WSSTH ตอนที่ 3,291 : ฆ่ามังกรโลหิต 9 กรงเล็บ

หลังเสียงมังกรด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ร่างจี้เฉวียนก็เปล่งแสงจ้า จากนั้นคก็เริ่มสลายเป็นเงาเลือนก่อนจะกลับกลายเป็นมังกรตัวเขื่องที่มีลำตัวยาวกว่าหมื่นหมี่เลื้อยขนดกลางหาว!

มังกรตัวนี้เกล็ดที่ปกคลุมร่างมหึมาของมันเป็นสีแดงฉานทั้งแผ่กลิ่นอายโลหิตคาวคลุ้ง อุ้งมือแต่ละข้างมีกรงเล็บอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 9 กรงเล็บ เปล่งแสบเยียบเย็นบาดตา ราวกับจะฉีกกระชากได้ทุกสิ่ง!

“มังกรโลหิต 9 กรงเล็บ!”

เมื่อเห็นจี้เฉวียนแปลงร่าง ไม่ว่าจะเมิ่งห่าวซวนหรืออีก 2 คนที่หลบออกไปชมดูเรื่องราวไกลๆ ลูกตาก็อดหดเล็กลงไม่ได้

ในระนาบเทวโลกนั้น มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บล้วนเป็นสัตว์อมตะชั้นยอด หากไร้ซึ่งอุบัติเหตุใดๆ สักวันย่อมสามารถทะลวงด่านพลังไปจนถึงจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศได้แน่นอน!

แต่เป็นธรรมดาว่า ลำพังมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ ยังยากนักที่จะทะลวงถึงขอบเขตเทพ

โดยทั่วไปแล้ว มีก็แต่มังกรเทพดา 10 กรงเล็บในตำนานเท่านั้น ที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้สำเร็จ

และในระดับหนึ่ง มังกรเทพดา 10 กรงเล็บจะไม่ถือว่าเป็นเพียงสัตว์อมตะอีกต่อไป แต่ได้ย่างถึงขอบเขตสัตว์เทพแล้ว!

และมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บก็อยู่ในระดับเดียวกับจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา

เป็นธรรมดาว่ายังมีความแตกต่างจากเผ่าจิ้งจอกมายาที่เป็นแค่ขุมกำลังระดับ 1 อยู่บ้าง เพราะจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานั้นกว่าจะปรากฏขึ้นก็ยากเย็นนัก เรียกว่าจะปรากฏขึ้นแต่ละครั้งก็กินเวลาเป็นล้านปี!

กลับกัน มังกรเทพยดา 10 กรงเล็บมักจะปรากฏตัวขึ้นในเผ่ามังกรทุกๆแสนปี!

“ไอ้หนู ข้าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้นๆ!!”

ลูกตามหึมาของมังกรโลหิต 9 กรงเล็บฉายแววอำมหิต มากล้นไปด้วยรังสีฆ่าฟันอันเยียบเย็น จากนั้นร่างมังกรใหญ่ยักษ์ก็ไหววูบคราหนึ่ง ก่อนจะพุ่งตัวแหวกฟ้าจนอากาศสะท้านความว่างเปล่าสะเทือน เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วหลิงเทียน!!

ลำตัวมังกรโลหิต 9 กรงเล็บยกขึ้นดั่งเขาตระหง่าน ก่อนจะโน้มตัวตะปบกรงเล็บลงมาด้วยสภาวะปานขุนเขาถล่ม กรงเล็บแหลมคมฉายแสงเยียบเย็นแหวกอากาศฉับไว ฟาดตบขย้ำเข้าใส่คลื่นพลังสะบั้นของต้วนหลิงเทียนอย่างอุกอาจ!

ทันใดนั้น คลื่นสะบั้นที่ต้วนหลิงเทียนตวัดกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนซัดออก ก็ถูกทำลายลงใน 1 กรงเล็บ! ทั้งกรงเล็บยังไม่สิ้นพลังสภาวะ เข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนต่อด้วยอำมหิต!

“มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ?”

