ตอนที่ 3,320 : มุ่งหน้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจีเมี่ยเทียน
“หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”
หลังพาฮ่วนเอ๋อไปทิ้งไว้ที่ระนาบเซียนอันเป็นระนาบโลกียะบ้านเกิดของเขาในชีวิตนี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปยังอู๋หยาเทียนโดยใช้จานค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่เขาไม่ได้ ย้อนกลับไปยังวังเทียนฉือแต่อย่างไร เพียงไปใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในเมืองอุ่นยา เพื่อไปจี้เมียเทียนทันที
กล่าวให้ชัดคือไปยังแดนทําลายล้างของจี้เมี่ยเทียน และยังเป็นดินแดนศูนย์กลางของเมี่ยเทียน อันมีพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ตั้งอยู่
เขามาที่นี้ก็เพื่อจะเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนโดยเฉพาะ
“ผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงจะทิ้งมรดกไว้ในบ้านเกิดที่ระนาบเซียน จนกระทั่งข้าได้รับสืบทอดมา…แต่อย่างไรเสียตอนนี้ท่านก็เป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่ง”
“ไม่พ้นหลังได้รับตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แล้ว หากท่านคิดจะหาศิษย์ ก็ต้องมีเปิดรับสมัครอย่างเข้มงวด สุดยอดอัจฉริยะแห่แหนกันมาจากทุกทั่วสารทิศ ไม่เว้นท่านอาจจะมีไปสร้างมรดกสืบทอดไว้ในอีกหลายๆแห่ง…บางทีในสายตาของท่าน ข้าอาจจะเป็นแค่ผู้สืบทอดไร้สําคัญอะไร
“ประเด็นสําคัญก็คือ…เพราะมีข้าเป็นต้นเหตุจึงชักนเภทภัยมาสู่ตัวท่าน ทําให้โดนศัตรูที่ไม่รู้จักไล่ล่าสังหาร จนต้องหลบหนีเข้าไปในนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามอันตรายของระนาบเทวโลก ไม่ทราบจะใช่เกลียดแค้นข้าเพราะเรื่องนี้รึเปล่า”
หลังจากเดินทางมาถึงแดนกลางของจี้เมียเทียนแล้ว ในใจต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหนักอึ้งนัก
หากไม่ใช่เพราะบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อตกอยู่ในสถานการณ์ตึงมือเขาคงไม่คิดจะบากหน้า มาหาอาวุโสฟงชิงหยางแต่ครั้งนี้เขาได้แต่บากหน้ามายังจี้เมี่ยเทียนเพื่อเสี่ยงโชคดูว่าอาวุโสฟงชิงหยางยินดีออกหน้าช่วยเหลือหรือไม่
หากมีใจช่วยจริง เช่นนั้นแค่วาจาเพียงไม่กี่คําก็อาจคลี่คลายยสถานการณ์ของบิดามารดาฮ่วนเอ๋อได้
เพราะด้วยพลังความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอาวุโสฟงชิงหยาง อย่าว่าแต่จ้าววังเทียนฉือเลยต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนมาเอง ก็ต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน
‘เพื่อฮ่วนเอ๋อ..รวมถึงเพื่อตัวข้าเอง ก็มีแต่ต้องลองบากหน้าไปพบผู้อาวุโสฟงชิงหยางสักครั้ง’
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกแล้วเฮือกเล่า ขณะถามทางไปพระราชวังจักรพรรคสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน กล่าวไปหากเรื่องราวมันไม่ตึงมือเขาขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีจังหวะมาตามหาผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงจี้เมี่ยเทียน
พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน เป็นขุมกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเมียเทียน ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ล่วงรู้ที่ตั้ง แต่ก็มีผู้รู้ไม่น้อย
หากทว่าคนที่ล่วงรู้ หากไม่ใช่พลังฝึกปรือสูงพอตัวก็ต้องมีฐานะความเป็นมาไม่ธรรมดา เช่นนั้นคนทั่วไปในเมืองที่ต้วนหลิงเทียนไปถามจะไปรู้ได้อย่างไร
‘จริงสิ!’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังหันรีหันขวางในเมืองใหญ่ของแดนทําลายล้าง เพื่อหาเป้าหมายในการถามทางคนใหม่ เพราะคนล่าสุดก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาก็ฉุกคิดถึงใครบางคนขึ้นมาได้ ‘ไฉน ถึงลืมไปได้ว่ายังมีเจ้านั่นอยู่ด้วย?’
