WSSTH ตอนที่ 3,250 : สำนักงานใหญ่ องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด

“หนวกหู!”

ได้ยินเสียงตะคอกของเหอเทียนฉุน สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็ฉายความรำคาญ สองตาทอประกายเยียบเย็นเรืองวาบ ทันใดนั้นเองพลังเซียนอมตะพลันปะทุลุกโชนดั่งเพลิงไฟผสานรวมเข้ากับความลึกซึ้งความหมายแห่งมิติ จนไอพลังกลับกลายเป็นสีเทาในฉับพลัน!

วูบ!

วินาทีต่อมาร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายไปอย่างกะทันหัน ปรากฏตัวอีกครั้ง คนก็อยู่เบื้องหลังเหอเทียนฉุนเรียบร้อย

ขวับ! ขวับ!

ต้วนหลิงเทีนยกมือขึ้นสองข้างก่อนจะเลื่อนประกบเข้าหากัน ทำท่าราวกับจะบีบอัดอะไรบางอย่าง และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนขยับมือดังกล่าว ห้วงมิติรอบกายเหอเทียนฉุนก็อุบัติพลังมิติแปรปรวน บิดเบือน ฉีกกระชากปะทุขึ้น

เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!

เสียงห้วงมิติแปรปรวนดังกระหึ่มระรัว รอยแยกมิติมากมายดั่งฝูงอสรพิษนับหมื่นพันวูบวาบ บังเกิดพลังฉีกกระชากบิดเบือนทั้งป่นทำลายเคี่ยวกรำเข้าทั่วร่างเหอเทียนฉุนทุกทิศทาง ก่อนจะบดร่างมันจนแหลกสลาย อันตรธานหายไปท่ามกลางรอยแยกมิติยิบย่อย…

คงเหลือเพียงแหวนพื้นที่วงหนึ่ง ที่ถูกพลังสีเทาห่อหุ้มเอาไว้

จนเมื่อแหวนพื้นที่ของเหอเทียนฉุนที่ตายตกถูกต้วนหลิงเทียนเก็บไปแล้ว อาวุโสของตระกูลเหอก็พึ่งจะรู้สึกตัว มองร่างต้วนหลิงเทียนที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวอีกครั้ง สีหน้าท่าทีของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!

เกิดอะไรขึ้น? ผู้นำตระกูลเหอของพวกมัน…ตกตายไปแล้วหรือ?

นอกจากนั้นยังตกตายคามือ ต้วนหลิงเทียน ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว?

“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”

พอเหล่าอาวุโสของตระกูลเหอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เรียกว่าลูกตาพวกมันไม่เพียงฉายชัดถึงความตกใจเหลือเชื่อ แต่ยังตื่นตระหนกทั้งสับสนจนไม่รู้ว่าที่แท้นี่พวกมันกำลังฝันไปอยู่รึเปล่า!

ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับพวกมัน

กระทั่งพวกมันยังรู้จักต้วนหลิงเทียนตั้งแต่ด่านพลังอยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ ตอนที่อีกฝ่ายสามารถกลายเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง สยบสิ้นทุกอัจฉริยะอายุไม่ถึงพัน…

แต่เวลาพึ่งจะผ่านไปเพียงแค่ 200 ปีนับจากวันนั้น ทว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนกลับมีพลังฝีมือเข่นฆ่าผู้นำตระกูลเหอของพวกมันได้ง่ายๆราวตัดหญ้าฆ่าไก่แล้ว?

เหอเทียนฉุน ผู้นำตระกูลเหอของพวกมัน แม้จะไม่ใช่จอมราชันอมตะสมญานาม แต่พลังฝีมือก็ใกล้เคียงกับตัวตนจอมราชันอมตะสมญานาม กระนั้นยังต้องตายคามือชายหนุ่มเบื้องหน้าในชั่วพริบตา?

‘ทรงพลังอะไรจะขนาดนี้!’

