“ใช่”

ได้ยินคำถามของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าตอบ

เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร ตอนเขาเข่นฆ่ากงซุนอู๋จี๋ก็มีคนมากมายเห็นกับตา เขาเชื่อว่ามีหลายคนได้บันทึกลงลูกแก้วเงาลอยด้วยซ้ำ

“ฟืด–!!”

ถึงแม้จะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ฉีเทียนหมิงก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความเหน็บหนาว เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากต้วนหลิเทียน!

“นี่เจ้าเข้าใจมันตั้งแต่เมื่อใด? ข้าจำได้ว่าเดือนก่อนเจ้ายังต้องร่วมมือกับหว่านชิงชิงอยู่เลย ถึงจักจัดการซีเหมินฮ่าวซวนของคฤหาสน์หงเอี้ยจนชิงอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาได้!”

ฉีเทียนหมิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ข้าพึ่งจะเข้าใจมันเมื่อไม่กี่วันก่อนเอง…ระหว่างรอเวลาเข้าแดนสวรรค์ใต้เดือนนี้นี่ล่ะ”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเบา

ได้ยินคำตอบด้วยท่าทีเฉยๆไม่ตื่นเต้นยินดีของต้วนหลิงเทียน มุมปากฉีเทียนหมิงอดกระตุกไปไม่ได้ “แล้วความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏมิติเล่า? เจ้าเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นทุกประการแล้วหรือ?”

“เปล่า”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ยังมีความลึกซึ้งอีก 2 ประการที่ข้ายังไม่เข้าใจเลย”

ตอนนี้ความลึกซึ้งของกฏมิติ นอกจากความหมายแห่งมิติแล้ว เขาก็ได้เข้าใจ เขตแดน กักกัน บิดเบือน เคลื่อนมิติ ส่งผ่าน และผ่ามิติเท่านั้น

กล่าวได้ว่าเขาเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้แล้ว 7 ประการ

ความลึกซึ้งของกฏมิติมีทั้งสิ้น 9 ประการ และเขายังไม่ได้ริเริ่มทำความเข้าใจอีก 2 ที่เหลือด้วยซ้ำ

และทั้ง 7 ประการนั้น หากไม่นับความหมายแห่งมิติแล้ว อีก 6 ประการที่เหลือนอกจากผ่ามิติที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ก็ยังพึ่งเข้าใจแค่ขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเท่านั้น…

“หืม? ยังมีความลึกซึ้งอีก 2 ประการที่ยังไม่เข้าใจเลยงั้นหรือ?”

วาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนทำให้ร่างฉีเทียนหมิงชะงักค้างกลางหาว มันถึงกับมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนที่หยุดร่างตามด้วยสองตากลมโต เอ่ยถามออกไปด้วสีหน้าแววตาเหลือเชื่อ “เจ้า…ที่เจ้าพูดมา…เรื่องจริงหรือ?!”

“ใช่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ส่วนเรื่องที่ทำไมฉีเทียนหมิงถึงแลดูตกใจนัก เขาก็รู้แต่แรกแล้ว

ปกตินั้น…หากใครคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งประการใดๆของกฏให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย คนผู้นั้นจำต้องเข้าใจความลึกซึ้งุทกประการของกฏดังกล่าวให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเสียก่อน!

มีเพียงวิธีนี้ ถึงจะมีโอกาสเข้าใจความลึกซึ้งประการใดๆถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย

ในบรรดา 10,000 คน 9,999 คนจะเป็นแบบนี้

อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรแน่นอน

เพราะยังมีบางคนที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งบางอย่างได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ก่อนที่จะเข้าใจความลึกซึ้งทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และคนประเภทนี้ก็คือผู้ที่มีความเข้าใจอยู่เหนือขีดจำกัด!

“เดิมทีข้าคิดว่าที่เจ้าเข้าใจกฏมิติได้ ล้วนเป็นเพราะพลังของผลเทพสังเวยสวรรค์ถ่ายเดียว…ตอนนี้ดูเหมือนว่าความเข้าใจในกฏมิติของตัวเจ้าเอง ที่แท้ก็สูงล้ำเหนือผู้อื่นเขา!!”

ฉีเทียนหมิงกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

กฏมิตินั้น ยากที่จะเข้าใจนัก มีน้อยคนที่สามารถทำความเข้าใจมันได้

และในบรรดาผู้ที่เข้าใจกฏแห่งมิติ 10,000 คน จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งบางประการของงกฏมิติได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ทั้งๆที่ยังเข้าใจความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏมิติถึงขั้นตอนเบื้องต้นไม่ครบ

ในสายตาของมัน

ต้วนหลิงเทียนเป็นตัวตน 1 ใน 10,000 นั่น!