เผชิญหน้ากับมังกรโลหิต 9 กรงเล็บอันดุร้าย สองตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลง ร่างอันตรธานหายไปจากจุดเดิมในฉับพลัน! เพราะเขาทราบดีว่าเมื่อมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้เมื่อไหร่ แต่ละกรงเล็บของพวกมันก็จะมีความแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรจากศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ!!

และเมื่อมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะล่ะก็ แต่ละเกล็ดบนร่างก็จะมีความแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรจากชุดเกราะอมตะระดับจักรพรรดิเลย!

และมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั้น เป็นที่รู้จักกันดีว่าพวกมันยืนอยู่ ณ จุดสูงงสุดของสัตว์อมตะระดับสูงทั้งปวง! ประหนึ่งได้รับพรจากฟ้าดิน และลือกันว่าความสามารถในการทำความเข้าใจกฏยังรวดเร็วอย่างมาก!!

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

เมื่อกรงเล็บจั่วลมดังวืด ทันใดนั้นเองร่างมังกรโลหิต 9 กรงเล็บสั่นไหวเบาๆ จากนั้นโลกหล้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวทันใด กระทั่งความว่างเปล่ายังเสมือนจับตัวแข็ง จากนั้นปรากฏม่านน้ำแข็งหนึ่งคลี่กางโถมทับไปยังพื้นที่ด้านหลังเป็นวงกว้าง!!

ร่างต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาผุดโผล่ด้านหลังไม่ทันไร ก็พบว่าม่านน้ำแข็งยะเยือกได้โถมทับปิดแผ่นฟ้าแถบนี้หมดแล้ว! อากาศรอบร่างเขาเริ่มมีน้ำแข็งเกาะตัวเร็วไว! มองไกลๆคล้ายคนเริ่มกลายเป็นปฏิมากรรมน้ำแข็งในฉับพลัน!!

ซู่มมม!! ครืนนน!!!

และในเวลาเดียวกับที่อากาศรอบตัวต้วนหลิงเทียนเริ่มเกาะตัวเป็นน้ำแข็งปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียนนั้น มังกรโลหิตตัวเขื่องก็ม้วนตัวกลางหาวฉับไว พุ่งทะยานตะปบกรงเล็บฟาดมาทางงปฏิมากรรมน้ำแข็งอย่างดุร้าย หมายทุบทำลายทั้งคนทั้งน้ำแข็งให้ป่นปี้แหลกลงไปพร้อมๆกัน!!

‘หยุด!’

ใจต้วนหลิงเทียนออกความคิดเร็วไว ทันใดนั้นพลังมิติรอบกายยเริ่มป่วนนปั่น อุบัติพายุแม่เหล็กอันเกรี้ยวกราดพัดปกคลุมไปทั่วกาย ทำลายน้ำแข็งที่เริ่มเกาะตัวทันที!

อย่างไรก็ตามแม้จะทำลายน้ำแข็งที่ก่อตัวแล้วเสร็จ ทว่าห้วงอากาศยังคงจับตัวแข็งอยู่เรื่อยๆ ราวกับจะผนึกร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ให้จงได้!

“ก็รู้อยู่หรอกว่ากฏน้ำแข็งมันน่ารำคาญไม่น้อย…แต่ก็เท่านั้น!”

หลังจากเห็นว่าทำลายไปก็เท่านั้น ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยแกมรำคาญ จากนั้นร่างคนก็อันตรธานหายไปจากเวิ้งฟ้ายะเยือกในฉับพลัน! ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ห่างออกไปจากเดิม 10,000 หมี่ เรียกว่าเคลื่อนย้ายข้ามมิติครั้งนี้ คนหายไปโผล่ไกลตากินระยะทางถึง 20 ลี้!!

“ความลึกซึ้ง เคลื่อนมิติ ขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่!!”

และการเคลื่อนย้ายข้ามมิติรอบนี้ของต้วนหลิงเทียน ก็เปิดเผยเรื่องราวให้เมิ่งห่าวซวนรวมถึงคนอื่นๆที่แลเห็นตระหนักได้ถึงความจริงประการหนึ่ง…ต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว!

