WSSTH ตอนที่ 3,222 : แดนลับอัจฉริยะ

ทุกครั้งที่แดนลับอัจฉริยะเปิดออก ขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลายก็มักจะได้รับศิษย์ใหม่จากอัจฉริยะรากหญ้าที่ปรากฏตัวขึ้น

เป็นธรรมดาว่าอัจฉริยะที่จะถูกขุมกำลังระดับ 1 ทาบทามเป็นการส่วนตัว ก็ต้องเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นกว่าอัจฉริยะรากหญ้าคนอื่น

เพราะอย่างไรเสียอัจฉริยะรากหญ้าที่พอมีผลงานผ่านเกณฑ์และเลือกจะเข้าร่วมขุมกำลังระดับ 1 ใดๆนั้น การปฏิบัติดูแลที่จะได้รับ มันจะแตกต่างจากเหล่าอัจฉริยะรากหญ้าที่ถูกเชื้อเชิญทาบทามเป็นการส่วนตัวคนละโลก

ตลอดช่วงระยะเวลาหมื่นปีที่ผ่านมา มีอัจฉริยะระดับรากหญ้าแค่ 2 คนเท่านั้นที่ทำให้เผ่าหงส์ฟ้าโบราณและตระกูลไป๋ลี่ ซึ่งเป็น 2 ใน 3 ขุมกำลังระดับ 1 ที่ทรงพลังที่สุดในแดนทักษินใต้ริเริ่มเชื้อเชิญเป็นการส่วนตัว

สำหรับนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น ไม่ได้สนใจผู้ใดและยื่นกิ่งมะกอกให้อัจฉริยะรากหญ้าคนไหนมาร่วมหมื่นปีแล้ว

“พวกเจ้าว่าแดนลับอัจฉริยะเปิดออกครานี้ จะมีอัจฉริยะรากหญ้าคนใดถูกนิกายกระบี่หมื่นหายนะยื่นข้อเสนอให้เป็นการส่วนตัวหรือไม่?”

“ยาก ข้าแทบมองไม่เห็นความเป็นไปได้เลย นิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น หัวสูงกว่าเผ่าหงส์ฟ้าโบราณกับตระกูลไป๋ลี่เท่าไรต่อเท่าไร ไม่คิดยื่นกิ่งมะกอกให้อัจริยะรากหญ้าง่ายๆหรอก”

“ข้าก็ว่างั้น แดนลับอัจฉริยะเปิดออกครานี้ ขอแค่มีอัจฉริยะรากหญ้าถูกเผ่าหงส์ฟ้าโบราณกับตระกูลไป๋ลี่ทาบทาม ก็หรูมากแล้ว”

ผู้คนทั่วแดนทักษินยุทธ์ก็เอาแต่คุยเรื่องแดนลับอัจฉริยะที่กำลังจะเปิดออกอย่างคึกคัก และวันเวลาก็ผันผ่านไปทุกขณะ ใกล้ถึงวันที่แดนลับอัจฉริยะจะเปิดออกมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงวันที่แดนลับอัจฉริยะเปิดออก ไม่ต้องไปรวมตัวกันที่ใดเป็นพิเศษ เพราะในแดนทักษินยุทธ์จะปรากฏประตูมิติทางเข้าขึ้นมากมาย กระจายไปตามเขตต่างๆ อำนวยความสะดวกให้คนในดินแดนทักษินยุทธ์อย่างยิ่ง

กระทั่งผู้คนจากดินแดนอื่น ตราบใดที่ยังมีอายุไม่ถึงพันปี และด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ ก็สามารถเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะได้เช่นกัน

ในเวลาเดียวกัน

มีผู้คนมากมายในแดนทักษินยุทธ์ที่ยังอายุไม่ถึงพันปีแต่ด่านพลังยังหยุดอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ! ตอนนี้แต่ละคนแสวงหาโอกาสที่จะทะลวงฝ่าไปยังขอบเขตจอมราชันอมตะกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ราคาทรัพยากรสำหรับขอบเขตราชาอมตะถีบตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบพันปี!!

เพราะตราบใดที่สามารถใช้ทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้ล่ะก็ จะได้เข้าสู่แดนลับอัจฉริยะ! ที่นั่นคือดินแดนแห่งโอกาสอันไร้สิ้นสุดสำหรับพวกมัน!!