แน่นอนว่าที่มันพูดก็ใช่

ถึงแม้ที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้ จะเป็นเพราะผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดนั่น ก็เกิดจากผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ถ่องแท้ในกฏมิติ!

ให้มองดูไปทั่วฟ้าดิน เกรงว่าคงมีตัวตนแบบนี้เท่านั้น ถึงจะอาศัยกฏมิติจนบรรลุขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้

ภายใต้การนำพาของฉีเทียนหมิง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาเยือนวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยอีกครั้ง

และคราวนี้ต้วนหลิงเทียนกับฉีเทียนหมิงพึ่งจะมาถึงได้ไม่ทันไร ภาพมายาอันเป็นม่านน้ำตก ก็เริ่มสลายหายไป ค่อยๆเผยให้เห็นวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที

“หืม?”

และเมื่อภาพมายาหายไปจนหมด ต้วนหลิงเทียนยังเห็นว่า มีร่างหนึ่งลอยบนอากาศเหนือวังผู้พิทักษ์น้อย และร่างที่ว่าก็กำลังมองมาทางเขากับฉีเทียนหมิงอย่างสงบ

กล่าวให้ชัดคืออีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่

เป็นชายวัยกลางคนร่างสูง หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศี สวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม

“ผู้นำคฤหาสน์”

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคาดเดาฐานะของตัวตนเบื้องหน้า ฉีเทียนหมิงที่อยู่ข้างๆเขาก็ป้องมือประสานกล่าวคำทักทายออกไป เผยฐานะอีกฝ่ายให้เขารู้ทันที

‘ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นหรือ?’

และเมื่อได้ยินคำทักทายของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนที่ได้รับทราบฐานะอีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นป้องประสานเอ่ยคำทักทายตามทันที “ผู้นำคฤหาสน์”

ที่แท้ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือผู้นำของคฤหาสน์เฉวียนโยว

ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ ก็พยักหน้ารับคำทักทายด้วยรอยยิ้ม “ต้วนหลิงเทียน ผลงานของเจ้าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

“คฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา ไม่เอาเปรียบเจ้าแน่!”

“แต่ตอนนี้ เจ้าตามข้าไปพบท่านบรรพจารย์ก่อนเถอะ”

ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวจบคำ ก็ผายมือเชิญต้วนหลิงเทียน และเตรียมนำทาง ยังไม่ลืมกล่าวกับฉีเทียนหมิงด้วยว่า “ผู้ตรวจการฉี ส่วนท่านกลับไปได้แล้ว”

‘บรรพจารย์?’

ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปอยู่บ้าง

“เจ้าหนู ดูเหมือนใต้เท้าจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…จักเป็นบรรพจาร์ของผู้นำคฤหาสน์ เจ้าสำรวมให้มากเล่า”

ฉีเทียนหมิงเร่ส่งเสีผ่านพลังเตือนต้วนหลิงเทียน ก่อนจะประสานมืออำลาผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวและเหินจากไปทันที

‘จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเป็นบรรพจารย์ของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวรึ?’

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้มากมาย แค่แปลกใจอยู่บ้างที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเป็นบรรพจารย์ของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว

หลังติดตามผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเข้ามาในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็ถูกอีกฝ่ายพาเดินทะลุตัววังมาถึงสวนด้านหลัง

สวนด้านหลังกว้างใหญ่ไม่น้อย และพื้นที่กว่าครึ่งก็เป็นทะเลสาบ

ริมทะเลสาบก็ปรากฏร่างชายชราผู้หนึ่งสวมหมวกงอบฟาง กำลังนั่งตกปลาอยู่ด้วยอิริยาบถผ่อนคลาย

“ท่านบรรพจารย์”

ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวป้องมือประสานโค้งคารวะ เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ศิษย์หลาน พาคนมาแล้ว”

แทบจะพอดีกับที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวจบคำ ชายชราสวมงอบฟางก็ดึงเบ็ดขึ้นมา ก่อนจะวางไว้ข้างๆตัว หยุดการตกปลาไว้แต่เพียงเท่านี้

จากนั้นชายชราก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนและหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รีบไม่ร้อน ดวงตาสีโคลนของมันฉายความลึกล้ำประการหนึ่ง ราวกับมองทะลุใจผู้คนได้

จังงหวะที่สบตากับชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนถูกอีกฝ่ายมองผ่าน

“ข้าคิดว่าเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ ถึงจะจัดการบททดสอบที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าได้เสียอีก…แต่ไม่คิดเลยว่าในเวลาเพียงแค่เดือนสองเดือนเจ้ากลับมีพลังมากพอกวาดล้างทั่วแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียแล้ว…”

