WSSTH ตอนที่ 3,290 : เจ้าก็ลองดู

“ดูเหมือนท่านจะเดาได้แล้ว”

เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหานอวิ๋นจิ่น เหลยจวิ้นก็รู้ว่าอีกฝ่ายสมควรเดาได้ออก “มิผิด ข้าคิดจะจ้างวานมือสังหารคู่นั้นให้ลงมือ”

“อย่างไรก็ตามท่านสมควรรู้ว่าราคาจ้างวานให้ทั้งคู่ลงมือมันสูงขนาดไหน…เช่นนั้นข้าจึงมาหาท่านเพื่อให้ช่วยข้าจ่ายค่าจ้างคนละครึ่ง”

เหลยจวิ้นเผยเจตนาออกมา

ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อจ้างวานจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนให้ลงมือสังหารผู้คนมันมากจริงๆ ไม่งั้นมันคงจ่ายค่าจ้างวานฆ่าต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเองคนเดียวไปแล้ว

“หึ!”

หานอวิ๋นจิ่นพ่นลมสบถเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้าคิดจ้างคนฆ่าต้วนหลิงเทียน ก็เป็นเรื่องของเจ้า…ไฉนข้าต้องไปหารแบ่งค่าใช้จ่ายจ้างมือสังหารกับเจ้าคนละครึ่งด้วย?”

“ในเมื่อท่านไม่สนใจ เช่นนั้นข้าก็ขอตัวลา”

เหลยจวิ้นหันหลังกลับ จากนั้นก็เอ่ยออกมาเสียงเบา “สุดท้าย คนที่จะขึ้นสังเวียนอัจฉริยะเพื่อประลองเป็นตายกับต้วนหลิงเทียนในอีก 3 ปีหลังจากนี้ก็ไม่ใช่ข้า”

“ช้าก่อน!”

แต่ในขณะที่ร่างเหลยจวิ้นพึ่งจะลอยห่างพื้นได้ไม่ทันไร สีหน้าหานอวิ๋นจิ่นก็เปลี่ยนไปทันที เร่งพูดหยุดเหลยจวิ้นเอาไว้

ก็ใช่ การประลองเป็นตายในอีก 3 ปีให้หลัง มันไม่กล้าพูดออกมาเต็มปากว่ามันมั่นใจเต็มสิบส่วนที่จะชนะ…

นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนแปลกประหลาดเกินไป!

ไม่ว่าจะการประลองกับหลิวเจี้ยนก็ดี การประลองกับฝานฉีศิษย์น้อง 4 ของมันก็ดี ตอนแรกมีผู้ใดคิดบ้างว่าต้วนหลิงเทียนจะชนะ?

แต่ผลลัพธ์สุดท้ายก็ออกมาเป็นต้วนหลิงเทียนชนะ! ยังเอาชนะได้อย่างหมดจด!!

แล้วยังมีผู้ใดสามารถรับประกันได้อีกบ้าง ว่าในการประลองเป็นตายระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนที่จะอุบัติขึ้นในอีก 3 ปีหลังจากนี้ ต้วนหลิงเทียนจะไม่สืบสานตำนานอภินิหารต่อไป?

หากมันเลือกได้ มันก็ไม่คิดเอาตัวเองไปเสี่ยงให้เป็นหินรองเท้าของต้วนหลิงเทียน!

“อะไร? ท่านเปลี่ยนใจแล้ว?”

เหลยจวิ้นที่ร่างลอยจากพื้นได้ไม่ทันไร ค่อยๆหันหลังกลับมา มองถามหานอวิ๋นจิ่นด้วยสายตาลึกซึ้ง “ท่านสมควรไตร่ตรองให้ดี…สุดท้ายราคาจ้างวานทั้งคู่ก็มิใช่น้อยๆ แม้จะแค่ครึ่งเดียวแต่ก็ไม่ใช่เล็กน้อยสำหรับท่าน”

“เหอะๆ ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยากให้ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นตกตายให้พ้นทางจริงๆ ถึงขั้นต้องจ้างวางทั้ง 2 คนนั่นมาลงมือ?”