จอมราชันอมตะสวรรค์ไต่ เซี่ยงชิ่งอวี่ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัว เดิมทีมันก็รู้สึกไม่พอใจชายหนุ่มคนนี้ขึ้นมาจากคำพูดของเหอเทียนฉุน แต่ตอนนี้ต่อให้อีกฝ่ายจะด่าบรรพบุรุษมัน มันก็ไม่กล้าหืออืออะไร

นั่นเพราะพลังอานุภาพเท่าที่ชายหนุ่มเผยให้เห็นเมื่อครู่ ก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามันแล้ว!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้างกายชายหนุ่มคนนี้ยังมีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะอีก 2 คน ถึงแม้จักรพรรดิอมตะทั้งคู่จะลั่นวาจา ว่าไม่คิดแทรกแซงเรื่องราว แต่ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะลงมือยามคับขันหรือไม่?

แม้จักรพรรดิอมตะสองคนจะกลับคำพูด แต่ถ้าผู้อื่นฆ่าปิดปากทุกคนทิ้งจนหมดเล่า? ยังจะเหลือผู้ใดเอาเรื่องราวไปเล่าให้มันเสื่อมเสีย?

‘ต้วนหลิงเทียน?’

‘ชื่อนี้…ไฉนคุ้นหูนักนะ’

ขณะเดียวกันเซี่ยงชิ่งอวี่ก็รู้สึกว่าชื่อต้วนหลิงเทียนมันคุ้นหูแปลกๆ ราวกับมันไปเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่เนื่องจากเรื่องราวมันเกิดขึ้นนานแล้ว มันจึงนึกไม่ออกในทันที

“ใต้เท้าจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้…”

ในขณะที่เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเหอ หันมองไปทางเซี่ยงชิ่งอวี่ ราวกับจะไถ่ถามว่าไฉนเมื่อครู่ตอนที่เหอเทียนฉุนผู้นำของพวกมันกำลังจะถูกฆ่า เซี่ยงชิ่งอวี่ถึงไม่สอดมือเข้าช่วย ทำราวกับแต่ต้นจนจบได้เลือกที่จะดูผู้นำของพวกมันตกตายไปแบบนั้น

แต่พอหันไปเห็นสีหน้าของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ เหล่าอาวุโสของตระกูลเหอก็ทราบได้ในบัดดล ว่ากระทั่งจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ ดูเหมือนจะไม่กล้าลงมือกับต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!

จังหวะนี้สีหน้าพวกมันแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ในลูกตายังเริ่มฉายชัดถึงความสิ้นหวัง

เพราะพวกมันกังวลว่าหลังเข่นฆ่าผู้นำตระกูลของพวกมันแล้ว ต้วนหลิงเทียนจะเริ่มเข่นฆ่าล้างบางสกุลเหอของพวกมันจนพินาศสิ้น…

“ผู้อาวุโส ในเมื่อจบเรื่องแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวไปทำธุระต่อ…”

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองมองจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่ยังคงมองชมเรื่องราวตาปริบๆคล้ายอื้ออึงไม่รู้สึกตัว หลังคลี่ยิ้มอำลาอีกฝ่ายแล้ว เขาก็เหินร่างนำฮ่วนเอ๋อกับฝาแฝดจูเก่อไปจากตระกูลเหอทันที

“ผู้อาวุโส วันหน้าหากข้ามีเวลาว่าง ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่านที่คฤหาสน์เฉวียนโยว”

เสียงกล่าวคำลาที่ดังมาแต่ไกลของต้วนหลิงเทียน ก็ได้ปลุกสติของชายชราให้ฟื้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์

“ศัตรูของท่านพ่อ…พึ่งจะตกตายไป…ง่ายดายเพียงเท่านี้?”

หลังชายชรากลับมาครองสติแล้ว ยังอดรู้สึกว่าเสมือนกำลังฝันไปไม่ได้ สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ๆกว่ามันจะยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ ว่าความแค้น 20,000 กว่าปีของมัน ได้สิ้นสุดลงแล้ว….

