“จะว่าไป…ตอนนี้ที่แท้เจ้ามีคะแนนสะสมกี่คะแนนกันแน่ เพราะข้าจำได้ว่าก่อนเข้ามาที่นี่ข้าไม่เห็นชื่อเจ้าในตารางจัดอันดับเลย?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยยถามด้วยความสงสัย

“แต้มเดียว”

หว่านชิงชิงก็ไม่ได้ปิดบังอะไร กล่าวตอบออกมาตามตรง

“แต้มเดียว?”

ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปอยู่บ้าง “หมายความว่า…ตั้งแต่ที่เจ้าเข้ามา คะแนนที่พวกเจ้าหาได้ทั้งหมดก็มอบให้เหิงเฟิงคนเดียวงั้นสิ?”

“นี่พวกเจ้าแบ่งคะแนนกันยังไง?”

ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจ

ไม่สิ มั่นใจเต็มเปี่ยม

ในเมื่อเหิงเฟิงนั้นได้คะแนนสะสมเพิ่มมาทั้ง สิ้น 32 แต้มและรวมกับของเดิมเป็น 33 แต้ม

และการที่หว่านชิงชิงมีแค่แต้มเดียวนั้น

เผยให้เห็นว่า…

คะแนนสะสมทุกจุดที่เหิงเฟิงกับหว่านชิงชิงช่วยกันหามา ล้วนเป็นของเหิงเฟิงทั้งหมด

“มันบอกข้าว่า ขอเพียงคะแนนสะสมของมันถึงร้อยเมื่อใด ที่เหลือจะมอบให้ข้าทั้งหมด…”

หว่านชิงชิงกล่าว

อันที่จริงตอนเหิงเฟิงยื่นข้อเสนอนี้กับนาง ตัวนางยังรู้สึกว่าได้กำไรครั้งใหญ่ด้วยซ้ำ

เพราะเมื่อนางกับเหิงเฟิงร่วมมือกัน ขอเพียงไม่เจอ 6 คนนั่น ก็แทบไม่มีใครกำจัดพวกนางได้เลย

กล่าวได้ว่าขอเพียงโชคพวกนางไม่ย่ำแย่เกินไป เรื่องจะได้สัก 3-4 ร้อยคะแนนก็ไม่น่าจะมีปัญหา!

เผลอๆอาจจะได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ!

อย่างไรก็ตามกระทั่งหลับนางยังไม่อาจฝันถึง

เหิงเฟิงดันถูกผู้อื่นกำจัดก่อนจะได้ 100 คะแนน ดังนั้นนางจึงไม่ได้รับคะแนนใดๆแม้แต่แต้มเดียวจากการร่วมมือกับเหิงเฟิง!

เรื่องนี้พอย้อนนึกดูแล้ว ก็ทำให้นางรู้สึกปวดใจไม่น้อย

“หากข้าเดาไม่ผิด…ตอนมันยื่นข้อเสนอนี้มา ไม่พ้นในใจเจ้าต้องบังเกิดความยินดีเพราะนึกว่าตัวเองกำลังได้กำไรครั้งใหญ่แล้วสินะ?”

ต้วนหลิงเทียนหยีตามองหว่านชิงชิงเขม็ง ค่อยเอ่ยคาดเดาออกมา

“ใช่”

หว่านชิงชิงก็ได้แต่คลี่ยิ้มฝืนๆ

จากนั้นต้วนหลิงเทียนที่เดินทางไปพร้อมกับหว่านชิงชิงก็ต่างคนต่างเงียบและไม่ได้คุยอะไรกันเลยจนกระทั่งผ่านไปอีก 2 เค่อ

เพราะหลังผ่านไป 2 เค่อ ต้วนหลิงเทียนก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปมองถามหว่านชิงชิงด้วยสายตาวาดหวัง “เท่าที่ข้ารู้มาในคฤหาสน์อู่จ้านของเจ้าก็มีคนที่ร้ายกาจไม่น้อยคนหนึ่ง…หากข้าจำไม่ผิดเหมือนเดือนที่แล้วมันยังได้อันดับที่ 5 ด้วยใช่ไหม?”