หานอวิ๋นจิ่นไม่ตอบ เพียงย้อนถามออกไปเสียงขรึม “เพื่อสตรีนางหนึ่ง มันคุ้มกันแล้วหรือ?”

เหลยจวิ้นที่ได้ยินคำถามดังกล่าว ก็เอ่ยออกเสียงเรียบว่า “ขอแค่มันตายให้พ้นๆ ต่อให้ต้องจ่ายมากเพียงใด ก็คุ้มค่า”

พรสวรรค์และความเข้าใจของต้วนหลิงเทียน ได้สร้างแรงกดดันอันใหญ่หลวง ทำให้มันรู้สึกถึงอันตราย…!

อายุไม่ถึง 300 ปี แต่กลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ ถึงแม้ด่านพลังฝึกปรือจะไม่สูง แต่พลังต่อสู้นั้นน่ากลัวไม่ใช่ชั่วทีเดียว

และไม่ต้องพูดถึงเรื่องรอให้ต้วนหลิงเทียนเติบโตมากไปกว่านี้เลย เอาแค่ต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน หากมันไม่หลอกตัวเอง มันก็ไม่กล้าพูดว่าจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้แน่ๆ!

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กล้าที่จะท้าประลองเป็นตายกับหานอวิ๋นจิ่นโดยมีกำหนดเวลาแค่ 3 ปีหลังจากนี้เท่านั้น…

ต่อให้เป็นมัน อย่าว่าแต่ 3 ปี ให้มีเวลาอีก 10 ปีมันก็ไม่กล้าท้าประลองเป็นตายกับหานอวิ๋นจิ่น!

ด้วยเหตุนี้มันจึงรู้ดีแก่ใจ ถ้ามันไม่รีบฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ได้โดยเร็วที่สุด มันจะไม่มีโอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ชั่วชีวิต

และถึงตอนนั้นมันก็ทำได้แค่ยืนมองศิษย์น้องหญิง 3 ตกไปเป็นสตรีของต้วนหลิงเทียนโดยที่มันไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลย…

นั่นไม่ใช่สิ่งที่มันอยากจะเห็น!

“ถึงแม้พวกเราจะร่วมมือกันจ่ายค้าจ้างวานฆ่าไหว…สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการหาวิธีติดต่อกับทั้งคู่ให้ได้ก่อน และยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นปัญหาสำคัญ เกิดเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่ออกนอกวังเทียนฉือ…แล้วทั้งคู่จะมีโอกาสฆ่ามันได้อย่างไร?”

หานอวิ๋นจวิ่นกล่าวถึงปัญหาและเรื่องสำคัญออกมารวดเดียวจบ น้ำเสียงยังเป็นกังวลไม่น้อย และฟังจากวาจานี้ของมัน ก็เห็นได้ชัดว่ามันตกลงร่วมทุนจ้างวานมือสังหารทั้ง 2 ให้ฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้ว

วังเทียนฉือจะอย่างไรก็เป็นขุมกำลังระดับสวรรค์ ไม่ใช่สถานที่ๆใครคิดจะเข้ามา ก็เข้ามาได้ง่ายๆ

ต่อให้จะเป็นมือสังหารอย่าง 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามนั่น แต่ถ้าคิดจะบุกมาเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนคาวังเทียนฉือ ก็น่ากลัวจะตกตายกลายเป็นผีระหว่างทาง โดยที่ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของต้วนหลิงเทียน…

ดังนั้น ถ้าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ออกไปไหน กระทั่ง 2 มือสังหารจักรพรรดิอมตะสมญานาม ก็ไม่มีทางทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้

“ข้าย่อมตำนึงถึงเรื่องพวกนี้มาแล้วธรรมดา”

เหลยจวิ้นคลี่ยิ้มบางๆ “หากเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น มันยังอยู่วังเทียนฉือ ข้าคงไม่มาหาท่านเพื่อหารือเรื่องนี้”

