WSSTH ตอนที่ 3,146 : หว่านชิงชิง

 

 

“ต้วนหลิงเทียน?!”

 

พอสตรีร่างบางได้ยินเสียงผ่านพลังของชายร่างกำยำ ลูกตาที่ฉายแววเย็นชาของนางก็หดเล็กลง พอมองไปยังชายหนุ่มชุดม่วงที่ลอยอยู่ไม่ไกลอีกรอบ ลึกลงไปในดวงตานางก็เริ่มเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว

 

ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหสน์เฉวียนโยว!

 

เมื่อ 6 วันก่อน นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยวมีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 6 วันก่อนตอนที่อันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณถูกล้างใหม่ นางก็ได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนจากศิษย์คนอื่นๆ

 

ต้วนหลิงเทียน อายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงแต่จะบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว อีกฝ่ายยังต้องสงสัยว่าอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้ถึง 7 ประการแล้ว!

 

เมื่อเดือนก่อน เหิงเฟิงศิษย์ฝ่ายในคฤหาสน์อู่จ้านเช่นเดียวกับนาง ก็ได้ถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดออกมาทั้งที่พึ่งเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ไม่ทันไร…

 

ที่สำคัญก็คือ ก่อนที่เหิงเฟิงจะถูกกำจัดออกมา ยังอาศัยแรงกดดันจากต้วนหลิงเทียนจนเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 หรือก็คือความลึกซึ้งเกราะของกฏแห่งดินได้สำเร็จ…

 

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวยิ่งน่ากลัวมากขึ้น!

 

เมื่อไม่กี่วันก่อน เหิงเฟิงได้มาหานางและขอให้นางร่วมมือด้วย เพื่อช่วยกันเก็บคะแนนสะสมในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และเหิงเฟิงให้สัญญาว่าจะยอมให้นางได้คะแนนมากกว่า

 

พอนึกถึงพลังป้องกันในปัจจุบันของเหิงเฟิง นางก็ตระหนักได้ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง คงมีคนเพียงแค่หยิบมือเดียวที่สามารถฝ่าการป้องกันของเหิงเฟิงได้ และพอนึกถึงความเร็วส่วนตัว…นางก็ตัดสินใจร่วมมือกับอีกฝ่ายทันที!

 

หลังจากตัดสินใจร่วมมือกับเหิงเฟิงแล้ว นางก็ได้ยินเหิงเฟิงเอ่ยถึงต้วนหลิงเทียนศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นการส่วนตัว จึงตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย

 

อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยคิดเลยจริงๆ…

 

ว่าในวันที่ 3 หลังจากเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางพร้อมกับเหิงเฟิง นางจะได้พบกับต้วนหลิงเทียน คนที่กำลังเป็นที่กล่าวขานถึงมากที่สุดในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหมด

 

“ศิษย์น้องชิงชิง รีบพาข้าหนีไปเร็วเข้า! พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของมัน!!”

 

ทันใดนั้นเหิงเฟิงเร่งส่งเสียงผ่านพลังมาถึงหูหว่านชิงชิงด้วยความร้อนใจ เพราะมันตระหนักได้ว่าสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนได้แผ่ออกมาล้อมกักร่างของมัน! แถมสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมายังเต็มไปด้วยจิตต่อสู้นัก!!

 

พอฉุกคิดถึงคะแนนมากมายที่ได้รับมาจากความช่วยเหลือของหว่านชิงชิง มันก็กัดฟันกล่าวผ่านพลังขอให้หว่านชิงชิงพาหนีไปทันที!!

 

วูฟฟ!

 

แทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เสียงผ่านพลังของเหิงเฟิงดังจบคำ ร่างหว่านชิงชิงก็กลายเป็นเงาเลือนรางสีเขียวและก่อนที่เงาเลือนรางสีเขียวจะจางหายไป ตัวนางก็ไปปรากฏข้างกายเหิงเฟิงแล้ว!

 

ฟุ่บบ!

 

พริบตาต่อมา แสงสีเชียวดังกล่าวก็แผ่ออกมาปกคลุมทั่วร่างหว่านชิงชิงกับเหิงเฟิงเอาไว้ จากนั้นทั้งคู่ก็คล้ายกลับกลายเป็นประกายแสงสีเขียวพุ่งหายไปในชั่วพริบตา!