“เจ้ากำลังพูดถึง หวังไท่ ใช่ไหม?”

หว่านชิงชิงย้อนถาม

“ไม่ผิด หวังไท่คนนั้นล่ะ…”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เพราะคนที่เขากำลังพูดถึงอยู่ก็คือหวังไท่ ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน

“หวังไท่เป็นศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านเรา พลังฝีมือที่แท้จริงไม่มีผู้ใดล่วงรู้…ก่อนหน้านี้ก็มีพลังมากพอจะรั้งอยู่ใน 10 อันดับแรกแล้ว และตลอดระยะเวลาหลาย 10 ปีที่ผ่านมา หวังไท่ก็ไม่เคยหลุดออกจาก 6 อันดับแรกเลย”

หว่านชิงชิงกล่าว

“ก่อนที่ข้าจะเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน…ว่า 6 อันดับแรกมันไม่เปลี่ยยนแปลงมานานหลายปีแล้ว เรียกว่า 6 อันดับแรกก็หมุนเวียนกันในบรรดา 6 คนนั่น..”

สองตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายสว่างจ้า “ดูเหมือนนอกจากหวังไท่แล้ว อีก 5 คนที่เหลือก็ไม่ใช่ชั่วสินะ…”

“ข้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าที่แท้พวกมันทั้งหมดแข็งแกร่งขนาดไหน…ข้ารู้แค่ข้าสู้พวกมันไม่ได้ และข้าก็เคยพบเจอพวกมันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางครบทุกคนแล้ว”

หว่านชิงชิงส่ายหัวไปมาพลางกล่าว

“หวังไท่นั่นเป็นศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน เช่นนั้นมันไม่มีทางลงมือกับเจ้าแน่…แล้วอีก 5 คนเล่า ร้ายกาจแค่ไหน?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม

“อีก 5 คนก็เก่งกว่าข้ามาก ที่สำคัญคือความเร็วของพวกมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย…ทุกครั้งที่ข้าบังเอิญเจอพวกมัน ข้าก็ได้แต่ทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนเพื่อหนีออกไป”

หว่านชิงชิงกล่าวอยย่างทอดถอนใจ

ในเมื่อทั้ง 6 คนสามารถครอง 6 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาหลายทศวรรษ เช่นนั้นพลังฝีมือพวกมันร้ายกาจแค่ไหนเขาก็พอจินตนาการได้ออก

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงจริงๆ

ว่าทั้ง 6 คนนั่นยังมีความเร็วไม่ต่ำกว่าหว่านชิงชิงอีกด้วย!

สิ่งนี้หมายความว่า…

ถึงแม้เขาจะสามารถเอาชนะพวกมันทั้ง 6 ได้หากประมือกันตัวต่อตัว แต่นั่นหมายความว่าพวกมันทั้ง 6 เลือกที่จะสู้ตัดสินกับเขาและไม่คิดหนีไปไหน เพราะถ้าพวกมันคิดหนี หมายความว่าเขาทำได้แค่ยืนมองพวกมันจากไปตาปริบๆ

ตอนนี้ความเร็วกลับมาเป็นจุดอ่อนของเขาอีกครั้ง

เพราะสุดท้ายแล้วความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาตอนนี้ ส่วนใหญ่ก็อาศัยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ…

เพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ รวมถึงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน แม้จะช่วยเหลือเขาได้ แต่ก็มีแค่การโจมตีกับการป้องกันเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเพิ่มความเร็วให้เขาได้เลย…

‘เว้นแต่ข้าจะเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น…ไม่งั้นหากวัดกันในแง่ความเร็ว ข้ายังตามพวกมันไม่ทัน’

ความลึกซึ้งส่งผ่านนั้นแม้จะเป็นความลึกซึ้งอีกประการหนึ่งของกฏแห่งมิติ อย่างไรก็ตามหากเข้าใจมันถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว มันสามารถส่เสริมการเคลื่อนนย้ายข้ามมิติไม่น้อย

เมื่อผนวกพลังความลึกซึ้งทั้ง 2 ประการเข้าด้วยกัน จะทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขา ไม่แพ้พ่ายผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งหนุนเสริมความเร็วเป็นหลัก 3 ประการของกฏแห่งลมอีกต่อไป!