ทันทีที่ชายชราเอ่ยปากกล่าวคำออกมา ต้วนหลิงเทียนก็จดจำได้ทันที ว่านี่เป็นเสียงชราของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่เขาเคยได้ยินครั้งก่อน

“ดังนั้น ข้าก็ถือว่าเจ้าผ่านบททดสอบแล้ว”

ชายชรากล่าว “จากนี้ต่อไป เจ้า ต้วนหลิงเทียน จะเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนใหม่แห่งคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา…และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวของเรา จักต้องเลื่องลือไปทั่วแดนสวรรค์ใต้!”

ขณะกล่าววาจาประโยคนี้ สอตาสีโคลนของชายชราก็ทอแสงจ้าปานจะยิงลำแสงความร้อนออกมา

“ขอบคุณผู้อาวุโส”

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะเขาเตรียมใจมาแล้ว จึงกล่าวขอบคุณออกไปด้วยยท่าทางสงบ

“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

ชายชราเหลือบมองไปยังผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวผ่านๆพลางออกคำสั่ง จากนั้นริมทะสาบก็เหลือแต่ต้วนหลิงเทียนกับชายชราสวมงอบฟางร้ายๆเพียง 2 คน

“คราวก่อนข้าเคยยถามเจ้า ว่าเพราะอะไรเจ้าถึงอยากเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา และเจ้าก็ให้คำตอบข้ามาแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่คิดจะถามเจ้าซ้ำ”

ชายชรากล่าว

ต้วนหลิงเทียนก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเคยถามเขาแบบนั้น

และวันนั้นเขาก็ตอบไปว่า

ที่เขาอยากเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ก็เพราะหวังใช้ทางลัดเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยว และรับทรัพยากรของคฤหาสน์เฉวียนโยว

นอกจากนั้นเขายังคิดใช้คฤหาสน์เฉวียนโยวต่างแท่นกระโดด เพื่อออกจากแดนสวรรค์ใต้ไปยังเวทีที่ใหญ่กว่า

“ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในปัจจุบัน การเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง คงมิต่างอันใดจากผู้ใหญ่เข้าไปรังแกเด็กน้อย…รับผลไม้อมตะ 2 ผลนี่ไปเสีย”

กล่าวถึงจุดนี้ชายชราก็หงายฝ่ามือคราหนึ่ง พลันปรากฏผลไม้อมตะ 2 ผลผุดจากความว่างเปล่าและลอยมาหาเขาทันที ผลไม้อมตะสองผลที่ว่าหนึ่งมีสีแดงอีกหนึ่งสีฟ้า ผลสีแดงนั้นแผ่ไอความร้อนออกมาจนบบรรยากาศโดยรอบคล้ายมีม่านน้ำปกคลุม ส่วนผลสีฟ้าก็แผ่ไอเย็นเสียดกระดูกออกมาจนบรรยากาศโดยรอบเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง

“นี่มัน…”

ต้วนหลิงเทียนพลิกฝ่ามือใช้พลังไร้สภาพรับผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลเอาไว้ ก่อนจะนำเข้ามาพลิกดูชมใกล้ๆ และนั่นทำให้รูม่านตาของเขาหดแคบลงทันใด “ผลราชาอัคคี! กับผลราชาน้ำแข็ง!?”

“เจ้าหนุ่ม ที่แท้เจ้าก็รู้มากไม่เบา…ถึงกับระบุชื่อผลไม้อมตะทั้ง 2 ได้”

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนสามารถบอกได้ทันทีว่าผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลคืออะไร ชายชราก็แลดูแปลกใจเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้าสามารถระบุได้ว่าพวกมันเป็นผลอันใด เจ้าก็คงรู้แล้วว่าพวกมันสามารถทำอะไรได้บ้าง…”

“เช่นนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟังอีก”

ชายชราเอ่ยออกเสียงเรียบ

แต่ต้นจนจบสีหน้าของชายชรายังนิ่งสงบเฉยเมย คล้ายไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงสีหน้าของมันได้

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจฟังวาจาของชายชราแม้แต่น้อย

เพราะตอนนี้ความสนใจของเขาไปหยุดลงบนผลไม้อมตะทั้ง 2 เบื้องหน้าหมดสิ้น!

เขาเคยเห็นบันทึกข้อมูลของผลไม้อมตะทั้ง 2 มาแล้วในหอตำราฝ่ายในของนิกายอมตะเป้าผู่ แต่นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นของจริง!

