WSSTH ตอนที่ 3,287 : เมิ่งห่าวซวน
แดนลับอันเป็นสถานที่ทดสอบของวิหารเฟิงฮ่าวนั้น กระทั่งวารีเทพชำระโลกาก็ไม่คุ้นเคย รู้แค่ว่าที่นี่คือสถานที่ทดสอบอันถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของผู้แข็งแกร่งที่สุด และมีด่านย่อยสำหรับทดสอบมากมาย
ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นด่านทดสอบใดๆ ล้วนเรียกว่าสถานที่แห่งวาสนาทั้งสิ้น ถึงแม้จะไม่มีรางวัลเป็นรูปธรรม หากทว่าเมื่อผ่านบททดสอบมาได้ ก็จะทำให้เข้าใจในวิถียุทธ์มากขึ้น ระดับพลังฝึกปรือก้าวหน้า ไม่เว้นตระหนักรู้กฏต่างๆ
หลังออกจากหุบเขางดงามแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เลือกมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง สำนึกเทวะกำจายออกไปรอบตัวเต็มกำลังเรียกว่าเสมือนปูพรมค้นหา หวังว่าจะพบเจอด่านทดสอบที่วารีเทพชำระโลกาเอ่ยถึง
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
หนึ่งวันผ่านไป
สองวันผ่านไป
…
จนในที่สุดเมื่อย่างเข้าวันที่ 7 ต้วนหลิงเทียนก็เห็นเงาผู้คน และหลังจากที่เขาสังเกตเห็นอีกฝ่ายๆก็เหินโร่เข้ามาหาเขาทันที
เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว ตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงเร็วไว
เพราะเขายังจดจำได้ว่า ในสถานที่ทดสอบจอมราชันอมตะแห่งนี้ มีเพียงปลิดปลงชีวิตจอมราชันอมตะ 9 คนเท่านั้น จึงจะผ่านการทดสอบรับสมญานาม กลายเป็นจอมราชันอมตะสมญานาม!
ด้วยเหตุนี้เห็นอีกฝ่ายเหินโร่เข้าหา ต้วนหลิงเทียนก็เตรียมพร้อมรับมือทันที
และไม่นานนัก ร่างดังกล่าวก็เหินมาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน
ผู้ที่พึ่งเหินมามีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม สวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินขลิบทอง หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างผอมเพรียว ท่วงท่าลักษณะแลดูไม่ธรรมดาอยู่บ้าง
“สหายท่านนี้ ขอท่านอย่าพึ่งเข้าใจข้าผิดไป ข้ามามิได้มาเพราะคิดร้ายต่อท่าน”
หลังจากชายหนุ่มมาถึง มันก็จงใจเว้นระยะห่างกับต้วนหลิงเทียนมากพอสมควร ไม่ได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ “ข้ามาที่นี่เพื่อคิดจะชวนท่านไปยังด่านทดสอบย่อยแห่งหนึ่งที่ข้าบังเอิญพบเจอในสถานที่ทดสอบเท่านั้น”
“ด่านทดสอบย่อยที่ว่า จำต้องใช้รวบรวมคนให้ครบ 5 คนถึงจะเปิดให้เข้าไป”
ชายหนุ่มกล่าว
“ด่านทดสอบ?”
ได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ร่างต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปเบาๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขากำลังตามหาในสถานที่ทดสอบแห่งนี้หรือไร?
ถึงแม้จะไม่มีด่านทดสอบย่อยที่ว่า เขาก็ไม่รังเกียจที่จะบุกไปฆ่าคนถึงประตู!
สำหรับเขานั้น การได้สญยานามไม่ได้มีความหมายอะไรเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในสถานที่ทดสอบก็คือด่านทดสอบย่อยต่างหาก! เพราะเขาจำเป็นต้องใช้แรงกดดันแฝงเจตจำนงของผู้แข็งแกร่งที่สุด ในการหลอมกลั่นสารัตถะของต้นไม้เทพสนหลิว เพื่อควบสร้างร่างอวตารกฏ!!
ถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นทันตาเห็น
3 ปีหลังจากนี้ เขาสามารถใช้ร่างอวตารแห่งกฏที่ว่าในการเข่นฆ่ากับหานอวิ๋นจิ่นให้ตายกันไปข้างบนสังเวียนอัจฉริยะ!
“ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย”
แม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกสนใจอย่างมาก แต่ผิวเผินยังคงสงบ ไม่ได้เผยอาการหรือเจตนาอยากติดตามไปเต็มที่ออกมาให้เห็น กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “ผู้ใดจะไปรู้ ข้าตามเจ้าไปจะใช่โดน ‘เชิญท่านลงโอ่ง’ สุดท้ายก็โดนเจ้าหรืออาจมีสหายของเจ้าลอบสังหารหรือไม่…”
“สหายท่านนี้ท่านมีความระมัดระวังตัวนับเป็นเรื่องประเสริฐ…อย่างไรก็ตามพวกเรายังต้องตามหาคนอีก 3 คนอยู่ดี เช่นนั้นสหายลองติดตามข้าไปด้วยกันแต่เว้นระยะห่างกันประมาณหนึ่ง เพื่อพิจารณาดูก่อน…ดีหรือไม่?”
สำหรับความระวังตัวของต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไร เพียงกล่าวออกมาด้วยท่าทางแข็งขัน แลดูจริงใจเป็นอย่างมาก
“ลองดูก็ได้”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ จากนั้นก็เริ่มเดินทางไปพร้อมชายหนุ่ม แน่นอนว่าระหว่างเดินทางทั้งคู่ก็เว้นระยยะห่างกันมากพอสมควร และต้วนหลิงเทียนก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของชายหนุ่มตลอดเวลา
ถึงแม้เขาจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง
อย่างไรก็ตามในสถานที่ทดสอบจอมราชันอมตะสมญานามแห่งนี้ เขาไม่รู้ว่ามีอาคมสอดแนมอะไรอยู่รึเปล่า หากเป็นไปได้ เขาก็ไม่คิดเปิดเผยพลังของเทพเบญจธาตุออกมา
เพราะหากมียอดฝีมือของวิหารเฟิงฮ่าวสอดแนมชมดูเรื่องราวในสถานที่ทดสอบจริง เมื่อเทพเบญจธาตุถูกเปิดเผย ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะล่อลวงให้ยอดฝีมือของวิหารเฟิงฮ่าวเคลื่อนไหว
สุดท้ายแล้วความเย้ายวนใจของเทพเบญจธาตุต่อตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะมันก็มากมายมหาศาลเหลือเกิน
สำหรับชายหนุ่มผู้นี้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพลังฝีมืออีกฝ่ายที่แท้สูงต่ำแค่ไหน แต่ดูจากท่วงท่าสภาวะการเดินเหิน ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินได้ว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายไม่ใช่ชั่ว!
“สหาย ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรเหรอ?”
หลังเดินทางตามหาคนอยู่ 2 วัน ชายหนุ่มก็หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “พวกเรากล่าวไปก็รู้จักกันมา 2 วันแล้ว แต่ข้ายังไม่รู้ชื่อสหายเลย”
“ส่วนข้าเรียกว่าเมิ่งห่าวซวน เป็นศิษย์อัจฉริยะของ ‘ขุนเขากระบี่ฟ้า’ ขุมกำลังระดับสวรรค์ในจี้เมี่ยเทียน”
ชายหนุ่มแนะนำตัวเองออกมาก่อน
จี้เมี่ยเทียน?
ขุมกำลังระดับสวรรค์ ขุนเขากระบี่ฟ้า?
หากชายหนุ่มแนะนำว่าตัวเองมาจากขุมกำลังระดับสวรรค์ของระนาบเทวโลกอื่นๆ ต้วนหลิงเทียนก็คงจะไม่ได้สนใจอะไรมันเท่าไหร่…
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับบอกว่ามาจากขุมกำลังระดับสวรรค์อย่าง ขุนเขากระบี่ฟ้า แห่งจี้เมี่ยเทียน!?
