ตอนที่ 3,401 : ชือปั๋วผิง
  ก่อนหน้านี้ตอนที่ภิกษุชราลงมือ อาศัยกลิ่นอายพลังที่แผ่พุ่งออกมา ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนจะทราบว่าอีกฝ่ายใช้กฏแห่งชีวิต แต่ยังเป็นจักรพรรดิอมตะแล้วด้วย ที่สำคัญไม่ใช่จักรพรรดิอมตะธรรมดาๆ
  เท่าที่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของอีกฝ่ายเหนือกว่าเขาหลายขั้น
  นอกจากนั้นกฏแห่งชีวิตที่ภิกษุชราใช้รักษาพวกฟางจี้ทั้ง 5 เมื่อครู่ ก็เกิดจากการผสานรวมความลึกซึ้ง เห็นชัดว่าอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว
  “ไต้ซือ ขอบพระคุณท่านที่ช่วยเหลือ!!”
  พวกฟางจี้ทั้ง 5 เมื่อได้รับการช่วยเหลือทั้งรักษาจากภิกษุชรา ก็เร่งประสานมือโค้งคารวะภิกษุชราอย่างสำนึกขอบคุณ ใบหน้าทั้งหลายฉายชัดถึงความปิติยินดีที่รอดพ้นหายนะถึงตายมาได้
  ตอนนี้เองด้านลี่หลัวกับต้วนหรูเฟิงก็ผละออกจากกันแล้ว และพอทั้งคู่สังเกตเห็นภิกษุชรา หว่างคิ้วก็ขดย่นอยู่บ้าง
  “ไต้ซือ…”
  ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองภิกษุชราด้วยสายตาเฉยเมย “หากท่านไม่รู้อะไร ก็อย่าได้สู่รู้หน่อยเลย…”
  “หนุ่มน้อย อย่าได้ก้าวร้าวนักเลย…”
  ภิกษุเฒ่าส่ายหน้าไปมา
  “ผู้เฒ่าหั่ว”
  ต้วนหลิงเทียนคร้านจะต่อความยาวสาวความยืดกับพวกออกบวชเป็นที่สุด จึงหันไปกล่าวกับผู้เฒ่าหั่วทันที “อย่าได้เอาชีวิตมัน”
  ผู้เฒ่าหั่วพยักหน้ารับเบาๆ
  ทันใดนั้นเองเพลิงพลังสีทองอันเกิดจากพลังสุริยันกับความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 3 ประการที่ผสานรวมกันได้อย่างลงตัว ก็แผ่พุ่งผลาญเผาไปทางภิกษุชรา และถึงแม้ภิกษุชราจะเข้าใจกฏแห่งชีวิตอันเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด ก็ไม่อาจต้านทานรับได้แม้แต่ท่าเดียว
  ปงงงง!!
  เพียงตบฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ ภิกษุชราก็ปลิดปลิวละลิ่วบินข้ามฟ้า กระอักเลือดออกมาเป็นทาง
  แม้หลังปลิวไปไม่นานจะแข็งขืนร่างหยุดลงได้ แต่กลิ่นอายพลังทั่วร่างก็อ่อนโทรมลงไม่น้อย
  เปรียะ!
  ในขณะเดียวกัน ทางด้านพวกฟางจี้ทั้ง 5 ที่ประหนึ่งได้หลุดพ้นจากขุมนรกขึ้นสู่สวรรค์ พวกมันก็จำต้องหวนตกลงขุมนรกอีกครา และครานี้ยังเป็นขุมนรกไร้ปราณี เพราะในขณะที่หน้าพวกมันเปลี่ยนสี ต้วนหลิงเทียน เพียงจี้นิ้วมาอย่างไร้เรื่องราว ก็อุบัติพลังมิติป่นร่างพวกมันจนสลายหายไปไม่เหลือแม้แต่ละอองเลือด…
  เพียงหนึ่งนิ้วจี้ออก 5 ชีวิตตายตก!
  ในห้วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พวกฟางจี้ทั้ง 5 จะตายตก ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนัก พวกมันอดไม่ได้ที่จะก่นด่าภิกษุชราว่าลาหัวโล้นในใจ…ไฉนต้องมาช่วยพวกมันให้มีความหวังด้วย!