หาไม่แล้วคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลุดพ้นอาณาเขตม่านน้ำแข็งยะเยือกของจี้เฉวียนได้ เพราะม่านน้ำแข็งยะเยือกของจี้เฉวียนนั่นก็สร้างจากพลังความลึกซึ้งขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่…

ความลึกซึ้งของกฏน้ำแข็งที่บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่นั่น ยามปกคลุมพื้นที่เอาไว้ หากคิดจะใช้เคลื่อนมิติที่เข้าใจแค่ขั้นตอนเบื้องต้นหรือเล็กน้อย ย่อมไม่มีวันทำได้สำเร็จ…

“เจ้ามีแรงแค่นี้รึ?”

ต้องบอกเลยว่าหลังจี้เฉวียนคืนร่างเดิมแล้ว พลังต่อสู้ของมันพุ่งสูงขึ้นไปไม่น้อยเลยทีเดียว เรียกว่าพอๆกันกับหลิวเจี้ยน ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือที่ตกตายด้วยน้ำมือเขาไปตอนนั้น

อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนพลังระดับนี้ยังไม่นับเป็นอะไร

เพราะท้ายที่สุดแล้วหลิวเจี้ยนก็ตกตายคามือเขา

“สารเลวน้อยสมควรตาย!!”

เมื่อโดนดูแคลน จี้เฉวียนย่อมเดือดดาลเป็นการใหญ่ จากนั้นร่างมหึมายาวนับหมื่นหมี่ของมันที่ประหนึ่งจะปิดฟ้าบังตะวันได้ ก็โถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุดัน!

“มันจบแล้ว”

สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแววเยียบเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง จากนั้นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนในมืออยู่ๆพลันเปล่งสีรุ้งสว่างเจิดจิ่งกว่าครั้งใด! คราวนี้ต้วนหลิงเทีนเลือกจะรวมรั้งพลังจากความลึกซึ้งทุกประการอัดแน่ไว้ในกระบี่แล้ว!!

ฟั่ฟฟฟฟ!!

กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่เปล่งแสงหลากสีสันได้พุ่งทะยานเข่นฆ่าออกไปฉับไว ปานลำแสง!

ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!

คมมีดมิติ 9 สายจากความลึกซึ้งผ่ามิติก็ปรากฏขึ้นตามติด ยังห้อมล้อมเวียนวนกระบี่บินปานดาวล้อมเดือน แลดูทรงอานุภาพไร้คู่เปรียบนัก!

“นี่มัน…”

กระบี่นี้เหนือกว่ากระบี่แรกที่ต้วนหลิงเทียนใช้มากมายนัก จี้เฉวียนที่ถูกกระบี่นี้เพ่งเล็ง ลูกตาถึงกับหดเล็กลงเร็งไว เพราะมันสูดได้กลิ่นอายแห่งความตายชัดเจนยิ่งกว่าครั้งใด!

กระทั่งอยู่ๆร่างมหึมาของมันก็สั่นเทิ้มไปด้วยความหวาดกลัว!

อย่างไรก็ตาม แม้มันจะตระหนักได้แล้วว่าความตายกำลังกล้ำกรายเข้ามา และกระบี่นี้ของต้วนหลิงเทียนก็ทรงพลังสุดต้านทาน! แต่มันก็ไม่คิดงอมืองอเท้ารอคอยความตาย พลังชั่วชีวิตถูกรีดเค้นออกมาทุกหยาดหยด!!

ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!

เสียงห้วงอากาศสะเทือนเลือนลั่นสนั่นขึ้น ทั่วร่างของจี้เฉวียนยามนี้ปะทุพลังกล้าแข็งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากนั้นอักขระสีเลือดมากมายก็ปรากฏขึ้นทั่วกาย ทั้งเปล่งแสงแดงฉานเรืองรองปานจะย้อมแดนดิน!

พริบตาต่อมาอักขระแต่ละตัวก็คล้ายสูบกลืนพลังชีวิตของมัน รีดเค้นเป็นพลังโลหิตอันน่าครั่นคร้ามขุมหนึ่ง พุ่งไปหลอมผสานเข้ากับพลังไอเย็นเยือกจากกฏน้ำแข็งที่รวมรั้งลงสู่กระบี่สีเลือดในมือ หมายทุ่มสุดตัวต้านทานกระบี่บินของต้วนหลิงเทียน!!

“นับว่าข้ายังดูเบาเจ้าไปจริงๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีวิชาประหลาดผลาญชีวิตอะไรพวกนี้ด้วย…หากเดาไม่ผิดวิชาที่เจ้าพึ่งใช้สมควรเป็นทักษะลับ ไม่ก็เป็นพลังสายเลือดของมังกรโลหิตกระมัง?”

เสียงไม่แยแสที่ฟังคล้ายแปลกใจอยู่ข้างของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น เขาไม่อาจไม่แปลกใจ เพราะพลังที่จี้เฉวียนเผยออกมาตอนนี้…มันเหนือกว่าหลิวเจี้ยนซะอีก!

แต่แล้วไง?

เขาไม่ใช่ว่าจะแข็งแกร่งกว่าหลิวเจี้ยนแค่เล็กน้อย

เปรี๊ยง!!!

ตูมม!! ครืนนน!!!!

เมื่อกระบี่ผสานพลังชั่วชีวิตของจี้เฉวียนปะทะเข้ากับพลังกระบี่ของต้วนหลิงเทียน การระเบิดครั้งใหญ่ก็อุบัติขึ้นเหนือฟ้า แท่นบูชาเบื้องล่างเริ่มปรากฏรอยร้าวมากมาย สั่นสะเทือนไปอย่างแรงปานบังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

นอกจากนั้นจากจุดปะทะ ก็ปรากฏคลื่นกระแทกมหาประลัยกำจายออกมาเป็นวงกว้าง พลังสภาวะปานจะบดขยี้ทำลายได้ทุกสิ่ง แผ่ขยายออกมาเป็นวงกว้าง พาลให้เมิ่งห่าวซวนกับอีก 2 คนที่เหลือรีบโคจรพลังใช้ทักษะป้องกันจนตาลีตาเหลือก!

“ไม่—!!”

และในขณะที่ทุกคนกำลังหน้าเสีย เพราะง่วนอยู่กับการหาทางป้องกันคลื่นกระแทกอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน ก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความสิ้นหวังดังขึ้นเข้าหูพวกมันอย่างกะทันหัน

ในความสิ้นหวัง ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ รวมถึงความเสียใจอันสุดแสน

เจ้าของเสียงย่อมเป็นจี้เฉวียน

ฉัวะ!!

และพริบตาต่อมา ทุกคนพลันได้เห็นกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งฝ่าหมอกควันปานลำแสง พุ่งทะลวงเข้าเศียรมังกรขนาดมหึมาของจี้เฉวียน บดขยี้ทำลายดวงจิตมังกรของมันจนแหลก!

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

เมื่อทะลวงศีรษะมังกรแล้ว คมมีดมิติที่เดิมโคจรล้อมกระบี่บืนเอาไว้ ก็แยกยย้ายกันไปสับสะบั้นหันร่างจี้เฉวียนเป็น 10 ท่อนเท่าๆกัน! ชิ้นเนื้อมังกรท่อนเขื่องชิ้นแล้วชิ้นเล่า ร่วงตกลงมากระทบซากปรักหักพังของแท่นบูชาดังตึงๆ ประหนึ่งแผ่นดินไหวอุบัติขึ้นไล่เลี่ยกัน 10 ระลอก…

จี้เฉวียน ศิษย์อัจฉริยะของเผ่ามังกรโลหิต แห่งว่านโช่วเทียน ขุมกำลังระดับสวรรค์ ตกตายลงแต่เพียงเท่านี้!

“ร้ายกาจยิ่ง!”

จนเมื่อจี้เฉวียนตกตาย ร่างทั้ง 10 ท่อนร่วงตกพื้นดังตึงตัง เมิ่งห่าวซวนถึงจะคืนสติ พอมองไปยังร่างในชุดสีม่วงที่ลอยล่องไกลตาย่างสงบท่ามกลางความวุ่นวายอีกครั้ง ในสายตามันก็ฉายชัดถึงความตื่นตระหนก!

ก่อนหน้ามันไม่เคยคิดเคยฝันเลย ว่าชายหนุ่มชุดม่วงที่แลดูไม่ดุร้ายอะไร จะมีพลังความแข็งแกร่งที่น่ากลัวได้ถึงขนาดนี้!

เอาแค่การลงมือเต็มกำลังของจี้เฉวียนเมื่อครู่ มันที่ลองไถ่ถามตัวเองดูว่าหากทุ่มสุดตัวจะต้านทานรับไว้ได้ไหม…

คำตอบก็คือไม่

อย่างไรก็ตาม ปะทะหักหาญกับพลังทั้งหมดของจี้เฉวียนตรงๆ ไม่เพียงแต่จะเอาชนะได้ แต่กระบี่แสงของชายหนุ่มชุดม่วง ยังหลงเหลือพลังอานุภาพมากพอจะฆ่า ทั้งหั่นร่างจี้เฉวียนออกเป็น 10 ท่อน! ต้องทราบด้วยว่านั่นคือมังกรโลหิต 9 กรงเล็บขอบเขตจอมราชันอมตะ! มิใช่ถั่วฝักยาวที่คิดจะหั่นก็หั่นได้ง่ายๆ!!

ฟั่บ!

แสงกระบี่หลากสีสันเหินย้อนกลับมาเข้ามือต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็เริ่มผสานเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียน

ตั้งแต่ต้นจนจบเมิ่งห่าวซวนและคนอื่นๆก็เข้าใจว่านั่นคือกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น

เนื่องเพราะเมื่อหวงเอ้อได้ผสานกับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน จนกลายเป็นวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยสมบูรณ์แล้ว นางก็สามารถปลอมแปลงกลิ่นอายให้เหมือนกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิได้

ไม่ต้องกล่าวถึงเมิ่งห่าวซวนกับอีก 2 คนที่อยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ กระทั่งให้จักรพรรดิอมตะสมญานามมาเอง ขอเพียงต้วนหลิงเทียนไม่ใช้พลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนมากเกินไป จนพลังอำนาจแตะถึงขอบเขตอุปกรณ์เทพ พวกมันก็จะไม่มีทางรู้ว่ากระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์เทพ!

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าแม้ด่านพลังฝึกปรือของท่านจะไม่สูง แต่ท่านกลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมดแล้ว!”

หลังต้วนหลิงเทียนริบสินสงครามของจี้เฉวียนไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อมตะ แหวนพื้นที่ รวมถึงร่างทั้ง 10 ท่อนของจี้เฉวียนแล้วเสร็จ เมิ่งห่าวซวนก็ลอยร่างเข้ามาหาต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ

“แค่โชคดีน่ะ นับว่าจัดการจี้เฉวียนได้เฉียดฉิวจริงๆ”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองศพของจี้เฉวียนในแหวนพื้นที่ด้วยความพึงพอใจ เมื่อได้ยินคำถามของเมิ่งห่าวซวนเขาก็ดึงสติกลับมา หันไปกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

ศพของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บในขอบเขตจอมราชันอมตะนั้น เรียกว่าจะสุ่มชี้ไปส่วนไหนก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าทั้งสิ้น! เพราะทุกส่วนล้วนนำไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะหลอมอุปกรณ์อมตะประเภทศาสตราหรือชุดเกราะ หลอมโอสถอมตะ ไม่เว้นทำหมึกอาคมก็ยอดเยี่ยมทั้งนั้น!

ในแง่มูลค่าแล้วต่อให้สิ่งของในแหวนพื้นที่จี้เฉวียนจะมหาศาล แต่ก็ไม่เท่าศพของมันด้วยซ้ำ

เพราะศพของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บตัวเขื่องแบบนี้ กรงเล็บทั้ง 9 แต่ละอุ้งมือมัน แค่ถอดมาสักเล็บก็เอาไปใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับสร้างศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิได้หลายเล่มแล้ว!!

“ต้วนหลิงเทียน แท่นบูชาแห่งนี้แปลกประหลาดยิ่ง จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่เจอวิธีจะออกไปจากบนแท่นนี่ได้เลย…พอจะออกไปก็ถูกส่งตัวกลับมากลางแท่นตลอด ท่านไม่ลองดูเล่าว่าจะหาทางออกไปได้ไหม?”

ได้ยินคำตอบอย่างขอไปทีของต้วนหลิงเทียน มุมปากของเมิ่งห่าวซวนก็กระตุกขึ้นมาตงิดๆ เร่งเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่องออกมาทันที

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็ลองแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบทั่วทั้งแท่นบูชาทันที แต่เขากลับไม่พบสิ่งผิดปกติใด

“พี่สาวสุ่ย”

เนื่องจากไม่พบเจอเบาะแสอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ลองถามวารีเทพชำระโลกาโลกใบเล็กเท่านั้น และสำหรับเขาตอนนี้วารีเทพชำระโลกาแทบไม่ต่างอะไรจากสารานุกรมเลย!

ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งอยู่มานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้มากเท่านั้น

“ที่เป็นด่านทดสอบด่านหนึ่ง…และทดสอบความสามารถในการทำลายค่ายกล”

วารีเทพชำระโลกาตรวจสอบแท่นบูชาอยยู่ครู่หนึ่ง ก็หันมากล่าวกับต้วนหลิงเทียน

“ด่านทดสอบทำลานค่ายกล? ที่นี่มีค่ายกลจัดตั้งไว้ด้วยหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนตกใจ เพราะเขาไม่อาจรับรู้ถึงความผิดปกติใดๆได้เลย

“มี”

วารีเทพชำระโลกากล่าว “เสี่ยวเทียนเจ้าจะไม่รู้สึกผิดปกติใดๆก็ไม่แปลก เพราะค่ายกลนี่มิใช่ค่ายกลโจมตี ป้องกัน หลอนประสาท แต่มันเป็นค่ายกลที่ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อผู้คน แค่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมเล็กๆน้อยถึงขั้นไร้สำคัญ”

“เพียงแค่จำนวนค่ายกลที่ว่ามันมากมายมหาศาลนัก ยังส่งเสริมกันอย่างแยบคาย ก่อให้เกิดเป็นพลังอำนาจที่ปิดกั้นไม่ให้ทุกคนออกไปจากที่นี่ได้”

“หากจะระบุรูปแบบค่ายกลนี้…ก็ถือเป็นค่ายกลกักขังประเภทหนึ่งก็ได้”

วารีเทพชำระโลกากล่าว

“แล้ววมีวิธีฝ่าออกไปไหม?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเข้าประเด็นสำคัญ

“เรื่องง่ายๆ”

หลังจากนั้นภายใต้การชี้แนะของวารีเทพชะระโลกา ต้วนหลิงเทียนก็เดินเตร็ดเตร่ไปมาทั่วแท่นบูชา เตะตรงนั้นที ตบตรงนู้นที แลดูคล้ายคนว่างจัดเล่นไร้สาระไปเรื่อย แต่ทว่าไม่ถึง 1 เค่อก็บังเกิดผลลัพธ์อัศจรรย์ให้เห็น!

“เรียบร้อย”

หลังทำลายค่ายกลคุมขังได้สมบูรณ์ ก็ปรากฏประตูหนึ่งบานผุดโผล่ขึ้นมากลางอากาศเหนือแท่นบูชา พอประตูดังกล่าวเปิดออก ทุกคนก็แลเห็นแต่ความมืดดำ ไม่ทราบว่าประตูดังกล่าวจะนำไปสู่ที่ใด…

จังหวะนี้ไม่ว่าจะเมิ่งห่าวซวนก็ดีหรืออีก 2 คนก็ดี ล้วนมั่นใจเกี่ยวกับต้วนหลิงเทียนเรื่องหนึ่ง…ร้ายกาจสุดหยั่งถึง!

ต้องทราบด้วยว่าพวกมันทั้ง 3 รวมถึงจี้เฉวียนได้ปรากฏตัวบนแท่นบูชาแห่งนี้เป็นอาทิตย์แล้ว พยายามศึกษาหาทางอยู่ก็นาน แต่พวกมันกลับไม่อาจหาทางออกจากแท่นบูชาแห่งนี้ได้เลย

ทว่าต้วนหลิงเทียนใช้เวลาไม่ถึง 1 เค่อ ก็ทำให้ประตูสู่ด่านต่อไปเปิดออกได้แล้ว…