หากเขาจำไม่ผิด…บิดาแท้ๆของฮ่วนเอ๋อก็ไม่ใช่ศิษย์ของขุนเขากระบี่ฟ้าหรือไร? ยังถูกขุนเขากระบี่ฟ้าตัดสัมพันธ์และส่งไปให้วังเทียนฉือด้วยตัวเอง!
กล่าวไปต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้โทษขุนเขากระบี่ฟ้าแม้แต่น้อย กระทั่งยังเข้าใจด้วย ว่าทั้งหมดเป็นเพราะพวกมันหวาดกลัวจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนที่อยู่เบื้องหลังวังเทียนฉือ!
“วังเทียนฉือ ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปเสียงเบา
“วังเทียนฉือ!?”
ได้ยินคำแนะนำตัวของต้วนหลิงเทียน ลูกตาเมิ่งห่าวซวนก็หดหยีลงโดยพลัน เร่งถามย้ำออกมาว่า “วังเทียนฉือ ขุมกำลังระดับสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน?”
“ก่อนหน้านี้ขุนเขากระบี่ฟ้าของท่านส่งคนผู้หนึ่งมายังวังเทียนฉือของข้า…แล้วท่านว่าวังเทียนฉือที่ข้าพูดใช่วังเทียนฉือที่ท่านคิดรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนมองจองตาเมิ่งห่าวซวนเขม็ง จี้ถามออกไปตรงๆ
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน เมิ่งห่าวซวนก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา “ดูท่าสหายต้วนจะเป็นคนของวังเทียนฉือแห่งอู๋หยาเทียนจริงๆ”
“มิผิด…ขุนเขากระบี่ฟ้าของพวกเราส่งคนไปยังวังเทียนฉือของท่านจริงๆ…ที่สำคัญผู้ที่ถูกส่งตัวไปยังเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสายข้าอีกด้วย”
เมิ่งห่าวซวนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ใบหน้าเริ่มฉาบไว้ด้วยชั้นน้ำแข็งเย็นๆหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยความเคียดแค้นว่า “ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกเฒ่าชราทั้งหลายคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่…ก็แค่ล้มเลิกการหมั้นหมายกับวังเทียนฉือไม่ใช่รึไง? ไม่ทราบไฉนต้องขับศิษย์พี่ใหญ่ออกไปแถมยังจับตัวส่งไปให้วังเทียนฉือท่านลงโทษด้วย!”
“ไฉนท่านถึงยืนอยู่ข้างศิษย์พี่ใหญ่ของท่านเล่า ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของท่านเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้นหมายก่อนมิใช่หรือไร?”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องเมิ่งห่าวซวน กกล่าวถามออกไปด้วยความสนใจ
“ก็นะ เรื่องมันเป็นแบบนั้นจริงๆ วังเทียนฉือไม่ได้ทำอะไรผิด…หากจะโทษ ก็ได้แต่โทษขุนเขากระบี่ฟ้าของข้าที่กลัวจักรรรดิสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังวังเทียนฉือของท่านจนหงอ!”
เมิ่งฮ่าวซวนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ถึงแม้วังเทียนฉือจะมีสายสัมพันธ์กับจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนแล้วเป็นอย่างไร…หรือจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนจะบุกมาขุนเขากระบี่ฟ้าด้วยตัวเองเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ด้วย?”
“อีกทั้งต่อให้บุกมาถึงหน้าประตูขุนเขากระบี่ฟ้าจริงๆ คิดหรือว่าจักกรพรรดิสวรรค์แห่งงจี้เมี่ยเทียนของพวกเราจะนิ่ดูดาย?”
กล่าวถึงงจุดนี้ เมิ่งห่าวซวนก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด กล่าวด้วยน้ำเสียงเทิดทูนว่า “จักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนเรา ก็มิใช่ว่าจะด้อยไปกว่าจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียน!”
“จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนที่สหายเมิ่งกล่าวถึง ใช้จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนคนเก่า? ที่หลังกลับจากนรกอสุราก็ฆ่าจักรพรรดิสวรรค์ที่มาดำรงตำแหน่งตอนไม่อยู่ ทวงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์กลับคืนมาได้สำเร็จใช่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนอาจไม่รู้จักจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกอื่นมากนัก แต่จักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนนั้นเขารู้จักดี เพราะนั่นคืออดีตบรรพชนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ในระนาบเซียน
ในระนาบเซียนนั้น เขาบังเอิญพบผาน้ำตกแห่งหนึ่งที่สลักอักษร ‘กระบี่’ เอาไว้ และนั่นทำให้เขาได้รับถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบ่สูงสุด ยอดใจกระบี่ มาครอง และอาศัยมันทำให้เส้นทางสู่สวรรค์ของเขาราบรื่น จนเมื่อขึ้นมายังระนาบเทวโลกแล้ว เขาก็ค่อยๆละเลยยอดใจกระบี่ไป เพราะพลังอำนาจมันอ่อนด้อยเกินไปแล้ว
ทั้งหมดเพราะเขาไม่ได้รับสืบทอดมรดกใดอื่นจากบรรพชนผู้นั้นอีกแล้ว
“ไม่ผิด”
เมิ่งห่าวซวนพยักหน้า ขณะกล่าวถึงจักรพรรดิสวรรค์ที่พึ่งฆ่าจักรพรรดิสวรรค์รักษาการณ์ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเลื่อมไสศรัทธา “จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนของพวกเรา ยังคงเป็นใต้เท้าฟงชิงหยางไม่แปรเปลี่ยน!”
ฟงชิงหยาง!
ได้ยินนามนี้ แววตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายคิดถึงออกมา
“ไม่ทราบว่าสมญานามของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนท่านคืออะไรหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยยสงสัย
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ใช้สมญานามที่แท้จริงว่าอะไรกันแน่ เพราะข้าเองก็ไม่เคยได้ยินใครเรียกหาท่านด้วยสมญานามมาก่อน จึงไม่ทราบว่าที่แท้ท่านมีหรือไม่มีสมญานามกันแน่”
เมิ่งห่าวซวนส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวอย่างไม่แน่ใจว่า “แต่ข้าเคยได้ยินคนบอกมาว่า ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ชอบเรียกหาตัวเองว่า หมอกพิรุณรำลึก”
“หมอกพิรุณรำลึก?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงเร็วไว ยังอดสะท้านใจไปไม่ได้ เพราะดูเหมือนเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง ถึงแม้จะกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยลืม 7 ทวาราเที่ยงแท้ในระนาบเซียนแม้แต่น้อย!
หาไม่แล้วไฉนถึงเรียกตัวเองว่า หมอกพิรุณรำลึก?
เห็นได้ชัดว่า หมอกพิรุณ ในคำ หมอกพิรุณรำลึก ก็คือชื่อของผู้เที่ยงแท้ลำดับที่ 1 แห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้
‘ดูเหมือนวันหน้าถ้ามีโอกาส…ต้องไปเยือนจี้เมี่ยเทียนสักครา ไปพบเจอผู้อาวุโสฟงชิงหยางสักครั้งและขอบคุณท่าน’
ต้วนหลิงเทียนเป็นคนกตัญญูรู้คุณเสมอมา จึงหวังว่าวันหนึ่งจะได้ไปเยือนจี้เมี่ยเทียนและได้พบกับฟงชิงหยางสักครั้ง จะได้ขอบคุณอีกฝ่ายเรื่องยอดใจกระบี่
ขณะเดียวกันก็ต้องขอโทษอีกฝ่ายครั้งใหญ่ด้วย
‘บางทีผู้อาวุโสฟงชิงหยางก็คงไม่เคยคิดฝัน ว่าวันหนึ่งผู้ที่ได้รับมรดกที่ท่านเหลือทิ้งไว้ในระนาบโลกียะอันต้อยต่ำ จะชักนำเภทภัยใหญ่หลวงมาถึงตัวท่านได้…โชคดีนักที่อาวุโสรอดกลับออกมาจากนรกอสุราได้สำเร็จ ไม่งั้นใจข้าคงไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ได้ไปชั่วชีวิต’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดในใจเสมอ เมื่อคิดว่าเป็นเพราะเขาคนเดียว ถึงทำให้อาวุโสฟงชิงหยางต้องเสี่ยงเข้าสู่นรกอสุราที่เต็มไปด้วยภยันตราย 9 ตาย 1 รอด…
“สหายท่าน ดูเหมือนจะสนใจใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนเราเป็นพิเศษ? หรือสหายท่านก็เป็นมือกระบี่ด้วย?”
