ตอนที่ 3,428 : เฟิงเจียนอวี่แตกตื่นตกใจ
  “ในบรรดาพวกเจ้า 2 คนไหนเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม?”
  หลังต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในโลกใบเล็กภายในกายของเมิ่งหลัวเห็นจักรพรรดิอมตะทั้งหลายของนิกายลั่วสุ่ยมารวมตัวกันและคาระทักทายเมิ่งหลัวด้วยความหวาดกลัวไม่ทันไร เมิ่งหลัวก็เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไร้แยแส
  “ใต้เท้าเมิ่งหลัว”
  จากนั้นชายชรากับชายวัยกลางคนประสานมือโค้งกล่าวเผยตัวออกมา คนหนึ่งก็คือจักรพรรดิอมตะนามเที่ยงแท้ อวี๋ซิว กับจักรพรรดิอมตะวายุสัมบูรณ์ ฉางหวี่ ซึ่งนับว่ามีชื่อเสียงพอสมควรในนิกายลั่วสุ่ย
  อย่างไรก็ตามต่อหน้าเมิ่งหลัว ทั้งคู่ก็เสมือนเด็กน้อยกลัวความผิด
  และไร้ซึ่งการแจ้งเตือนใดๆ อยู่ๆทั่วร่างเมิ่งหลัวก็ระเบิดพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวออกมาขุมหนึ่ง มวลพลังก่อลักษณ์สัตว์อสูรตัวเขื่องสีดำทะมึน อ้าปากกระหายเลือดกว้างใหญ่กลืนร่างทั้งคู่หายไปในหนึ่งคำ!
  ทั้งคู่ไม่แม้แต่จะได้ส่งเสียงร้องใดๆ
  เมื่อพลังทำลายล้างสีดำสลายหาย ก็ไร้วึ่งสิ่งใดหลงเหลือ นอกจากแหวนพื้นที่ 2 ที่ร่วงหล่นจากฟ้าอย่างเงียบงัน
  จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ของนายลั่วสุ่ย ตกตายในพริบตา!
  จะอย่างไรจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ก็แค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไปเท่านั้น ต่อหน้าจักรพรรดิอมตะสมญานามที่เลื่องลืออย่างเมิ่งหลัว ก็เสมือนเด็กน้อยวัย 2 ขวบกับผู้ใหญ่
  “ใต้…ใต้เท้าเมิ่งหลัว!”
  “ขอใต้เท้าเมิ่งหลัวโปรดเมตตาด้วย พวกเราก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น!!”
  “ขอใต้เท้าเมิ่งหลัว เมตตาไว้ชีวิตด้วย!”
  …
  จักรพรรดิอมตะที่เหลือเร่งคุกเข่าลงกลางหาวทีละคนๆ สีหน้าท่าทางของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญ ในใจยังลอบก่นด่าบรรพบุรุษทั้ง 18 รุ่นของคนที่ส่งข้อความมาบอกว่าเมิ่งหลัวจะไม่ฆ่าพวกมันกันใหญ่
  แล้วเกิดอะไรขึ้น…ผู้นำทั้ง 2 ของพวกมันที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามและแข็งแกร่งีท่สุดในบรรดาพวกมัน ตกตายไม่เหลือแม้แต่ซากศพ!
  ในอดีตพวกมันก็เคยได้ยินเรื่องราวความร้ายกาจของเมิ่งหลัวมาบ้างแล้ว แต่นั่นก็แค่เรื่องที่ได้ยินมาเท่านั้น พอได้เห็พลังของเมิ่งหลัวต่อหน้าต่อตา ก็เสมือนมีไอเย็นแล่นพล่านจากปลายเท้าจรดศีรษะ พาลให้ร่างสะท้านสั่นไประริก
  “พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้ามาที่นี่ทำไม?”
  เมิ่งหลัวกวาดตามองไปยังเหล่าจักรพรดริอมตะที่คุกกเข่าร้องขอชีวิตด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยถามเสียงเรียบ
  จักรพรรดิอมตะทั้งหลายพอได้ยินก็พร้อมใจกันเงียบปาก สิ่งแรกที่พวกมันคิดก็คือจักรพรรดิอมตะที่หลบหนีไป 2 คนก่อนหน้า…สมควรมีสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเมิ่งหลัวไม่น้อย ถึงขอแรงเมิ่งหลัวให้ออกหน้าได้
  ตอนนี้ในใจของทั้งหมดล้วนคิดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย ว่าพวกมันไม่น่ามาระนาบโลกียะแห่งนี้เลย…
  เพราะตอนนี้เว้นเสียแต่จักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียนผู้เป็นประมุขนิกายลั่วสุ่ยของมันมาเอง เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถต่อกรกับเมิ่งหลัวได้เลย
  “ใต้เท้าเมิ่งหลัว…”
  สุดท้ายก็มีคนรวบรวมความกล้าเอ่ยออกมาว่า “พวกเรามายังระนาบเซียนคราวนี้ เพราะได้รับคำสั่งจากเบื้องบน…และผู้ออกคำสั่งพวกเรายังเป็นธิดาเทพอีกด้วย”
  “ที่สำคัญ องค์ธิดาเทพยังกล่าวอีกว่านี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านประมุขอีกด้วย”
  “ใต้เท้าเมิ่งหลัวท่านก็น่าจะรู้จักท่านประมุขของพวกเราดี…เพราะประมุขนิกายเราคือจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน”
  ฟังจากวาจาของมัน เห็นชัดว่าคิดยกอ้างจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียนออกมาข่มขู่ให้เมิ่งหลัวหวาดกลัว และถอยกลับไปหลังได้รู้ว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับใคร…
  “จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน?”
  เมิ่งหลัวมองลึกไปยังผู้ที่กล่าวคำเมื่อครู่ “เจ้าคิดว่า…หากเจ้ายกอ้างจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนออกมา แล้วข้าจะกลัวงั้นหรือ?”
  คนที่ยกอ้างจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนออกมา พอโดนเมิ่งงหลัวย้อนถาม สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เหงื่อเย็นยังไหลย้อยลงมาจากหน้าผาก “ไม่กล้า…ใต้เท้าเมิ่งหลัว ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ!”
  “ที่ไฉนข้าถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เพราะข้าได้รับแจ้มาว่านิกายลั่วสุ่ยของเจ้าคิดฆ่าสรรพชีวิตบนระนาบเซียนทั้งหมด…”
  เมิ่งหลัวกล่าวสืบต่อ “แล้วเจ้ารู้หรือไม่…ว่าไฉนเรื่องนี้ข้าเมิ่งหลัวถึงต้องออกหน้า?”
  กล่าวถึงท้ายประโยค เมิ่งหลัวก็มองจ้องกลุ่มคนเบื้องหน้าเขม็ง เอ่ยถามเป็นนัย
  พอเห็นวว่าทุกคนเอาแต่ก้มหน้าตัวสั่น ไม่มีทีท่าว่าจะตอบ เมิ่งหลัวค่อยกล่าวต่อว่า “เนื่องเพราะระนาบเซียนแห่งนี้เป็นบ้านเกิดของใต้เท้าจักรรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเรา และท่านยังให้ความสำคัญกับที่นี่มาก!”
  ทันทีที่เมิ่งหลัวกล่าวประโยคนี้ออกมา คนของนิกายลั่วสุ่ยที่เอาแต่ก้มหน้าด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น ร่างพวกมันก็ชะงักค้างแข็งเติ่งไปตามๆกัน
  เรียกว่าทันทีที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวของเมิ่งหลัว สมองของคนนิกายลั่วสุ่ยทั้งหลายก็เหมือนจะหยุดทำงานลงพร้อมๆกัน…
  ระนาบเซียนแห่งนี้ คือบ้านเกิดของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน?
  แถมยยังเป็นบ้านเกิดที่ จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางให้ความสำคัญมาก?
  เรียกว่าพอทุกคนตะรหนักได้ว่าเป็นเรื่องราวใด ขนทุกเส้นทั่วร่างก็ลุกชันขึ้นมาทันที ทั่วร่างเสมือนชาหนึบ!
  มารดามันเถอะ!
  นี่พวกมันมาฆ่าล้างบางผู้คนในบ้านเกิดของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน?
  “พวกเจ้า สามารถกลับไปรายงานเรื่องราวที่ลั่วสุ่ยเทียนได้คนเดียว…พวกเจ้าคงเข้าใจคำพูดข้ากระมัง? และอย่าได้พยายยามหนี เพราะหากมีคนคิดหนีแม้แต่คนเดียว ข้าจะลงมือด้วยตัวเอง”
  เมิ่งหลัวมองจ้องเหล่าจักรพรรดิอมตะของนิกายลั่วสุ่ยด้วยสายตาเย็นชา
  และพอสิ้นคำของเมิ่งหลัว เหล่าจักรพรรดิอมตะทุกคนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
  หลังจากนั้น ไม่รอให้เมิ่งหลัวได้พูดอะไรอีกคำ พวกมันก็ลงมือฆ่ากันเองทันที!
  แรกลงมือผู้คนส่วนใหญ่ก็ร่วมมือกัฆ่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดก่อน จากนั้นก็กลุ้มรุมฆ่าผู้มีพลังฝีมือเป็นอันดับ 2 และ 3…
  จนสุดท้ายเมื่อการเข่นฆ่าเอาชีวิตรอดจบลง และเหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่สีหน้าขอมันก็ไม่ได้แลดูเจ็บปวดอะไร จะมีก็แต่ความยินดีที่รอดตาย
  “ใต้เท้า…ใต้เท้าเมิ่งหลัว”
  คนที่รอดชีวิต หลังยยินดีอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันไปมองถามเมิ่งหลัวด้วยความกังวล “ตอนนี้ ข้าน้อย….ข้าน้อยไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
  “เจ้าไปได้แล้ว”
  เมิ่งหลัวกล่าวตอบด้วน้ำเสียงเฉยเมย “ข้าหวังว่าข่าวจะล่วงรู้ถึงหูจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน”
  “ขอบคุณใต้เท้าเมิ่งหลัว”
  ได้ยินคำพูดดังกล่าวของเมิ่งหลัว ผู้ที่รอดชีวิตก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
  และหลังจากที่มันเร่งงรุดจากไป ต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของเขาตอนนี้แลดูปั้นยากนัก
  “นายน้อย เรื่องราวหลังจากนี้ท่านทำได้แค่รอให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กลับมาก่อน ถึงจะตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร…ครั้งนี้เมื่อข้าออกหน้าแล้ว รวมถึงเรื่องที่ข้าพูดไป จักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียนคงไม่กล้าคิดทำอะไรบุ่มบ่ามกับระนาบเซียนแห่งนี้อีก”
  เมิ่งหลัวกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
  “อืม”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยกล่าวกับเมิ่งหลัวว่า “อาวุโสเมิ่งหลัว ท่านกลับไปก่อนเถอะ…ข้าจะไปตระเวนดูทั่วระนาบเซียนหน่อย”
  “นายน้อย ไม่ต้องกังวลเรื่องข้า ข้าจะตามท่านไปชมดูด้วย…พอดีข้าเองก็ไม่เคยเห็นบ้านเกิดของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มาก่อน”
  เมิ่งหลัวคลี่ยิ้ม
  แน่นอนว่าที่เมิ่งหลัวเลือกจะรั้งอยู่ ก็เพื่อความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน
  เพราะตอนนี้มันได้รับทราบแล้วว่าสาเหตุที่จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนส่งคนมาฆ่าล้างสรรพชีวิตในระนาบเซียนนั้น ที่แท้เกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียน
  ต้วนหลิงเทียนได้ฆ่าลูกสาวแท้ๆของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน!
  ดังนั้นเมิ่งหลัวจึงงไม่กล้าไม่ใส่ใจ
  หากจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียนคุ้มคลั่งบุกมาระนาบเซียนแห่งนี้ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นแล้วมันไม่อยู่ นายน้อยไม่ตกอยู่ในอันตรายแล้วหรือ?
  ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ขัดข้องที่เมิ่งหลัวจะอยู่ด้วย จากนั้นเขาก็เริ่มคิดถึงบ้านเกิดในดินแดน 10 ราชวงศ์ของทวีปเมฆาล่อง ‘ที่พวกมันยังรั้งอยู่ที่นี่และไม่กลับไป สมควรเพราะยังไม่อาจฆ่าล้างสรรพชีวิตบนระนาบเซียนได้หมด…’
  ‘ดินแดน 10 ราชวงศ์เองก็ตั้งอยยู่ในพื้นที่ห่างไกล…พวกมันอาจจะยังไปไม่ถึงที่นั่น’
  ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้ดี ว่าสิ่งที่เขาคิดมันก็แค่การปลอบใจตัวเอง
  สำหรับตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะของนิกายลั่วสุ่ยแล้ว ไม่มีคำว่าสถานที่ห่างไกลอะไรทั้งนั้น อาศัยขอบเขตพลังสูงุสดในระนาบเทวโลกอย่างพวกมัน ระนาบเซียนแห่งนี้ช่างเล็กจ้อยนัก และสิ่งมีชีวิตใดๆก็ไม่ต่างจากมดตัวเล็กๆ
  สำหรับจักรพรรดิอมตะแล้ว ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพลที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบเซียน ก็เปราะบางไม่ต่างอะไรกับมดแมลง
  ‘หวังว่าจะยังไม่เป็นไร…มันต้องไม่เป็นอะไร’
  ถึงแม้บ้านเกิดของเขาในระนาบเซียน จะไม่เหลือคนที่รู้จักอยู่อีกต่อไป เพราะทุกคนที่เคยรู้จักไม่พ้นแก่ตายไปหมดสิ้น
  อย่างไรก็ตาม สมควรมีทายาทของคนรู้จักเขาในอดีต…
  …
  ไม่นานนักต้วนหลิงเทียนก็พาเมิ่งหลัวเดินทางมาถึงดินแดน 10 ราชวงศ์ในทวีปเมฆาล่อง
  ส่วนทางด้านจักรพรรดิอมตะของนิกายลั่วสุ่ยที่เมิ่งหลัวป่อยให้เหลือรอดกลับมาคนเดียว ก็ได้เดินทางกลับมาถึงนิกายลั่วสุยแล้วเช่นกัน
  พูดตามตรง มันไม่ได้อยากกลับมาเลย…
  อย่างไรก็ตามครอบครัวของมันและสหายก็ล้วนอยู่ในนิกายลั่วสุ่ย จะให้มันหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวมันก็ไม่อาจหักใจกระทำ
  จำต้องย้อนกลับมาเท่านั้น
  “ธิดาเทพ…”
  จักรพรรดิอมตะที่รอดชีวิตกลับมา รูปลักษณ์ของมันเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าเกลี้งเกลาปานหยกเสลา อย่างไรก็ตามตอนนี้สีหน้าของมันอัปลักษณ์ปั้นยากนัก ในแววตายังฉายความแตกตื่นหวาดกลัวไม่หาย
  “เกิดอะไรขึ้น?”
