WSSTH ตอนที่ 3,278 : ทำไมต้องกังวล?

ฮ่วนเอ๋อได้กลายเป็นอีกเกล็ดย้อนสำหรับต้วนหลิงเทียนมานานแล้ว

พอได้ยินวาจาดังกล่าวของหานอวิ๋นจิ่น ทำให้ต้วนหลิงเทียนมีน้ำโหทันที กระทั่งใจยังตัดสินโทษตายให้มันเรียบร้อย

“ข้าเกรงว่าศิษย์น้อง 4 ของเจ้าจะตายคามือข้ามากกว่า”

ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มเย้ยหยัน

“โฮ่?”

ยิ้มบนใบหน้าหานอวิ๋นจิ่นยังไม่ห่างหาย “ดูเหมือนว่าการฆ่าหลิวเจี้ยนได้จะทำให้เจ้าลำพองใจงั้นสินะ…ทว่าพลังฝีมือศิษย์น้อง 4 ข้าหาใช่อะไรที่หลิวเจี้ยนจะเทียบได้ไม่!”

“ขอแค่มันกล้าท้าประลองเป็นตายกับข้า มันได้ตายแน่!”

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเย็นชาเรืองขึ้นววาบหนึ่ง น้ำเสียงยังยะเยือกปานจะแช่แข็งผู้คน

“อาวุโสฉิน!”

และแทบจะทันทีทีต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ก็มีเสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วแผ่นฟ้าบริเวณนี้

พร้อมกันนั้นเอง ปรากฏร่างผอมหนึ่งวูบไหวไปหยุดยืนบนสังเวียนอัจฉริยะ มองจ้องไปยังอาวุโสตำหนักลองกระบี่ ที่จะเป็นประธานคอยกำกับดูแลการประลองวันนี้

“วันนี้ข้าฝานฉีขอท้าต้วนหลิงเทียนขึ้นประลองเป็นตาย…หากไม่ตายไม่เลิกรา!”

ชายหนุ่มร่างผ่ายผอมบนเวที มองกล่าวกับผู้อาวุโสตำหักลองกระบี่เสียงดังฟังชัด

และฟังจากสิ่งที่มันพูด เห็นได้ชัดว่ามันก็คือคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนในวันนี้ ฝานฉี ศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุ 200-300 ปีของวังเทียนฉือ!

“เจ้านั่นคือฝานฉีหรือ?”

“มันคิดประลองกับต้วนหลิงเทียนให้ตายกันไปข้าง?”

“เหอะๆ จริงอยู่ที่การประลองเป็นตายมี 2 แบบ อย่างแรกนั้นยังสามารถยอมรับความพ่ายแพ้เพื่อรักษาชีวิตได้ สำหรับอีกอย่างนั้นก็คือสู้กันจนกว่าจะตายกันไปข้าง และมีเพียงผู้ที่มีชีวิตอยู่เป็นคนสุดท้ายเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ชนะ…ฝานฉีมันไปมีความแค้นอะไรกับต้ววนหลิงเทียนมากันแน่ ถึงได้เลือกจะท้าสู้ไม่ตายไม่เลิกราแบบนี้?”

ทันทีที่เสียงของฝานฉีดังกังวานออกมา ก็ทำให้ศิษย์อัจฉริยะมากหน้าตกใจไม่น้อย หลายคนเริ่มคิดว่าระหว่างฝานฉีกับต้วนหลิงเทียนอาจจะเคยมีความแค้นฝังลึกกันมาก่อน หาไม่แล้วไฉนเอ่ยคำไม่ตายไม่เลิกราออกมาได้ง่ายๆ?

