ตอนนี้หว่านชิงชิงเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว…

เสียใจที่ดันบอกต้วนหลิงเทียนออกไป เรื่องรู้ว่าค่ายของคฤหาสน์หั่วหลีอยู่ที่ไหน

ก่อนหน้านางคิดว่าถึงต้วนหลิงเทียนจะไปค่ายคฤหาสน์หั่วหลี แต่อย่างดีก็คงไปซุ่มรอใกล้ๆค่าย และจัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีไม่กี่คนแล้วจากไป…

แต่ตอนนี้ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนกำลังจะก่อเรื่องใหญ่!

หากเป็นก่อนหน้าที่จะตกลงร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะก่อเรื่องอะไรแค่ไหน นางก็คงชมดูอยู่ข้างสนามด้วยความรู้สึกสนุกสนานเท่านั้น

กระทั่งต่อให้ต้วนหลิงเทียนถูกกลุ้มรุมจนพลาดท่าถูกศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีกำจัด นางก็คงมองชมเรื่องราวด้วยสายตาเฉยเมย

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป!

นางได้ตกลงร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนแล้ว หากต้วนหลิงเทียนถูกกำจัดออกไป คราวนี้อาศัยกำลังของนางเพียงลำพัง อันดับของนางเดือนนี้ต้องย่ำแย่กว่าเดือนก่อนไม่น้อยเลยทีเดียว

เนื่องเพราะเดือนนี้นางเสียเวลาเปล่าๆไปหลายวันแล้ว และจนบัดนี้ในป้ายหยกสะสมคะแนนของนางยังพึ่งมีแค่แต้มเดียวเท่านั้น…

“ต้วนหลิงเทียน แม้ในบรรดาผู้แข็งแกร่งทั้ง 6 จะไม่มีคนของคฤหาสน์หั่วหลี…อย่างไรก็ตามยังมีคนของคฤหาสน์หั่วหลีที่ติด 10 อันดับแรกมาหลายปี…”

หว่านชิงชิงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นอกจากนั้นพวกมันก็มีตัวตนที่สามารถติดอยู่ใน 30 อันดับแรกได้ตลอดทั้งปีอยู่ 2 คน…”

“เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ…หากเจ้าไปท้าทายคฤหาสน์หั่วหลีแบบนั้น พวกมันไม่มีทางมาลงมือกับเจ้าทั้งๆที่มีคนแต่ 2-3 คนแน่นอน ไม่พ้นต้องรวบรวมคนแล้วมากลุ้มรุมเจ้า”

ฟังจากคำพูดของหว่านชิงชิง เห็นชัดว่านางคิดเกลี้ยกล่อมให้ต้วนหลิงเทียนล้มเลิกความคิดไปดักหน้าคฤหาสน์หั่วหลี…

ทำแบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป

แม้แต่ 6 คนที่ยืนหยัดอยู่ใน 6 อันดับแรกมาหลายสิบปี ยังไม่มีใครกล้าทำอะไรอุกอาจแบบนั้น

เพราะไม่ว่าใครก็กลัวโดนรุม!

และที่สำคัญกลัวจะล่วงเกินคฤหาสน์อมตะระดับ 6 โดยใช่เหตุ!

“เอาล่ะ”

ได้ยินคำของหว่านชิงชิงต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว…เช่นนั้นเจ้าจะพาข้าไปได้หรือยัง?”

“จะอย่างไรเวลาพวกเราก็มีจำกัด…ข้าเองก็ไม่อยากเสียเวลากับค่ายคฤหาสน์หั่วหลีมากนัก”

หลังกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องหว่านชิงชิงด้วยสายตาจริงจัง

ไม่อยากเสียเวลากับค่ายคฤหาสน์หั่วหลีมากนัก?

