ตอนที่ 3,333 : มาถึงจัตุรัสสิ้นสุด
“จ้าวหอชำระบาป?”
เผยหยวนจี๋ที่เดินนำหน้าต้วนหลิงเทียนหยุดลง ก่อนจะแหงนมองขึ้นไปในอากาศ หยีตากล่าวเสียงเบา “ช่างเป็นเกียรตินัก!”
ถึงแม้ว่าเสียงของเผยหยวนจี๋จะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่คล้ายมีอำนาจเวทมนตร์พิเศษ ทำให้ลูกตาของฟางฉี่หานหดเล็กลงแทบปิด ยังเร่งลดสายตามามองยังร่างเผยหยวนจี๋ทันที
และพอเห็นหน้าค่าตาของเผยหยวนจี๋ชัดเจน สีหน้าของฟางฉี่หานก็เปลี่ยนไปครั้งใหญ่!
ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้…มิใช่ว่าคือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ที่เมื่อ 200 กว่าปีก่อน ได้ไล่ต้อนจ้าววังเทียนฉือของพวกมัน จนต้องขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนให้ช่วยกันล้อมจับหรือไร?
ยิ่งไปกว่านั้นกระทั่งจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนเองก็หมดปัญญาจะฆ่าอีกฝ่าย ถึงทำได้แค่ควบคุมตัวมากักขังเอาไว้ในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือเท่านั้น!
มันย่อมจดจำได้ชัดเจน
เพราะวันนั้น จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนเป็นคนที่นำชายคนนี้ขึ้นไปกักขังไว้บนเรือนจำชั้นที่ 3 ของคุกหมื่นพันธนาการด้วยตัวเอง!
“หึ!”
เผยหยวนจี๋เพียงแค่นคำเบาๆคราหนึ่ง ทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบกายฟางฉี่หาน จ้าวหอชำระบาปก็เริ่มสั่นไหว จากนั้นก็อุบัติละอองพลังสีกากีขึ้น!
เมื่อละอองพลังสีกากีอุบัติขึ้นเบื้องหน้า ฟางฉี่หานกับคนอีก 10 กว่าคนด้านหลังพลันได้สติ จากนั้นละอองพลังสีกากีก็คล้ายกลับกลายเป็นคลื่นสมุทรสุดคุ้มคลั่งโถมถันเข้าใส่ฟางฉี่หานกับพวกจากทุกทิศทาง!
ซู่มมม!!
ครืนนนน!!!
…
ละอองพลังจากทุกทิศทางนั้น ถาโถมเข้ามาด้วยสภาวะพลังยิ่งใหญ่สุดไพศาลเหลือเกิน แถมมองไปทางใดก็เต็มไปด้วยสีกากี พาลให้ทุกคนอยู่ในสภาพไร้หนทางดั่งตะพาบในไห!
“แย่แล้ว!!”
“เป็นพลังที่กล้าแข็งอะไรเช่นนี้!!”
“หนีเร็ว!!”
…
เมื่อละอองพลังสีกากีดั่งธุลีดินโถมถันมาดั่งคลื่นสมุทรสุดเกรี้ยวกราดเช่นนี้ ไม่ว่าจะฟางฉี่หานหรืออาวุโสหอชำระบาปนับสิบด้านหลังก็หน้าเปลี่ยนสีไปเป็นแถบ ขณะเดียวกันแต่ละคนก็เร่งเร้าพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างไม่กล้ารอช้า!!
ฟู่มม!!
บรึมม!!
ครืนน!!
…
จากนั้นอาวุโสกว่าโหลของหอชำระบาปประหนึ่งปลาหลีพบพานประตูมังกร แต่ละคนโจนทะยานออกไปเร็วรี่ดั่งเซียนอมตะข้ามทะเล ทุกคนล้วนใช้ไม้ตายก้นหีบปะทุความลึกซึ้งแห่งกฏออกมาไม่คิดออมรั้ง มีกระทั่งพลังของกฏแห่งความตาย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกที่คิดบุกฝ่าก็ดี คิดซัดพลังต้านทานก็ดี ทั้งหมดพบว่าการกระทำของตัวเองไม่ต่างอะไรจากหนึ่งหินคิดถมทะเลใหญ่ กระทั่งสร้างละลอกคลื่นสักวงยังไม่ได้
ด้านฟางฉี่หานจ้าวหอชำระบาปเอง แต่ต้นจนจบกลับไม่ได้ลงมือต่อต้านหรือคิดหลบหนี เพียงตะโกนออกมาด้วยสีหน้าน้ำเสียงวิงวอนขอชีวิต “ขอใต้เท้าเผยโปรดเมตตาด้วย!!”
