ตอนที่ 3334 จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 3,334 : จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9!
  ในวังเทียนฉือมีจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งสิ้น 9 คน
  ถึงแม้ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนจะถูกดึงไปตามแผนของต้วนหลิงเทียน แต่อย่างไรก็ยังเหลือจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คน…แต่แน่นอนว่าหากเกิดการปะทะกันจริงๆ เสมือนกำลังรบของอีกฝ่ายก็จะเหลือแค่จักรพรรดิอมตะสมญานาม 6 คนเท่านั้น
  ทั้งหมดเป็นเพราะด้านนอก ต้วนหลิงเทียนได้เตรียมจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งที่จะถ่วงรั้งโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือเอาไว้แล้ว
  นอกจากนี้โลกใบเล็กภายในร่างของต้วนหลิวเทียนยังมีมังกรชั่วร้ายอีก 2 ตัว ที่สามารถผสานพลังจู่โจมได้ทัดเทียมการลงมือเต็มกำลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับกลางๆ เช่นนั้นขอเพียงแค่ระวังให้มาก ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เรื่องหลบหนีออกไปจากที่นี่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
  ‘จัตุรัสสิ้นสุด…’
  หลังมาถึงจัตุรัสสิ้นสุดอีกครั้ง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
  กล่าวไป นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เขามาเหยียบจัตุรัสสิ้นสุด
  ครั้งแรกก็คือการมาคุกหมื่นพันธนาการรอบแรกสุด ส่วนครั้งที่ 2 ก็คือขากลับออกจากคุกหมื่นพันธนาการรอบแรก ครั้งที่ 3 ก็คือการกลับมายยังคุกพันธนาการอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันก่อน…
  ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 4 แล้ว
  จัตุรัสสิ้นสุดเป็นดั่งปราการสุดท้ายก่อนจะออกจากคุกหมื่นพันธนาการ และที่นี่ยังมีมาตรการป้องกันที่แน่นหนาที่สุด
  ถึงแม้ในแง่ของระดับค่ายกลกับข่ายอาคมที่นี่ จะพอๆกับค่ายกลและข่ายอาคมบนเรือนจำชั้นที่ 3
  อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ได้มีแค่ข่ายยอาคมกักกันเท่านั้น ยังมีค่ายกลและข่ายอาคมสังหารที่จัดตั้งไว้แน่นหนา ที่สำคัญคือจำนวนมันมากมายมหาศาลเหนือกว่าในเรือนจำชั้น 3 หลายเท่าตัว และแต่ละอาคมสังหารก็ทรงพลังมากพอจะสร้างความเสียหายให้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ไม่น้อย!
  หากคนที่อยู่ใต้ขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามคิดบุกฝ่าออกไป ถึงไม่ตายก็ต้องร่อแร่เจียนตายแน่นอน!!
  “พี่ใหญ่เผย ข่ายอาคมกับค่ายกลสังหารที่นี่ ท่านไม่อาจลงมือคนเดียวได้ จำต้องพึ่งพลังของจักรพรรดิอมตะอีก 5 คนที่เหลือ…หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเผยหยวนจี๋ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  ก่อนจะมาถึงที่นี่ เขาได้แจ้งพี่ใหญ่เผยกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทุกคนเอาไว้แล้ว กระทั่งยังสอนวิธีจัดการค่ายกลสังหารพวกนี้โดยเฉพาะ ตอนนี้จึงไม่ต้องเสียเวลากล่าวย้ำอะไรเรื่องนั้นอีก
  “อืม”
  เผยหวนจี๋พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปมองพยักหน้าเป็นการให้สัญญานกับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คน
  เมื่อทั้ง 6 คนยืนเรียงตัวในลักษณะค่ายกลมนุษย์ประการหนึ่ง สองตาของเผยหยวนจี๋ก็หดหยีเผยประกายเยียบเย็น “ลงมือ!!”
  สิ้นเสียงสั่งการของเผยหยวนจี๋ นอกเหนือจากพลังเย็นยะเยืกที่แผ่ซ่านกำจายออกมาจากร่างของจักรพรรดิอมตะน้ำแข้งทมิฬ เฉวียนปิง แล้ว อีก 5 คนรวมถึงเผยหยวนจี๋ ก็ระเบิดพลังสีกากีออกมาอย่างดุดัน!
  จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬนั้นเชี่ยวชาญกฏน้ำแข็งกับกฏแห่งดิน แต่ที่เชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือกฏน้ำแข็ง แม้กฏแห่งดินของมันจะมีพลังไม่ใช่ชั่ว แต่ในสถานการณ์ที่จำต้องใช้พลังผลาญทำลาย ใช้กฏน้ำแข็งย่อมดีกว่ากันมาก
  สำหรับอีก 5 คนที่เหลือไม่เว้นเผยหยวนจี๋ นอกจากกฏแห่งดินแล้ว พวกมันไม่ได้เชี่ยวชาญกฏอื่นๆมากนัก
  ดังนั้นถึงแม้จะต้องใช้การโจมตีหักฝ่าค่ายกลกับข่ายอาคมทั้งหลาย ต่อให้กฏแห่งดินมีพลังโจมตีอ่อนด้อยที่สุดในกฏทั้งหลาย พวกมันก็มีแต่ต้องใช้กฏแห่งดินเท่านั้น…
  “ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ หากใครกล้าเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ อย่าได้โทษข้าว่าอำมหิต!”
  ขณะเดียวกันกับที่ทั้ง 6 ลงมือลุยฝ่าจัตุรัสสิ้นสุด ต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติขึ้นไปลอยล่องด้านหน้าสุด หันหน้ามาหาทุกคน จากนั้นก็สะบัดมือเรียยกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ออกมา พลังมิติยังปะทุออกมาแผ่แรงกดดันไปในบรรยากาศ ราวกับขอเพียงมีใครกล้าเคลื่อนไหวตามอำเภอใจเขาจะลงมือสังหารในบัดดล
  ถึงแม้คนเหล่านี้สมควรเชื่อฟังและรู้สถานการณ์ดี แต่หมื่นไม่กลัวๆหนึ่งในหมื่น หากมีใครคิดก่อการวุ่นวายจนเป็นการรบกวนพี่ใหญ่เผยกับคนอื่นๆขึ้นมา ย่อมมีโอกาสเกิดเรื่องขึ้นได้
  ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
  …
  จากนั้นก็มีร่างหนึ่งวูบมาอยู่ใกล้ๆต้วนหลิงเทียน รอบกายร่างดังกล่าวยังปรากฏแถบริ้วกระบี่แผ่กลิ่นอายแหลมคมเยียบเย็นหมุนวนเร่งเร้าสภาวะพลังเตรียมพร้อม เป็นเหลียนชิวที่ไม่ทราบเก็บร่างตู้เสวียนไว้ในโลกใบเล็กตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดมาสนับสนุนต้วนหลิงเทียนอีกแรง
  สองตามันยังฉายแววแหมคมถึงขีดสุด จับจ้องมองไปยังกลุ่มคนนับพันด้านหลังไม่วางตา
  “ขอคุณชายทั้ง 2 โปรดวางใจ พวกเราไม่มีใครกล้าคิดทำอะไรอันเป็นการสร้างปัญหาให้ใต้เท้าเผยกับใต้เท้าทั้ง 5 ที่ทำลายค่ายกลอยู่เป็นแน่! พวกเราถูกทรมานจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาหลายปีดีดัก เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ล้วนหวังจะออกไปจากที่นี่เหนือสิ่งใด”
  ชายวัยกลางคนที่แลดูแข็งแรงแต่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลยิ้มกล่าว
  “ใช่”
  และคำพูดของมันก็มีร่างผู้คนที่ชุดเสื้อผ้าขาดวิ่นเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลสยดสยองหลายคนเห็นด้วยมากมาย “หากมีใครกล้าสร้างปัญหา ไม่ต้องถึงมือพวกท่านหรอก ข้าจักแลกชีวิตกับมันผู้นั้นเอง ต่อให้ข้าตาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครไปสร้างปัญหาให้ใต้เท้าทั้ง 6 แน่!”
  “ผู้ใดเบื่อชีวิตก็ลองดู!!”