“ช่างน่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน ในเวลาเพียงไม่กี่สิบปี เจ้าหนูผู้นั้นกลับร้ากาจพอจะฆ่าเหอเทียนฉุนได้ง่ายๆแล้ว…”

พอฉุกคิดถึงฉากที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนปะทุพลังสังหารเหอเทียนฉุนในชั่วพริบตา แม้จะกล่าวว่าเหอเทียนฉุนไม่ทันตั้งตัว แต่ก็บ่งบอกให้รู้ว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอมราชันอมตะสมญานามแล้ว

อย่างไรก็ตาม ชายชราไม่ได้รู้เลย

ว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะระเบิดพลังสังหารเหอเทียนฉุนได้ในฉับพลัน แต่ความลึกซึ้งของกฏมิติก็ยังไม่ได้ใช้ทุกประการ มิหนำซ้ำยังมีพลังอื่นๆที่ไม่ได้ใช้อีกมากมาย

ไม่ต้องกล่าวถึงมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ที่อยู่ในโลกใบเล็ก เอาแค่พลังของเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ในตอนนี้ ก็มากพอจะให้เขาประมือกับจักรพรรดิอมตะทั่วๆไปแล้ว…จอมราชันอมตะสมญานามปกติ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าต้องใช้คำว่า ‘ปกติ’ มากล่าว เพราะไม่ใช่ว่าจะไม่มีตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะที่สู้เขาได้ดำรงอยู่

เพราะสุดท้ายระนาบเทวโลกก็กว้างใหญ่ไพศาลมาก ระนาบเทวโลกทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบเองก็อัศจรรย์มากมี ใครจะไปรู้ว่าในบรรดายอดฝีมือมากมาย ใช่มีจอมราชันอมตะที่พบพานการผจญภัยอัศจรรย์ จนทำให้มีพลังฝีมือทัดเทียมกระทั่งเหนือล้ำกว่าเขาอยู่หรือไม่?

“พี่หลิงเทียน แล้วคราวนี้พวกเราจะไปที่ไหนต่อเหรอ?”

หลังเหินร่างออกจากเขตตระกูลเหอแล้ว ฮ่วนเอ๋อก็กล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้

“ไปถล่มสำนักงานใหญ่ขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด!”

สองตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายเยียบเย็น “อย่างไรก็ตามก่อนจะไปถล่มพวกมัน ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าสำนักงานใหญ่ขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดตั้งอยู่ที่ไหน”

องค์กรกะโหลกเลือดนั้น สร้างปัญหาให้เขามาตั้งแต่แรก เรียกว่าทำให้เขาวุ่นวายไม่ใช่น้อย

กระทั่งเขายังเกือบตายใต้เงื้อมมือนักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือดไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้ต้วนหลิงเทียนคิดจะหาสำนักงานใหญ่ขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด แต่ก็มีปัญหาอยู่บ้าง เพราะองค์กรมือสังหารเช่นนี้ดั่งกระต่าย 3 โพรง! พวกมันมีทางหนีทีไล่เตรียมไว้เสมอ กระทั่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่เองก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

“ดูเหมือนว่าข้าได้แต่กลับไปถามจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้เท่านั้น…”

เซี่ยงชิ่งอวี่ จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้เอง ก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากมันกลับจากตระกูลเหอมาถึงสถานที่บ่มเพาะของตัวเองแล้ว ร่างคนทั้ง 4 ที่มันเคยเห็นก่อนหน้า กลับมาโผล่ตรงหน้ามันอีกครั้ง

“ข้าต้องการตำแหน่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด”

ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวถามเข้าเรื่องทันที

ด้านจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้แม้จะถูกปฏิบัติราวกับไม่นับเป็นตัวอะไร แต่พอมันมองต้วนหลิงเทียน แล้วเหลือบไปยังจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 ถึงมันจะรู้สึกไม่เต็มใจอยู่บ้าง แต่ก็บอกสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดออกไปแต่โดยดี

มันก็อยากจะบอกว่าไม่รู้ออกไปเหมือนกัน

ทว่าในฐานะผู้ที่ปกครองแดนสวรรค์ใต้แล้ว หากกระทั่งสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดก็ยังไม่รู้ เช่นนั้นก็เหลวไหลเต็มที!