“แต่เท่าที่ข้ารู้มา ตอนนี้เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น มันได้ออกเดินทางไปวิหารเฟิงฮ่าวกับสือหล่าง ท่าทางมันคิดจะไปรับสมญานาม”

กล่าวถึงจุดนี้ สองตาเหลยยจวิ้นก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “ขอแค่ 2 มือสังหารจักรพรรดิอมตะสมญานามนั่น ซุ่มรอพวกมันขณะเดินทางกลับ…หนึ่งในนั้นถ่วงรั้งฉือหล่าง อีก 1 ลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นยังต้องกังวลอะไรอีก?”

“เจ้านั่น…มันไปวิหารเฟิงฮ่าว?”

หานอวิ๋นจิ่นตกตะลึงไปแล้วจริงๆ ด้วยไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มอายุไม่ถึง 300 ปีที่มีกำหนดประลองเป็นตายกับมันในอีก 3 ปีหลังจากนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ตั้งหน้าตั้งตาปิดด่านบ่มเพาะเพื่อเพิ่มพูนพลัง…แต่ยังออกเดินทางไปวิหารเฟิงฮ่าว?

“เหลยจวิ้น แล้วเจ้ามีวิธีติดต่ออาวุโสทั้ง 2 แล้วหรือไม่?”

พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ในวังเทียนฉือ ทั้งยังไปเที่ยวเล่นที่วิหารเฟิงฮ่าว ราวกับเรื่องประลองกับมันเป็นแค่เรื่องไร้สำคัญ หานอวิ๋นจิ่นก็เร่งกล่าวถามออกมาอย่างไร้ความลังเลใดๆ!

“ตั้งแต่ที่ข้ามาหารือกับท่านเรื่องนี้ ข้าย่อมมีลู่ทางแน่นอนอยู่แล้ว”

เหลยจวิ้นคลี่ยิ้มเฉยเมย “บอกท่านตามตรงอย่างไม่ปิดบัง ที่ข้ามาหาท่าน เพราะคิดให้ท่านช่วยหารค่าจ้างกับข้าคนละครึ่งเท่านั้น และทันทีที่ท่านเห็นด้วย ข้าจะติดต่อไปหาอาวุโสทั้ง 2 ให้ดักฆ่าต้วนหลิงเทียนระหว่างเดินทางกลับทันที!”

“ประเสริฐ!”

หานอวิ๋นจิ่นเห็นด้วยเร็วไว แม้ราคาที่ต้องจ่ายจะทำให้มันปวดกระดูก แต่พอนึกถึงการประลองเป็นตายที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า มันก็กัดฟันจ่ายทันที!

ถึงแม้ระนาบเทวโลกแต่ละแห่งจะมีสาขาของวิหารเฟิงฮ่าวตั้งอยู่ แต่ทว่ายามผู้คนเข้าไปทดสอบรับสมญานามนั้น จะจอมราชันอมตะก็ดีจักรพรรดิอมตะก็ดี ล้วนไร้แบ่งแยก!

สถานที่ทดสอบของวิหารเฟิงฮ่าว เป็นแดนลับที่เชื่อมต่อทุกระนาบเทวโลกเอาไว้ด้วยกัน กล่าวได้ว่าทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลกล้วนมีทางเข้าออกแดนลับทั้งหมด ไม่ว่าจะเข้าจากวิหารเฟิงฮ่าวสาขาใด ก็จะไปโผล่ในแดนลับเดียวกัน…สถานที่ทดสอบ!

“ถึงขีดจำกัดแล้ว…”

หลังผ่านไป 1 เดือน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจทนรับแรงกดดันในด่านทดสอบที่โถมกระหน่ำเข้าใส่ทุกอณูของร่างกายได้ไหว จึงทำได้แค่พักการหลอมสารัตถะของต้นไม้เทพสนหลิวไว้แต่เพียงเท่านี้

ตูมมมม!!