สุดท้ายกฏแห่งมิติจะอย่างไรก็คือ 1 ใน 4 กฏสูงสุด

อาศัยความลึกซึ้งแค่ 2 ประการ ก็ทัดเทียมกับความเร็วที่ได้จากความลึกซึ้ง 3 ประการที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลมแล้ว

‘อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้ามีหว่านชิงชิงร่วมมือด้วย เรื่องราวก็ต่างออกไปทันที…ต่อให้เจอทั้ง 6 คนนั่น ขอเพียงหว่านชิงชิงสามารถพัวพันถ่วงรั้งพวกมันได้ล่ะก็ ข้าจัดการพวกมันได้แน่!’

‘กฏที่หว่านชิงชิงเข้าใจก็คือกฏแห่งไม้ และกฏแห่งไม้ก็ขึ้นเชื่อเรื่องความสามารถในการสนับสนุน เรื่องจะรบเร้าพัวพันลากถ่วงศัตรูให้ข้าลงมือ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร’

เหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนอยากให้หว่านชิงชิงมาร่วมมือกับเขา ไม่ใช่แค่เพราะหว่านชิงชิงนั่นเร็ว แต่หว่านชิงชิงเข้าใจกฏแห่งไม้

หากหว่านชิงชิงเข้าใจกฏแห่งลม เขาคงไม่คาดหวังอะไรกับหว่านชิงชิงมากนัก

ถึงแม้ว่าหว่านชิงชิงจะยังคงเร็วไม่ต่างอะไรจากตอนนี้

แต่กฏแห่งลมก็เด่นในเรื่องการเคลื่อนไหว ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องลากถ่วงศัตรู ตราบใดที่คู่ต่อสู้ฉกฉวยโอกาสได้สำเร็จและมีความเร็วทัดเทียมกัน ก็มีหนทางหลบหนีไปได้ไม่ยาก

“หากเจอพวกมันข้าจะช่วยจัดการพวกมันให้!”

ต้วนหลิงเทียยนหยีตากล่าว นัยน์ตาทั้งคู่ยังฉายประกายวับวาบ

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สองตาหว่านชิงชิงก็ทอประกายสดใสขึ้นมาทันที

นางยังจำได้ไม่มีวันลืม

ในอดีตยามพบเจอคนทั้ง 5 นั่น แม้นางจะไม่ได้ไปหาเรื่องอะไรอีกฝ่ายก่อน แต่นางก็ถูกบางคนหยามไว้ไม่น้อย

มี 2 คนที่กล่าวคำหยามเกียรติเหยียบย่ำศักดิ์ศรีนางจนไม่มีดีด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อนางสู้ผู้อื่นเขาไม่ได้ ต่อให้คับแค้นรังเกียจอีกฝ่ายมากแค่ไหน ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

“เฮ่ หว่านชิงชิงพวกเรามาหารือเรื่องดีๆกันเถอะ…”

ทันใดนั้นเองในใจต้วนหลิงเทียนคล้ายมีประกายแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่ง เพราะเขาพึ่งฉุกคิดเรื่องบรรเจิดขึ้นได้ “เจ้าพาข้าไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านของเจ้า…เป็นไง?”

เมื่อเดือนก่อน เพราะเขาพบเจอค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน จึงได้คะแนนติดมือมาไม่น้อย

เดือนนี้ไม่เพียงแต่สถานที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์เฉวียนโยวจะเปลี่ยนไป สถานที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์อู่จ้านก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ว่าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านอยู่ไหน

อย่างไรก็ตาม หากมีหว่านชิงชิงบอกทาง เช่นนั้นก็ง่ายแล้ว…

นางเองก็สมควรย้อนกลับไปค่ายได้ถูก เหมือนเขาที่จะกลับไปค่ายคฤหาสน์เฉวียวโยวก็ไม่หลงทาง เพราะเขารู้ที่ตั้งของมัน

ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางสามารถถึงแม้จะอยู่ได้แค่ 10 วันเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้กำหนดว่าทุกคนต้องอยู่รวดเดียวครบกำหนด หากคิดจะกลับไปทำธุระด้านนอก ก็มีแต่ต้องกลับค่ายและใช้ค่ายกลที่นั่นกลับออกไป

สำหรับเวลาที่เหลือ เมื่อเสร็จธุระแล้วก็สามารถกลับเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้อีกครั้ง จากนั้นจะอยู่รอให้ครบกำหนด 10 วันหรือออกไปด้วยตัวเองโดยกลับมาใช้ค่ายกลที่ค่าย ก็แล้วแต่สะดวก

“เจ้ายังคิดไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านของข้าเพื่อดักตีผู้คนอีกหรือ?”

สีหน้าหว่านชิงชิงเปลี่ยนไปทันที และนางก็ส่ายหัวออกมาอย่างแน่วแน่ “เรื่องพรรค์นั้นเจ้าอย่าได้หวังว่าข้าจะบอก! ข้าไม่มีวันพาเจ้าไปแน่…หากข้าพาเจ้าไป ข้ายังต่างอะไรกับคนทรยยศของคฤหาสน์อู่จ้าน! ให้ตายข้าหว่านชิงชิงก็ไม่มีวันทรยศคฤหาสน์อู่จ้าน!!”

หว่านชิงชิงนั้นเป็นหญ้าต้นหนึ่งที่เติบโตมาในหุบเขา หลังจากจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้ว นางที่ไม่ประสีประสาเรื่องราวใดๆในโลกหล้า ก็ได้คฤหาสน์อู่จ้านนำกลับมาชุบเลี้ยง หาไม่แล้วนางอาจต้องตายไปเพราะความไม่ประสาแต่แรก..

และเนื่องจากนางงถือกำเนิดมาจากพืชหญ้า จิตใจจึงบริสุทธิ์กว่ามนุษย์มาก และนางก็รู้เรื่องการกตัญญูรู้คุณ และการตอบแทนบุญคุณเป็นอย่างดี

เมื่อเดือนที่แล้วหว่านชิงชิงก็ได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านเช่นกัน

วันนั้นเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกำจัดศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านออกไปรวดเดียวเกือบโหล เรียกว่าสร้างความอับอายให้คฤหาสน์อู่จ้านไม่น้อย

สำหรับเรื่องนี้ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างดีก็ออกมาด่าทอต้วนหลิงเทียนด้านนอกเพื่อระบายความขุ่นเคืองเท่านั้น

หว่านชิงชิงรู้ดี

เว้นเสียแต่หวังไท่จะอยู่ในค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน

หาไม่แล้วไม่ว่าใคร หากล่วงล้ำออกจากเขตค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน และเจอเข้ากับต้วนหลิงเทียน ก็จำต้องออกไปจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแต่โดยดี

“เจ้าใจเย็นก่อน เจ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร…”

เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์รุนแรงของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะบีบคั้นอีกฝ่าย แต่ก็ลอบเสียดายไม่น้อยที่พลาดโอกาสได้แต้มง่ายๆไป…

อย่างไรก็ตามเรื่องที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนต้องประหลาดใจ ก็คือวาจาประโยคถัดมาของหว่านชิงชิง

“แต่ถึงงข้าจะบอกเจ้าไม่ได้ว่าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านของข้าอยู่ที่ไหน…แต่เมื่อ 2 วันก่อนข้ากับเหิงเฟิงเคยผ่านไปแถวๆสถานที่ตั้งค่ายคฤหาสน์หั่วหลี…”

หว่านชิงชิงกล่าว

“ค่ายคฤหาสน์หั่วหลีงั้นรึ?”