“ข้าจักพาคนของข้ากลับหอชำระบาปทันที มิคิดยุ่งเกี่ยวกับบกิจการใดๆของท่านสืบไป!!”
“ขอใต้เท้าเผยโปรดยั้งมือด้วย!!”
จ้าวหอชำระบาป 1 ใน 3 พัสดีแห่งคุกหมื่นพันธนาการ บัดนี้ไม่เหลือมาดโอหังยิ่งใหญ่อันใด เพียงร่ำร้องออกมาราวสุนัขป่วยหิวโหยหมายได้รับเศษเสี้ยวความเมตตาจากมนุษย์
อย่างไรก็ตามไม่ว่า ฟางฉี่หาน จะร่ำร้องขอความเมตตาอย่างไร แต่ละอองพลังสีกากีดั่งห่าธุลีดินก็หาได้ลดทอนสภาวะพลังสุดไพศาลไม่ พวกมันยังคงโถมถันกระหนาบเข้ามาจากทั่วสารทิศ!
“ไม่—!!”
เมื่อละอองพลังสีกากีจากทั่วสารทิศมาบรรจบกัน ณ จุดกึ่งกลาง สรรพสิ่งใดๆในนั้นก็ถูกบีบอัดจนแหลกสลายหายไปในบัดดล คงเหลือไว้เพียงเสียงกรีดร้องโหยหวนสิบกว่าสำเนียงที่ดังขึ้นอย่างสิ้นหวังแว่วมาในอากาศ…
ปงงง!!
ซัว ลา ลา…
…
ละอองพลังสีกากีดั่งห่าธุลีดินที่อัดแน่นไปด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งดินอันน่าสะพรึง เมื่อมาบรรจบกัน ณ กึ่งกลาง ก็ทำให้ความว่างเปล่าโดยรอบสะเทือนเลือนลั่น ราวกับพร้อมจะแตกสลายลงทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนกตกตะลึงกับพลังอำนาจมหาศาล ละอองพลังสีกากีดังกล่าวก็อันตรธานหายไปในบัดดล ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
หากไม่ใช่เพราะละอองโลหิตพร้อมกลิ่นคาวคลุ้งในบรรากาศ กับแหวนพื้นที่เป็นโหลที่ร่วงตกลงมาจากกลางหาว บางทีทุกคนในที่นี้คงคิดว่าเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาที่แต่ละคนหลอนไปเองเท่านั้น
‘ช่างเป็นการควบคุมพลังที่ละเอียดอ่อนจริงๆ’
เห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็อดตกใจไม่ได้ มองไปยังพี่ใหญ่เผยเบื้องหน้าอีกครั้ง ในแววตาแฝงความนับถือขึ้นอีกหลายส่วน
ก่อนหน้าเขารู้เพียงว่าพี่ใหญ่เผยที่แท้ร้ายกาจมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ในเวลาชั่วพริบตา จักรพรรดิอมตะนับโหลที่มาพร้อมฟางฉี่หาน จ้าวหอชำระบาป กลับตกตายอย่างไร้ซึ่งหนทางต้านทานใดๆ
ฟางฉี่หานนั่น ต้องทราบด้วยว่าความแข็งแกร่งของมันก็ใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว
“อึก…”
จังหวะนี้กระทั่งเหลียนชิวที่กำลังอุ้มร่างจิ้งจอกมายาสีขาวในวงแขน ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตาที่ใช้มองเผยหยวนจี๋อีกครั้ง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอึ้งทึ่ง
มันย่อมรู้ถึงพลังฝีมือของฟางฉี่หานดี เพราะเคยโดนอีกฝ่ายมาท้าประลองในคุก…
อย่างไรก็ตาม ศัตรูที่ทำให้มันรู้สึกตึงมือถึงที่สุด ต่อหน้าชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้า กลับตกตายง่ายดายราวไก่สุนัขไร้เรี่ยวแรง!
“ไปกันเถอะ”
ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างยำเกรงของทุกคน เผยหยวนจี๋ก็เอ่ยออกเสียงเบา จากนั้นก็เดินนำทุกคนเข้าสู่ช่องทางแคบๆเบื้องหน้าทันที
กลุ่มคนก็แห่กันติดตามไปอย่างไม่รอช้า
“ติดตามใต้เท้าเผยไปเร็ว!!”
และเหล่านักโทษที่พึ่งผ่านการทรมานของหอชำระบาปมา ก็มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างฮึกเหิม จากนั้นแต่ละคนก็เริ่มแข็งข้อต่อต้าน ทำลายตรวนพันธนาการ ก่อนจะไล่ตามเผยหยวนจี๋และคนอื่นๆไป
เหล่าอาวุโสของชำระบาปทั้งหลายเห็นฉากดังกล่าวก็ได้แต่ยืนนิ่งไหวติง ไม่กล้าหยุดยั้งหรือเคลื่อนไหวใดๆ เพียงชมมองนักโทษทั้งหลายวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตาเท่านั้น
เพราะพวกมันไม่แน่ใจ ว่าหากขัดขวางการหลบหนีของนักโทษกลุ่มนี้ ใช่จะไปกระตุ้นโทสะเผยหยวนจี๋หรือไม่? เกิดอีกฝ่ายไม่พอใจอะไรแล้วหันกลับมาลงมือส่งๆสักครา…เกรงว่าพวกมันคงได้ตายกลายเป็นผีหน้าหอชำระบาปแล้ว!
จ้าวหอชำระบาปที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก เมื่อครู่ไม่ใช่ดับอนาถเยี่ยงสุนัขป่วยตัวหนึ่งหรือไร?
พวกมันยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน ที่ไม่ได้บ้าจี้วิ่งไปหยุดยั้งคนกลุ่มนี้ หรือไปเสริมกำลังฟางฉี่หานเมื่อครู่ ไม่งั้นพวกมันคงได้กอดคอพวกฟางฉี่หานลงนรกแล้ว..
“ผู้อาวุโสเหลียนชิว หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการพวกเราจะไปกับพี่ใหญ่เผย”
ต้วนหลิงเทียนหันไปส่งเสียงผ่านพลังนัดแนะกับเหลียนชิว
“ได้”
เหลียนชิวก็หันไปส่งเสียงผ่านพลังตอบต้วนหลิงเทียนทันที ในสายตานอกจากแฝงความสำนึกขอบคุณอย่างล้นพ้น ยังเต็มไปด้วยความชื่นชมหลายส่วน
“ว่าแต่ตอนนี้…ลูกสาวข้านางสบายดีหรือไม่?”
จากนั้นคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ เหลียนชิวก็เอ่ยถามออกไป
“นางสบายดี”
ได้ยินเหลียนชิวถามถึงฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มอ่อน กล่าวผ่านพลังตอบกลับ “นางคิดจะมากับข้าด้วย…แต่ข้าคิดว่ามันอันตรายเกินไป เช่นนั้นข้าเลยขอให้นางรอข้าอยู่ที่ระนาบโลกียะบ้านเกิด”
“วันนี้หลังหลบหนีออกจากวังเทียนฉือ กระทั่งออกจากอู๋หยาเทียนได้แล้ว ข้าจะพาท่านกับอาวุโสตู้เสวียนไปพบนางที่ระนาบโลกียะบ้านเกิดข้า เพื่อให้พวกท่านพ่อแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง”
ขณะที่กล่าวถึงฮ่วนเอ๋อ แววตาต้วนหลิงเทียนก็แฝงความอ่อนโยนหลายส่วน
“ดี!”
เหลียนชิวพยักหน้า ในแววตายังฉายถึงความตื่นเต้นไม่น้อย จากนั้นก็ก้มลงไปมองจิ้งจอกมายาสีขาวที่สลบไสลในอ้อมแขน กล่าวพึมพำในใจว่า ‘เสวียนเอ้อ อีกไม่นานพวกเราจะได้กลับไปเจอลูกสาวตัวน้อยแล้ว’
‘พอเจ้าตื่นขึ้น ไม่เพียงแต่เจ้าจะได้เจอลูกสาวตัวน้อยของเรา แต่เจ้ายังจะได้พบเจอลูกเขยประเสริฐของพวกเราด้วย…เจ้าหนุ่มผู้นี้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ข้าถูกชะตาทั้งพอใจมาก เจ้าเองพอได้เห็นแล้วก็ต้องถูกใจแน่นอน’
ถึงแม้เหลียนชิวจะพึ่งได้พบเจอต้วนหลิงเทียนมาไม่กี่ครั้ง แถมเป็นเวลาสั้นๆ แต่เหลียนชิวก็ถูกใจต้วนหลิงเทียนมาก
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องใดอื่นให้มากความ เอาแค่เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะจัดแจงให้ลูกสาวของมันอยู่รอคอยในที่ปลอดภัย และเสี่ยงอันตรายบุกมาช่วยชีวิตพวกมันทั้งคู่เพียงลำพังเพราะเห็นแก่ลูกสาวมัน ก็มากพอจะทำให้มันรู้ว่านี่เป็นชายหนุ่มที่มีความรับผิดชอบมากคนหนึ่ง
“ไม่ทราบ…ยังจะมีพวกมีตาแต่ไร้แววโผล่ออกมาแบบเมื่อครู่อีกหรือไม่?”
ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากช่องทางแคบๆ จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ ก็ยิ้มกล่าวออกมากับคนรอบข้าง “เฉวียนปิง พี่ใหญ่เผย รอบหน้าหากมีพวกมีตาแต่ไร้แววห้าวไม่ดูรุ่นโผล่มาอีก พวกท่านมิต้องเหนื่อยแรงแล้ว…ข้าเองหลังจากถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการมาเนิ่นนาน ก็ชักคันไม้คันมือไม่น้อย”
“เจ้าคันมือหรือ?”
จักรพรรดิอมตะกวางขาว ไป๋ลู่ ก็มองค้อนกล่าวด้วน้ำเสียงไม่ยอม “หรือข้าไม่คันมือ ปู่ผู้นี้ถูกจับมาขังก่อนเจ้าหลายพันปีเชียว!!”
“อั้ยหยาพี่ไป๋อย่าโมโหไป…เดี๋ยวพวกเราลุยพร้อมกันก็ได้ แค่บอกไว้ก่อน ข้ากลัวพี่ใหญ่เผยกับเฉวียนปิงจักเก็บพวกมันเหี้ยนในพริบตา จนข้าไม่ทันได้ทำอะไร…”
หม่าฉือกล่าวอย่างคึกคัก
ถึงแม้ตอนนี้บรรยากาศแลดูจะผ่อนคลายสบายๆกันมาก
อย่างไรก็ตามทุกคน ไม่เว้นหม่าฉือกับไป๋ลู่ที่กล่าวติดตลกล้วนรู้ดีแก่ใจ ว่าพวกมันสามารถผ่อนคลายได้แค่ในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้เท่านั้น เพราะในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้ ไม่มีแม้แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามสักคน
พอออกไปนอกคุกหมื่นพันธนาการ เรื่องราวจะแปรเปลี่ยนกลับกลายแล้ว!
หลังจากนั้นไม่ทันไร ทุกคนก็โผล่ออกจากช่องทางแคบๆ จนแลเห็นลานกว้างของโถงกิจการภายใน และเป็นธรรมดาว่าการมาของกลุ่มคนเป็นร้อยแบบนี้ ย่อมดึงดูดความสนใจของอาวุโสในโถงกิจการภายในเช่นกัน
“นรกเถิด! นั่นเผยหยวนจี๋ มัน…มันไฉนแหกคุกออกมาได้เล่า!?”
เมื่อได้เห็นชายชุดขาวที่ห้อเหยียดนำขบวนนักโทษหลบหนี อาวุโสของโถงกิจการภายในที่จดจำอีกฝ่ายได้ว่าเป็นใครก็เร่งโพล่งออกมาอย่างหวาดกลัว ตอนนี้ต่อให้พวกมันมีความกล้าเพิ่มขึ้นอีกหมื่นเท่า พวกมันก็ไม่กล้าโผล่หัวไปขวางให้ตายเปล่า!!
เผยหยวนจี๋คนนี้ กระทั่งจ้าววังเทียนฉือของพวกมันยังรับมือไม่ไหวด้วยซ้ำ แล้วพวกมันจะไปมีปัญญาทำอะไรได้?
“หืม!? เจ้าหนุ่มนั่นมิใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไร? ศิษย์คนที่ 7 ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ฉือหล่าง ทั้งยังเป็น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะคนใหม่ของวังเทียนฉือเรา…ไฉนมันไปอยู่กับเผยหยวนจี๋ได้เล่า กระทั่งดูจากท่าทีแล้วไม่คล้ายถูกเผยหยวนจี๋จับเป็นตัวประกันหรือโดนข่มขู่อันใด แลดูยังคล้ายสหายที่รู้จักเผยหยวนจี๋มานานปีอีก!!”