หลังจากหยุดหลอมสารัตถะต้นไม้เทพสนหลิวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้า รวมรั้งพลังขุมหนึ่ง ก่อนจะจู่โจมทำลายไปยังผนังห้องปิดตายด้านหนึ่งทันที!

พลังมิติอันเกรี้ยวกราดถ่ายทอดลงสู่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่ผุดจากความว่างเข้ามือ ก่อนจะปลดปล่อยลำแสงกระบี่ทำลายล้างสีรุ้งปนเทาหนึ่ง ทำลายผนังห้องปิดตายที่นั่งมาตลอดเดือนจนพังพินาศ…

หลังจากที่ผนังห้องพังทลายลง ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าสองตาต้วนหลิงเทียนก็มืดลงอีกครั้ง

พอเห็นแสงสว่างอีกครา เขาก็พบว่าตัวเองได้มาปรากฏตัวบนสถานที่ๆคล้ายแท่นบูชาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และบนแท่นบูชาก็มีผู้คน 4 คนยืนรอเขาอยู่ก่อน

“หึ! ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาได้เสียที!!”

จี้เสวียนจากเผ่ามังกรโลหิตกวาดตาเย็นชามองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนที่พึ่งปรากฏตัว เอ่ยออกเสียงเบา “ดูเหมือนเจ้าจะเป็นแค่ศิษย์กระจอกๆของวังเทียนฉือ มิใช่ศิษย์อัจฉริยะอันใด”

“ด้วยพลังอ่อนด้อยเพียงเท่านี้ของเจ้า กลับเสล่อเข้ามาทดสอบรับสมญานามในวิหารเฟิงฮ่าว…ช่างวอนหาที่ตายโดยแท้!”

“ตอนแรกหากมิใช่เพราะติดข้อตกลงที่ต้องร่วมมือกัน ข้าคงฆ่าเจ้าตายคามือไปแล้ว!”

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาเป็นคนสุดท้าย จี้เฉวียนจึงคิดว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนั้นอ่อนด้อยมาก หาไม่แล้วไฉนถึงได้ใช้เวลานานนักกว่าจะโผล่ออกมาได้?

ด้านต้วนหลิงเทียนที่พึ่งออกมา พอได้ยินวาจาดังกล่าวของจี้เฉวียน เขาก็หันไปเหลืบอมองมันด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวคำอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “เจ้าก็ลองดู”

ดูจากท่าทางหยิ่งผยองลำพองของจี้เฉวียน ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะไม่รู้ว่าในหัวมันคิดอะไรอยู่?

“ให้ข้าลอง? ข้ากลัวว่าเจ้าจักทนมือทนตีนข้าไม่ไหว ตกตายไปเปล่าๆ!”

จี้เฉวียนกล่าวเย้ยหยันด้วยรอยยิ้มแสยะ “ที่สำคัญอย่างไรตอนนี้ก็ได้เข้ามาในด่านทดสอบแล้ว จำนวนคนก็มิจำเป็นต้องเป็น 5 อีกต่อไป…กล่าวไป ข้าเองขอแค่ฆ่าอีก 2 คนก็จักถูกส่งตัวออกจากสถานที่ทดสอบทันที เช่นนั้นหลังจากฆ่าเจ้าทิ้งต่อให้เกิดปัญหาอะไรในด่านทดสอบย่อยแห่งนี้ ข้าก็แค่เลือกฆ่าพวกมันอีกสักคน ก็สามารถออกจากที่นี่ไปรับสมญานามได้ทันที!”

พอเสียงของจี้เฉวียนดังจบคำ พลังดีแดงฉานปานโลหิตก็ทะลักออกมาจากร่างของมันมหาศาล ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึง สะท้านสะเทือนไปทั่วแท่นบูชา!

ปงงงงง!!

เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เป็นแท่นบูชาใต้เท้ามิอาจทานทนรับการกระทืบเท้าโจนทะยานร่างด้วยพลังดุร้ายของจี้เฉวียน บังเกิดเป็นรอยร้าวลุกลามโยงใยออกไปดั่งใยแมงมุม!

วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!

ในขณะที่จี้เฉวียนทะยานร่างเข่นฆ่าสังหารไปทางต้วนหลิงเทียน รอบกายมันก็เริ่มปรากฏกระบี่พลังสีเลือดเล่มแล้วเล่มเล่า เปล่งกลิ่นอายโลหิตออกมาคาวคลุ้ง!

ขณะเดียวกันที่กระบี่พลังสีเลือดเปล่งกลิ่นอายโลหิตออกมาคาวคลุ้ง มันก็ระเบิดไอเย็นยะเยือกกำจายออกมาแช่แข็งอากาศโดยรอบ! พาลให้อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงหลายองศาในฉับพลัน!!

“ตายเสีย!!”

จี้เฉวียนที่โจนทะยานเข่นฆ่าเข้ามา ไม่ทราบในมือปรากฏกระบี่ขึ้นมาถือไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กระบี่ดังกล่าวเปล่งแสงพลังสีแดงฉานออกมาเจิดจ้า จากนั้นกระบี่พลังสีเลือดที่อัดแน่นไปด้วยไอเย็นยะเยือกดดยรอบก็พุ่งมาประทับรวมเข้ากับกระบี่สีเลือดในมือของมันทันที!!

ฟั่ฟฟฟ!!

เสียงตวัดกระบี่ฟันฟาดสะท้านแดนดินดังขึ้น จากนั้นคลื่นพลังสะบั้นสายหนึ่งที่เกิดจากพลังที่รวมรั้งในกระบบี่ทั้งหมดของจี้เฉวียน ได้พุ่งเข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วอัศจรรย์!!

ทุกคนที่อยู่บนแท่นบูชา บัดนี้โลกหล้าในสายตาของพวกมัน ราวกับคงเหลือแค่คลื่นกระบี่สายนี้…

เมิ่งห่าวซวนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง มันย่อมคิดหยุดยั้งการต่อสู้ อนิจจามันที่กำลังจะพูดห้ามปราม เรื่องราวก็เปลี่ยนแปลงไปในฉับพลันจนสายเกินการณ์เสียแล้ว!

สำหรับอีก 2 คนที่เหลือ เนื่องจากพลังฝีมือที่อ่อนด้อยกว่า วินาทีแรกที่เห็นคลื่นพลังกระบี่ของจี้เฉวียน สีหน้าพวกมันก็ซีดลง ยังเร่งโจนร่างล่าถอยออกไปไกลห่างอย่างไว!

วินาทีนี้พวกมันยังตระหนักถึงความห่างชั้นระหว่างตัวเองกับจี้เฉวียนได้ชัดเจน!

พลังฝีมือของจี้เฉวียนสูงส่งเกินไป! ต่อให้พวกมันจะร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจี้เฉวียน!!

“เจ้าคืนร่างที่แท้จริงเถอะ”

เผชิญหน้ากับการเข่นฆ่าเข้ามาเร็วไวของหนึ่งคลื่นกระบี่จี้เฉวียน ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวแนะนำออกไปเสียงเรียบ ขณะเดียวกันพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมหาศาลขุมหนึ่ง ก็แล่นพล่านไปตามชีพจรสวรรค์ 99 สายปานน้ำหลาก ก่อนจะปะทุออกมายังช่องพลังทั่วร่างในเสี้ยวพริบตา!

จากนั้นพลังธาตุมิติ จากความลึกซึ้งความหมายแห่งมิติก็ผสานหลอมรวมเข้ากับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดฉับไว ปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาในฉับพลัน!

ความลึกซึ้งส่งผ่านสำแดงอานุภาพในบัดดล ยักย้ายส่งผ่านพลังที่รวมรั้งในหนึ่งคลื่นกระบี่สะบั้นของจี้เฉวียนออกไปครึ่งหนึ่งอย่างพิสดาร!

ฟั่ฟฟฟ!!