ณ นิกายอมตะเสวี่ยหยา

ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง ต้วนหลิงเทียงที่นั่งเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ ในมือถือไว้ด้วยน้ำเต้าบรรจุสุรา ได้แต่มองฟ้าพลางกล่าวพึมพำกับตัวอย่างทอดถอน “เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น…ดูเหมือนข้าจะไร้วาสนาซะแล้ว”

ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้นก่อนที่แดนลับอัจฉริยะจะเปิดออก

และหลังจากที่แดนลับอัจฉริยะเปิดออกแล้ว ประตูทางเขาจะเปิดค้างไว้เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น หลังผ่านไป 3 วันมันจะปิดตัวลง และไม่อาจเข้าไปได้อีก

ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนยังคงติดอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ ไม่อาจทะลวงผ่านได้แม้เวลาจะผ่านไปสักพักใหญ่ๆแล้ว

‘ไม่รู้ว่า…หากใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ยกระดับพลังเซียนอมตะรวมถึงพลังวิญญาณให้กลายเป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดแล้ว จะสามารถเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะนั่นได้หรือไม่’

พอฉุกคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็ไปหาประมุขนิกาอมตะเสวี่ยหยาและถามไถ่อีกฝ่ายทันที

หลังจากใช้เวลาอยู่ในนิกายอมตะเสวี่ยหยามาหลายสิบปี ต้วนหลิงเทียนจึงรับทราบว่าในนิกายอมตะเสวี่ยหยาแห่งนี้ ผู้ที่รอบรู้เรื่องราวต่างๆมากที่สุดก็คือไฉฉงอี้ ประมุขนิกายอมตะเสวี่ยหยา

กระทั่งให้กวาดตามองทั่วทั้งเขตพื้นที่ทุ่งน้ำแข็งตอนเหนือ ยังยากจะพบเจอใครที่มีความรู้เท่าไฉฉงอี้

“ท่านอาวุโสทรงเกียรติหลิงเทียน ตามทฤษฎีแล้วหากท่านใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันเช่นนั้น ย่อมผ่านเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะได้ไม่มีปัญหา เพราะอาคมตรวจสอบที่ประตูมิติทางเข้ารวมถึงภายในแดนลับอัจฉริยะเอง ก็ตรวจสอบแค่เรื่องอายุไม่ถึงพันปี กับพลังเซียนอมตะรวมถึงพลังวิญญาณว่าบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะแล้วหรือไม่เท่านั้น…”

ไฉฉงอี้กล่าวเสริมสืบต่อ “แต่ท่านคิดว่า ท่านจะไม่ต้องลงมือทำอะไรในแดนลับอัจฉริยะเลยหรือ? เพราะหากท่านลงมือเคลื่อนไหวก็ต้องใช้พลัง สุดท้ายมิวายด่านพลังท่านก็จะถดถอยลงมาอยู่ดี”

“และพอถึงตอนนั้นท่านก็มีอันต้องถูกอาคมในแดนลับอัจฉริยะขับไล่ออกมา”

“ในประวัติศาสตร์ของแดนทักษินยุทธ์เรา มีคนใช้วิธีเช่นนี้เข้าไปในแดนลับอัจฉริยะไม่น้อย แต่ทุกคนล้วนถูกขับไล่ออกมากันหมด”

คำพูดของไฉฉงอี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนนิ่งเงียบไปทันที

“อาวุโสทรงเกียรติหลิงเทียน หากว่าท่านมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองเช่นนั้น ไฉนไม่ใช้มันเสียตอนนี้เลยเล่า? ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่เหลือท่านก็สัมผัสพลังเซียนอมตะและพลังวิญญาณขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดให้เต็มที่…บางทีท่านอาจจับความรู้สึกอันใด ไม่แน่อาจมีปาฏิหาริย์ ช่วยให้ท่านทะลวงถึงจอมราชันอมตะได้ทัน…”

หลังจากนั้นไฉฉงอี้ก็กล่าวเพิ่มเติมออกกมาไม่กี่คำ หากทว่าวาจาไม่กี่คำของมัน ก็ได้จุดประกายความคิดของต้วนหลิงเทียนขึ้นมา “และถึงยังไม่อาจทะลวงด่านได้ แต่อย่างน้อยๆถ้าท่านไม่ใช้พลังเลยท่านก็ยังเข้าไปชมดูภายในแดนลับอัจฉริยะได้เหมือนเดิม…”

และพอต้วนหลิงเทียนได้ยินคำแนะนำของไฉฉงอี้ สองตาเขาก็ส่องแสงสว่างจ้าทันที

ใช่!

ไฉนเขาไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้?

ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือเรียกปิ่นปักผมอันเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทสิ้นเปลืองออกมา และใช้มันเป็นครั้งสุดท้ายทันที!

หลังจากใช้พลังของมันเป็นครั้งสุดท้าย ตัวปิ่นปักผมก็ค่อยๆแหลกสลายกลายเป็นละอองธุลี ปลิวหายไปในอากาศ

ทว่าบัดนี้ทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังวิญญาณขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด!

“พลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด…”

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ จากนั้นก็กำหมัดแน่นด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความหวัง จากนั้นก็หันไปกล่าวลาไฉฉงอี้แล้วก้าวเท้าเดินจากไปทันที

ตลอดเดือนหลังจากนี้ ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดรวมถึงพลังวิญญาณในร่างแม้แต่นิดเดียว ด้วยกลัวว่าระดับพลังของเขาจะถดถอยกลับไปอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ

“ฮ่าๆๆ!!”

จนเมื่อแดนลับอัจฉริยะเปิดออกได้ 2 วัน ต้วนหลิงเทียนที่เดิมไร้ซึ่งความหวังใดๆ ในที่สุดหลังจมจ่อมอยู่กับความรู้สึกของพลังที่ได้รับจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ด่านพลังของเขาก็ทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้สำเร็จ!

“ขอแสดงความยินดีด้วยอาวุโสทรงเกียรติหลิงเทียน! ท่านทะลวงด่านพลังได้แล้ว!!”

ภายในหุบเขา เห่าวั่งผู้อาวุโสสูงของนิกายอมตะเสวี่ยหยาที่พึ่งออกจากการปิดด่านในรอบหลายปี บังเอิญผ่านมาใกล้ๆพอดี เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่น ทั้งสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่กำจายออกมา มันก็ตระหนักได้ว่าเป็นเรื่องราวใด จึงเร่งรุดเข้ามากล่าวแสดงความยินดีกับต้วนหลิงเทียนทันที

ต้วนหลิงเทียนก็หยักหน้าให้เห่าวั่งด้วยรอยยิ้มยินดี จากนั้นก็ไม่รอช้ารีบไปปลุกฮ่วนเอ๋อเร็วไว “ฮ่วนเอ๋อ! ข้าทะลวงผ่านแล้ว!!”

“พวกเรารีบไปกันเถอะ! ไปทางเข้าแดนลับอัจฉริยะที่อยู่ใกล้ที่สุด!!”

ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวเท่านั้น ก่อนที่ประตูมิติเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะจะปิดตัวลง…และหากนับจากที่ตั้งนิกายอมตะเสวี่ยหยา ประตูมิติอันเป็นทางเข้าแดนลับอัจฉริยะที่อยู่ใกล้ที่สุด ด้วยความเร็วของเขากับฮ่วนเอ๋อ ใช้เวลาไม่ถึงวันก็ไปถึงแล้ว

แม้เวลาจะไม่ถึงขั้นบีบกระชั้น แต่ด้วยอารมณ์พุ่งพล่านของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้เขาอดกังวลไม่ได้

วูบ! วูบ!

เห็นร่างต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อวูบหายไปต่อหน้าต่อตา เห่าวั่งได้แต่ยืนมองด้วยความอื้ออึงสองตากะพริบปริบปริบ และในแววตายังอดไม่ได้ที่จะฉายชัดถึงความตกใจ “ดะ…แดนลับอัจฉริยะงั้นหรือ?”

“มารดาเราช่วย! อาวุโสทรงเกียรติหลิงเทียนกับอาวุโสทรงเกียรติฮ่วนเอ๋อ ยังมีอายุไม่ถึงพันปีเรอะ!?”

เมื่อคิดถึงพลังฝีมืออันน่ากลัวของต้วนหลิเทียนกับฮ่วนเอ๋อ เห่าวั่งอดไม่ได้ที่จะสะท้านอยู่ในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้วนหลิงเทียนที่ก่อนหน้ายังไม่บรรลุถึงจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดด้วยซ้ำ

“เมื่อทั้งคู่เข้าสู่แดนลับอัจฉริยะ อาศัยพลังฝีมือที่เคยเผยออก เรื่องจะประชันกับเหล่าอัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 พวกนั้น ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน…เผลอๆพวกอัจฉริยะของงขุมกำลังระดับ 1 เหล่านั้น ยังจะมีไม่กี่คนด้วยซ้ำที่สู้ทั้งคู่ได้!”

เห่าวั่งที่เคยเห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมาแล้ว ย่อมมีความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเต็มเปี่ยม

ครึ่งค่อนวันต่อมา

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่เร่งรุดเดินทาง ก็มาถึงประตูทางเข้าแดนลับอัจฉริยะที่ใกล้นิกายอมตะเสวี่ยหยามากที่สุด

และทางเข้าแดนลับอัจฉริยะที่ว่า ก็ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาขนาดใหญ่ ที่ถูกปิดล้อมไปด้วยผนังผาสูงชัน มีผู้คนมากมายลอยร่างในพื้นที่หุบเขามากมาย เห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่มาส่งอัจฉริยะในสังกัดของตัวเอง

ส่วนอัจฉริยะที่สามารถเข้าไปได้ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราเข้าไปเลยเถอะ”

เมื่อต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมาถึง ด้วยรูปลักษณ์อันน่าทึ่งของฮ่วนเอ๋อ ก็ทำให้ผู้คนที่แลเห็นตาลุกวาวกันเป็นแถบ อย่างไรก็ตามทั้งคู่ไม่สนใจสายตาคนมอง กุมมือกันเหินร่างเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะทันที

หลังจากที่ทั้งคู่หายลับไปจากสายตาคนในหุบเขา ในหุบเขาก็ปรากฏเสียงฮือฮา เพราะต้องมนตร์สะกดจากรูปโฉมอันงดงามของฮ่วนเอ๋อเมื่อครู่

“ที่นี่น่ะหรือแดนลับอัจฉริยะ?”

หลังจากเบื้องหน้ามืดมิดไปครู่หนึ่ง พอเห็นแสงสว่างอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเขามาปรากฏตัวอยู่ในตำหนักอันงดงามใหญ่โตหลังหนึ่ง และลักษณะตำหนักค่อนข้างเปิดโล่ง ลมโกรกเย็นสบายนัก โดยมีฮ่วนเอ๋อยืนอยู่ข้างๆ

ในตำหนักงดงามหลักใหญ่นี้ เขาเห็นคนที่อยู่ๆก็ปรากฏร่างจากความว่างเปล่าเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่พึ่งเข้ามาเหมือนเขา

“ฮ่วนเอ๋อพวกเราออกไปดูข้างนอกกัน”

หลังกวาดตามองไปทั่วๆรอบหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นขุนเขาที่อยู่นอกตำหนักไกลๆ ที่มียอดเขาสูงชันทิ่มแทงทะลุเมฆขึ้นไปบนฟ้า และยังมีร่างคนมากมายกำลังเหินไปทางงยอดเขาสูงดังกล่าว

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็เหินร่างออกจากตำหนักและเหาะตามกลุ่มคนเหล่านั้นไปทันที

“หืม?”

ในเวลาเดียวกัน ก็มีผู้คนมากมายสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะชะงักไปวูบหนึ่ง เพราะรูปลักษณ์อันน่าทึ่งของฮ่วนเอ๋อ

อย่างไรก็ตาม หลายๆคนเมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกุมมือฮ่วนเอ๋ออยู่ พวกมันก็แลดูจ๋อยลงถนัดตา

แน่นอนว่ามีไม่น้อยที่สองตาเผยความอิจฉาริษยา กระทั่งบางคนถึงกับเกลียดชังกันเลยก็มี

“มีนางเซียนอมตะเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะได้…แต่ไม่คิดเลยว่าข้าจักได้พบโฉมงามไร้ผู้ต้านที่นี่ อนิจจาบุปผางามกลับมีเจ้าของจับจองเสียแล้ว…”

ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงทอดถอน

“ฮ่าๆๆ…พี่ชายท่านนี้ ต่อให้บุปผางามมีคนจับจองแล้วอย่างไร ขอเพียงท่านเข้มแข็งเหนือกว่า หรือยังกลัวแย่งชิงสตรีงามไม่ได้?”

ได้ยินสิ่งที่ชายวัยกลางคนพูด ชายหนุ่มที่เหาะอยู่ไม่ไกลคนหนึ่งก็หันมากล่าวเย้ยแกมยุด้วยน้ำเสียงขบขัน

“เพียงแค่พูดมันย่อมง่ายกว่าทำ…ไม่งั้น เจ้าไม่ลองดูเล่า?”

ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ไม่ไกลเมื่อได้ยิน ก็หันไปกล่าวแซะชายหนุ่มที่ไปยั่วยุผู้อื่นทันที

อย่าไรก็ตาม สุดท้ายก็ไม่มีใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อ

ท้ายที่สุดแล้วในแดนลับอัจฉริยะแหงนี้ ไม่มีใครอ่อนด้อย ทั้งหมดเป็นผู้มีพรสวรรค์ทั้งนั้น เป็นชนชั้นอัจฉริยะเหนือคนธรรมดาทั้งสิ้น นอกจากท่านจะเป็นอัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 แล้ว ไม่งั้นอย่าได้ห้าวไปลองดีกับผู้อื่นเสียประเสริฐกว่า!

เพราะไม่มีผู้ใดสามารถบอกท่านได้ ว่าคนที่ท่านคิดไปล่วงเกินนั้น ใช่เป็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าท่านหรือไม่!

“ตอนนี้แดนลับอัจฉริยะยังพึ่งเปิดออกมาไม่ถึง 3 วัน…ไม่ทราบมีอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 1 ไปทดสอบยอดเขาแรงโน้มถ่วงแล้วหรือยัง หากมีเกรงว่าคงยากที่ข้าจะมีชื่อติดอันดับต้นๆสักครั้ง”

ชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่ กล่าวอย่างทอดถอน

“ยอดเขาแรงโน้มถ่วง?”

ต้วนหลิงเทียนหันกลับไปมองยอดเขาสูงชึ้นแทงทะลุก้อนเมฆที่ทุกคนเหมือนกำลังจะมุ่งหน้าไปทันที

และหลังจากเงี่ยหูฟังบทสนทนาโดยรอบต่อไปอีกสักพัก เขาก็ได้รู้ว่ายอดเขาแรงโน้มถ่วงคืออะไร

ยอดเขาแรงโน้มถ่วงนั้น ยิ่งปีนขึ้นไปสูงเท่าไหร่ โรงโน้มถ่วงก็จะยิ่งมีมาก

และในแดนลับอัจฉริยะแห่งนี้มียอดเขาแรงโน้มถ่วงทั้งสิ้น 99 ยอด ไม่ว่าจะเป็นยอดเขาลูกไหนก็สามารถเข้าไปท้าทายได้หมด เพราะมีมาตรฐานเดียวกัน…และเมื่อบรรลุถึงความสูงในระดับหนึ่ง ก็จะได้รับของราวัล

และหากทำลายสถิติเดิมได้ ท่านก็จะได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!

ถึงแม้จะไม่ได้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ แต่ก็เป็นสิ่งของที่มีมูลค่าไม่ต่างจากอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!!

อย่างไรก็ตาม การทำลายสถิตินั้น เป็นอะไรที่พูดง่ายกว่าทำ…

“ได้ยินมาว่าไม่มีผู้ใดทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงมา 20,000 ปีแล้วใช่หรือไม่? หากข้าจำไม่ผิดผู้ที่ทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงคนล่าสุดดูเหมือนจักเป็น ‘อี่เจี้ยนเฉิง’ ประมุขคนปัจจุบันของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ!”

“มิผิด! ประมุขอี่ในปีนั้นอาศัยด่านพลังจอมราชันอมตะ 6 ผสาน สามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้ถึง 37,086 หมี่ ทำลายสถิติเดิมลงได้สำเร็จ จนได้รับกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิไปครอง!”

“ผลงานที่ดีที่สุดตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะยังวนเวียนอยู่ในช่วง 30,000 หมี่ต้นๆ…ยังนับว่าห่างไกลจากสถิติที่ประมุขอี่ทำไว้ในอดีตนัก!”

“ประมุขอี่แห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะผู้นั้นมิใช่คนธรรมดาสามัญ…ลือกันว่าแม้ในตอนนั้นจักมีอายุน้อยที่สุดในบรรดาอัจฉริยะของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ แต่ทว่าพลังฝีมือกลับเหนือล้ำยิ่งกว่าผู้อาวุโสรุ่นเก๋าบางคนในนิกายเสียอีก!”

ขณะมุ่งหน้าไปยังยอดเขาแรงโน้มถ่วง ต้วนหลิงเทียนก็ยังเงี่ยหูฟังบทสนทนาโดยรอบ