พอได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หว่านชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ด้วยคิดว่านางสามารถขจัดความคิดไปก่อเรื่องท้าทายหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีของต้วนหลิงเทียนได้แล้ว…

อย่างไรก็ตาม จนเมื่อพาต้วนหลิงเทียนมาถึงค่ายคฤหาสน์หั่วหลี นางจึงรู้ว่าเป็นนางไร้เดียงสาเกินไป…

วูบ!

หว่านชิงชิงที่ซ่อนตัวอยู่ไกลห่าง ย่อมแลเห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนได้วูบร่างไปเหนือน่านฟ้าหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี่…

“ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้งหลายจงฟัง…พวกเจ้าสมควรซ่อนตัวอยู่ในค่ายให้ดี! อย่าได้ทะลึ่งก้าวออกมาเด็ดขาด หาไม่แล้วหากก้าวออกมาคนหนึ่ง ข้าจะทุบตีกำจัดคนหนึ่ง!!”

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างเหนือหุบเขาอันเป็นค่ายคฤหาสน์หัวหลี่ กล่าวคำผสานพลังออกมาจนดังก้องไปทั่วค่ายคฤหาสน์หั่วหลีชัดเจน

กระทั่งหว่านชิงชิงที่ไปซ่อนตัวไกลห่าง ยังได้ยินเสียงท้าทายเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนชัดถนัดหู

“นี่…”

หว่านชิงชิงอึ้งไปแล้วจริงๆ…

ไหนก่อนหน้าบอกว่าไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่ค่ายคฤหาสน์หั่วหลีนานเกินไปเล่า?

หลังเสียงตะโกนผสานพลังของต้วนหลิงเทียนดังก้องไปทั่วค่ายคฤหาสน์หั่วหลีพักหนึ่ง ในที่สุดก็บังเกิดเสียงอุทานด้วยโทสะโต้กลับมาระงม

“เป็นผู้ใดหาญกล้ามาปากดีนอกค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเรา! หรือมิรู้ว่าไฉนบุปผาจึงมีสีแดง!?”

“แจ้งนามของเจ้ามาเสีย! หาไม่แล้วเจ้าจักไม่เหลือศพไว้กลบฝัง!!”

“ช่างกล้านัก! เจ้าคิดท้าทายคฤหาสน์หั่วหลีเรางั้นรึ!?”

เรียกว่าเสียงที่ดังกลับมาจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ล้วนเต็มไปด้วยโทสะทั้งนั้น

ในเวลาเดียวกัน ศิษย์ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก็หยุดการสนทนาและละวางสิ่งที่ทำอยู่ พากันเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าสูงทันที

และถึงแม้พวกมันจะตะโกนสวนกลับอย่างดุดัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเหินร่างนำขึ้นไปสั่งสอนผู้ที่มาตะโกนบนฟ้าแม้แต่คนเดียว…

พวกมันฝึกฝนบ่มเพาะมาจนถึงวันนี้ได้ ย่อมไม่ใช่ตัวโง่งมทำอะไรไม่คิดแน่นอน

ตอนนี้เนื่องจากชายหนุ่มชุดม่วงปริศนาคนหนึ่งหาญกล้ามาตะโกนท้าทายอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้แค่ 2 ประการเท่านั้น…

ประการแรกคือเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั้นมันคนบ้า และมารนหาที่ตายโดยเฉพาะ!

ประการที่สองก็คือชายหนุ่มชุดม่วงปริศนาผู้นั้น ไม่ได้หวาดกลัวพวกมันแม้แต่นิดเดียว!!

“อยากรู้ว่าข้าเป็นใครก็ออกนอกค่ายคฤหาสน์หั่วหลีของพวกเจ้ามาดูชมเอง…คนที่ดีแต่ซ่อนตัวดั่งเต่าหดหัวในค่าย ไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้ว่าข้าเป็นใคร!”

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างเหนือค่าคฤหาสน์หั่วหลียังคงกล่าวใส่ไฟสืบต่อ

จังหวะนี้เขายังอดไม่ได้ที่จะสงสัยอยู่บ้าง

เขาว่าวาจาเมื่อครู่ มันก็ค่อนข้างรุนแรงและอ้อนเท้ามากแล้ว แต่ไฉนศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเหล่านี้ยังไม่ของขึ้น จนพุ่งออกมาสู้กับเขาอีกเล่า?