จากนั้นมือขวาที่ยกขึ้นมาของต้วนหลิงเทียน ก็คว้าจับแสงรุ้งงส่องสว่างเจิดจ้าที่ควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่ 3 ฉือเอาไว้ไม่แน่นไม่หลวม ค่อยตวัดฟันออกไปตามอำเภอใจ

อย่างไรก็ตามหนึ่งกระบี่ที่ตวัดฟันออกไปตามอำเภอใจ กลับรวมรั้งพลังมิติสีเทาขุมหนึ่งในชั่วพริบตา ซัดคลื่นกระบี่สะบั้นสีเทาพุ่งออกไปดั่งเสี้ยวจันทร์สายหนึ่ง ระหว่างทางยังหลอมผสานเข้ากับคมมีดมิติ 9 สายที่พุ่งออกมาจากรอยแยกมิติตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ก่อเกิดเป็คลื่นกระบี่สะบั้นทรงพลานุภาพน่าพรั่นพรึง จี้เข้าใส่คลื่นกระบี่สีเลือดของจี้เฉวียนด้วยพลังอานุภาพสะท้านสะเทือนแดนดิน!!

ซัว! ซัว! ซู่ม! ซู่ม!!

สองคลื่นกระบี่แหวกอากาศด้วยความเร็วอัศจรรย์ก่อเกิดสองสำเนียงสะท้านหู พลังอานุภาพนับว่าน่าครั่นคร้ามด้วยกันทั้งคู่! แต่ทว่าเมื่อถึงคราวปะทะเข้าจริง คลื่นพลังกระบี่สะบั้นสีรุ้งเทากลับผ่าคลื่นพลังกระบี่สะบั้นสีเลือดออกเป็น 2 เสี่ยงได้อย่าง่ายดาย!!

ปงงงง!!

ครืนนนน!!

คลื่นพลังสะบั้นสีเลือดทั้ง 2 เสี่ยงพุ่งมาไม่ทันได้ถึงตัวต้วนหลิงเทียนก็ถูกพลังห้วงมิติรอบๆป่นทำลายจนสูญสลายไปไม่มีเหลือ

ฟั่ฟฟฟ!!

กลับกัน คลื่นพลังสะบั้นสีรุ้งเทา หลังผ่าคลื่นพลังสะบั้นของจี้เฉวียนเป็นสองเสี่ยงแล้ว ยังคงเข่นฆ่าไปทางจี้เฉวียนด้วยสภาวะพลังที่ไม่ได้อ่อนโทรมลงสักเท่าไหร่!!

“ทรงพลังยิ่งนัก!!”

เดิมทีเมิ่งห่าวซวนคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องทุกข์ทรมาณเพราะอารมณ์เอาแต่ใจของจี้เฉวียนแน่แล้ว

เนื่องจากต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นบนแท่นบูชาเป็นคนสุดท้าย ทำให้มันก็คิดไปไม่ต่างจากจี้เฉวียนว่าใช่พลังต้วนหลิงเทียนอ่อนด้อยหรือไม่? ทำให้กว่าจะฝ่าด่านทดสอบออกมาได้ถึงใช้เวลานานนัก และหากอิงตามนี้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนก็น่าจะอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาคนทั้ง 5…

แต่พอมาเห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียน จะตัวมันก็ดี หรือจี้เฉวียนก็ดี ล้วนตระหนักได้ทั้งคู่…ว่าก่อนหน้าพวกมันคิดผิดไปมหันต์!!

“ฮู่มมมม!!”

เผชิญหน้ากับคลื่นพลังสะบั้นหลากสีสันที่เข่นฆ่าเข้ามาด้วยสภาวะพลังน่าพรั่นพรึงของต้วนหลิงเทียน สองตาจี้เฉวียนฉายชัดถึงความหวาดกลัว! จากนั้นเสียงมังกรคำรามหนึ่งพลันดังสนั่นลั่นขึ้น สุรเสียงมังกรคำรามนี้ยังอัดแน่นไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด!!