ตอนที่ 3,442 : รายนามจักรพรรดิสวรรค์
“อันดับ 1”
ทันทีที่เสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ไม่เพียงแต่เว่ยฉีเท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่ว่างถิง จางเทียนโย่ว และชายหนุ่มอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับคำตอบของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง
อันดับ 1?
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ กล้าพูดออกมาเชียวหรือว่าตัวเองจะได้อันดับ 1?
เสียสติไปแล้วหรือไร?
“ฝันละเมอของตัวโง่งม!”
จางเทียนโย่วเป็นคนแรกที่กลับมารู้สึกตัว จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัววเราะประชด “เกรงว่าเจ้าคงไม่รู้กระมังว่าผู้ที่เข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์เป็นตัวตนอันใด? ครั้งนี้ไม่พ้นตจ้องมีอัจฉริยะจากทั่วทุกสารทิศมาเข้าร่วมต่ำๆ 2,000 กล่าวได้ว่าเฉลี่ยแล้วผู้ที่เข้าร่วมก็ล้วนเป็นสุดยอดอัจฉริยะของแต่ละระนาบเทวโลก ระนาบละ 20-30 คน”
“ระนาบเทวโลกกว้างใหญ่ไปศาลเพียงใด…ยิ่งศึกอัจฉริยะสวรรค์เป็นสังเวียนของสุดยอดอัจฉริยะที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว ไม่ว่าจะผู้ที่อยู่เหนืออัจฉริยะทั้งมวลของระนาบเทวโลกต่างๆที่เชื่อเสียงเลื่องลือ ยังมีอัจฉริยะที่เร้นกายอันเป็นศิษย์หรือลูกหลานของตัวตนอันร้ายกาจอีก…”
“แถมครั้งนี้ของรางวัลอันดับ 1 ยังน่าดึงดูดใจเกินไป…เพราะไม่เพียงแต่จะมีผลอมตะหยวนปะทุเท่านั้น แต่วิหารเฟิงฮ่าวังถึงกับเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าสู่ห้องลับแห่งกฏ ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยยโบราณของวิหารเฟิงฮ่าว ทำให้คราวนี้สุดยอดอัจฉริยะดั่งมังกรหลับทั้งหลายถึงกับตื่นขึ้นมา หมายช่วงชิงชัยชนะเพื่อคว้าโอกาสเข้าห้องลับแห่งกฏนั่น”
“ห้องลับแห่งกฏที่ว่า เต็มไปด้วพลังอำนาจลี้ลับแห่งกฏ…แม้ความลึกซึ้งของกฏปกติแล้ววจะยากเข้าใจและยยากสัมผัสถึงเป็นที่สุด แต่ภายในห้องลับแห่งกฏของวิหารเฟิงฮ่าว พลังความลึกซึ้งของกฏเหล่านั้นเรียกว่าหนาแน่นจนแทบจับต้องได้ ขอเพียงซึบซับมันได้ก็สามารถยกระดับความเข้าใจในกฏได้ครั้งใหญ่…”
“ด้วยเหตุนี้ ห้องลับแห่งกฏของวิหารเฟิงฮ่าวถือได้ว่าเป็นสถานที่แห่งวาสนาครั้งใหญ่ กระทั่งให้เป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวเอง ก็ใช่ว่าจะได้เข้าไปกันง่ายๆ!”
“ผู้ที่จะสามารถเข้าสู่ห้องลับแห่งกฏได้ ไร้ซึ่งข้อยกเว้นใดๆล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งสิ้น”
“ในอดีตตอนที่วิหารเฟิงฮ่าวังไม่เปิดให้ผู้ชนะอันดับต้นๆเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏ แม้จะมีของรางวัวลหากมากมาย แต่อำนาจดึงดูดยั่วใจก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร ทำให้มีอัจฉริยะมาเข้าร่วมไม่มาก เหล่าผู้มีชื่อเสียงก็ไม่คิดจะสนใจด้วยซ้ำ”
“ต่อมาพอวิหารเฟิงฮ่าวเปิดโอกาสให้ผู้ชนะอันดับต้นๆเข้าใช้ ตั้งแต่ตอนนั้นเหล่าสุดยอดอัจฉริยะทั้งหลายในระนาบเทวโลกที่มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองและมีอายุไม่ถึงพันปี ก็ล้วนแห่แหนกันมาเข้าร่วมประลองชิงชัยทั้งสิ้น”
“สุดท้ายแล้วห้องลับแห่งกฏมันก็ยั่วยวนใจเกินไป หอมหวานเกินไป!”
กล่าวถึงจุดนี้ จางเทียนโย่วคล้ายตระหนักได้ว่าตัวเองพูดนอกเรื่องมาไกล จึงวกกลับเข้าเรื่องด้วยน้ำเสียงค่อนแคะว่า “ข้าเกรงว่าศึกอัจฉริยะครั้งนี้ ไม่พ้นต้องรวมเหล่าสุดยอดอัจฉริยะอุไม่ถึงพันของรระนาบเทวโลกทั้งมวล…”
“ดุจเดียวกับข้า อายุไม่ถึงพันปีแต่มีพลังฝีมือระดับจักรพรรดิอมตะสมญานาม และดูจากศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งก่อนๆ อัจฉริยะระดับนี้ก็มีราวๆ 3 ส่วนของคนทั้งหมด”
“อย่างว่างถิงกับเหอเจี้ยนอี่ ที่พลังฝีมือยังไม่ถึงขั้นจักรพรรดิอมตะสมญานาม ที่มาเข้าร่วมก็แค่สนุกสนานหาประสบการณ์เท่านั้น…แน่นอนว่าหากติด 1,000 อันดับแรกได้ก็ถือว่าโชคดีหนักหนาแล้ว”
กล่าวถึงจุดนี้ จางเทียนโย่วก็หันไปมองว่างถิงกับชายหนุ่มอีกคน
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้ชื่อ ‘เหอเจี้ยนอี่’
“ไม่ต้องกล่าวถึงศึกอัจฉริยยะสวรรค์ในอดีตเลย…เอาแค่ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถติดอยู่ใน 100 อันดับแรกได้ หากต้องเจอกับว่างถิงหรือเหอเจี้ยนอี่ คิดเอาชนะพวกมันเต็มที่ก็ 10 บวนท่าเท่านั้น”
“ข้าจางเทียนโย่ว อัจฉริยะอายุไม่ถึงพันปีที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 1 ของนิกายกระบี่ลี้ลับแห่งจี้เมี่ยเทียน เพียงหวังว่าจะสามารถติดอยู่ใน 500 อันดับแรกเท่านั้น…แต่เจ้าถึงกับกล้าพูดว่าจะได้อันดับ 1 ศึกอัจฉริยะสวรรค์ เจ้าตลกเหรอ?”
“ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่จะได้อันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้เลย…เอาแค่ผู้ที่ติดอยู่ใน 30 อันดับแรกได้ เกรงว่าต่อให้เป็นข้า ก็คงต้องแพ้พ่ายใน 3 กระบวนท่า”
“กับ 10 อันดับแรก ข้าจางเทียนโย่ววคงไม่ได้ออกมือสักท่า”
ฟังจากการวิเคราะห์ของจางเทียนโย่ว เห็นได้ชัดว่ามันทำการบ้านมาดีไม่น้อย
และกับคำพูดของจางเทียนโย่ว ไม่ว่าจะว่างถิงก็ดี หรือเหอเจี้ยนอี่ก็ดี ทั้งหมดล้วนพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว เพราะการวิเคราะห์ของจางเทียนโย่ว ก็ไม่ผิดจากที่พวกมันคาดไว้แม้แต่น้อย
“เจ้ากล้าพูดมาได้ว่าจะคว้าอันดับ 1 ให้ข้าเดาเจ้าก็คงไม่ได้ศึกษาและวิเคราะห์พลังฝีมือของเหล่าอัจฉริยะที่เข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ในอดีตมาก่อนเลยกระมัง?”