  พวกมันที่มีความหวังอีกครั้ง คิดว่าจะสามารถรอดชีวิตอยู่สืบต่อได้แล้ว มิคาดภิกษุชรากลับแพ้พ่ายชายชราชุดคลุมแดงเพลิงด้านหลังชายหนุ่มในพริบตา…
  สุดท้ายพวกมันก็ตกตายคามือชายหนุ่มอยู่ดี
  “ท่านพ่อท่านแม่ พวกเราไปกันเถอะ”
  หลังฆ่าพวกฟางจี้ทั้ง 5 แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหรูเฟิงและลี่หัวด้วยรอยยิ้ม “ไปนิกายวิถีอีกาอะไรนั่น”
  ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สองตาลี่หลัวก็เปล่งแสงสว่างโรจน์ “ดี ดี!”
  ขณะเดียวกับที่ตอบรับ ลี่หลัวก็ผละออกจากข้างกายต้วนหรูเฟิง โร่มาลูบหน้าต้วนหลิงเทียน ก้อนจะจับมือนับนิ้วมองขึ้นๆลงๆไม่หยุด “ลูกเทียน…หลายปีมานี้เจ้าก้าวหน้ามากมายนัก…ลำบากเจ้าแล้ว”
  ขณะกล่าว หยาดน้ำใสๆ 2 สายก็ไหลรินออกมาจากดวงตาลี่หลัว
  ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาลูกชายได้ผ่านพ้นและประสบพบเจออะไรมาบ้าง แต่ในเมื่อสามารถทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะด้วยวัยเพียงเท่านี้ ย่อมต้องผ่านประสบการณ์อันตรายอย่างยิ่งยวดเป็นแน่
  ซู่ม!
  เมื่อผู้เฒ่าหั่วคืนร่างเป็นอีกาทองคำ 3 ขาพาครอบครัวต้วนหลิงเทียนมุ่งหน้าไปยังนิกายวิถีอีกา ลี่หลัวก็ไม่ได้เข้าสู่โลกใบเล็กภายในร่างต้วนหลิงเทียน เพียงนั่งลงข้างๆต้วนหลิงเทียนและมองสำรวจต้วนหลิงเทียนด้วยความห่วงใย ถามออกเสียงอ่อนว่า “เทียนเอ๋อ หลายปีที่ผ่านเป็นอย่างไรบ้าง เล่าให้แม่ฟังหน่อยสิลูก…”
  “ได้”
  หลังจากไม่พบเจอมารดามาหลายปี พอได้เห็นมารดาอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ฉายชัดถึงความยินดีนักตื่นเต้นยินดีจนยิ้มเหมือนตัวโง่งมอยู่นานกว่าจะหาย
  ก่อนจะพบเจอลี่หลัว ต้วนหลิงเทียนก็มีล้านถ้อยคำอยากกล่าวกับมารดา
  แต่ได้พบเจอเข้าจริงๆ กลับไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด
  หลังจากนั้นระหว่างเดินทางไปนิกายวิถีอีกา ด้วยมีลี่หลัวกล่าวถาม ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวให้ลี่หลัวฟัง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างหลังจากขึ้นมายังระนาบเทวโลก
  ต้วนหรูเฟิงเองก็นั่งฟังอยู่ข้างๆด้วย และเป็นครั้งแรกที่ได้ฟังเรื่องราวการผจญภัยของต้วนหลิงเทียน เดิมต้วนหลิงเทียนก็คิดจะเล่าให้ฟังแล้ว แต่ต้วนหรูเฟิงบอกปัดเพราะคิดจะรอฟังเรื่องราวพร้อมๆลี่หลัว
  เมื่อต้วนหลิงเทียนเล่าถึงเรื่องชวนตื่นเต้น ลี่หัวก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็น ยังบีบมือต้วนหลิงเทียนแน่นด้วยความกลัว
  ในขณะที่ผู้เฒ่าหั่วคืนร่างเป็นอีกาทองคำ 3 ขา พาพวกต้วนหลิงเทียนไปยังนิกายวิถีอีกานั้น ด้านภิกษุชราที่ถูกซัดจนปลิวและโดนทิ้งไว้ลำพังอย่างไร้คนสนใจ พอเห็นพวกต้วนหลิงเทียนจากไปหน้าตาเฉย สีหน้าเปื้อนยิ้มเปี่ยมเมตตาของมันก็มลายหายไป กลับกลายเป็นบิดเบี้ยวดุร้ายทันที
  “ถล่มมารดาเจ้า กล้าทุบตีข้าชือปั๋วผิงงั้นหรือ…บัดซบ! ไอ้พวกบัดซบ!!”