‘ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ไปมีความแค้นอะไรกับองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดด้วยงั้นเหรอ?’

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆจากไปแล้ว เซี่ยงชิ่งอวี่ จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ก็อดกล่าวในใจด้วยความสงสัยไม่ได้

ณ สำนักงานใหญ่ขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด

ปงงงง!!

ครืนนนนน!!!

ด้วยการลงมืออย่างอำมหิตของต้วนหลิงเทียน อาคารปลูกสร้างทั้งผู้คนในรัศมีตรวจจับของเขา ได้ถูกพลังห้วงมิติกระหน่ำทำลายอย่างน่ากลัว ทั้งหมดกลับกลายเป็นซากปรักหักพังในชั่วพริบตา โลหิตยังเจิ่งนองดั่งทะเลสาบส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว เรียกว่าคนขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่พลังฝึกปรือสูงไม่ถึงขั้น ก็ได้แต่ตกตายไปอย่างไม่รู้เรื่อง

แน่นอนว่าบางคนรู้ตัว แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลบหนีไปไหนได้ทัน

“ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ มิทราบท่านเป็นผู้ใดแล้วพวกเราไปล่วงเกินใต้เท้าท่านตรงที่ใด ไฉนใต้เท้าต้องมาเข่นฆ่าทำลายถึงสำนักงานใหญ่องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดของพวกเราด้วย?”

ไม่นานชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีแดงที่เลือดโชกเพราะบาดแผลเหวอะหวะ พร้อมด้วยคนกลุ่มหนึ่งที่ทั่วร่างหาสภาพสมบูรณ์ไม่เจอ บางคนก็ถูกพลังมิติทำลายจนผิวหนังหายไปเหลือแต่กระดูก แลดูสยดสยองนัก!

เรียกว่านอกจากชายวัยกลางคนคลุมแดงที่เลือดท่วมตัวแล้ว คนอื่นกำลังจะตายแหล่มิตายแหล่…!

อย่างไรก็ตามพวกมันทุกคนที่มองต้วนหลิงเทียนอยู่ไม่มีผู้ใดโกรธหรือคับแค้นใจ คงเหลือแต่เพียงหวาดกลัวเท่านั้น

พลังของชายหนุ่มเบื้องหน้ามันทรงพลังเกินไป ชีวิตของพวกมันขึ้นอยู่กับห้วงคิดอีกฝ่ายเท่านั้น…

“ข้าคือต้วนหลิงเทียน”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองคนสภาพร่อแร่เจียนตายเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยเมย พลางกล่าวชื่อออกไปอย่างเดียว

“ต้วนหลิงเทียน?”

ตอนแรกคนขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดก็เอาแต่เงียบไปเพราะไม่เข้าใจ จนสุดท้ายชายวัยกลางคนคลุมแดงที่เลือดโชก พลันนึกอะไรได้ออก สองตาเบิกโพลงร่างเริ่มสั่นระริกไป กล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะมันนึกได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน องค์กรกะโหลกเลือดของพวกมันได้รับภารกิจสังหารคนชื่อ ต้วนหลิงเทียน มา…

“ใต้เท้าท่าน…ท่านคือต้วนหลิงเทียน!?”