ในวังเทียนฉือนั้น หากผู้ท้าประลองมีอันดับต่ำกว่าท้าด้วยเงื่อนไขพิเศษเหมือนต้วนหลิงเทียน ผู้ถูกท้าไม่อาจปฏิเสธได้

อย่างไรก็ตามผู้ถูกท้าอย่างฝานฉีนั้นสามารถร้องขอรูปแบบการประลองได้ จะประลองธรรมดา ประลองเป็นตาย หรือแม้แต่ประลองเป็นตายแบบไม่ตายไม่เลิกราก็สามารถทำได้

ในกรณีนี้หากต้วนหลิงเทียนไม่กล้า ก็สามารถเลือกยอมแพ้ได้อยู่

อย่างไรก็ตามหากต้วนหลิงเทียนตอบตกลง เขากับฝานฉีก็ต้องสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย และหนึ่งในสองถูกกำหนดให้ต้องตายตก ไม่มีผู้ใดสามารถยื่นมือเข้ามาแทรกแซงได้จนกว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต

ด้วยเหตุนี้ ข้อเรียกร้องของฝานฉีจึงทำให้หลายๆคนหวาดกลัว

“ฝานฉี เจ้าคิดจะร้องขอการประลองเป็นตายแบบไม่ตายไม่เลิกราจริงๆ?”

แม้แต่อาวุโสตำหนักลองกระบี่เอง ก็ตกใจกับคำพูดของฝานฉี จึงเอ่ยถามออกมาโดยไม่รู้ตัว

เรื่องแบบนี้มันต้องระวังให้มาก หากเผลอปล่อยไก่ทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา มันที่เป็นแค่อาวุโสตำหนักลองกระบี่คนหนึ่งคงรับผิดชอบไม่ไหว

“ใช่”

ฝานฉีกล่าวตอบเสียงดังฟังชัด “ขอให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายในที่นี้เป็นพยาน!”

ได้ยินคำตอบของฝานฉี โดยรอบก็เริ่มฮือฮาอีกครั้ง

ตอนแรกที่ฝานฉีพูดออกมา อาจมองว่ามันพูดลอยๆหรือพูดเล่นได้

แต่ตอนนี้ ด้วยมีอาวุโสตำหนักลองกระบี่ถามซ้ำ ก็ไม่ต่างอะไรกับยืนยันเจตนาว่าเป็นจริง

“ต้วนหลิงเทียน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ดีแต่ปาก…”

ตอนนี้เองหานอวิ๋นจิ่นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยยสายตาเฉยเมย ก่อนจะเหินร่างจากไปกับเซียวฉงอี้ แน่นอนว่าก่อนไปสีหน้าแววตามันยังเต็มไปด้วยความดูแคนหยามหยัน

ต้วนหลิงเทียนจะมองไม่เห็นเจตนาของมันได้หรือ?

แต่แล้วยังไง?

หรือเขาต้วนหลิงเทียนต้องกลัวฝานฉีด้วย?

“ศิษย์น้องเล็กอย่าได้บ้าจี้ตามมัน!”

ศิษย์พี่ 6 หงเฟยหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจังเสียงขรึม

มันย่อมรู้ดีว่าหานอวิ๋นจิ่นเป็นใคร นั่นคือ 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะระดับแนวหน้าของวังเทียนฉือ ในเมื่ออีกฝ่ายมั่นใจในตัวฝานฉีขนาดนี้ ก็เผยให้รู้ว่ามันเชื่อว่าฝานฉีต้องมีวิธีเอาชนะได้แน่!

“ศิษย์น้องเล็ก วันหน้าฟ้าใหม่ยังมีโอกาสให้เจ้าอีกมาก”

ศิษย์พี่หญิง 4 เวิ่นหว่านเอ๋อ ก็หันมาจ้องมองต้วนหลิงเทียน สีหน้าที่เคยอ่อนโยนราวหยกของนางเริ่มฉายให้เห็นความจริงจังขรึมเคร่ง

ในบรรดาผู้คนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครรู้จักหานอวิ๋นจิ่นดีกว่านางอีกแล้ว

ท้าที่สุดแล้วในอดีตนางก็เคยมอบใจให้อีกฝ่ายไปทั้งหมด กระทั่งอีกก้าวเดียวก็จะมอบกายให้มันแล้ว

ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้ดีว่าหานอวิ๋นจิ่นเป็นคนช่างคิด และไม่มีทางริเริ่มทำอะไรที่ไม่มั่นใจแน่

“ศิษย์น้องเล็ก ขุนเขาเขียวยังอยู่ ไยต้องกลัวไร้ฟืนไฟ?”