 

หากกล่าวถึงการปะทะแตกหักไม่คิดถอยหนีแล้ว หว่านชิงชิงนั้นไม่อาจเทียบกับเหิงเฟิงได้เลย…

 

แต่เป็นธรรมดาว่าหากนางคิดหนี เหิงเฟิงก็ทำได้แค่มองนางหายไปตาปริบๆ

 

ความเร็วของนางนั้น ต่อให้มองไปทั่วขุนนางอมตะ 10 ทิศในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ ถือว่าเป็นอันดับต้นๆแน่นอน…เรียกว่าความเร็วของนางนั้นทัดเทียมกับ 6 คนที่ยึดครอง 6 อันดับแรกมานานปีได้เลย!

 

หาไม่แล้ว ไฉนเหิงเฟิงจึงคิดถึงนางเป็นคนแรก และมาขอให้นางร่วมมือด้วย!

 

“พี่ชายกล้ามใหญ่ พบพานสหายเก่าทั้งที พี่ท่านจะรีบไปไหนเล่า?”

 

พอเห็นเหิงเฟิงถูกสตรีชุดเขียวอ่อนข้างๆพาหนีไป แถมความเร็วในการเคลื่อนไหวของนาง เทียบในแง่ระยะทางกับเวลาแล้ว ยังไม่ด้อยไปกว่าการใช้เคลื่อนย้ายข้ามมิติของเขา ต้วนหลิงเทียนก็อดประหลาดใจไม่ได้

 

ฟุ่บ! วูบ! วูบ!

 

ทันใดนั้นที่ร่างต้วนหลิงเทียนก็ปะทุเพลิงพลังสีเทาออกมา จากนั้นคนก็อันตรธานหายไปทันที และพอปรากฏกายออกมาร่างก็พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงเล็กน้อยก่อนจะวูบหายไปอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแม้จะอาศัยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติผนวกกับความเร็วในการเคลื่อนที่ส่วนตัวก่อนจะใช้ออกด้วยเคลื่อนมิติอีกครั้ง เขายังเกือบจะตามทั้งคู่ไม่ทัน!

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็แค่ ‘เกือบจะตามทั้งคู่ไม่ทัน’ เท่านั้น

 

เมื่อพิจารณาจากความเร็วในการเคลื่อนไหวรวมกับความถี่ในการเคลื่อน้ายยข้ามมิติของเขาแล้ว ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าระยะทางระหว่างเขากับทั้งคู่ที่พุ่งนำไปเบื้องหน้า มันได้ลดลงทีละนิดๆ และจากการคำนวณ สมควรใช้เวลาทั้งสิ้น 2 เค่อ ถึงจะไล่ทั้งคู่ได้ทัน

 

‘สตรีนางนั้นช่างเร็วจริงๆ…’

 

ในขณะที่ไล่ล่าเหิงเฟิงอันมีสตรีในชุดเขียวพาหนี ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ‘ความเร็วของนาง…ดูเหมือนจะไม่ได้ด้อยไปกว่าขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม 3 ประการเลย…’

 

‘แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ…กฏที่นางเข้าใจ สมควรเป็นกฏแห่งไม้’

 

‘นางใช้กฏแห่งไม้แท้ๆ แต่ไฉนถึงบรรลุความเร็วระดับนี้ได้กัน? และต่อให้นางเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ครบทั้ง 9 ประการ แต่ขอเพียงยังอยู่ในขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น นางก็ไม่น่าจะเร็วได้ขนาดนี้นี่นา…’

 

ในขณะที่ไล่ล่า ต้วนหลิงเทียนที่แผ่สำนึกเทวะออกไปกักร่างทั้งคู่เอาไว้เพื่อไม่ให้คลาดสายตา ก็ไม่ยากที่เขาจะสัมผัสได้ว่าสตรีในชุดสีเขียวนั้นเข้าใจกฏแห่งไม้

 

‘หืม? ดูเหมือนจะมีพลังประหลาดๆอีกขุม…’

 

หลังต้วนหลิงเทียนใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังของนางอย่างละเอียด เขาก็พบว่าสาเหตุที่ไฉนสตรีนานี้ถึงได้เร็วนัก เป็นเพราะพลังลี้ลับแปลกประหลาดขุมหนึ่งที่นางใช้ออกมาเพิ่มเติม

 

พลังนั้นแผ่พุ่งออกมาจากร่างของสตรีในชุดสีเขียวนั่นโดยตรง ไม่ใช่แปลงจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ราวกับนางเกิดมาก็มีพลังดังกล่าวติดตัว

 

เนื่องจากในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ไม่อาจใช้พลังภายนอกได้ เช่นนั้นก็ตัดประเด็นเรื่องที่สตรีชุดเขียวดังกล่าวจะใช้ยันต์อมตะ โอสถ หรืออุปกรณ์อมตะ…ฯลฯ ไปได้เลย

 

หมายความว่าพลังดังกล่าวเกิดจากตัวของสตรีชุดเขียวเอง!