“อย่าบอกนะ…ว่าเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น มันมาที่นี่เพื่อช่วยเผยหยวนจี๋!?”
“จักเป็นไปได้อยย่างไร ต่อให้มันคิดมาช่วยคน แต่มันก็ต้องมีความสามารถช่วยคนก่อน…”
“แล้วเจ้าจักอธิบายสถานการณ์ตรงหน้าเจ้าอย่างไร? หากไม่ใช่มันมาช่วยเผยหยวนจี๋ ไฉนถึงแจ้นตามหลังเผยหยวนจี๋ไปติดๆเช่นนั้นเล่า! แล้วเจ้าเห็นหรือไม่…ด้านหลังมันยังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามที่เหลือบนชั้น 3 อีก 5 คนนั่นด้วย!!”
“โอทวยเทพ…นี่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกขังไว้บนชั้น 3 พวกมันแหกคุกออกมาได้หมดเลยหรือ!?”
“กำลังจักเกิดเรื่องใหญ่แล้ว! คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้วจริงๆ!!”
“แล้วพวกเรา…ไม่ต้องออกไปรายงานเรื่องราวหรือ?”
“รายงาน? เจ้ากล้าออกจากห้องโถงกิจการภายในนี่ไปไหม? ข้าแทงร้อยเอาหนึ่งเลยว่าเจ้าต้องตายก่อนได้เหยียบจัตุรัสสิ้นสุด…เจ้าลองดูหรือไม่ หากเจ้าเป็นอะไรข้าจักดูแลเมียเจ้าอย่างดีให้เหมือนเมียข้าเลย?”
“หุบปากไปเสีย!!”
…
วันนี้อาวุโสที่ทำหน้าที่อยู่ในโถงกิจการภายในก็ไม่ได้มีมากมายอะไร แน่นอนว่าต่อให้มีคนมากกว่านี้ พวกมันก็ไม่คิดออกไปหาเรื่องตายแน่นอน
“อันใด พวกมันอยู่เป็นขนาดนี้เชียว?”
พอเห็นว่าขบวนนักโทษวิ่งมาถึงจัตุรัสสิ้นสุดแล้ว แต่กลับไม่มีอาวุโสของโถงกิจการภายในออกมาสกัดขัดขวางแม้แต่คนเดียว จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ ก็รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง “ไฉนผู้คนในโถงกิจการภายในมันรู้มากนักเล่า ไม่หาญกล้าเหมือนคนของหอชำระบาปหน่อยหรือ? น่าเบื่อจริง…”
“นับว่าคนของโถงกิจการภายในนี่ฉลาดกว่าพวกโง่งมนั่นเยอะ”
จักรพรรดิอมตะกวางขาว ไป๋ลู่กล่าว
“พวกเจ้าหยุดเล่นกันได้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อม…ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะยังระรื่นอยู่ได้ รอให้ฝ่าจัตุรัสสิ้นสุดแล้วออกจากคุกหมื่นพันธนาการก่อนเถอะ หากเจอจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ ขอให้พวกเจ้าคึกคักได้เหมือนตอนนี้แล้วกัน”
จักรพรรดิอมตะผกาทอง เซี่ยจินฮัวกล่าวเตือนเสียงขรึม “ภายในคุกหมื่นพันธนาการ เพราะถูกตัดจากโลกภายนอก เช่นนั้นเว้นเสียแต่จะมีผู้ใดออกไปรายงาน หาไม่แล้วภายนอกก็มิอาจล่วงรู้สถานการณ์ภายในได้”
“อย่างดีที่สุด จากการแตกของลูกแก้ววิญญาณของเจ้าพวกนั้น ก็ทำให้ด้านนอกรู้ว่าที่นี่มีคนตายติดๆกันหลายสิบคนเท่านั้น แต่มิทราบเป็นเรื่องราวใด”
“รอให้พวกเราออกไปนอกคุกหมื่นพันธนาการเมื่อไหร่…พวกหน่วยลาดตระเวนกับคนเฝ้าด้านนอกย่อมต้องเร่งรุดส่งข่าวออกไปแน่ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าเตรียมตัวรอรับการมาของจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือได้เลย!!”