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างบนฟ้า ก็จงใจชักนำพลังของทองเทพสุดลี้ลับมาปกคลุมป้ายชื่อและกลิ่นอายเลือดเนื้อทั่วร่างเอาไว้…

ดังนั้นไม่ว่าเหล่าศิษย์ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลี่คิดตรวจสอบอะไรก็ไม่อาจตรวจสอบได้สักอย่าง แค่ชื่อเขาก็ไม่รู้…

“บัดซบเอ้ย!”

“เจ้านี่มันเป็นผู้ใดกัน…ถึงได้กล้าว่าพวกเราเป็นเต่าหดหัวไม่กล้าออกไป?”

“พี่น้อง ข้าว่าออกไปลุยกับมันให้รูเรื่องเลยเถอะ! หรือพวกเราตั้งหลายคนกริ่งเกรงมันแค่คนเดียวจริงๆ? ต่อให้มันจะร้ายกาจมากแล้วจะอย่างไร มิใช่พวกเราเต็มที่ก็แค่ทุบทำลายป้ายหยกออกไปข้างนอกรึไง?”

“ใช่แล้ว! ออกไปถล่มมารดามันเลยเถอะ!!”

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวยั่วยุรอบที่ 2 เหลาศิษย์ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก็ทนไม่ไหว แต่ละคนอดเหินขึ้นมาบนอากาศไม่ได้!

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีมีทั้งสิ้น 20 กว่าคน ทั้งหมดพุ่งขึ้นฟ้ามุ่งหน้าเข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางเอาเรื่องปานหิวเลือด เรียกว่าหน้าตาแต่ละคนแลดูพร้อมเข่นฆ่าผู้คนทั้งสิ้น!!

และในขณะที่พวกมันเหินร่างงขึ้นฟ้าสูงขึนมาเรื่อยๆ ในที่สุดพวกมันก็เหินร่างจนออกนอกเขตค่ายพักคฤหาสน์หั่วหลี…

ปงงง!!

ซู่มมมม!!

เมื่อคน 20 เหินมาเจียนบรรลุถึง แต่ละคนก็ไม่พูดไม่จา พากันซัดพลังกระบวนท่าเข่นฆ่านำมาก่อนเลย! มวลพลังหลายขุมหลากสีสันพุ่งขึ้นฟ้ามาฉับไว ก่อนจะปะทุระเบิดสนั่นลั่นฟ้า มองไปยังคล้ายพลุไฟอยู่บ้าง…

วูบ!

แน่นอนว่าก่อนที่มวลพลังจะถึงตัว ร่างต้วนหลิงเทียนก็ได้วูบหายไปอย่างอัศจรรย์แล้ว…

ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ด้านหลังคนทั้ง 20 กว่าคน เรียกว่าปิดกั้นทางถอยกลับค่ายคฤหาสน์หั่วหลีของพวกมันเรียบร้อย

“คนเล่า?”

“มันตายแล้วหรือ? ไฉนข้ารู้สึกเสมือนฝ่ามือพลังข้าเมื่อครู่มันจั่วลมเล่า?”

“ข้าก็เหมือนกัน ไม่รู้สึกว่าซัดถูกผู้คนแม้แต่นิดเดียว…”

เนื่องเพราะต้วนหลิงเทียนได้เลือกที่จะวูบร่างหายไปในห้วงเวลาสุดท้าย ทำให้ก่อนที่จะหายตัวไป ร่างเขาก็ถูกห่าพลังบดบังหมดแล้ว ยิ่งพอเกิดการระเบิดขึ้นแบบนั้น ยิ่งยากที่ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีจะแลเห็นตอนที่ร่างเขาวูบหายไป…

“เฮ่ย! มันอยู่ด้านหลังพวกเรา!!”