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายจ้า เขาไม่คิดเลยว่าหว่านชิงชิงจะรู่ที่ตั้งค่ายคฤหาสน์อมตะระดับ 6 แห่งอื่น!

สำหรับค่ายคฤาหสน์อู่จ้าน ด้วยความที่หว่านชิงชิงไม่คิดทรยศ และไม่ยอมบอก เขาก็ไม่อาจฝืน

แต่ถ้าเป็นที่ตั้งค่ายคฤหาสน์หั่วหลี เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจอะไรใช่ไหม?

“หากเจ้าอยากไปค่ายคฤหาสน์หั่วหลีข้าสามารถพาเจ้าไปได้…แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้า หรือปรากฏตัวให้คนของคฤหาสน์หั่วหลีเห็นเด็ดขาด….”

หว่านชิงชิงกล่าว

การไปดักหน้าค่ายแบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากการหักหน้าทั้งลูบคมคฤหาสน์อมตะระดับ 6 นั้นๆ หว่านชิงชิงย่อมไม่คิดจะล่วงเกินคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ด้วยเรื่องนี้แน่นอน…

“ไม่มีปัญหา”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา “ข้าจัดการเรื่องค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเอง…ส่วนเจ้าแค่ซ่อนตัวไว้ก็พอ”

“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ารีบพาข้าไปเร็ว!”

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับหว่านชิงชิงอย่างกระตือรือร้น ถึงแม้ตอนนี้สมควรมีคนของคฤหาสน์หั่วหลีออกจากค่ายไปไกลแล้ว แต่ยังไงก็ต้องมีคนอยู่อีกเยอะแน่นอน!

และปกติแล้ว ศิษย์ที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย รวมแล้วก็มีเกือบหมื่น

กล่าวได้ว่าคฤหาสน์อมตะระดับ 6 แต่ละแห่งจะส่งศิษย์เข้ามาแข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเฉลี่ยแล้วก็หลายร้อยคน…

คนนับร้อยๆ ส่วนใหญ่จะทยอยกันเข้ามาช่วงครึ่งเดือนแรก ตอนนี้ก็ยังเป็นช่วงต้นเดือน กล่าวได้ว่าสมควรมีคนทยอยออกจากค่ายราวๆวันละ 20 คน…

นอกจากนี้ถึงแม้คนที่อยู่ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณจะไม่อาจใช้ยันต์อมตะสื่อสารใดๆได้

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะไม่อาจรับการติดต่อด้วยยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณจากบุคคลด้านนอก…

“ตราบใดเรื่องที่ข้าดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีแพร่ออกไป คนของคฤหาสน์หั่วหลีย่อมเร่งติดต่อยอดฝีมือขุนนางอมตะ 10 ทิศที่อยู่ในนี้ ให้ย้อนกลับมาจัดการข้าที่ดักหน้าค่ายแน่นอน….”

“ในเมื่อขุนนางอมตะ 10 เหล่านั้นต้องย้อนกลับมาจัดการข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องลำบากไปหาแต้มให้เหนื่อย…พวกมันจะเป็นฝ่ายเอาแต้มมาส่งให้ข้าถึงที่เอง!”

กล่าวถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างไสวปานดวงดารา ทำราวกับเห็นภาพคะแนนสะสมกำลังไหลมาเทมา…

“อะไร? นี่เจ้าคิดไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอย่างโจ่งแจ้งเลยหรือ!?”

พอหว่านชิงชิงได้ยินแผนการของต้วนหลิงเทียน สองตานางก็อดไม่ได้ที่จะเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าเย็นชาเฉยเมยของนาง เริ่มเผยความหวาดกลัวไม่น้อย

ตอนนี้หว่านชิงชิงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว ทั้งรู้สึกเสมือนศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเบื้องหน้าผู้นี้ ได้เสียสติไปแล้ว!

คิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทั้งหมดของคฤหาสน์อมตะหั่วหลี…