ตอนที่ 3322 : ตุ๊กหวี่ ปรากฏตัว!

“ใช่”

ถึงแม้ชายวัยกลางคนจะยังมีหน้าตาแลดูธรรมดา หากทว่ากลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของมันตอนนี้ ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอยู่บ้าง!

อย่างน้อยๆพลังของชายวัยกลางคนเบื้องหน้าที่เหนือกว่า ตกเหวิน จักรพรรดิอมตะสมญานามที่รับงานมาฆ่าเขา ก่อนจะเป็นฝ่ายตายด้วยน้ํามือของเขาแทนในกาลก่อน!

“พลังของคนผู้นี้สมควรเทียบได้กับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับของวังเทียนฉือเหนือกว่าครูอยู่บ้าง”

ตัวนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

ครูที่เขาเอ่ยในใจก็คือ จักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ลือหล่าง แห่งวังเทียนฉือ

อีกทั้งเขายังตระหนักได้ว่า จักรพรรดิอมตะหยกกุ้งเบื้องหน้า ยังอ่อนด้อยกว่าโหยวเฟิงอวจ้าวังเทียนฉืออยู่เล็กน้อย

“ข้าคือผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง เมิ่งชวน”

ชายวัยกลางคนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงดังฟังชัด “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์พึ่งจะออกไปทําธุระเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการพบใต้เท้าด้วยเหตุอันใด?”

“ออกไปทําธุระ?”

ตัวนหลิงเทียนตกใจ ก่อนจะเล่าความประสงค์ของตัวเองออกไปทันที “ที่ข้ามาหาอาวุโสฟงชิงหยางครั้งนี้เพราะข้าอยากขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส”

“เจ้ามีเรื่องที่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์หรือ?”

คิ้วเมิ่งชวนเลิกขึ้น กล่าวออกเสียงเรียบว่า “ข้าสามารถติดต่อใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ได้…แต่ก่อนที่ข้าจะติดต่อไป คงต้องขอให้เจ้ายืนยันตัวตนก่อน”

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าได้รับสืบทอดมรดกของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มา เช่นนั้นเจ้าก็สมควรพิสูจน์ได้กระมัง?”

กล่าวจบคําเมิ่งชวนก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขมึง ความนัยวาจาไม่มีอะไรมากไปกว่าขอให้ตัวนหลิงเทียนพิสูจน์ว่าได้รับสืบทอดมรดกของฟงชิงหยางมาจริงๆ

ไม่มีปัญหา

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นเพียงหนึ่งห้วงคิด เขาก็โคจรพลังใช้ออกด้วยเคล็ดวิชายอดใจกระบี่ ที่เขาไม่ได้ใช้มันมาเนิ่นนาน ทั่วร่างพลันเปล่งเจตจํานงกระบี่อันรุนแรงออกมาทันทีเจตจํานงกระบีดังกล่าวยังแผ่กลิ่นอายสังหารสะท้านไปในบรรยากาศ!

“ยอดใจกระบี่!!”

สองตาเมิ่งชวนทอประกายสว่างจาขึ้นมาโดยพลัน ถึงแม้ยอดใจกระบี่ที่ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าบรรลุจะด้อยกว่ายอดใจกระบีของฟงชิงหยาง แต่ก็มีรากเหง้าเดียวกันไม่ผิดแน่!

“ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นทายาทของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จากระนาบโลกียะจริงๆ”

เมิ่งชวนพยักหน้า “ท่านว่ามาเถอะ ที่แท้คิดมาหาใต้เท้าจักกรพรรดิสวรรค์ของพวกเรา เพื่อให้ใต้เท้าช่วยเหลือเรื่องใดกันแน่?”

จังหวะนี้คําพูดคําจาของเมิ่งชวนที่มีต่อต้วนหลิงเทียน ยังกลายเป็นสุภาพมากขึ้นหลายส่วน!

เพราะจากลักษณะนิสัยของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่มันรู้จัก หากคนเบื้องหน้าเป็นทายาทของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จริงๆ เช่นนั้นใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันต้องไม่ละเลยชายหนุ่มเบี้ องหน้าแน่นอน กระทั่งความสําคัญของอีกฝ่ายยังต้องไม่ธรรมดาอีกด้วย!

เพราะเท่าที่มันทราบมา ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังไม่เคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อน!

“ที่ข้ามาหาผู้อาวุโสฟงชิงหยางครั้งนี้ เพราะคิดขอความช่วยเหลือจากอาวุโสเรื่อง…”

ถึงแม้ฟงชิงหยางจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เนื่องจากชายวัยกลางคนเบื้องหน้าสามารถติดต่อฟงชิงหยางได้โดยตรง ต้วนหลิงเทียนจึงไม่ปิดบังอะไร เพียงเล่าวัตถุประสงค์การมาของตัวเองครั้งนี้ออกไป

“ช่วยคนสองคน? วังเทียนฉือ?”

หลังได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนเล่าออกมา เมิ่งชวนก็พยักหน้า “ถึงแม้จ้าววังเทียนฉือจะมีสัมพันธ์ชิดใกล้กับจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียน แต่ต่อให้เป็นตัวจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนเอง บัดนี้หากต้องมาอยู่ต่อหน้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกเรา มันก็ต้องแสดงความเคารพนอบน้อมอยู่หลายส่วน!”

ครูต่อมา เมิ่งชวนก็ทําการส่งข้อความไปทันที “ข้าส่งข้อความไปให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แล้ว..ท่านรอสักครู่เถอะ”

อย่างไรก็ตามผ่านไป 1 เค่อก็แล้ว ครึ่งชั่วยามก็แล้ว แต่เมิ่งชวนยังไม่ได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด

สุดท้ายมันก็ได้แต่ส่งข้อความไปหาพี่ชายของมัน เมิ่งหลัว!

เมิ่งหลัว จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือจักรพรรดิอมตะสมญานามใต้บังคับบัญชา ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน และยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่ สุดอีกด้วย!

เรียกว่าพลังฝีมือของเมิ่งหลัว ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นาขุมกําลังระดับสวรรค์ทั้งหลายเลย!

เหตุไฉนที่เมิ่งชวนส่งข้อความไปหาเมิ่งหลัวพี่ชายของตัวเอาตอนนี้ ก็เพราะมันทราบว่าการออกไปทําธุระข้างนอกครั้งนี้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ได้พาพี่ชายของมันออกไปด้วย

อย่างไรก็ตามหลังส่งข้อความติดต่อไปถึงเมิ่งหลัวก็แล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับใดๆทั้งสิ้น

“ทั้งใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์และพี่ใหญ่ของข้าไม่ตอบกลับข้อความของข้าเลย ดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งคู่มีเรื่องสําคัญต้องทํา

“หรือไม่ บางที่ทั้งคู่ก็อยู่ในจุดที่ข้อความทางวิญญาณไม่อาจส่งไปได้ถึง

คิดถึงจุดนี้เมิ่งชวนก็หันไปส่ายหัวให้ต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์หรือพี่ใหญ่ข้าที่ติดตามใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกไปด้วยกัน ก็ไม่มีผู้ใดตอบข้อความ ของข้าสักคน”

“สิบในสิบไม่พ้นทั้งคู่ต้องอยู่ในสถานที่ๆไม่อาจรับข้อความของข้าได้แน่หรือไม่ก็คงไม่มีเวลามาตอบข้อความของข้า”

กล่าวถึงจุดนี้เมิ่งชวนก็ยิ้มและเสนอกับต้วนหลิงเทียนว่า “เช่นนั้นให้ข้าติดตามท่าน ไปวังเทียนฉือดูเป็นไร?”

ด้านต้วนหลิงเทียนเดิมทีหลังได้ยินเมิ่งชวนบอกว่า ทั้งคู่ไม่ส่งข้อความตอบกลับเขาก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย

แต่ตอนนี้พอมาได้ยินข้อเสนอของเมิ่งชวน สองตาเขาก็ทอประกายจ้าขึ้นมาเร็วไว “ผู้อาวุโสเมิ่งชวน…ท่านจะไปกับข้าจริงๆ?”

“ข้า จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง เมิ่งชวน ผู้นี้ พูดเล่นคืออะไรข้าไม่รู้จัก!”

เมิ่งชวนคลี่ยิ้มบางๆ “ในเมื่อท่านเป็นผู้สืบทอดของงใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ อย่างน้อยๆก็พูดได้ว่าเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง”

“ในเมื่อใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่อยู่ และข้าเองก็ไม่รู้ว่าใต้เท้าจะกลับมาเมื่อใด…ท่านที่มาขอความช่วยเหลือเช่นนี้ ข้าเดาว่าเรื่องราวไม่พ้นต้องเร่งด่วนอยู่บ้าง เช่นนั้นข้าจะไปกับท่านเอง”

เมิ่งชวนกล่าว

“ขอบคุณอาวุโสเมิ่งชวน”

ตัวนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณเมิ่งชวนออกไปเร็วไว ด้านเมิ่งห่าวซวนที่พอเห็นเมิ่งชวนยินดีช่วยสองตามันก็ลุกวาวฉายแสงขึ้นมาเช่นกัน!

เพราะสุดท้ายแล้ว ที่ต้วนหลิงเทียนมาขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยเหลือศิษย์พี่ใหญ่ของมัน!!

ตอนเดินทางมายังงี้เมียเทียนถ้วนหลิงเทียนมาคนเดียว แต่ตอนเดินทางกลับมายังหยาเทียนเขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป แต่มีอีกคนเห็นร่างติดตามอยู่ข้างกายเขา

จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง เมิ่งชวน!

“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน”

ระหว่างเดินทาง ตัวนหลิงเทียนที่ฉุกคิดอะไรขึ้นได้ ก็หันไปกล่าวคํากับเมิ่งชวนว่า “หากเป็นไปได้รบกวนตอนท่านไปหารือกับจ้าววังเทียนฉือเรื่องปล่อยคน อย่าได้ เอ่ยถึงข้าออกไปจะได้หรือไม่?”

ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็คิดจะไปพบจ้าววังเทียนฉือพร้อมเมิ่งชวน

อย่างไรก็ตามพอคิดๆดูแล้วว่าหากเมิ่งชวนออกหน้าขอให้ปล่อยคนในนามพระราชวังสวรรค์แห่งจี้เมียเทียน จะมีเขาอยู่ด้วยหรือไม่อยู่มันก็ค่าเท่ากัน

และหากมีเขาอยู่หรืออีกฝ่ายเอ่ยถึงเขา สิ่งนี้ยอมทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉือหล่างและศิษย์พี่คนอื่นๆมีอันต้องระหองระแหงทันทีแน่

แต่ถ้าไม่เอ่ยถึงเขา ทุกอย่างก็จะยังเหมือนเดิม หลังจากนี้ต่อให้เขาออกจากวังเทียนฉือไปความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉือหล่างและคนอื่นๆ ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ไม่มีปัญหา”

เมิ่งชวนก็ตอบรับง่ายๆ ไม่ได้สนใจว่าทําไมต้วนหลิงเทียนต้องการให้ทําแบบนี้

ตอนนี้มันรู้แค่ว่า

ชายหนุ่มชุดม่วงที่อยู่กับมันตอนนี้ ไม่พ้นเป็นทายาทของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่ครั้งหนึ่งที่ชายเผลอหลุดปากบอกกับมันออกมา!

แน่นอนว่ามันเคยได้ยินพี่ชายกล่าวถึงเรื่องนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

แต่กระนั้นการมาช่วยอีกฝ่ายสักครั้งก็ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับมันเลย

ต่อให้ชายหนุ่มคนนี้จะไม่ใช่ทายาทที่ว่า แต่อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็บรรลุเคล็ดบําเพ็ญจิตเด็กระปีสูงสุดอย่าง ยอดใจกระบี่ อันเป็นเคล็ดวิชาหลักของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มัน!!

ต้องทราบด้วยว่า ยอดใจกระบี่นี้ กระทั่งศิษย์ในนามทั้ง 2 ที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ขอ งมันเคยรับก็ยังไม่ถ่ายทอดให้!

เมื่อเดินทางมาใกล้ถึงวังเทียนฉือแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับเมิ่งชวนและเตรียมตัวแยกกลับวังเทียนฉือไปก่อน

“ตัวนหลิงเทียน!”

ทว่าทันใดนั้นเอง กลางอากาศห่างออกไปไกลตา อยู่ๆพลันมีร่างคนๆหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมากะทันหันปานภูตผี มองดูให้ดีก็พบว่าเป็นชายชราผู้หนึ่ง!

“ตู๋กูหวู่?”

แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ร่างปริศนาปรากฏตัวขึ้น มองไปปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็จดจําได้ทันทีว่าอีกฝ่ายก็คือ ตู๋กูหวู่ จักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ!

มันคือ 1 ใน 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่คิดฆ่าเขา!

จักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยนน้องชายของอีกฝ่าย ได้ตกตายคามือของเขาไปแล้ว คงเหลือก็แต่มัน!

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้างที่พบเจออีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ได้

“เห็นได้ชัดว่าตู๋กูหวู่สมควรรู้ว่าข้าออกไปด้านนอก ก็เลยมาดักรอข้าตอนกลับแบบนี้ได้ แต่มันจะรู้ได้ยังไงว่าข้าออกจากวังเทียนฉือเมื่อไหร่?”

ในขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ อยู่ๆสองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลง ทอประกายเยียบเย็นแหลมคมวูบวาบ ด้วยเดาได้ไม่ยากว่าไฉนอีกฝ่ายถึงล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของเขาได้!

“เหลยจวิ้น!