“บ้าน่า! มันมาตั้งแต่ตอนไหนกัน? ไฉนข้าไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของมันเลยเล่า?!”

“ความเร็วนรกอันใดกัน!?”

เหล่าศิษย์หั่วหลีที่หันกลับมาตามเสียงอุทานหนึ่ง พอแลเห็นร่างต้วนหลิงเทียนในชุดสีม่วงไม่ทราบมาอยู่ด้านหลังพวกมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ในแววตาก็เริ่มฉายความหวั่นกลัวออกมา

ขณะเดียวกัน เนื่องจากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยู่ไม่ได้ห่างจากพวกมันมากนัก เช่นนั้นพวกมันจึงมองเห็นป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวของต้วนหลิงเทียนได้ชัดเจน

“เฮ่ย! มันเป็นศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว!?”

“ฉิบหายมารดามัน…เจ้านั่น…เจ้านั่นมันคือต้วนหลิงเทียน!!”

ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีบางคนที่แลเห็นป้ายศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวและหัวไวหน่อย ย่อมตระหนักได้ถึงเรื่องราวบางอย่างทันที และนั่นทำให้หน้ามันเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง ถึงกับโพล่งออกมาด้วยความตื่นตระหนก!

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

หลายคนถึงกับเร่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ร่างยังสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว หากชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นคนผู้นั้นจริงๆ พวกมันก็ไม่มีทางทำอะไรได้เลย!!

ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว!

นามนี้หากเป็นเมื่อเดือนก่อนช่วงต้นถึงกลางเดือน อย่าว่าแต่รู้จักเจ้าของชื่อเลย…พวกมันยังไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ!

อย่างไรก็ตามหลังผ่านสิ้นเดือนไป นามของศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้ นับว่าสร้างปรากฏการณ์ให้เหล่าคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายแล้วจริงๆ…อีกฝ่ายถึงกับไปดักหน้าค่ายคหาสน์อู่จ้าน และจัดการศิษย์นับโหลมาแล้ว!!

ทั้งๆที่ในเวลานั้น จะเหิงเฟิงหรือหลิวเสี่ยวโจวของคฤหาสน์อู่จ้านก็อยู่ด้วย

ศิษย์ทั้งสองคนของคฤหาสน์อู่จ้านนั่น มักจะติดอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสมอ

ส่วนพวกมันตอนนี้แม้จะมีกัน 20 กว่าคน แต่ยอดฝีมือที่ติดอันดับสูงๆนั้นไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว

ชื่อเสียงของผู้คน ก็เป็นดั่งร่มเงาของต้นไม้

และอาศัยชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนอย่างเดียว ก็มากพอจะบ่งบอกความร้ายกาจ!

“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ! เมื่อครู่มันสมควรใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติไม่ผิดแน่!!”

“เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนพวกเราไม่อาจแลเห็นว่ามันมาอยู่ด้านหลังของพวกเราได้อย่างไร…หากเป็นเพราะความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ ทั้งหมดก็อธิบายได้ง่ายนัก…”

“ดูเหมือนข่าวลือจจะไม่ใช่เรื่องเท็จเสียแล้ว…ต้วนหลิงเทียนคนนี้เชี่วชาญกฏแห่งมิติจริงๆ”

“อีกทั้งมันกล้ามาดักพวกเราถึงหน้าค่ายแบบนี้ ไม่พ้นมันต้องมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองเป็นอย่างมาก ข้าว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับมัน รีบทุบป้ายหยกออกไปแจ้งข่าวให้คนด้านนอกรับทราบเถอะ!”

“บ้าเอ๊ย! ข้าพึ่งจะเข้ามาวันนี้แท้ๆ! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว!!”