และไม่ว่าจะผลราชาอัคคีหรือผลราชาน้ำแข็ง พวกมันก็เป็นผลไม้อมตะที่ค่อนข้างหายาก แม้จะมีปรากฏในตลาดมืดเป็นครั้งคราว แต่มูลค่าของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอุปกรณ์อมตะจอมราชันทั่วไปเลย

นอกจากนั้น นั่นยังเป็นมูลค่าของ 1 ผล

หากผลราชาอัคคีปรากฏขึ้นพร้อมๆกันกับผลราชาน้ำแข็งล่ะก็ มูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเหมือนหนึ่งบวกหนึ่ง แต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจนเทียบได้กับ ชุดเกราะอมตะระดับจอมราชันทันที!

ที่มูลค่าของผลไม้อมตะทั้ง 2 สูงขนาดนี้ เพราะประสิทธิผลของมันนับว่าฝืนฟ้า!

อย่างที่รู้กันดี ว่ายิ่งด่านพลังสูงขึ้นการจะทะลวงด่านก็ยิ่งยากเย็น โดยเฉพาะการทะลวงผ่านขอบเขตพลัง…ช่องว่างระหว่างด่านพลัง 2 ขอบเขต เป็นดั่งหุบเหวกว้างยากข้ามผ่าน

อย่างไรก็ตามพลังของผลไม้อมตะทั้ง 2 นี่หากใช้พร้อมกัน ก็มีพลังมากพอทำให้ผู้ที่พึ่งบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ สามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้ในคราวเดียว!

ถึงแม้จะเป็นแค่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด แต่ประสิทธิผลของมันก็เรียกว่าท้าทายสวรรค์แล้ว

ต้องทราบด้วยว่าบางคนนั้น ด้วยพรสวรรค์แต่กำเนิด จะรากวิญญาณก็ดี ชีพจรสวรรค์ก็ดี ล้วนถูกลิขิตให้ไม่อาจทะลวงผ่านขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศได้ตลอดชั่วชีวิต…แต่ทว่าหากใช้ผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลนี่ล่ะก็ พวกมันก็สามารถบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะได้!!

เรียกว่าสำหรับผู้คนที่มีขีดจำกัดเหล่านั้น ผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลมากพอจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมชั่วชีวิตของพวกมันได้เลยทีเดียว!

“ผู้อาวุโส…ผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลนี่ ท่านให้ข้าจริงๆหรือ?”

หลังดึงสติกลับมา ต้วนหลิงเทียนก็หยีตามองชายชราพลางเอ่ยถามออกไปเพื่อขอคำยืนยัน

“ข้าไม่ให้เจ้า แล้วจะเอาออกมาทำอะไร”

มุมปากชายชรากระตุกเล็กน้อย จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะไม่ยิ้มก็ไม่เชิง

“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณผู้อาวุโสมาก”

ถึงงแม้จะรู้จากฉีเทียนหมิงแล้ว ว่าการได้เป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนแรกในรอบ 30,000 ปี จะทำให้เขาได้รับทรัพยากรบ่มเพาะไม่น้อย แต่ไม่คิดเลยว่าแค่เข้ารับตำแหน่งปุ๊บก็จะได้ผลราชาอัคคีกับผลราชาน้ำแข็งปั๊บแบบนี้

ของขวัญแรกพบนี่ไม่มากไปหน่อยหรือ?

“อีกอย่าง…หลังจากนี้ไม่กี่วันสมควรมีคนของตระกูลซูมาเพื่อพบเจ้าโดยเฉพาะ ข้าเองก็คงไม่อาจปิดบังเจ้า เพื่อไม่ให้พบมันได้”

สีหน้าชายชราแลดูเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันใด มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “แต่ที่ข้าทำได้คือให้สัญญากับเจ้า…ว่าหากเจ้าเลือกจะอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวต่อ เจ้าจักได้รับทรัพยากรมากกว่าตอนที่เจ้าอยู่ในตระกูลซู!”

“แน่นอนว่าหากถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าก็ไม่คิดจะรั้งเจ้าให้อยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวตลอด และข้าจะเป็นคนไปส่งเจ้าถึงตระกูลซูด้วยตัวเอง”

“ด้วยพลังฝีมือของเจ้ายามนั้น ต่อให้เป็นตระกูลซู เจ้าก็สมควรได้รับการปฏิบัติดูแลอย่างดีที่สุด!”

หลังจากกล่าวถึงจุดนี้ ชายชราก็เอ่ยเสริมว่า “แน่นอนว่า กว่าจะถึงตอนนั้น เจ้าต้องเชื่อคำพูดของข้าเสียก่อน”