นอกจากเหลยจวิ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงคนที่จะจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาไม่ออก แล้วจริงๆ

และถ้าไม่ใช่เหลยจวิ้นที่ล่วงรู้ว่าเขาออกจากวังเทียนฉือ หากเป็นคนอื่นที่รู้เห็น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตู๋กูหวู่!

“อาวุโสเมิ่งชวน”

ทันทีที่เห็นตู๋กูหวู่ปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถึงเมิ่งชวน แจ้งเรื่อง ราวออกไปทันทีว่า “ชายชราผู้นี้เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่ง รู้จักกันในนามจักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ เป็นมือสังหารลือชื่อคนหนึ่งในอู๋หยาเทียน”

“และมันมาเพื่อฆ่าข้า”

ตัวนหลิงเทียนกล่าว

ได้ยินคําพูดผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน สองตาเมิ่งชวนก็ฉายแสงจ้าขึ้น คนอากาศออกไปเบื้องหน้าหยุดลอยขวางร่างต้วนหลิงเทียน มือยังคว้าออกไปยังความว่างเปล่าข้างตัวก่อนจะ ปรากฎกระบี่เล่มหนึ่งควบแน่นขึ้นจากกระแสพลังกระชับถือไว้

และพริบตานั้นเอง ทั่วร่างของเมิ่งชวนก็แผ่ซ่านกลิ่นอายแหลมคมไร้สภาพอันกล้าแข็งออกมาขุมหนึ่ง มวลอากาศรอบกายเริ่มสะท้านสะเทือน ปราณกระบี่เริ่มฟุ้งตลบไปทั่วร่าง!

“กลิ่นอายนี่มัน…”

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็พบได้ทันที ว่ายามที่เมิ่งชวนถือกระบี่นั้น คนได้แปรเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเลยทีเดียว!

ขณะเดียวกันเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่กําจายออกมาทั่วร่างอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนจึงได้รู้เขาประเมินเมิ่งชวนต่ําไป!

ความแข็งแกร่งของเมิ่งชวน น่ากลัวว่าจะอยู่เหนือจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับแห่งวังเทียนฉือต่อให้ยังไม่น่าจะสู้กับจ้าววังเทียนฉืออย่างโหยวเชิงอได้ แต่ก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากันมากเท่าไหร่

“เจ้าเป็นใคร?”

พอเห็นเมิ่งชวนชักกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิมายืนขวางหน้าต้วนหลิงเทียน ทั้งทั่วร่างยังแผ่ซ่านกลิ่นอายแหลมคมอันตรายออกมา สองตากหรู่ก็หรีลงเร็วไว

“คนที่ขวางเจ้าไม่ให้ฆ่าคน”

เมิ่งชวนเอ่ยออกเสียงเรียบ

ได้ยินวาจาไร้แยแสของเมิ่งชวน สีหน้าตึกหวี่ก็เปลี่ยนไปทันที สองตาเผยประกายเยียบเย็นดุร้าย “สหายท่าน…น้ําบ่อนี้ขอท่านอย่าโดดลงมาเสียประเสริฐกว่า”

“ต้วนหลิงเทียนนั้นมันฆ่าน้องชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่ามันเพื่อล้างแค้นให้พี่น้องข้า!!”

ตู๋กูหวู่กล่าวออกเสียงเหี้ยม

“เช่นนั้นขอสหายโปรดชี้แนะ”

พอเมิ่งชวนกล่าวจบคํา ไอพลังสีน้ําเงินก็หมุนวนอยู่รอบกาย เห็นได้ชัดวว่ามันเข้าใจกฏแห่งน้ำ

อย่างไรก็ตามเมื่อปราณกระบี่อันรุนแรงผสานหลอมรวมเข้ากับไอพลังสีน้ําเงินดังกล่าวยามรัศมีพลังใหม่สาดส่องออกมาต้องสะท้อนแสงตะวัน มันก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวครามทันที!

และแสงกระบี่ที่ส่องสาดออกมาทั่วสารทิศเรืองรอง มองไปกราวกับสายรุ้งสีหยกพาดผ่านฟ้า!

จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง!

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจึงได้ทราบ ว่าไฉนสมญานามของเมิ่งชวนก็คือหยกกุ้ง

ก่อนหน้าตอนได้ยินสมญานามของเมิ่งชวน เขายังคิดอยู่เลยว่า หยกกุ้ง มันเป็นสมญานามที่เหมาะกับสตรีมากกว่าแต่พอมาเห็นเรื่องราวเบื้องหน้า เขาก็ต้องรีบเปลี่ยนความคิดทันใด ยังรู้สึกว่าสมญานามนี้ช่างเหมาะกับเมิ่งชวนจริงๆ!