ถึงแม้เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเหล่านี้จะขุ่นเคืองต้วนหลิงเทียน และอยากพุ่งไปทุบตีต้วนหลิงเทียนให้ตายมากแค่ไหน

อย่างไรก็ตามพอมันเห็นว่าชุดคลุมสีม่วงต้วนหลิงเทียนค่อยๆโบกสะบัดแม้ไร้ลม ราวกับเร่งเร้าพลังเตรียมพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ พวกมันก็ทุบทำลายป้ายหยกอย่างพร้อมเพรียงโดยที่มิได้นัดหมายกันมาก่อน!

ไม่ทันไรผู้คนเกือบสองโหลเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็หายไปในลักษณะนี้…

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า

แต้มในป้ายหยกสะสมคะแนนของเขาได้เพิ่มจาก 34 เป็น 58 แล้ว

‘58 แต้มงั้นเหรอ…ก่อนที่ข้าจะเข้ามา อาศัยคะแนนเพียงเท่านี้ก็มากพอจะอยู่ในอันดับที่ 17…’’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

ขณะเดียวกันทางด้านหว่านชิงชิงก็ได้เห็นฉากเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจนัก เมื่อครู่ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีถึงกับทุบทำลายป้ายหยกอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดกันมา!

“พวกมันเพียงลงมือท่าเดียว พอพบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด…ก็ถึงกับเผ่นหนีเช่นนี้เลยหรือ?”

ถึงแม้หว่านชิงชิงจะรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง แต่นางก็เข้าใจอารมณ์ของศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเหล่านี้ดี…

และเมื่อครู่เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่เหินร่างขึ้นมาหาต้วนหลิงเทียน ก็ไม่มีใครที่นางรู้สึกคุ้นหน้าสักคน

เป็นธรรมดาว่าศิษย์คฤหาสน์อมตะอื่นที่นางจะรู้จักได้ ก็คือผู้ที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งในระดับหนึ่ง ในเมื่อนางไม่รู้จัก เช่นนั้นก็หมาความว่าอีกฝ่าเป็นแค่ศิษย์ที่มีฝีมือพอประมาณไม่ได้ร้ายกาจมากมายอะไร และมาขัดเกลาฝีมือในแดนสวรรค์ใต้โบราณณะดับกลางเฉยๆ พอมาเจอกับต้วนหลิงเทียนยังจะมีใครกล้าอยู่ให้เจ็บตัว…

อีกทั้งยังบอกให้ทราบอีกเรื่อง

ในบรรดาศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่พึ่งจากไป ไม่มีใครเป็นฆาตกรที่ชมชอบเข่นฆาสังหารผู้อื่น

ณ คฤหาสน์หั่วหลี

อยู่ดีๆก็มีเหล่าศิษย์มากมายถูกส่งออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ย่อมเป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจไม่น้อย

ฉากผู้คนถูกส่งตัวออกมายี่สิบกว่าคนแบบนี้ แน่นอนว่ากระทั่งผู้อาวุโสคฤหาสน์หั่วหลียังไม่อาจไม่สนใจได้ “พวกเจ้า…นี่พวกเจ้าถูกกำจัดออกมาพร้อมๆกันงั้นหรือ!?”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”

“ไฉนพวกเจ้าถึงออกมาพร้อมๆกันได้เล่า?!”

เผชิญหน้ากับเหล่าอาวุโสและเหล่าศิษย์ที่จี้ถามด้วยความสงสัยแปลกใจ สีหน้าท่าทีของเหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่พึ่งถูกส่งออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก

“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าต้วนหลิงเทียนบัดซบนั่นคนเดียว!!”

“ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันจะรังแกผู้คนเกินไปแล้ว! มันมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเรา ทั้งกล่าววาจาท้าทายหยามหยันพวกเรา!”

“มันถึงกับตะโกนว่า พวกเราอย่าได้ก้าวออกมาเชียว…หาไม่แล้วก้าวออกไปคนหนึ่ง มันจะทุบตีกำจัดคนหนึ่ง!”

เมื่อเหล่าศิษย์ที่พึ่งออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณเริ่มระบายความคับข้องใจออกมา บริเวณค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที!