WSSTH ตอนที่ 3,249 : จอมราชันอมตะสววรรค์ใต้

“ล้อเล่น?”

ได้ยินคำของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มแห้งๆ แต่ก็ไม่คิดจะอธิบายอะไร

เนื่องเพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้พูดอะไรออกไป ก็ไม่สู้กับการลงมือเข่นฆ่าผู้นำตระกูลเหอให้เห็นกันชัดๆ

ตระกูลเหอในฐานะที่เป็น 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของแดนสวรรค์ใต้ สถานที่ตั้งจวนของตระกูลนั้นอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยอาคารปลูกสร้างใหญ่โตมากมาย

และมองจากผู้คนที่เดินผ่านเข้าออกตระกูลเหอเป็นสายปานธารน้ำ ก็บอกให้รู้ว่าตระกูลเหอมีความเจริญรุ่งเรืองเพียงใด

เมื่อพวกต้วนหลิงเทียนมาหยุดเหินร่างอยู่ด้านนอกตระกูลเหอแบบนี้ คนของตระกูลเหอที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนรอบๆก็เร่งรุดเข้ามาปิดล้อมทันที

คนของหน่วยลาดตระเวนตระกูลเหอแต่ละคนพอมาถึงก็เอาแต่มองจ้องกลุ่มต้วนหลิงเทียนไม่วางตา

อย่างไรก็ตาม สายตาของผู้คนส่วนใหญ่นั้นไปหยุดอยู่ที่ฮ่วนเอ๋อมากกว่า เนื่องเพราะรูปโฉมของฮ่วนเอ๋อมันดึงดูดสายตามาเกินไป

“จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว นำพาผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนปัจจุบันของคฤหาสน์เฉวียนโยว มาหาผู้นำตระกูลเหอ เพื่อให้มันออกมารับความตายเพื่อชดใช้!!”

ชายชราก้าวออกมากล่าวประกาศเสียงดัง พอพูดจบคำสองตาชายชราก็ทอประกายเยียบเย็น จากนั้นมือหนึ่งยกขึ้นโบกสะบัดออกไปเบาๆ เข่นฆ่าสังหารหน่วยลาดตระกูลเหอ จนเหลือผู้รอดชีวิตเอาไว้แค่คนเดียว และคนที่เหลือรอดอยู่บัดนี้สีหน้าก็ซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว

“ย…ยอดฝีมือจอมราชันอมตะ!!”

ผู้ที่รอดชีวิตเร่งหันหลังแล้วหลบหนีไปทันที หากทว่าชายชราก็ไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวอะไรอีก

“เพียงรออยู่ที่นี่เถอะ”

ชายชราหันไปเอ่ยบอกต้วนหลิงเทียน

“อ่า”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาเองก็รู้ดีว่าในเมื่อชายชราลงมือใหญ่โตขนาดนี้แล้ว อย่างไรผู้นำตระกูลเหอก็ต้องนำคนมาตรวจสอบสถานการณ์แน่นอน

ราวๆ 1 เค่อต่อมา

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

สำเนียงแหวกสายลมฉับไวดังขึ้นถี่ยิบ ร่างคนกลุ่มหนึ่งกำลังเหินมาจากส่วนลึกตระกูลเหอ เร่งรุดเข้าหากลุ่มต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ

ผู้ที่เหินร่างนำอยู่หน้าสุด เป็นชายวัยกลางคนห่มหนังพยัคฆ์ รูปร่างกำยำแลดูแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว

ด้านหลังชายวัยกลางคน มีชายชราติดตามประกบหลังอยู่ 6 คน พร้อมด้วยชายวัยกลางคนท่าทางเอาเรื่อง 4 คน ทั้งงหมดจับจ้องมองมาที่พวกต้วนหลิงเทียนเขม็ง

จูเก่อฟงและจูเก่ออวิ๋นเพียงลอยร่างเคียงกันอย่างเงียบงัน แม้ทั้งคู่จะไม่ได้ลงมือทำอะไร หากแต่ความรู้สึกประหนึ่งสรรพสิ่งโดยรอบเป็นเพียงธุลีที่แผ่ออกมาตามธรรมชาติ ก็ทำให้สภาวะคนกลับกลายเป็นลี้ลับสุดหยั่งถึง ชวนให้เหล่าคนตระกูลเหอบังเกิดแรงกดดันไม่น้อย

จักรพรรดิอมตะอันทรงพลัง เพียงยืนนิ่งๆไม่สำแดงเดชอะไร ก็ทำให้เหล่าจอมราชันอมตะรู้สึกเสมือนมีแรงกดดันบีบเค้นลำคอให้หายใจไม่ออกแล้ว

และยิ่งจอมราชันอมตะที่ว่าเข้าใกล้ขอบเขตจักรพรรดิอมตะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงแรงกดดันดังกล่าวมากขึ้น!

กลับกัน คนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย โดยเฉพาะไม่ถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ ย่อมไม่อาจรับรู้อะไรได้เลย

“อาวุโสทั้ง 2 ท่านนี้…พวกท่านคงมิใช่คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวกระมัง?”

ชายวัยกลางคนในชุดหนังเสือ ก้าวออกมากล่าวคำด้วยน้ำเสียงระวัง มันแม้ไม่ได้โกรธหรือมีโมโหแต่ใบหน้าก็มอบความยำเกรงให้ผู้ชมมองตามธรรมชาติ และชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น มันคือ เหอเทียนฉุน ที่เข่นฆ่าผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวในปีนั้น

และบัดนี้เหอเทียนฉุนก็กำลังมองไปยังคู่พี่ชายน้องสาวจูเก่อด้วยสีหน้าแววตาหวั่นเกรง

เพียงเพราะแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนอย่างจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้จะเพาะสร้างได้ด้วยซ้ำ!

และในขณะที่มันเอ่ยถามคู่พี่น้องฝาแฝดจูเก่อ เหอเทียนฉุนยังลอบส่งข้อความติดต่อไปยังจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ คนปัจจุบัน ที่ปกครองแดนสวรรค์ใต้อยู่ทันที

10 ตระกูลใหญ่ จะมากจะน้อยก็ล้วนมีความสัมพันธ์กับจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ทั้งสิ้น

ตอนนี้ มีตัวตนที่มันกำลังสงสัยว่าอาจจะเป็นถึงตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะมาเยือนถึงหน้าตระกูลเหอ เช่นนั้นเหอเทียนฉุนย่อมรู้สึกกดดันอย่างมาก จึงเร่งติดต่อไปหาจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ทันที หมายให้อีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อดูว่าความรู้สึกของมันถูกต้องรึเปล่า

“เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก”

จูเก่ออวิ๋นเหลือบมองไปยังเหอเทียนฉุนด้วยสายตาไม่แยแส พลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะมีเรื่องราวความแค้นความบาดหมางอันใดกับคฤหาสน์เฉวียนโยว พวกเราไม่คิดเข้าไปแทรกแซง”

“หืม?”

ในขณะที่จูเก่ออวิ๋นกล่าวคำนี้ออกมา สีหน้าจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็เปลี่ยนไปทันที “ผู้อาวุโส…”

“ไม่คิดแทรกแซง?”

ได้ยินสิ่งที่จูเก่ออวิ๋นพูด เหอเทียนฉุนไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่ ในเมื่อติดสอยห้อยตามมาด้วย แต่ไม่คิดแทรกแซง? เป็นไปได้หรือ?

อย่างไรก็ตาม พอมันเห็นหน้าจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่เปลี่ยนไป ลูกตามันก็ทอแสงจ้าขึ้นมาทันที

หรือตัวตนที่มันสงสัยว่าจะเป็นจอมราชันอมตะ แค่คิดมาชมดูความสนุกสนานอย่างเดียวจริงๆ?

“เจ้าคือจ้าววังผู้พิทักษ์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นนั้นรึ?”

สายตาเหอเทียนฉุนมองจ้องไปยังร่างชราเขม็ง เอ่ยถามออกมาเสียงต่ำ “เป็นเจ้าที่ฆ่าคนของตระกูลเหอข้าเมื่อครู่กระมัง?”

“หึ!”

ชายชรามองจ้องเหอเทียนฉุนด้วยสายตาเปี่ยมล้นไปด้วยยความเคียดแค้นชิงชังทั้งโทสะ “ข้าไม่เพียงแต่จะเป็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว แต่ยังเป็นลูกชายของฉางเหิงอีกด้วย!”

ฉางเหิง เป็นชื่อของผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวรุ่นที่แล้ว

“ฉางเหิง?”

เหอเทียนฉุนตะลึงไปทันใดเมื่อได้ยินนามดังกล่าวจากชายชรา จากนั้นสีหน้าของมันก็ฉายให้เห็นความประหลาดใจอยู่บ้าง “ที่แท้…เจ้าก็คือลูกชายของฉางเหิงนี่เอง…”

รอยยิ้มเปี่ยมเลศนัยของฉางเหิงค่อยๆยกขึ้นที่มุมปาก “มารดาของเจ้า ใช้ได้เลย…”

ย้อนกลับไปในปีนั้น ชนวนเหตุเรื่องราวความแค้นทั้งหมด เป็นเพราะเหอเทียนฉุนไปขืนใจภรรยาของฉางเหิง ซึ่งเป็นมารดาของชายชราจนมีมลทิน…

“เจ้าสมควรตาย!”

ได้ยินวาจาดังกล่าวของเหอเทียนฉุน สีหน้าชายชราก็เปลี่ยนไปทันที ทั่วร่างปรากฏพลังปะทุออกมากู่ร้องกึกก้อง คนโจนทะยานเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่เหอเทียนฉุนทันที

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

ทั้งคู่ปะทุพลังวูบร่างประมือกันไม่กี่กระบวนท่า แต่ไม่นานเหอเทียนฉุนที่พลังฝีมือเหนือกว่าก็เริ่มมีเปรียบ สุดท้ายก็สะกดปราบชายชราได้อย่างสมบูรณ์

“พลังฝีมือเจ้าก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว…น่าเสียดายที่พรสวรรค์ของเจ้ามันย่ำแย่กว่า ฉางเหิง บิดาเจ้าหลายขุม น่าเสียดายหากฉางเหิงไม่ได้ตกตายไปวันนั้น ป่านนี้อย่างน้อยๆมันก็สมควรกลายเป็นจอมราชันอมตะสมญานามไปแล้ว ไม่แน่ยังอาจจะเหนือกว่านั้นเสียอีก!”

เหอเทียนฉุนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ

ด้านชายชราที่บัดนี้บาดเจ็บสาหัสจนเลือดไหลย้อยที่มุมปาก ร่างสั่นเทิ้มไปเล็กน้อย สองตาฉายแววเด็ดเดี่ยวคิดสู้แลกชีวิตกับเหอเทียนฉุน!

ทว่าทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันก้าวออกมา “ผู้อาวุโส ให้ข้าเอง”

ต้วนหลิงเทียนลอยร่างมาหยุดเบื้องหน้าชายชรา เหลือบมองไปยังเหอเทียนฉุนด้วยสายตาเฉยเมย บนใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆให้เห็น

“เจ้าเป็นผู้ใด?”

เหอเทียนฉุนขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียน

“ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวคนปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียน”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

“ต้วนหลิงเทียน?”

แรกได้ยินเหอเทียนฉุนก็นิ่งไปวูบหนึ่ง ต่อมาจึงตระหนักได้ว่า “เจ้าก็คือต้วนหลิงเทียน…ที่แสดงผลงานเลิศล้ำในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเมื่อ 200 ปีก่อนน่ะรึ?”

ชื่อต้วนหลิงเทียน ผู้นำตระกูลเหอ อย่างเหอเทียนฉุนก็เคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง

อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นจริงจังอะไร คิดว่าเป็นแค่อัจฉริยะรุ่นเยาว์คนหนึ่งเท่านั้น

บางทีหลังจากนี้อีกไม่กี่พันปี ไม่ก็อาจจะหลายหมื่นปี ต้วนหลิงเทียนถึงจะสามารถเทียบเคียงกับมันได้ แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่เบื้องหน้ามัน ยังไม่พอ

“เจ้านั่นก็คือต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?”

ขณะเดียวกันสายตาของเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลเหอที่อยู่ด้านหลังเหอเทียนฉุน ก็มาหยุดลงบนร่างต้วนหลิงเทียนพร้อมเพรียง ในแววตาพวกมันเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจไม่น้อย

ในตอนนั้นชื่อต้วนหลิงเทียนเรียกว่าดังกระฉ่อนไปทั่วแดนสวรรค์ใต้จริงๆ กระทั่งพวกมันเองก็เคยได้ยินมาอย่างน้อยครั้งหนึ่ง

“แต่…ไม่ใช่ว่ามันออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวไปแล้วหรือไร?”

“นั่นสิ ข้าก็ได้ยินว่ามันออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวไปแล้วเหมือนกัน และข่าวนี้ข้าได้มาจากเผ่าจิ้งจอกมายาโดยตรง”

เหล่าอาวุโสของตระกูลเหอกระซิบคุกันระงม สองตาก็มองจ้องไปที่ต้วนหลิงเทียน

ฟุ่บ!

เสียงหวีดหวิวเร็วไวหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา จากนั้นร่างผอมหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคนปานภูตผี

อย่างไรก็ตามก่อนที่ร่างผอมผู้นี้จะปรากฏตัวขึ้นสักพัก ไม่ว่าจูเก่อฟงหรือจูเก่ออวิ๋น คิ้วของทั้งคู่ก็เลิกขึ้นเล็กน้อย

ร่างของผู้มาใหม่เริ่มปรากฏให้ทุกคนเห็นชัดถนัดตา เป็นชายวัยกลางคนร่างผอมมาในชุดคลุมสีน้ำเงินหรูหราแลดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลา ทั่วร่างแผ่ความรู้สึกน่าเกรงขาม ชวนให้ผู้คนรู้สึกำเกรงประการหนึ่ง

“เหอเทียนฉุน ผู้นำตระกูลเหอ คารวะจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้!”

เมื่อผู้มาใหม่เผยโฉมให้เห็นกันชัดถนัดตา เหอเทียนฉุนผู้นำตระกูลเหอก็ประสานมือโค้งหัวคารวะอย่างนอบน้อม

“คารวะจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้!”

เหล่าอาวุโสด้านหลังเหอเทียนฉุนก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทักทายผู้มาใหม่เช่นกัน

“คารวะจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้”

ตอนนี้เองจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ป้องมือประสานโค้งคารวะทักทายผู้มาใหม่เช่นกัน

มีเพียงต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเท่านั้นที่เหลือบมองผู้มาใหม่อย่างสงบ ไม่ได้ออกอาการอะไร

สำหรับจูเก่อฟงกับจูเก่ออวิ๋นนั้น ไม่ได้เหลือบแลมันเลยด้วยซ้ำ

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าพบเจอจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ แต่ยังไม่รีบทำความเคารพอีกงั้นหรือ!?”

เหอเทียนฉุนเหลือบมองไปที่ต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวเสียงเย็น

“มัน?”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังจอมรชันอมตะสวรรค์ใต้ผ่านๆ จากนั้นก็ส่ายหัวไปมา “มันรับคารวะข้าไม่ไหวหรอก”

ทันทีที่เหอเทียนฉุนและคนอื่นๆของตระกูลเหอได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน และคิดว่าไม่พ้นจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ต้องมีโมโห จนต้องลงมือสำเร็จโทษต้วนหลิงเทียนแน่นอน

พวกมันกลับพบว่า จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ที่พึ่งปรากฏตัวออกมา กลับเร่งประสานมือโค้งคารวะชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ลอยอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม

“จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ เซี่ยงชิ่งอวี่ ขอคารวะใต้เท้าจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 ท่าน”

ตั้งแรกเห็นเซี่ยงชิ่งอวี่ จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ ก็บ่งบอกได้ทันทีว่าชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าคู่นี้ ล้วนเป็นตัวตนอันทรงพลังขอบเขตจักรพรรดิอมตะทั้งสิ้น!

พลังฝีมือของมันเหนือกว่าเหอเทียนฉุนมาก ด้วยเหตุนี้มันจึงไวต่อสัมผัสพลังขอบเขตจักรพรรดิอมตะ

มันมั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าทั้งคู่เป็นจักรพรรดิอมตะไม่ผิดแน่!

“ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะ!?”

เหอเทียนฉุนและคนอื่นๆของตระกูลเหอ พอเห็นจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ คารวะทักทายคู่พี่น้องจูเก่อด้วยความสำรวมนอบน้อม สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวงทันที

“ผู้น้อยขอคารวะใต้เท้าจักรพรรดิอมตะ!”

จากนั้นเหอเทียนฉุนและคนอื่นๆก็เร่งโค้งหัวคารวะตู่พี่น้องจูเก่อด้วยท่าทีนอบน้อมราวกับข้าทาสชั้นต่ำพบผู้เป็นนาย โดยเฉพาะเหอเทียนฉุนที่ยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว

‘จักรรพรรดิอมตะคู่นี้…ไฉนถึงมากับคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวได้’

เหอเทียนฉุนรู้สึกประหม่าไม่น้อย

ถึงแม้จักรพรรดิอมตะคู่นี้จะบอกแล้วว่าไม่คิดจะสอดมือเข้ามาแทรกแซง แต่การมาพร้อมกับคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้ ให้บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มันย่อมไม่เชื่อเด็ดขาด

แต่จักรพรรดิอมตะก็ลั่นวาจาว่าจะไม่สอดมือแล้ว…

จักรพรรดิอมตะไม่ควรโกหกใช่หรือไม่?

อย่างไรก็ตามเผชิญกับการคารวะทักทายของคนตระกูลเหอ จูเก่อเฟิงกลับไม่ได้แยแสพวกมันแม้แต่น้อย ส่วนจูเก่ออวิ๋นยังดี ที่เหลือบมองพวกมันผ่านๆก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ ขมวดคิ้วเป็นปมหลวมๆ มองจ้องเหอเทียนฉุนก่อนจะถามผ่านการส่งเสียง

หลังจากได้ยินเรื่องราวจากปากเหอเทียนฉุนแล้ว มันจึงพยักหน้าให้เหอเทียนฉุนคราหนึ่งพลางกล่าว “ในเมื่อใต้เท้าจักรพรรดิอมตะบอกว่าจะไม่สอดมือก็คือไม่สอดมือเป็นธรรมดา”

“เจ้าจากคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น มีเรื่องราวความแค้นกับเหอเทียยฉุนรึ?”

ตอนนี้เองเซี่ยงชิ่งอวี่ก็หันไปมองถามชายชรา ผู้เป็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว

ชายชราที่โดนเอ่ยถาม ก็อดไม่ได้ที่จะลังเล

หากจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 ไม่คิดแทรกแซงจริงๆ แล้วมันยังจะหาเรื่องต่ออีกหรือ?

“ไม่ผิด”

ชายชราไม่ได้พูดอะไร เป็นต้วนหลิงเทียนที่อยู่ด้านหน้าตอบกลับ ยังเอ่ยต่อเสียงเบาว่า “วันนี้พวกเรามาที่นี่เพื่อเอาชีวิตผู้นำตระกูลเหอ”

“คนไม่เกี่ยวข้องเช่นเจ้า ก็ชมดูเรื่องราวอยู่ข้างๆไปเสีย”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปทางจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ผ่านๆอีกรอบค่อยกล่าว

“บังอาจ!!”

ทันทีที่เสียงกล่าวต้วนหลิงเทียนดังจบคำ เหอเทียนฉุนก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง โพล่งออกมาเสียดังว่า “ต้วนหลิงเทียน ต่อหน้าจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ เจ้าไม่เพียงไม่เคารพ แต่ยังกล้าเหิมเกริมจาบจ้วง…!”

“เจ้า…หรือจะบอกว่ากระทั่งท่านจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ ก็ไม่เห็นหัวแล้ว?!”