เรียกว่าในหัวตัวนหลิงเทียนปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมา
และคนๆนั้นยังเป็นศิษย์น้องของบิดาฮ่วนเอ๋อ ศิษย์ของขุนเขากระบี่ฟ้าเมิ่งห่าวชวน!
วันนั้นก่อนจะแยกกับเมิ่งห่าวชวน เขาก็ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับอีกฝ่ายเอาไว้
“ต้วนหลิงเทียน?”
ด้านเมิ่งห่าวซวนอยู่ๆได้รับการติดต่อมาของต้วนหลิงเทียนมันก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง จึงวางทุกสิ่งที่กําลังทําอยู่และให้ความสําคัญกับการส่งข้อความตอบต้วนหลิงเทียนทันที
สุดท้ายหลังผ่านไป 3 วัน เขาจึงได้พบเจอกับเมิ่งห่าวชวนอีกครั้ง จนได้ไปเยือนสถานที่พักบ่มเพาะของอีกฝ่ายในขุนเขากระบี่ฟ้า
“ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าท่านจะว่างมาเยือนจี้เมียเทียนเร็วขนาดนี้…ว่าแต่อยู่ๆท่านมาจี้เมียเทียนได้ ใช่มีธุระอันใดหรือไม่?”
พอได้พบเจอต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เมิ่งห่าวชวนก็ให้การต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้น เพราะมันเองก็ชื่นชมศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือคนนี้ไม่น้อย
นอกจากนั้นกล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว ที่มันยังมีลมหายใจถึงทุกวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะความเมตตาของชายหนุ่มเบื้องหน้า
“พอดีข้าอยากไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมียเทียนนะ”
ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผาเอ่ยไปตรงๆ “ไม่ทราบที่เพิ่งรู้ตําแหน่งที่ตั้งพระ ราชวังจักรพรรดิสวรรค์รีเปล่า?”
“รู้สิ”
เมิ่งห่าวชวนพยักหน้าตอบรับ ค่อยมองถามตัวนหลิงเทียนด้วยความอยากรู้ “ว่าแต่น้องต้วน ท่านคิดไปทําอะไรที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หรือ? ปกติพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ๆใครคิดจะเข้าไปก็เข้าไปได้ง่ายๆ…”
“พอดีข้าอยากเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ปกปิดอะไร เพียงแจ้งวัตถุประสงค์การมาออกไปตรงๆ
“เอ๋? อยากเข้าพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือ?”
เมิ่งห่าวชวนผงะไปทันใด จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียน ไม่ใช่ใต้เท้าฟงชิงหยางหรือจักรพรรดิอมตะหมอกพิรุณรําลึกหรือไร?
ต้วนหลิงเทียนกําลังตามหาตัวตนระดับนี้?
“น้องต้วน ท่านเองก็คงทราบกระมัง…ว่าตัวตนระดับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มิใช่ผู้ใดมาขอเข้าพบก็จักได้พบง่ายๆ…”
เมิ่งชวนส่ายหัวไปมา เอ่ยถามสืบต่อ “แล้วไฉนท่านถึงได้อยากพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เล่า?”
“ข้าอยากรบกวนให้อาวุโสจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าช่วยเหลือคน 2 คนให้ข้านะ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ที่สําคัญ 1 ใน 2 คนที่ข้าอยากให้อาวุโสออกหน้าช่วยเหลือ พี่เพิ่งเองก็รู้จักดีศิษย์พี่ใหญ่ของท่าน เหลียนชิว”
“ศิษย์พี่ใหญ่รึ?!”
ตอนแรกพอได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดว่าจะมาขอให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนออกหน้า ช่วยคนสองคน เมิ่งห่าวชวนก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ไหน เลยจะสนใจเรื่องเช่นนี้?
แล้วราคาที่ต้องจ่ายเพื่อร้องขอให้ตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ช่วยออกหน้าคืออะไร? หรือจะเป็นการถวายตัวรับใช้?
ขออภัย…ถึงแม้พรสวรรค์และไหวพริบปฏิภาณของต้วนหลิงเทียนจะเลิศล้ำแค่ไหน แต่ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะออกจากวังเทียนฉือและย้ายมาอยู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ เพราะเหตุนี้ เกรงว่าไม่พ้นต้องถูกดูหมิ่นเป็นแน่! เพราะนี่แทบไม่ต่างอะไรจากการทรยศต่อขุมกําลังตัวเอง!
ผู้ที่สามารถทรยศวังเทียนฉือในวันนี้ได้ ใครจะกล้าบอกว่าพรุ่งนี้จะไม่ทรยศพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งี้เมียเทียน?
ดังนั้นมันจึงไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะทําได้สําเร็จ
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินถ้วนหลิงเทียนบอกว่า ต้องการให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าช่วยคน 2 คน แถมหนึ่งในนั้น ก็คือเหลียนชิวศิษย์พี่ใหญ่ของมัน เมิ่งห่าวซวนจึงอดตะลึงไปไม่ ได้ “เอ่อ…น้องต้วน ที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“ท่าน….คิดมาขอให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าเพื่อช่วยศิษย์พี่ใหญ่ของข้า?”
เมิ่งห่าวชวนจับต้นชนปลายไม่ถูก
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนปริปากเล่าเรื่องราวต้นสายปลายเหตุออกมา เมิ่งห่าวชวนจึงเข้าใจได้ “ให้ตายเถอะ ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง…ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าท่านจะอยู่กับลูกสาวคนเดียวของศิษย์พี่ใหญ่!”
“แถมท่านมาถึงจี้เมียเทียน ก็เพื่อคิดช่วยเหลือศิษย์พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้อีก…”
หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากถ้วนหลิงเทียน เมิ่งห่าวชวนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
มันไม่คิดไม่ฝันว่าใต้หล้าจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้อยู่จริง ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือที่มัน พบเจอในสถานที่ทดสอบจอมราชันอมตะสมญานามของวิหารเมิ่งฮ่าว กลับมีความสัมพันธ์กับศิษย์พี่ใหญ่ของมันในลักษณะดังกล่าว!
นอกจากนั้น จะว่าไปแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากลูกเขยศิษย์พี่ใหญ่ของมันเลย!
“น้องต้วนขาเข้าใจความรู้สึกของท่านดี..แต่หากท่านคิดจะให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้า นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย หากท่านเป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจร และเลือกที่จะเข้าร่วมกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนเราแต่แรก แสดงความสามารถจนได้รับความสนใจจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ถึงตอนนั้นไม่แน่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจเห็นแก่คุณค่าของท่าน จนยอมออกหน้าสักครา”
เมิ่งห่าวชวนคลี่ยิ้มแหยๆ สีหน้าแลดูบอกบุญไม่รับ “แต่ในเมื่อท่านเป็นคนของวังเทียนฉือ ทั้งยังเป็นศิษย์อัจฉริยะของที่นั่น ต่อให้พรสวรรค์และความเข้าใจของท่านจะท้าทายสวรรค์แค่ไหน แต่การกระทําของท่านก็ไม่ต่างอะไรจากการทรยศวังเทียนฉือ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่มีทางให้ความสําคัญท่านแน่”
“เพราะไม่มีผู้ใดชมชอบคนทรยศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม”
เมิ่งห่าวชวนส่ายหัวไปมา
“ช้าก่อนพี่เพิ่ง…นี่ท่านคิดว่าข้าวางแผนจะออกจากวังเทียนฉือมาเข้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้ง เขาไม่คิดเลยว่วาเมิ่งห่าวชวนผู้นี้ เขาจึงกล่าวไปหนึ่งแต่อีกฝ่ายมโนไปถึงสิบ จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา
“อ่าว ไม่ใช่เช่นนั้นรึ?”
เมิ่งห่าวชวนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง หากคิดจะให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้า ถ้าไม่ใช่คิดถวายตัวรับใช้เป็นการตอบแทน แล้วจะทําอย่างไรได้อีก?
“ไม่ใช่เลย”
ตัวนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ถึงแม้ข้าจะมีวัตุประสงค์แอบแฝงในการเข้าวังเทียนฉืออย่างคิดช่วยเหลือบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อแต่แรก ทว่าหลังจากที่ข้าเข้าร่วมวงเทียนฉือ จนได้กลาย ไปเป็นศิษย์ในด่านถือหล่าง จวบจนได้รับการดูแลมากมาย…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นใด เอาแค่เพีย งเพราะเห็นแก่ถือหล่างและศิษย์พี่ทั้งหลาย ข้าก็ไม่คิดจะทรยศวังเทียนฉือง่ายๆ…”
“น้องต้วนแต่นอกเหนือจากวิธีนั้น ข้ายังคิดไม่ออกจริงๆว่าท่านจะอาศัยอะไร ถึงทําให้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยินดีออกหน้าเพื่อท่านได้”
เมิ่งห่าวซวนส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวต่อว่า “นอกเสียจากท่านจะมีสายสัมพันธ์กับใต้เท้า จักรพรรดิสวรรค์…หรือไม่ก็เป็นผู้อาวุโสของท่านมีสายสัมพันธ์รู้จักมักคุ้นกับใต้เท้าจักรพรรสวรรค์ ไม่แน่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจจะเห็นแก่หน้าอาวุโสท่าน จนออกหน้าช่วยเหลือ
“เพราะต่อให้ด้วยพลังของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ตอนนี้ เพียงวาจาหนึ่งคําก็สามารถคลี่คลาย เรื่องราวได้ แต่วาจาหนึ่งคําที่ว่าก็ไม่ใช่จะเอ่ยออกไปเพื่อช่วยใครสุ่มสี่สุ่มห้า”
เมิ่งห่าวชวนกล่าวออกมารวดเดียวจบ ค่อยมองสบตาต้วนหลิงเทียนอีกรอบ
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนของท่านกับข้า พวกเรามาจากระนาบโลกียะเดียวกัน อีกทั้งในราบโลกียะดังกล่าว ข้ายังได้รับสืบทอดมรดกจากท่านผู้อาวุโส ถึงแม้ตอนนี้ท่านผู้อาวุโสจะยังไม่รู้ตัว แต่ข้าก็ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดมรดกของอาวุโสมา”
ตัวนหลิงเทียนกล่าว
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เมิ่งห่าวซวนตระหักได้ทันทีว่าที่แท้ในน้ําเต้าต้วนหลิงเทียนขายยาอันใด แต่ก็ยังไม่ได้ดูดีกับไฟ ใบนี้ของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่ “น้องต้วน…ข้าขอบังอาจแนะนําท่านว่า อย่าพึ่งคิดฝันมากเกินไป เพราะหากจะว่ากันตามตรงแล้ว ถ้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ให้ความสําคัญกับผู้สืบทอดอย่าง ท่านจริง ก่อนที่ท่านจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก บางที่ใต้เท้าอาจจับตาดูท่าน กระทั่งส่งคนไปรับท่านขึ้นมายังระนาบเทวโลกแต่แรกแล้ว”
“ว่าแต่…จนถึงบัดนี้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เคยมีการติดต่อไปหาท่านบ้างหรือไม่?”