กระทั่งศิษย์พี่หญิง 3 หูเหมยที่ดุร้ายปานพยัคฆ์ต่อหน้าหานอวิ๋นนจิ่นเมื่อครู่ ตอนนี้ยังมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงฟังดูเคร่งเครียดนัก

ถึงแม้นางจะเกลียดขี้หน้าหานอวิ๋นจิ่น แต่นางก็รู้ดีว่าหานอวิ๋นจิ่นหาได้ง่ายดายไม่

ยิ่งไปกว่านั้น ลองฝานฉีท้าต้วนหลิงเทียนประลองเป็นตายแบบไม่ตายไม่เลิกราออกมา ก็เห็นกันอยู่โต้งๆว่าเจตนาฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย

ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องราวศิษย์น้องหญิง 4 ขึ้นในปีนั้น เรียกว่าเหล่าศิษย์จักรพรรดิมอตะทุ่งขจี กัเหล่าศิษย์จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างสมบูรณ์

สำหรับเหตุผลที่ไฉนอีกฝ่ายคิดฆ่าศิษย์น้องเล็กในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่อยากเห็นฝ่ายศัตรูมีศิษย์อัจฉริยะที่โดดเด่นเพิ่มมาอีกคน

เพราะพรสวรรค์ที่ศิษย์น้องเล็กเผยออกมา หากเติบโตไปวันหน้า ความสำเร็จอย่างน้อยๆก็ต้องไม่ต่ำกว่าศิษย์พี่รองขอพวกมัน กระทั่งอาจจะเหนือกว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ด้วยซ้ำ

หานอวิ๋นจิ่นย่อมไม่คิดทนมองตัวตนเช่นนี้มีโอกาสเติบใหญ่ไปอยย่างราบรื่น เพราะวันหน้าอาจจะกลายเป็นปัญหาหนักใจของมันได้

“ต้วนหลิงเทียนแล้วเจ้าว่าอย่างไร?”

ตอนนี้เองอาวุโสตำหนักลองกระบี่ ก็หันมามองผ่านระยะทางห่างไกลจนมาหยุดลงยังร่างต้วนหลิงเทียน เอ่ยถามออกมาด้วยสายตาสงสัย

“แน่นอนว่าเจ้าสามารถเลือกที่จะปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามหากเจ้าปฏิเสธก็จะถือว่าเจ้ายอมแพ้ หมายความว่าการท้าทายชิงตำแหน่งของเจ้าครั้งนี้ล้มเหลว”

“แต่หากเจ้าตอบตกลง เช่นนั้นเจ้าก็ต้องสู้กับมันจนกว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่งตกตาย!”

กล่าวถึงจุดนี้ อาวุโสตำหนักลองกระบี่ด้วยเห็แก่หน้าของฮ่วนเอ๋อ มันก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปเตือนต้วนหลิงเทียนทันที “ต้วนหลิงเทียน ในเมื่อฝานฉีมันกล้าท้าเจ้าแบบนี้ หมายความว่ามันมั่นใจมาก”

“สิบในสิบไม่พ้นมันต้องซ่อนไพ่ตายอะไรไว้”

“ข้าแนะนำให้เจ้าปฏิเสธไปเสียประเสริฐกว่า”

อาวุโสตำหนักลองกระบี่กล่าวแนะนำ

“ขอบคุณอาวุโส”

ขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปขอบคุณอาวุโสตำหนักลองกระบี่ ร่างเขาก็อันตรธานหายไปจากจุดเดิม ปรากฏตัวอีกครั้งก็บนสังเวียนอัจฉริยะ ที่ใช้สำหรับประลองเป็นตายรูปแบบไม่ตายไม่เลิกราที่ฝานฉียืนอยู่

ต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาเผชิญหน้ากับฝานฉีแบบนี้ แม้จะไม่ได้พูดอะไรเป็นการเห็นด้วยกับการประลองออกมาให้อาวุโสตำหนักลองกระบี่ได้ยิน แต่การกระทำของเขาก็เสมือนตอบคำถามก่อนหน้าของอาวุโสตำหนักลองกระบี่

เขา ต้วนหลิงเทียน ยอมรับการต่อสู้!