 

“ทุกท่าน…ตอนนี้ที่นางใช้อยู่ ใช่พลังของพฤกษาเทพครองสรรค์หรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหลรวมถึงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินในร่างทันที เพราะเขารู้ว่าถึงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะไม่อาจพึ่งพลังภายนอกได้ หากแต่เทพแห่งธาตุทั้ง 5 ที่อยู่ในร่าง ไม่ถือว่าเป็นพลังภายนอก จึงสามารถใช้ได้…

 

เรื่องนี้เขาได้ทดลองกับตัวตั้งแต่ตอนที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเมื่อเดือนก่อนแล้ว

 

ที่นี่เขาสามารถใช้พลังของเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ในร่างได้ตามใจชอบ ไม่ถูกจำกัดไว้ด้วยกฏเกณฑ์จากค่ายกลที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้จัดตั้งไว้แต่อย่างใด

 

และถึงตอนนี้ถึงแม้เขาจะมีพฤกษาเทพครองสวรรค์อยู่ในร่าง แต่มันก็ยังเป็นแค่ขั้นที่ 1 เท่านั้น ไม่ทันก่อเกิดสำนึกสติด้วยซ้ำ เขาจึงยังไม่อาจใช้พลังของมันได้ และนั่นทำให้เขาบอกไม่ได้ว่ากลิ่นอายพลังของมันเป็นอย่างไร

 

“ไม่ใช่”

 

เสียงชราของเพลิงเทพโกลาหลดังขึ้นก่อนใคร “หากนางใช้พลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์จริง พวกเราคงบอกเจ้าแต่แรกแล้ว…”

 

“ไม่ใช่หรือ?”

 

สองตาที่จับจ้องไปยังร่างสตรีชุดเขียวของต้วนหลิงเทียน ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ‘ดูเหมือนนั่นจะเป็นความสามารถแต่กำเนิดของนางงั้นสินะ…คล้ายๆกับพลังสายเลือดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น’

 

ต้วนหลิงเทียนก็จำได้ ว่าพลังสายเลือดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นไม่ถือว่าเป็นพลังภายนอก และพลังดังกล่าวยังช่วยเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้มากทีเดียว

 

“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าที่แท้มันจักรวดเร็วถึงเพียงนี้…”

 

เหิงเฟิงที่ถูกหว่านชิงชิงหอบหิ้วหลบหนี ไม่ยากที่จะสังเกตเห็นว่า…ระยะห่างระหว่างพวกมันกับต้วนหลิงเทียนได้หดกระชั้นเข้ามาทุกกขณะ! และเท่าที่ดูเกรงว่าคงยื้อไว้ไม่เกิน 2 เค่อก็น่าจะถูกอีกฝ่ายไล่ตามได้ทันแล้ว!!

 

“ศิษย์น้องชิงชิง เจ้าปล่อยข้าแล้วหนีไปเถอะ…ตราบใดที่ครั้งก่อนมันไม่ซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้ ความเร็วสูงสุดของมันไม่มีทางไล่เจ้าได้ทันแน่นอน”

 

“และต่อให้มันยังซุกซ่อนพลังเอาไว้ แต่หากซุกซ่อนไม่มากพอ มันก็สมควรไล่เจ้าไม่ทันเช่นกัน”

 

เหิงเฟิงย่อมอ่านสถานการณ์ออกได้ไม่ยาก ว่าหากยังเลือกหลบหนีต่อไปแบบนี้ ไม่วายทั้งมันกับหว่านชิงชิงต้องถูกอีกฝ่ายจับได้แน่ และหากต้วนหลิงเทียนสามารถไล่หว่านชิงชิงได้ทัน จนใช้พลังมิติกักขังหว่านชิงชิงเอาไว้ได้ล่ะก็…นางจะไม่มีทางหนีรอดได้เลย!!