  “เมื่อครู่พวกมันบอกว่าจะไปนิกายวิถีอีกากระมัง? เป็นนิกายอันใดกันอีก?”
  “ช่างเถอะ…กลับไปหาพี่ใหญ่ก่อนดีกว่า คราวนี้ต้องให้พี่ใหญ่ออกหน้าให้ข้า เจ้าเฒ่าชุดแดงนั่น พลังของกฏแห่งไฟมันร้ายกาจแท้ กระทั่งพอๆกับพี่ใหญ่ข้า ที่เป็นถึงคนสนิทของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนด้วยซ้ำ”
  ขณะที่พึมพำยิ่งมาสีหน้าภิกษุชราก็ยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ
  หลังจากนั้นมันก็เดินทางไปยังเมืองฮั่นหลิงที่อยู่ใกล้ที่สุด หมายใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก กลับไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน เพื่อหาพรรคพวกมาช่วยเอาคืน
  ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทราบเรื่องราวเหล่านี้
  เขาเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าภิกษุชราที่แลดูโอบอ้อมอารีย์เมื่อครู่ ยามโมโหจะกลายเป็นดุร้ายเอาเรื่องปานคนละคน
  ด้วยความเร็วของผู้เฒ่าหั่ว ไม่นานนักครอบครัวต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็เดินทางมาถึงด้านนอกนิกายวิถีอีกา ตามคำชี้ทางของลี่หลัว
  เมื่อมาถึงนิกายววิถีอีกาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ใบหน้าลี่หลัวจะเต็มไปด้วยความมั่นใจเท่านั้น สองตาคู่งามดั่งสารทฤดูยังฉายชัดถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างแรง
  “ฮ่วนเอ๋อ”
  ต้วนหลิงเทียนพลันฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้…มารดาเขายังไม่เคยเห็นฮ่วนเอ๋อเลย!
  หลังจากนึกถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ด้วยกลัวว่ามารดาจะตำหนิเขาที่มีสตรีเพิ่มมาอีกคน ทั้งๆที่เค่อเอ๋อยังถูกบีบคั้นให้อยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนจะสบโอกาสเหมาะ!
  เรียกฮ่วนเอ๋อให้ออกมาช่วยมารดาเขาถล่มนิกายวิถีอีกาดีกว่า!
  “พี่หลิงเทียน?”
  ฮ่วนเอ๋อที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ภายในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน พอได้ยินเสียงเรียกของต้วนหลิงเทียน นางก็ตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะทันที “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
  “ฮ่วนเอ๋อ ข้าตามหาท่านพ่อกับท่านแม่เจอแล้ว…เจ้าออกมาพบหน้าท่านพ่อท่านแม่ทั้งช่วยอะไรท่านแม่ข้าหน่อย…จะได้ทำความสนิทสนมกับท่านแม่…”
  กล่าวถึงท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนก็แลดูเก้อเขินอยู่บ้าง
  “เอ๋!? ท่านพ่อท่านแม่พี่หลิงเทียนหรือ!?”
  แค่ฟังจากเสียงอุทานตอบมาด้วยความตกใจ ก็เห็นได้ชัดว่าฮ่วนเอ๋อประหม่าไม่น้อย อย่างไรก็ตามถึงแม้จะประหม่ากล้าๆกลัวๆ แต่ฮ่วนเอ๋อก็ยังออกมาจากโลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนเร็วไว
  วูบ!
  อยู่ดีๆมีร่างผู้คนผุดออกมาจากอากาศธาตุแบบนี้ ก็ทำให้ต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัวสะดุ้งตกใจอยู่บ้าง เพราะทั้งคู่ไม่ได้รับคำเตือนล่วงหน้า
  อย่างไรก็ตาม พอทั้งคู่ได้เห็นรูปโฉมอันงดงามของฮ่วนเอ๋อ สองตาก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที
  ช่างเป็นสตรีที่งดงามอะไรขนาดนี้!
