล่าศิษย์และอาวุโสหยุดพร้อมใจกันหยุดลงอย่างอัศจรรย์

ทันใดนั้น ทุกคนก็หันไปให้ความสนใจกับม่านแสงตารางจัดอันดับทันที

หากเป็นคนอื่นที่อยู่ๆก็มีคะแนนพุ่งงพรวด พวกมันคงไม่ได้แปลกใจอะไร

ทว่าเหิงเฟิงนั้นต่างออกไป

เพราะเท่าที่พวกมันรู้ เดือนก่อนเหิงเฟิงของคฤหาสน์อู่จ้านผู้นี้ช่างโชคร้ายนัก เพราะมันพึ่งจะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไปไม่ทันไร ก็พบเจอต้วนหลิงเทียนและถูกกำจัดออกมาเสียแล้ว…

เรียกว่าเดือนก่อนเหิงเฟิงทำผลงานได้น่าผิดหวังที่สุด ตั้งแต่เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องน่าผิดหวังอะไร กล่าวไปเรียกว่าเหิงเฟิงยังยินดีมากกว่าผิดหวังด้วซ้ำ เพราะมันสามารถเข้าใจความลึกซึ้ง เกราะ ของกฏแห่งดินถึงขั้นตอนเบื้องต้นได้สำเร็จ!

ต้องทราบด้วยว่าก่อนที่เหิงเฟิงจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินได้ 7 ประการ คฤหาสน์อู่จ้านมีขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งถึง 7 ประการเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และเป็นกฏแห่งไฟ

อีกทั้ง คนของคฤหาสน์อู่จ้านที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟได้ 7 ประการผู้นั้น ยังมีคนลือกันว่ามันริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟประการที่ 8 แล้วอีกด้วย

บางคนยังพูดกันว่า…ที่จริงมันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 8 ประการแล้ว! และยังริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 9 ได้อีกบางส่วนด้วยซ้ำ!!

เนื่องเพราะ คนผู้นี้ของคฤหาสน์อู่จ้าน ก็คือ 1 ใน 6 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง!

ในปีที่ผ่านมา คนผู้นี้สามารถติดอันดับที่ 1 ได้ถึง 2 รอบ แม้จะไม่ได้รับอันดับที่ 1 ติดต่อกัน 2 เดือน แต่อาศัยเรื่องที่มันสามารถติดอยู่ในอันดับที่ 1 ได้ ก็มากพอจะบ่งบอกแล้วว่ามันร้ายยกาจปานใด

ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ทุกคนรู้กันดีว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือเหล่า 6 คนที่รั้งอยู่ใน 6 อันดับแรกมานานปี ทั้งหมดผลัดกันเป็นอันดับ 1 เสมอ พวกมันจึงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้

และคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ก็ยอมรับเรื่องนี้

เรียกว่าในบรรดาขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย ทั้ง 6 คนเป็นดั่ง ‘จ้าวผู้อยู่เหนือ’ โดยแท้จริง

“หืม? พึ่งจะผ่านไปได้ไม่ทันไร…เหิงเฟิงนั่นไต่ขึ้นมาถึงอันดับที่ 26 แล้วรึ!?”

ท่ามกลางสายตาเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยว อยู่ๆเหิงเฟิงที่อยู่ในอันดับที่ 29 ก็พุ่งพรวดขึ้นมา 3 อันดับจนอยู่ในอันดับที่ 26!

“ถึงแม้ตอนนี้เหิงเฟิงจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 7 ประการแล้ว แต่กฏที่มันเชี่ยวชาญก็คือกฏแห่งดินที่เน้นการป้องกันเป็นหลัก เช่นนั้นความเร็วสมควรเป็นจุดอ่อนร้ายแรงของมัน…ปกติแล้วคะแนนของมันไม่น่าจะพุ่งขึ้นพรวดพราดแบบนี้ เพาะหลายๆคนสามารถหลบหนีไปต่อหน้าต่อตามันได้อย่างง่ายดาย…”

ศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าว

“ที่เจ้าพูดมันก็จริง…แต่เจ้าอย่าลืมไปเล่า ว่ามันก็สามารถหาคนช่วยกลบจุดอ่อนเรื่องนี้ได้เหมือนกัน ขอเพียงมีคนอบหิ้วมันไล่ตามผู้อื่น ด้วยพลังกฏแห่งดินที่น่าปวดหัวนั่น ก็ไม่ยากที่มันจะจัดการผู้อื่นได้เหมือนกัน!”

อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าว

“มิผิด…ขอเพียงมีศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่ว่องไวหน่อยช่วยเหลือ เหิงเฟิงนั่นก็เสมือนมีคนช่วยปิดจุดอ่อน คิดเก็บคะแนนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร!”

“มิผิด แถมศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้านที่ว่า ก็ได้ประโยชน์จากการร่วมมือกับเหิงเฟิงไม่น้อย…เพราะต่อให้มันเจอคนที่เอาชนะไม่ได้ ก็แค่รบเร้าพัวพันถ่วงเวลาให้เหิงเฟิงลงมือก็จบ!”

“ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มั่นใจในตัวเองมักไม่ร่วมมือกับผู้อื่น แต่ก็มิใช่จะไม่มีใครคิดร่วมมือกัน…คราวนี้เหิงเฟิงเลือกจะวางอัตตาของตัวเองและร่วมมือกับผู้อื่น เห็นได้ชัดว่าความทะเยอทะยานของมัน สูงกว่าอัตตา!”

ผลงานของเหิงเฟิงไม่เพียงแต่จะดึงดูดความสนใจของคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้น แต่คฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆเองก็สังเกตเห็นผลงานของเหิงเฟิงเช่นกัน

“เหิงเฟิงผู้นี้…ตาสว่างแล้วรึ?”

“สมควรเป็นเช่นนั้น ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง มีผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการเช่นเดียวกับมัน แต่คนผู้นั้นอาศัยการร่วมืมอกับคนอื่นจึงสามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกบ่อยครั้ง ดูเหมือนว่าเหิงเฟิงจะเปิดใจยอมรับเรื่องการร่วมมือกับผู้อื่น และเห็นแก่ภาพรวมขึ้นมาแล้ว…”

“ในอดีตเหิงเฟิงผู้นี้ ต่อให้เป็นคนของคฤหาสน์อู่จ้านเอง ก็คงไม่มีใครอยากร่วมมือกับมันมากนัก…แต่พอมันเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ของกฏแห่งดิน หลายคนในคฤหาสน์อู่จ้านคงเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของมัน และเลือกที่จะให้ความร่วมมือกับมัน”

“แค่ไม่ทราบ ว่าใครในคฤหาสน์อู่จ้านที่เลือกจะร่วมมือกับมัน…หากคนที่ร่วมมือกับมันเป็น หว่านชิงชิง ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะมีใครติด 10 อันดับแรกได้!”

หว่านชิงชิงนั้น ผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณของนางเมื่อเดือนที่แล้วก็คืออันดับที่ 17

ที่สำคัญที่สุด……

นางเป็นผู้หญิง!

ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง

“ศิษย์น้องชิงชิง คนต่อไปคะแนนของมันเป็นของเจ้า”

เหนือพื้นที่ป่าเขาแห่งหนึ่ง ชายร่างกำยำเปลือยอกที่ลอยร่างค้างกลางหาว หันไปกล่าวคำกับสตรีที่ลอยร่างบบนฟ้าห่างจากมันไม่ไกล

นางเป็นสตรีมาในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน เส้นผมสีดำขลับทอดยาวลงมาตามแผ่นหลังปานม่านน้ำตก ใบหน้าของนางแลดูงดงามจิ้มลิ้ม ให้ความรู้สึกน่าปกป้อง ทั้งชวนให้ผู้ที่พบเห็นบังเกิดความเอ็นดูอยากทะนุถนอมไม่น้อย

อย่างไรก็ตามแววตาของนางกลับฉายถึงความเย็นชา ปานจะผลักไสผู้คนให้ถอยห่างออกไปนับพันลี้

“อือ”

ได้ยินคำพูดของชาร่างกำยำ สตรีร่างบางก็กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

เรื่องนี้ชายร่างบึ้กก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร

“หืม?”

ทันใดนั้นเอง สตรีร่างบางคล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง นางหันขวับไปจับจ้องทิศทางหนึ่งเร็วไว

เพราะในขณะนี้ ที่นั่นมีร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมา…

“ดูเหมือนพวกเราจะมีชะตาต้องกันไม่น้อยเลยนะพี่ชายกล้ามโต…พบกันอีกแล้ว”

หลังจากที่ผู้มาเยือนปรากฏตัว สิ่งแรกที่ทำก็คือหันมองไปทางชายร่างกำยำ พลางกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“เป็นเจ้าเองรึ!”

พอเห็นผู้มาเยือนที่พึ่งปรากฏตัวชัดถนัดตา สีหน้าชายร่างกำยำก็เปลี่ยนไปทันที เพราะเดือนก่อนมันก็ถูกคนๆนี้กำจัดออกไป

“หือ?”

ในขณะที่สีหน้าชายร่างใหญ่แปรเปลี่ยนไป สตรีร่างบางที่ลอยอยู่ไม่ไกลก็อดแปลกใจไม่ได้ จากนั้นนางก็เริ่มชักหน้าเคร่งเช่นกัน

ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ คนที่จะทำให้ชายร่างกำยำหน้าเปลี่ยนสีได้ เกรงว่าคงมีแค่ไม่กี่คน

และหากนางต้องประมือกับชายร่างบึ้กคนนี้ตัวต่อตัว เกรงว่านางก็ไม่มีปัญญาฝ่าการป้องกันของอีกฝ่าย…

“มันเป็นใครหรือ?”

สตรีร่างบางหันไปส่งเสียงผ่านพลังถามไถ่ชายร่างกำยำทันที

“ต้วนหลิงเทียน…”

เสียงผ่านพลังตอบกลับของชายร่างกำยำ แฝงความขมขื่นอยู่บ้าง…