  ด้วยประการฉะนี้ คนกลุ่มใหญ่จึงยืนนิ่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีใครคิดทำอะไรโง่ๆแม้แต่น้อย
  “เรียบร้อย”
  ราวๆ 1 เค่อต่อมา ก็บังเกิดสายลมรุนแรงโหมกระหน่ำไปทั่วจัตุรัสสิ้นสุด จนชุดเสื้อผ้าทั้งผมเผ้าผู้คนนับพันโบกสะบัดวุ่นวายกันไปหมด ขณะเดียวกัน เสียงไร้แยแสของเผยหยวนจี๋ก็แว่วมาตามลมแรงดังกล่าว
  เมื่อครู่เพราะถูกแรงกดดันของต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิว กอปรกับอยู่ในช่วงสถานการณ์ตึงเครียด จึงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง ทำให้บรรยากาศนั้นเงียบสงัดมาก
  ตอนนี้ถึงเผยหยวนจี๋จะไม่ได้กล่าวคำเสียงดังมากมาย แต่ทุกคนที่ยืนรอชายขอบจัตุรัสสิ้นสิ้นสุดก็ได้ยินกันชัดถนัดหู
  “หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการแล้ว พวกเจ้าก็แยกย้ายกันหลบหนีไปเสีย…ไม่ว่าพวกเจ้าจะหนีรอดไปหรือไม่ ก็ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเจ้า”
  หลังข้ามผ่านจัตุรัสสิ้นสุดไปได้แล้ว เผยหยวนจี๋ก็หันกลับมามองกล่าวกับนักโทษแหกคุกนับพันด้านหลังเสียงเบา เหตุผลในการช่วยคนกลุ่มนี้หลบหนีออกมา ไม่มีอะไรมากกว่าสร้างความวุ่นวาย หมายให้พวกมันคอยดึงดูดความสนใจของคนวังเทียนฉือ
  ถึงแม้ภายในคุกหมื่นพันธนาการจะไม่ตกอยู่ในอำนาจของค่ายกลเฝ้าระวังของวังเทียนฉือเพราะที่นี่มีค่ายกลและข่ายอาคมพิเศษเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้านนอกนั้นมีอาคมเฝ้าระวังและตรวจจับอยู่
  ทันทีที่มีคนหลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการ ผู้หลบหนีจะถูกพบตัวทันที และข่าวเรื่องราวจะถูกส่งตรงถึงหูโหวเฟิงอวี้จ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ และจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกในพริบตา
  และขอเพียงโหยวเฟิงอวี้รู้ข่าว จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของวังเทียนฉือก็จะล่วงรู้เช่นกัน
  “ไป!”
  ต่อมาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็ข้ามผ่านจัตุรัสสิ้นสุด และมาถึงบริเวณทางออกคุกหมื่นพันธนาการ แน่นอนว่าต้องพบเจอกับผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังทางออกทันที และทั้งหมดก็ถูกจักรพรรดิอมตะกัมปนาท หม่าฉือ รวมถึงจักรพรรดิอมตะกวางขาว เคอไป๋ลู่ เข่นฆ่าในพริบตา
  ภายใต้การลงมือที่คล้ายเก็บกดและอัดอั้นมานานของทั้งคู่ อาวุโสที่เฝ้าทางออกคุกหมื่นพันธนาการย่อมไม่มีแม้แต่โอกาสตอบโต้
  “ออกไปกัน!”
  หลังจากทุกคมารวมตัวกันหน้าทางออกแล้ว เผยหยวนจี๋ให้สัญญาณคำหนึ่ง ก็ประหนึ่งม้าถูกปล่อยออกจากคอก ต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋เองก็เหินพุ่งออกจากคุกหมื่นพันธนาการไปอย่างไม่รอช้า
  ด้านนอกประตู ผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่เฝ้าคุกหมื่นพันธนาการหลายคน ก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านในเลย เมื่อเห็นคนกรูกันออกมาราวคุกแตก พวกมันก็ได้แต่ยืนตกตะลึง ก่อนจะถูกฆ่าทิ้งไปในที่สุด…
  “ข้าหนีออกมาได้แล้ว!!”
  “ฮ่าๆๆๆ…นี่หรือคือกลิ่นของอิสระภาพ ช่างหอมหวานยิ่งนัก!!”
  “วังเทียนฉือ สักวันข้าจะกลับมาทำลายล้างพวกเจ้าให้ฉิบหาย!!”
  “รีบไปกันเร็ว!!”
  …
  หลังเหล่านักโทษที่ถูกกักขังในคุกหมื่นพันธนาการมานาได้ออกมาเห็นแสงตะวันอีกครั้ง พวกมันก็ร่ำร้องกันออกมาอย่างอดไม่ไหว แน่นอนว่าหลังจากตะโกนวาจาปลอดโปร่งทั้งอาฆาตใดๆแล้ว แต่ละคนก็รู้ว่าไม่ควรอยู่นาน จึงแยกย้ายกันหลบหนีไปทั่วสารทิศปานผึ้งแตกรัง
  ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนและคนในกลุ่มก็เร่งรุดออกจากหน้าประตูคุกวังเทียนฉือเช่นกัน
  “หืม?”
  หลังจากเหินร่างห่างออกมาจากคุกหมื่นพันธนาการได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นร่างหญิงชราหนึ่งเหาะลัดฟ้ามาแต่ไกล มุ่งหน้าไปยังคุกหมื่นพันธนาการด้วยสีหน้ามืดดำ พอมองดูให้ชัดก็พบว่านางคือจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิง
  ‘ดูเหมือนจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง ก็จะรับทราบการตายของลูกชายแล้ว’
  ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
  “พี่ใหญ่เผย อาวุโสเหลียนชิวและทุกท่าน พวกเราไปทางนั้นกัน”
  เนื่องจากต้วนหลิงเทียนให้เผยหยวนจี๋นัดแนะกับจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆเอาไว้แล้วก่อนที่จะออกมา เช่นนั้นตอนนี้กลุ่มเขาจึงวางแผนจะหลบหนีไปด้วยกันก่อน เพื่อไม่ให้ถูกอีกฝ่ายตามเก็บทีละคน
  และทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนชี้ไป ก็คือทิศทางที่เขานัดหมายกับ เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนเอาไว้แต่แรก
  “ผู้อาวุโสเมิ่งชวน”
  และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเร่งรุดไปยังงทิศทางดังกล่าวพร้อมกับพี่ใหญ่เผยและคนอื่นๆ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งติดต่อไปหาเมิ่งชวนทันที “ตอนนี้ข้าหลบหนีออกมาจากคุกหมื่นพันธนาการแล้ว! นอกจากข้ายังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามของคุกหมื่นพันธนาการอีก 6 คนตามมาด้วย”
  “เมื่อท่านมาสมทบกับพวกเรา เรื่องคิดจะหนีไปให้พ้นการตามล่าของวังเทียยนฉือ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรแล้ว!”
  และเมื่อได้รับการติดต่อมาจากต้วนหลิงเทียน เมิ่งชวน ก็ไม่คิดจะรออยู่เฉยๆที่จุดนัดพบ แต่เลือกจะเหินร่างมุ่งหน้าไปยังคุกหมื่นพันธนาการ หมายไปสมทบกับพวกต้วนหลิงเทียนให้เร็วที่สุด
  และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเมิ่งชวนเข้าใกล้กันทุกขณะ จักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงเองก็ได้แลเห็นสถานการณ์วุ่นวายของุคกหมื่นพันธนาการ และเห็นฉากนักโทษมากมายแยกย้ายกันหลบหนีเรียบร้อย
  ยังผลให้แม้ต้วนหลิงเทียนจะปะปนอยู่ในกลุ่มคนหลบหนีด้วย นางก็ไม่ทันสังเกตเห็น
  อย่างไรก็ตาม แม้นางจะไม่ทันเห็นต้วนหลิงเทียน แต่นางก็จดจำจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 ใน 6 ที่เหินร่างไปพร้อมๆกับต้วนหลิงเทียนได้ เพราะเหลยอิงเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มคนที่กำราบทั้ง 2 นั่นด้วย
  “จ้าววัง! ตอนนี้นักโทษในคุกหมื่นพันธนาการกำหลังหลบหนีออกมาเป็นจำนวนมาก ในบรรดาผู้ที่หลบหนีข้ายังเห็นจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆากับจักรพรรดิอมตะผกาทอง! แถมในบรรดาคกลุ่มเดียวกับมันยังมีชายหนุ่มชุดขาว ที่คาดว่าน่าจักเป็นเผยหวนจี๋รวมอยู่ด้วย!!”
  “นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนที่ข้าเห็นเพียงหลังไวๆ แต่หากเดาไม่ผิด พวกมันสมควรเป็นนักโทษอีก 3 คนที่อยู่ในเรือนจำชั้นที่ 3 จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ จักรพรรดิอมตะกวางขาว และจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท!!”
  เหลยอิงรีบร้อนส่งข้อความแจ้งไปถึงจ้าววังเทียนฉือเป็นการด่วน น้ำเสียงของนางฟังดูร้อนรนไม่น้อย
  ขณะเดียวกันเหลยอิงก็ไม่รอช้าเร่งส่งข้อความทำนองเดียวกันไปถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คนที่เหลือทันที และขอให้ทุกคนรีบมาตามมาคุมสถานการณ์ที่คุกหมื่นพันธนาการโดยเร็วที่สุด ส่วนนางก็เร่งรุดเหินร่างติดตามกลุ่มจักกรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ไปห่างๆ
  แน่นอนว่าในระหว่างทางนางยังจัดการนักโทษที่หลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการด้วย และทั้งหมดเป็นการฆ่าไม่ละเว้น!
  คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนโชคร้ายที่ดันเลือกจะหลบหนีไปในทิศทางเดียวกับพวกต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าความเร็วของพวกมันช้ากว่ามาก เมื่อเจอเข้ากับจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงที่เข่นฆ่าไล่หลังมา จึงทำได้แค่ตกตายอย่างไร้หนทางต่อต้าน
  “เมื่อครู่ข้าพึ่งได้รับแจ้งจากสัญญาณเตือนค่ายกลตรวจจับรวมถึงอาวุโสหน่วยลาดตระเวนหลายคนที่จับตาดูความเคลื่อนไหวนอกคุกหมื่นพันธนาการแล้ว”
  จ้าววังเทียนฉือส่งข้อความตอบกลับถึงเหลยอิงเร็วไว แม้น้ำเสียงจะฟังดูสงบ แต่เหลยอิงย่อมสัมผัสได้ถึงโทสะอารมณ์ที่คุกรุ่นปานภูเขาไฟระอุใกล้ปะทุเต็มที
  ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
  …
  หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีร่าง 8 ร่างเร่งรุดเหินมาจากทุกทิศทาง ติดตามมาสมทบกับเหลยอิง
  ผู้ที่มาถึงก่อนใครก็คือจ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ โหยวเฟิงอวี้!
  แน่นอนว่าในบรรดาคนทั้ง 8 ก็มีจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างมาด้วย
  นอกจากฉือหล่าง ก็มีจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กู้ฉางเจียง จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ จักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกก็มาด้วย
  นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีอีก 3 คน
  เป็นสตรี 2 ชายหนึ่ง
  สตรีหนึ่งในนั้นมาในชุดสีดำ เส้นผมดำขลับทอดยาวไปยังด้านหลังปานม่านน้ำตก ใบหน้าแลดูอ่อนวัยราวดรุณีน้อยแรกรุ่นของนาง ยามนี้เต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาก็ทอประกายดุร้ายนัก!
  นางก็คือจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกแห่งวังเทียนฉือ ชื่อเสียงอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เรียกว่าเป็น 1 ใน 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากจ้าววังเทียนฉือ!
  จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกคนนี้ยังเป็นอาจารย์ของ หลิวไป๋เฟิ่ง 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉืออีกด้วย
  สตรีอีกคนนั้นมาในชุดคุมยาวสีเขียวอ่อน ในอ้อมแขนกอดกู่ฉินเอาไว้ รูปร่างหน้าตาไม่เว้นท่วงท่า แลดูสง่างามทุกอิริยาบถ แม้ยามเร่งรุดเหินร่างแหวกฝ่าสายลม ก็ยังแลดูสูงส่งเลอค่าชวนมองราวสตรีสูงศักดิ์
  และนางก็คือจักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะ อวี๋ชิวหราน
  ส่วนชายคนสุดท้ายมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียว หน้าตาแลดูธรรมดา หากแต่ดวงตาของมันกลับทอประกายดุร้ายคล้ายหมาป่าตลอดเวลา
  จักรพรรดิอมตะหอนฟ้า หยางเซี่ยวเทียน!