  นี่เป็นความคิดแรกที่แว่บขึ้นในหัวทั้งคู่
  “เจ้าคือฮ่วนเอ๋อกระมัง…”
  สีหน้าท่าทีของลี่หลัวแลดูพึงพอใจ ผิดกับที่ต้วนหลิงเทียนคาดไว้ไม่น้อย “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินพ่อเทียนเอ๋อกล่าวถึงเจ้าบ้างแล้ว…เจ้าเป็นเด็กดีจริงๆ ทั้งน่ารักมาก”
  สายตาที่ลี่หลัวใช้มองฮ่วนเอ๋อ นับว่าเต็มไปด้วยความพึงพอใจถึงขีดสุด มองชมฮ่วนเอ๋อไปพยักหน้าไป พาลให้ฮ่วนเอ๋อเขินจนหน้าแดงอยู่บ้าง มือไม้อยู่ไม่สุขนับนิ้ววุ่นวายไปหมด
  “ท่านลุง ท่านป้า…”
  เมื่อมีต้วนหลิงเทียนคอยแนะนำ ฮ่วนเอ๋อก็รวบรวมความกล้ากล่าวทักทายต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัว
  แรกๆฮ่วนเอ๋อก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
  อย่างไรก็ตามลี่หลัวกระตือรือร้นอยากรู้จักสาวน้อยสะคราญโฉมที่เป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่มาก ทำให้สนิทสนมกับฮ่วนเอ๋อได้ไม่ยาก จากนั้นไม่นานสองสาวก็หัวเราะคิกคักกันตามประสา
  เห็นฉากดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
  ตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนพลันเห็นว่า บิดาเขาต้วนหรูเฟิง ลอบยกนิ้วโป้งให้เขา…ไม่ทราบว่าชื่นชมที่เขาหาภรรยางดงามได้เพิ่ม หรือชื่นชมความสามารถในการฉกฉวยโอกาสเปิดตัวดี
  “ท่านแม่ ถึงฮ่วนเอ๋อจะยังมีอายุน้อยกว่าซือหลิง…แต่นางก็เป็นจักรพรรดิอมตะแล้ว กล่าวกันตรงๆด่านพลังฝึกปรือฮ่วนเอ๋อสูงกว่าข้าเสียอีก”
  ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มกล่าวแทรกการสนทนาอย่างสนุกสนานของมารดากับฮ่วนเอ๋อ ก่อนจะหันไปกล่าวบอกลี่หลัวว่า “หลังจากนี้ท่านกับฮ่วนเอ๋อจะคุยกันตอนไหนก็ได้”
  “แต่ตอนนี้ท่านกับฮ่วนเอ๋อเข้าไปจัดการพวกนิกายวิถีอีกาก่อนเถอะ…”
  “พวกเราจะรอท่านด้านนอก…หากมีคนของนิกายวิถีอีกาหลบหนีออกมา พวกเราจะจัดการให้เอง”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าว
  ลี่หลัว หันไปมองเขม่นต้วนหลิงเทียนตาดุ “ฮ่วนเอ๋อพึ่งจะมาถึงหน้าประตูบ้าน ลูกก็ใช้นางทำนู่นทำนี่แล้ว…ต่อไปพอนางเข้าบ้านแล้ว ลูกไม่ให้นางปูกระเบื้องปีนคานไปซ่อมหลังคาเลยรึไร?”