  ธิดาเทพแห่งนิกายลั่วสุ่ย ลูกสาวแท้ๆของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน เฟิงเจียนอวี่ พอเห็นสีหน้าจักรพรรดิอมตะที่มาเข้าพบ ก็ตระหนักได้ทันทีว่ามีเรื่องอะไรผิดท่า
  ใบหน้านางก็พลอยจริงจังขึ้นมาด้วย
  “ธิดาเทพ…นอกจากตัวข้าแล้ว คนอื่นๆที่เดินทางไประนาบเซียนพร้อมกับข้าล้วนตกตายหมดสิ้น…ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 เองก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นเช่นกัน”
  ชายวัยกลางคนก้มศีรษะโค้งให้เฟิงเจียนอวี่ พลางกล่าวรายงานเสียงสั่น
  “อะไรนะ?!”
  ท่าทีเฟิงเจียนอวี่เปลี่ยนไปใหญ่หลวง “เป็นไปได้อย่างไร? พวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นจักรพรรดิอมตะ แถมยังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามอีกถึง 2…แต่กลับไปตายในระนาบโลกียะกันหมด?”
  “พูด! ที่แท้เกิดอะไรขึ้น!?”
  สีหน้าของเฟิงเจียนอวี่ตอนนี้มืดมนนัก นางไม่คิดเลยว่าคนเป็นโหลที่นางส่งไปทำเรื่องง่ายๆในระนาบเซียน สุดท้ายกลับเหลือรอดกลับมาแค่คนเดียว
  นางขบคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
  อาศัยระนาบโลกียะ มีอะไรเข่นฆ่าตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะได้กัน?
  “ท่านธิดาเทพ…เป็นใต้เท้าจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ได้ลงมายังระนาบเซียนด้วยตัวเอง และเข้ามาหยุดพวกเรา”
  ชายวัยกลางคนไม่กล้าชักช้า เร่งเล่าเรื่องราวออกมาทันที ตั้งแต่ที่เมิ่งหลัวปรากฏตัวรวมถึงคำพูดของเมิ่งหลัว
  หลังงเฟิงเจียนอวี่ได้ยินเรื่องราวของชายวัยกลางคน สีหน้าของงนางไม่ต่างอะไรจากได้ฟังนิทาอาหรับราตรีแม้แต่น้อย “จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว ออกหน้าสอดมือ…นอกจากนั้นยังบอกอีกว่าระนาบเซียนก็คือบ้านเกิดที่จักรพรรดิสวรรค์ ฟงชิงหยาง แห่งจี้เมี่ยเทียนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง?”
  ในเมื่อผู้ที่ลงมือเป็นถึงจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัว เฟิงเจียนอวี่ ก็ไม่แปลกใจอีกต่อไปว่าไฉนคนของนางถึงเหลือรอดกลับมาแค่คนเดียว
  เฟิงเจียนอวี่รู้ดี…
  ต่อให้เป็นนาง หากต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง ก็มีแต่สิบตายไร้ทางรอด ไม่เห็นทางหลบหนี!
  อย่างไรก็ตาม ที่ทำให้นางตื่นตระหนกกว่าใดอื่นก็คือ…
  ระนาบเซียนนั่น กลับเป็นบ้านเกิดของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!!
  ใตหล้ามีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้อยู่ด้วยหรือ?!