เมิ่งห่าวซวนถามด้วยรอยยิ้มสดใส
ระนาบจี้เมี่ยเทียนนั้น เรียกว่าแดนสวรรค์ของผู้ฝึกกระบี่ก็ว่าได้ เพราะกว่า 9 ส่วนของเซียนอมตะในจี้เมี่ยเทียน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เดินในมรรคากระบี่ทั้งสิ้น และจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ก็ถูกขนานนามว่าเซียนกระบี่ไร้เทียมทานอีกด้วย!
ในสายตาของคนจี้เมี่ยเทียนแล้ว ไม่มีเซียนกระบี่คนใดในเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลก สามารถทัดเทียมกับฟงชิงหยางได้!
เรียกว่าพวกมันบูชากันถึงขั้นหน้ามืดตามัว!
ตอนแรกเมื่อได้รับข่าวว่าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกมันถูกบีบให้ต้องเข้าสู่นรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามแสนอันตรายของระนาบเทวโลก ถึงจะมีหลายคนคิดว่าคนต้องตายไปแล้วแน่ๆ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าจักรพรรดิสวรรค์ต้องรอดกลับมาได้แน่นอน!
และจักรพรดริสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนคนนี้ก็ไม่ทรยศความเชื่อของผู้ศรัทธา ยามหวนกลับมา ก็สามารถเข่นฆ่าจักรพรรดิสวรรค์ที่ฉวยโอกาส ทวงตำแหน่งจักรพรดิสวรรค์คืนกลับได้ง่ายดาย!
“เมื่อก่อนก็พอจะพูดว่าใช่ได้อยู่หรอก…แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนยส่ายหัวไปมา
ตอนแรกนั้น เพราะอาศัยยอดใจกระบี่ เขาจึงฝ่าฝันเรื่องราวในระนาบโลกียะได้อย่างราบรื่น กระทั่งช่วงขึ้นมายังระนาบเทวโลกใหม่ๆ ยอดใจกระบี่ก็ช่วยเขาไว้ได้ไม่น้อย แต่ยิ่งนานวันยอดใจกระบี่ที่ได้รับสืบทอดจากอาวุโสฟงชิงหยางก็ยิ่งถูกทิ้งไว้ด้านหลัง…
“สหายท่านนี้ จักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนของพวกเราน่ะ เป็นดั่งตำนานที่ยังมีลมหายใจเลยล่ะ…”
จากนั้นเมิ่งห่าวซวนก็เริ่มกล่าวถึงจักรพรรดิสวรรค์ของตัวเองออกมาด้วยความภาคภูมิใจ น้ำเสียงบ่งบอกว่าเทิดทูนไว้เหนือสิ่งใดอื่น จากนั้นต้วนหลิงเทียนจึงได้รับทราบวีรกรรมน่าชื่นชมที่ฟงชิงหยางสร้างไว้ในจี้เมี่ยเทียนมากมาย
ต้วนหลิงเทียนเองก็สนใจเรื่องราวเหล่านี้ไม่น้อย จึงฟังเมิ่งห่าวซวนเล่าอย่างอดทน