  ตอนนี้ลี่หลัวทำราวกับจะให้ท้ายฮ่วนเอ๋อ มากกว่าลูกชายแท้ๆอย่างต้วนหลิงเทียนเสียอีก
  แน่นอนว่าลี่หลัวก็แค่ล้อเล่น
  นางย่อมรู้ดีว่าลูกชายตัวเองมีจุดประสงค์อะไร ทั้งหมดเพื่อให้ฮ่วนเอ๋อทำความสนิทสนมกับนาง
  “ฮ่วนเอ๋อ รบกวนเจ้าไปกับป้าหลัวหน่อยแล้ว”
  ลี่หลัวจับมือฮ่วนเอ๋อ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าฉายชัดถึงรอยยิ้ม บอกให้รู้ว่าคิดอย่างไรกับลูกสะใภ้คนใหม่
  “ป้าหลัวท่านเกรงใจเกินไป ฮ่วนเอ๋อต้องช่วยท่านอยู่แล้ว”
  ฮ่วนเอ๋อรีบพูด ตอนนี้นางสามารถคุยกับลี่หลัวได้อย่างสนิทใจ ไม่ขวยเขินประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไป
  “ฮวนเอ๋อ”
  ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันส่งเสียงผ่านพลังไปถึงฮ่วนเอ๋อ “ติดตามท่านแม่ไป ไม่ว่าท่านแม่คิดจะทำอะไรเจ้าก็ลงมือได้เต็มที่เลย…พวกนิกายวิถีอีกานี่ สิบในสิบล้วนไม่มีดีสักคน”
  นิกายวิถีอีกาที่มาลงมือบีบคั้นทำลายนิกายฉวินซิ่วแบบนี้ บ่งบอกให้รู้ว่าสันดารของพวกมันเป็นอย่างไร
  กับนิกายสวะดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนมีให้แค่ 3 คำเท่านั้น…ฆ่าไม่เลี้ยง!
  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในนิกายวิถีอีกามีคนของนิกายฉวินซิ่วที่ถูกจับตัวมาสนองตัณหา เช่นนั้นก็ต้องให้ความสนใจกับการช่วยตัวประกันเป็นลำดับแรก เรื่องทำลายล้างพวกมันเป็นเรื่องรองลงมา
  หลังปล่อยให้ลี่หลัวกับฮ่วนเอ๋อไปลงมือกันสองคน พวกต้วนหลิงเทียนก็เฝ้ารออยู่ด้านนอก
  อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังแผ่สำนึกเทวะปกคลุมไปทั่วถิ่นที่อยู่นิกาวิถีอีกาเอาไว้ ด้วยความที่เขาทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะแล้ว รัศมีของสำนึกเทวะเขาก็กว้างไกลเกินพอจะปกคลุมนิกายวิถีอีกา
  เขาทำเพื่อระวังความปลอดภัยให้มารดา เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้น เขาสามารถเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปจัดการได้ในชั่วพริบตา
  จากนั้นฮ่วนเอ๋อก็ติดตามลี่หลัวไปสร้างหายนะให้นิกายวิถีอีกาครั้งใหญ่
  และเห็นได้ชัดว่าวิธีการจัดการเรื่องราวของลี่หลัวค่อนข้างมากไหวพริบ นางไม่เลือกใช้พลังเข้าข่มด้วยกลัวจะเกิดเหตุการณ์ใช้ตัวประกัน แต่ลอบช่วยเหลือผู้คนเข่นฆ่าศัตรูอย่างเงียบๆ หลังผ่านไป 2 วัน ก็ช่วยประกันได้เกือบหมดแล้ว
  ด้านต้วนหลิงเทียนเองเห็นการลงมืออย่างแยบคายของทั้งคู่ เขาก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จึงเฝ้ารออย่างสงบ
  ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างรอเขาก็ไม่ได้อยู่เฉย หากพบว่ามีเศษเดนนิกายวิถีอีกาคิดจะหลบหนี เขาก็ฆ่ามันทิ้งในพริบตา ด้วยพลังของกฏมิติ จวบจนร่างสลายหายไปแล้ว คนนิกายวิถีอีกายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตกตาย…
  “หืม?”
  อย่างไรก็ตาม พอย่างเข้าวันที่ 3 ผู้เฒ่าหั่วก็คล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง พลันแหงนหน้าขึ้นไปมองสุดขอบฟ้าไกลตาทิศทางหนึ่ง
  พอต้วนหลิงเทียนกับต้วนหรูเฟิงสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของผู้เฒ่าหั่ว ก็หันไปมองตามสายตาผู้เฒ่าหั่วทันที จึงพบว่ามีร่าง 2 ร่างกำลังทะยานแหวกหมู่เมฆมาแต่ไกล
  ร่างที่เหินนำมานั้นต้วนหลิงเทียนไม่รู้จัก
  ทว่าร่างที่ติดตามอยู่ด้านหลังนั่น ต้วนหลิงเทียนจดจำได้เป็นอย่างดี มันคือคนที่ถูกผู้เฒ่าหั่วซัดจนปลิวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน…
  ภิกษุชราสู่รู้ผู้นั้น!