 

ดังนั้นมันจึงตัดสินใจเด็ดขาด บอกหว่านชิงชิงทิ้งให้ทิ้งมันไว้ที่นี่…และหนีไปเพียงลำพัง

 

“พี่ชายเหิงเฟิงครั้งสุดท้ายข้าผิดหวังไม่น้อย ที่ท่านมีคะแนนสะสมแค่แต้มเดียว…แต่คะแนนสะสมของพี่เหิงเฟิงตอนนี้ บอกตรงๆผู้น้องยินดีรับไว้อย่างมาก…”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ไล่ล่าเหิงเฟิงกับหวว่านชิงชิงมาติดๆ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

 

เดือนก่อนถึงแม้เขาจะจัดการเหิงเฟิงได้ แต่เหิงเฟิงดันพึ่งเข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ไม่ทันไร จึงมีคะแนนสะสมอยู่แค่แต้มเดียว ทำให้ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับคะแนนสะสมจากอีกฝ่ายแค่แต้มเดียวเท่านั้น…

 

แต่คราวนี้ก่อนที่จะเข้ามายังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ต้วนหลิงเทียนเห็นแล้วว่าเหิงเฟิงนั้น ติดอยู่ใน 30 อันดับแรกเรียบร้อยแล้ว

 

เหิงเฟิงยังติดอยู่ในอันดับที่ 29 และมีคะแนนสะสม 20 กว่าแต้ม!

 

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลย

 

ว่าตอนนี้เหิงเฟิงได้อยู่ในอันดับที่ 26 แล้ว แถมคะแนนสะสมก็มีทั้งสิ้น 33 แต้ม…

 

เนื่องจากตอนที่เขาเข้ามา ก็พอดีกับที่หว่านชิงชิงช่วยให้มันเอาชนะขุนนางอมตะ 10 ทิศพลังฝีมือพอตัวคนหนึ่ง จนได้รับคะแนนสะสมจากอีกฝ่ายมาเพิ่มอีก 5 แต้ม

 

‘สตรีข้างกายเหิงเฟิง…ดูเหมือนจะเป็นคนที่เหิงเฟิงหามาร่วมมือด้วยสินะ ความเร็วของนางสูงมากจริงๆ ด้วยมีนางให้ความร่วมมือ เรื่องที่ทั้งคู่จะเข้าสู่ 20 อันดับแรกคงไม่ใช่ปัญหา เผลอๆอาจจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ด้วยซ้ำ…”

 

ความเร็วของหว่านชิงชิง นับว่าสร้างความประหลาดใจให้ต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

 

‘อย่างไรก็ตามก่อนเข้ามา ดูในตารางจัดอันดับแล้ว ในตารางจัดอันดับนอกจากเหิงเฟิง ศิษย์ของคฤหาสน์อู้จ้านที่ติดอันดับอีกคนนั่น ดูจากชื่ออ่างไรก็สมควรเป็นผู้ชาย…หมายความว่าเหิงเฟิงยังไม่เริ่มแบ่งคะแนนให้นาง’

 

ความทรงจำของต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ใช่ชั่ว แค่เขากวาดตามองตารางจัดอันดับรอบเดียว เขาก็จดจำรายชื่อกับอันดับรวมถึงต้นสังกัดได้ทั้งหมด

 

ในบรรดารายชื่อ 100 อันดับแรก มีคนของคฤหาสน์อู่จ้านแค่ 2 คน

 

นอกจากเหิงเฟิงแล้ว ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านอีกคนยังมีอันดับสูงมาก  และรั้งอยู่ในอันดับที่ 4 แล้ว และดูจากชื่อก็สมควรเป็นผู้ชายแน่นอน เห็นได้ชัดว่าไม่ใชสตรีที่อยู่ข้างกายเหิงเฟิงแน่นอน

 

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเหิงเฟิงไม่น่าจะหาคนจากคฤหาสน์อมตะอื่นมาร่วมมือได้…

 

เพราะถึงจะพบเจอศิษย์คฤหาสน์อมตะอื่นๆที่โดดเด่นเรื่องความเร็ว แต่ก็ไม่พ้นต้องคอยระแวงอีกฝ่าย ในเมื่อยากจะเชื่อใจอีกฝ่ายได้ เช่นนั้นเหิงเฟิงคงไม่น่าจะร่วมมือกับคนนอกแต่แรก

 