“ข้าคิดว่าเจ้าจะกลัวจนไม่กล้าสู้เสียอีก”

ฝานฉีผู้มีร่างผอมและใบหน้าเย็นชา พอเห็นต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาปรากฏตัวเบื้องหน้าแบบนี้ มันก็ฉีกยิ้มกว้างเผยรอยยิ้มที่แลดูน่าเกลียดกว่าร้องไห้ออกมา

“ข้าไม่ใช่หานอวิ๋นจิ่นสักหน่อย ไฉนต้องหลบลี้การต่อสู้ด้วย?”

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มไม่แยแส

มาตอนนี้เขาก็ได้ยินเรื่องราวจากหงเฟยไม่น้อย รวมถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเล่าว่าศิษย์พี่รองได้ไปบีบคั้รหานอวิ๋นจิ่นให้ยอมรับการสู้เป็นตายเมื่อหลายปีก่อนด้วย

แน่นอนว่าไม่ใช่ไปท้าแค่ครั้งเดียว

แต่ทุกครั้ง หานอวิ๋นจิ่นที่แม้จะโดนกระทืบก็ได้แต่ยืนกรานปฏิเสธ…

“อันที่จริงข้ายังแปลกใจอยู่บ้าง ที่เจ้ากล้าท้าประลองเป็นตายกับข้าแบบนี้…ข้ายังหลงคิดว่าพวกเจ้าล้วนแล้วแต่เป็นตัวขลาดเขลาเยี่ยงหานอวิ๋นจิ่นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าเสียอีก”

กล่าวถึงจุดนี้มุมปากต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มกว้างองอกมา มาล้นไปด้วยการเสียดสีหมิ่นหยาม

“สารเลวน้อย…เจ้ามันวอนตาย!”

หานอวิ๋นจิ่นที่ลอยร่างอยู่ไม่ไกลนัก เดิมทีก็มองต้วนหลิงเทียนบนสังเวียนไม่ตายไม่เลิกราดวยรอยยิ้มอำมหิต พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน มันก็หุบยิ้มทันที สีหน้ายังมืดดำลงทันใด

อีกทั้งพอสัมผัสได้ถึงสายตาเย้ยหยันที่มองมาจากทั่วสารทิศ หานอวิ๋นจิ่นก็อับอายจนแทบอยยากจะขุดหลุมอากาศมุดหน้าซ่อนแล้ว

หานอวิ๋นจิ่นมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสาตาเปี่ยมเจตนาฆ่าฟันต่อสักพัก ก็หันไปส่งเสียงผ่านพลังถึงฝานฉี “ศิษย์น้อง 4 พอลงมือก็รีบฆ่ามันให้ตายเสีย!”

“ข้าไม่อยากเห็นมันมีลมหายใจอยู่ต่อแม้วินาทีเดียว!”

เสียงของหานอวิ๋นจิ่นยังเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันล้นปรี่

“ศิษย์พี่ใหญ่ ขอท่านวางใจมันต้องตายแน่!”

เสียงผ่านพลังกกล่าวตอบของฝานฉีนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจมาก ราวกับมันมองเห็นชัยชนะแล้ว

ด้านต้วนหลิงเทียนเพียงมองฝานฉีด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส สีหน้าสงบแลดูไม่สะทกสะท้านอะไร

ฝานฉีเบื้องหน้า แม้อีกฝ่ายจะเป็นต้นไม้อมตะที่มีพรสวรรค์รวมถึงความเข้าใจไม่ใช่ชั่ว แล้วยังไง?

สุดท้ายร่างจำแลงมนุษย์ของอีกฝ่ายก็ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปี

หากเขามากลัวกับอีแค่ตัวตนระดับนี้ วันหน้าเขาจะไปทำอะไรได้? จะยังกล้าบุกไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ ซึ่งเป็นระนาบเทพที่เค่อเอ๋อรวมถึงทุกคนที่เขาห่วงใยถูกจับอยู่ได้หรือ?