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมแดงโชกเลือดมองถามต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนยันด้วยอาการเชื่อไม่ลง

ถึงแม้หลังจากที่มันเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนไป มันก็ยังได้ยินข่าวคราวและวีรกรรมของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง แต่มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าพลังของต้วนหลิงเทียนจะก้าวมาถึงจุดที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ในเวลาอันสั้น

อย่างน้อยๆมันลองถามตัวเองดู ก็ตอบได้ในพริบตาว่าหากให้รับสักท่าของต้วนหลิงเทียน สิบในสิบยังทำไม่ได้…

“ใต้เท้า ภารกิจสังหารของท่านในอดีตพวกเราได้ยกเลิกไปนานแล้ว…และภารกิจสังหารนั้นมิใช่องค์กรกะโหลกเลือดของพวกเราคิดฆ่าท่านตามอำเภอใจ เพียงแค่มีคนจ้างวานองค์กรกะโหลกเลือดของพวกเราให้ฆ่าท่านเท่านั้น”

ชายวัยกลางคนคลุมแดงโชกเลือดได้แต่กล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสลด มุมปากยกยิ้มแหยๆด้วยความอับจนหนทาง

“เจ้าคิดว่าการซ่อนตัวอยู่หลังผู้อื่นเช่นนั้นจะทำให้ข้าหาไม่เจองั้นหรือ?”

ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจชายวัยกลางคนในชุดคลุมแดงแม้แต่น้อย สายตาเขาราวกับจะมองทะลุผ่านกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนชุดแดงไปยังร่างหนึ่ง

ร่างดังกล่าวไม่ใช้ใครที่ไหน เป็นมือสังหารขององค์กรกะโหลกเลือดนามว่า เหลิ่งเอี้ย!

วูบ!

ร่างต้วนหลิงเทียนอันตรธานหายไปในพริบตา พอปรากฏขึ้นอีกครั้งก็อยู่ข้างๆเหลิ่งเอี้ยแล้ว จากนั้นเขาก็คว้าร่างมันก่อนจะวูบร่างข้ามมิติกลับไปอยู่จุดเดิม การลงมือทั้งหมดรวดเร็วฉับไว ง่ายดายประหนึ่งอินทรีย์จับลูกเจี๊ยบ

“ครั้งสุดท้ายที่พวกเราเจอกัน…เหมือนจะเป็นเขตคฤหาสน์หยวนซาน ในแดนผิงเทียนของอวี้หวงเทียนกระมัง?”

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มอ่อนๆ พลางถามเหลิ่งเอี้ย

วันนั้นที่อวี้หวงเทียน หากไม่ใช่เพราะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมียันต์อมตะหลบหนี เกรงว่าเขาคงต้องตกตายด้วยน้ำมือของมือสังหารองค์กรกะโหลกเลือดคนนี้ไปแล้ว

เหลิ่งเอี้ยตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจับใจ สีหน้ามันซีดลงปานไร้เลือด

มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าชายหนุ่มที่มันสามารถเข่นฆ่าได้ง่ายดายไม่ต่างอะไรจากตัดหญ้าฆ่าไก่ในอดีต จะเติบโตก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ได้!

ตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ตอนที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง มันก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป และชั่วชีวิตมันไม่มีวันทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้อีกแล้ว จึงได้แต่ฝังความไม่พอใจที่มีต่อต้วนหลิงเทียนเอาไว้ให้ลึกสุดใจ…

วันนี้พอได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มันจึงตระหนักได้ว่า…

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ สิบในสิบได้ถือครองพลังมหาศาล สุดที่ผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดของพวกมันจะต้านทานไว้เรียบร้อย…!

หาไม่แล้วผู้นำของมันไหนเลยจะนิ่งเฉยไม่ลงมืออยู่จนถึงบัดนี้?

“ต้วนหลิงเทียน…ข้าก็แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น”

เหลิ่งเอี้ยกล่าวด้วยสีหน้าระทมน้ำเสียงขื่นขม “ข้ากับเจ้าพวกเราไม่เคยมีความแค้นส่วนตัวต่อกัน หากไม่ใช่เพราะข้าต้องทำภารกิจหากิน ไหนเลยจะต้องไปฆ่าเจ้าด้วย…”

“เหอะ!”

ต้วนหลิงเทียนพ่นล่มสบถเยียบเย็นนคำหนึ่ง พลังมิติอันน่าพรั่นพรึงก็ปะทุออกมาจากความว่างเปล่า ป่นร่างเหลิ่งเอี้ยจนแหลกสลายหายไปทันที…