เมิ่งห่าวชวนกล่าวแจกแจง ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคําถามหนึ่ง
ตัวนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
“เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วล่ะ…ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่เพียงจะไม่รู้จักผู้สืบทอดเช่นท่าน กระทั่งเผลอๆจะยังไม่ได้สนใจผู้สืบทอดมรดกเช่นท่านเลย”
เมิ่งห่าวซวนคลี่ยิ้มเจื่อนๆ แม้วาจาอาจจะทําลายความหวังของต้วนหลิงเทียน แต่มันเชื่อว่ายัง ดีกว่าปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนจมกับมายาฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง สุดท้ายอาจรู่วามทําอะไร จนเป็นเหตุให้จักรพรรดิสวรรค์มีโทสะขึ้นมาได้
“ข้ามักคิดว่าผู้อาวุโสฟงชิงหยางมักให้ความสําคัญกับกองกําลังที่ข้าอยู่มาก ไม่ใช่ท่านเองก็บอกข้าเองหรือว่าสมญานามของอาวุโสฟงชิงหยางงเรียกว่า หมอกพิรุณรําลึก?”
สองตาต้วนหลิงเทียนยังคงทอประกายยไปด้วยความหวัง ไม่คิดถอดใจ “และข้าก็เป็นผู้สืบทอ ดนามหมอกพิรุณของท่านในกองกําลังดังกล่าวในระนาบโลกียะ”
“บางที่นั่นอาจเป็นแค่ การหวนคิดถึงความหลังของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก็เป็นได้…”
เมิ่งห่าวชวนไม่ได้ให้น้ําหนักกับข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่
“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องลองพยามดูก่อน อย่างน้อยก็มีโอกาสสําเร็จ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่มีแม้แต่โอกาส”
สายตาของต้วนหลิงเทียนเผยความแน่วแน่
“เอาล่ะๆ ในเมื่อท่านยืนกรานจะไป ข้าก็จะพาท่านไปเอง…พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ตั้งอยู่ในสถานที่เร้นลับ หากไม่ใช่คนที่เคยไปมาก่อน ถึงแม้จะรู้ตําแหน่งคร่าวๆ ก็ยังยากจะพบเจอ… และพอดีข้าก็เคยมีวาสนาได้ไปเยือนที่นั่นกับท่านอาจารย์ครั้งหนึ่ง”
เมิ่งห่าวซวนกล่าว
และพอมันกล่าวจบก็เดินออกจากโถงรับแขกจวบจนออกจากบ้าน ก่อนจะเห็นร่างนำทางไปทันที ต้วนหลิงเทียนก็เห็นร่างตามไปติดๆ
“ว่าแต่ตัวนหลิงเทียน ไม่ทราบศิษย์พี่ใหญ่ของข้าเป็นเช่นไรบ้างหรือ?”
เนื่องเพราะได้ยินต้วนหลิงเทียนเอ่ยถึงศิษย์พี่ใหญ่ที่ถูกคุมขังในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือ เมิ่งห่าวชวนเองก็อดไม่ได้ที่จะคิดเป็นห่วงขึ้นมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ท่านยังดีอยู่ไม่ได้เป็นอะไร กระทั่งพลังฝีมือยังก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย ตอนนี้แทบจะทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนตอบ
พอได้ยินดังนั้น สองตาเมิ่งห่าวซวนก็ทอประกายจ้า “หากท่านอาจารย์ล่วงรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่สามารถประสบความสําเร็จได้ถึงขนาดนี้แล้ว ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ! น่าเสียดายที่วังเทียนฉือไม่เคยบอกว่าจะคุมตัวศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้จนถึงเมื่อไหร่…”
“หากเป็นสถานการณ์ปกติ น่ากลัววังเทียนฉือคงไม่คิดจะปล่อยคนออกมาหรอก”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง หากวังเทียนฉือมีใจคิดจะปล่อยเหลียนชิว ในสักวันจริงๆ คงไม่จับตัวตู้เสวียน มารดาของส่วนเอื้อมากักขังในห้องขังฝั่งตรงข้ามกับห้องขังเหลี ยนชิว เพื่อทรมานนางต่อหน้า ให้เหลียนชิวเจ็บปวดใจอย่างทุกวันนี้
ดูจากเรื่องนี้ก็บอกได้ไม่ยาก ว่าจ้าววังเทียนฉือกับลูกสาวที่ถูกล้มเลิกงานวิวาห์ ต้องเกลียดชังเหลียนชิวเข้ากระดูกดําแล้ว!