“ต้วนหลิงเทียนข้าให้เวลาเจ้าสั่งเสียคนรัก 10 ลมหายใจ…หลงจากาผ่านไป 10 ลมหายใจข้าจักลงมือแล้ว”

ฝานฉีเอ่ยยออกเสียงเบา “ทันทีที่ข้าลงมือ ไม่เกิน 20 ลมหายใจ เจ้าได้ตายแน่!”

ขณะนี้เองเหล่าผู้ชมโดยยรอบเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเลือกจะขึ้นไปเผชิญหน้ากับฝานฉีบนสังเวียนอัจฉริยะที่มีไว้สำหรับประลองเป็นตายรูปแบบไม่ตายไม่เลิกรา ก็อลหม่านกันไม่น้อย “บ้าไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…มันกล้าสู้จริงๆเหรอ?”

“ดูเหมือนเจ้านั่นเองก็จะมีความมั่นใจไม่น้อย”

“มั่นใจ? แล้วอย่างไร? ฝานฉีไม่ใช่ว่ามั่นใจด้วยหรือ…หากมันไม่มั่นใจในตัวเองมากเหมือนกันไฉนถึงกล้าท้าประลองไม่ตายไม่เลิกราแต่แรก?”

“ศิษย์อัจฉริยะเลือกประลองไม่ตายไม่เลิกรากันแบบนี้…ไม่ได้เกิดขึ้นในวังเทียนฉีเรานานมากแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ ไม่เกิดขึ้นนานแล้ว…ครั้งสุดท้ายที่มีคนเอ่ยท้าประลองในรูปแบบนี้ก็เมื่อหลายปีก่อน และเป็นหลู่จี้ศิษย์จักรพรรดิมอตะทุ่งขจีท้าทาย หานอวิ๋นจิ่น ศิษย์จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับสู้กันแบบไม่ตายไม่เลิกรา…แต่หานอวิ๋นจิ่นปฏิเสธไม่ยอมรับ”

ในขณะที่เหลาศิษย์สังเทียนฉือที่มาชมดูเรื่องราวกำลังสนทนากันเสียงดังเซ็งแซ่ดวยความตื่นตาตื่นใจ ด้านศิษย์ของฉือหล่างทั้ง 3 ก็ได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม

“ศิษย์น้องเล็ก ไฉนถึงไม่ฟังกันบ้างเลยเล่า…”

หงเฟยกังวลไม่น้อย

ตอนนี้เองเวิ่นหว่านเอ๋อก็หันไปมองฮ่วนเอ๋อโดยไม่รู้ตัว และนางก็พบว่าสีหน้าฮ่วนเอ๋อยังคงสบ ไร้ซึ่ความยินดียินร้ายใดๆ ราวกับนางไม่ได้สนใจเลย ที่ต้วนหลิงเทียนรับคำท้าสู้ไม่ตายไม่เลิกราแบบนี้

“ศิษย์น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ…เจ้าไม่กังวลบ้างหรือ?”

เวิ่นหว่านเอ๋ออดถามออกไปไม่ได้

จังหวะนี้กระทั่งหูเหมยยยังหันมามองฮ่ววนเอ๋อด้วยสายตาแปลกใจ…ปกติแล้วชายคนรักของอีกฝ่ายอย่างศิษย์น้องเล็กของนางรับคำท้าสู้อันตรายแบบนี้ ไม่ใช่ว่าสมควรต้องเผยความห่วงใยเป็นกังวลจนร้อนใจหรือไร?

แต่ไฉนถึงแลดูปกติแบบนี้อยู่ได้ล่ะ?

“ทำไมต้องกังวลด้วย?”

และคำที่ฮ่วนเอ๋อกล่าวตอบเวิ่นหว่านเอ๋อ ก็ทำให้เวิ่นหว่านเอ๋อ หงเฟย และหูเหมยได้แต่ชักสีหน้าเหวอๆออกมาเป็นแถบ