เป็นธรรมดาว่าเขาไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่เหิงเฟิงจะร่วมมือกับคนนอกคฤหาสน์ออกไป แต่ความน่าจะเป็นที่อีกฝ่ายจะเป็นคนรู้จักที่สามารถเชื่อใจและร่วมมือกันได้พอดี แถมมาพบเจอกันแต่วันแรกๆมันมีน้อยมาก…

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงเดาว่าสตรีนางนี้สมควรเป็นคนของคฤหาสน์อู่จ้าน และยังไม่ถึงตาที่นางจะได้คะแนนสะสมมากกว่า

 

‘เดือนที่แล้ว หากข้าจำไม่ผิด คนของคฤหาสน์อู่จ้านที่ติดอันดับมีทั้งสิ้น 3 คน…นอกจากคนที่ได้อันดับที่ 4 ในครั้งนี้ กับศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านอีกคนที่ข้าเคยจัดการไป ก็เหลือแต่ หว่านชิงชิง…’

 

‘หว่านชิงชิง ฟังแล้วเป็นชื่อของสตรีแน่นอน แถมเดือนก่อนนางยังติดอยู่ใน 20 อันดับแรก บ่งบอกว่าพลังฝีมือนางไม่ธรรมดา…หากเดาไม่ผิด สตรีนางนี้สมควรเป็นหว่านชิงชิงที่ว่า…”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบไปมองสตรีชุดเขียวที่หอบหิ้วเหิงเฟิงเหาะหนี พลางลอบคาดเดาในใจ

 

“หากเจ้าทำได้ พยายามดึงสตรีนางนี้ให้มาร่วมมือกับเจ้าแทนเสีย…พวกเรา 3 คนช่วยเจ้าได้ก็จริง แต่ถ้าไม่ป้องกันก็เป็นการจู่โจมเท่านั้น พวกเราไม่อาจช่วยเจ้าในเรื่องความเร็วได้เลย”

 

ตอนนี้เองเสียงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินพลันดังขึ้นในร่างต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “ด้วยความเร็วของนาง กับเจ้าที่มีความช่วยเหลือของพวกเรา ในแดนสวรรค์ใต้โบราณแห่งนี้เจ้าไม่แพ้พ่ายใครแน่นอน!!”

 

“ข้าเองก็คิดว่าเจ้าควรชักชวนให้นางมาร่วมมือกับเจ้าดู”

 

เสียงทองเทพสุดลี้ลับดังขึ้นอย่างหาได้ยาก เพราะครั้งนี้อีกฝ่ายกล่าวทำนองเห็นด้วยและไม่ได้โต้แย้งคำพูดของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน!

 

“ชวนนางร่วมมือ?”

 

ได้ยินคำแนะนำของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกับทอเทพสุดลี้ลับในร่าง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที หากทั้งคู่ไม่กล่าวเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่เคยคิดจะร่วมมือกับใครมาก่อนเลย

 

ถึงแม้ความเร็วของเขาจะไม่ช้า แต่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ หากเขาพบเจอกับพวกที่โดดเด่นในเรื่องความเร็วจริงๆ ความเร็วก็จะกลายมาเป็นจุดอ่อนของเขาทันที

 

ไม่ต้องกล่าวถึงคนที่เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลัก 3 ประการของกฏแห่งลมเลย เอาแค่คนที่เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม 2 ประการ เขาก็ไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทันแล้ว

 

“ก็ได้”

 

ส่วนอีกด้านนั้น เมื่อได้ฟังวาจาแน่วแน่ของเหิงเฟิง และเห็นร่างต้วนหลิงเทียนไล่กระชั้นเข้ามาทุกขณะ หว่านชิงชิงก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกเห็นด้วยกับคำพูดของเหิงเฟิง

 

ครู่ต่อมานางก็เลิกหอบหิ้วเหิงเฟิง

 

ซู่มม!

 

ทันทีที่นางปล่อยเหิงเฟิงไป ความเร็วของนางก็สูงขึ้นทันตาเห็น พริบตาก็ทิ้งห่างต้วนหลิงเทียนออกไปไกล!

 

จากนั้นไม่ทันไร ร่างนางก็อันตธานหายไปจากสายตาต้วนหลิงเทียนเสียแล้ว!

 

สำหรับเหิงเฟิงนั้น มันลอยร่างค้างกลางหาว เฝ้ารอต้วนหลิงเทียนที่กำลังเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มฝืนๆ…