สายตาที่จางเทียนโย่วใช้มองต้วนหลิงเทียน ยิ่งมาก็ยิ่งทวีความดูถูก “กระทั่งข้าจางเทียนโย่วที่เทียบได้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว หากเข้าไปในสมรภูมิ 9 ยมโลกอย่างดีก็เป็นแค่เทพสงคราม 1 ดาราเท่านั้น”
“ไม่ต้องกล่าวถึงศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ที่ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันร้ายกาจแค่ไหนแห่แหนมาเข้าร่วม”
“เอาแค่ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งล่าสุดเมื่อพันปีก่อน ผู้ที่จะติดอยู่ใน 500 อันดับแรก อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 1 ดารา”
“ผู้ที่ติดอยู่ใน 300 อันดับแรก ก็เป็นถึงเทพสงคราม 2 ดาราเข้าไปแล้ว”
“ยิ่ง 100 อันดับแรก อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นตัวตนระดับเทพสงคราม 3 ดารา!”
“พลังฝีมือของ 30 อันดับแรกไม่ว่าใครก็เป็นถึงเทพสงคราม 4 ดารา!”
“ยิ่ง 10 อันดับแรกยิ่งร้ายกาจเหนือจินตนาการนัก เพราะอย่างน้อยๆก็ต้องมีพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดารา!”
“ในศึกอัจฉริยะสวรรค์เมื่อพันปีก่อน ผู้ที่คว้าชัยชนะเลิศมาได้ หรือก็คือศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์อวิ๋นฮ่าวเทียน พลังฝีมือก็ร้ายกาจถึงขั้นเทพสงคราม 5 ดาราระดับแนวหน้า…หลังผ่านมาไม่กี่พันปี วันนี้มันก็ย่ำถึงธรณีประตูเทพสงคราม 6 ดาราเข้าไปแล้ว!”
พูดถึงจุดนี้ สองตาจางเทียนโย่วก็ฉายชัดถึงความกระตือรือร้น “อายุไม่ถึง 2,000 ปี สามารถกลาเป็นเทพสงคราม 6 ดารา…อย่างเจ้าคงนึกไม่ถึงกระมังว่ามันร้ายกาจถึงขนาดไหน!”
ถึงแม้คำพูดที่จางเทียนโย่วพล่ามมาก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนจะไม่สนใจอะไรแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม คำพูดประโยคท้ายของจางเทียนโย่ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง
เทพสงคราม 6 ดารา อายุไม่ถึง 2,000?
พูดไปตัวตนระดับนี้ ก็ไม่ใช่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ฉือหย่าชี ของเขาที่วังเทียนฉือหรือไร เพราะนางเองก็อายุไม่ถึง 2,000 ปี แต่พลังฝีมือก็ถึงระดับเทพสงคราม 6 ดาราแล้ว?
ถ้างั้นพูดได้ว่า ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาก็มีความสามารถพอๆกับผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งก่อนเลน่ะสิ?
ผู้ชนะอันดับ 1 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งก่อน ระหวว่างเดินทางมาพระราชววังจักรพรริสวรรค์หยวนสื่อเทียน เขาก็ได้ยินอาจารย์เขา ฟงชิงหยาง พูดถึงมาบ้าง และรู้แต่แรกว่ามันคือศิษย์ปิดสำนักของจักรพรรดิสวรรค์อวิ๋นฮ่าวเทียน มีศักยภาพและพรสวรรค์อันน่าตกใจนัก!
สำหรับตัวจักรพรรดิอวิ๋นฮ่าวเทียนเอง มันก็เป็นผู้ที่ได้รับอันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ เป็นตัวตนที่ทุกคนยืนยยันกันแน่ชัดแล้วว่าบรรลุถึงขอบเขตเทพ!
‘ดูเหมือนศิษย์พี่หญิงใหญ่สมควรพบพานการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่มาเช่นกัน…ไม่งั้นหากมองจากความสามารถนางก่อนอายุพันปี ถึงนั่นจะน่าทึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มากพอให้มีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ นางต้องพบพานโชควาสนาครั้งใหญ่มาแน่!’
ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
มาตอนนี้หลังได้ฟังคำแจกแจงโดยละเอียดของจางเทียนโย่ว ก็ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่วังเทียนฉือทันที
“ศิษย์น้องต้วน ที่เจ้านั่นพูดมาก็ไม่ผิด”
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายไม่สนใจคำพูดของจางเทียนโย่ว เว่ยฉีที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนเหมือนจะไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่าย ก็เลยเอ่ยเสริมขึ้นมา “ศึกอัจฉริยะครั้งก่อน พลังฝีมือของผู้ที่ใด้อันดับต่างๆ ล้วนเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“และที่ไฉนปกติไม่มีใครล่วงรู้ เพราะอัจฉริยะเหล่านั้นล้วนเก็บตัวเงียบเกินไป ไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนเท่าไหร่ จนมาเผยตัวเอาตอนมีศึกอัจฉริยะสวรรค์”
“อย่าว่าแต่ผู้อื่นเลย แต่ให้เป็นข้าหรือท่านอาจารย์ก็ไม่มีวาสนาได้เข้าไปยังห้องลับแห่งกฏของวิหารเฟิงฮ่าวสักครั้ง…หากมีโอกาสได้เข้าห้องลับแห่งกฏนั่น ไม่ทราบจะเป็นเรื่องดีถึงเพียงใด…”
เว่ยฉีกล่าว
“ศิษย์พี่เว่ยฉี แล้วท่านเคยเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์หรือไม่?”
ต้วนหลงเทียนเอ่ยถามด้ววยความสงสัย
“ข้าไม่เคยเข้าร่วม”
เว่ยฉีส่ายหัว “โชคชะตาข้าไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่…เจ้าเองก็คงทราบว่าชั่วชีวิตของทุกคน มีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่จะเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์…ตอนที่ข้ามีโอกาสเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ ตัวข้ายังพึ่งมีอายุได้ 200 ปีเท่านั้น…”
“แต่แน่นอนว่าก่อนที่ข้าจะมีอายุครบพัน ข้าก็เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว แต่ก็แค่จักรพรรดิอมตะสมญานามดาษๆเท่านั้น”
“ก็อย่างที่จางเทียนโย่วพูด…ถึงข้าจะมีโชคได้เข้าร่วมศึอัจฉริยะสวรรค์ตอนอายุเกือบพัน ก็คงยากที่ข้าจะติดอยู่ใน 1,000 อันดับแรกได้”
เว่ยฉีถอนหายใจ
“ศิษย์พี่เว่ยฉีก็พูดไป…”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว “อาศัยความสำเร็จในวันนี้ของศิษย์พีเว่ยฉี ข้าเกรงว่าคงมีผู้ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งก่อนไม่กี่คนกระมัง ที่สามารถเทียบท่านได้”
ดิ้นคำพูดของต้วนหลิงเทียน เว่ยฉีก็คลี่ยิ้มกว้าง “ก็จริงของเจ้า แต่เรื่องนี้ทั้งหมดต้องขอบคุณท่านอาจารย์ของข้า ที่คอยดูแลข้ามาอย่างดี”
“ผู้ที่ติด 10 อันดับแรกในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งก่อน…ในปัจจุบันมีมากกว่าครึ่งที่สู้ข้าไม่ได้เลย”
“อย่างไรก็ตาม ก็มีคนที่เทียบข้าได้เช่นกัน”
“และในบรรดาพวกมัน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด…ตอนนี้ก็เป็นจักรพรรดิสวรรค์ไปแล้ว และมีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย”
เว่ยฉีกล่าวว่า “มีหลายคนที่ตอนอายุไม่ถึงพันปี ที่เผยศักยภาพพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อออกมา…อย่างไรก็ตามใต้หล้าไหนเลยมีอะไรแน่นอน หลังผ่านมาพันปี บ้างก็ตกตาย บ้างก็ล้มเหลว ใช่ว่าความสำเร็จในอดีตจะวัดความสำเร็จในปัจจุบันได้”
“อาศัยเวลาแค่ช่วงสั้นๆ ก็มีความเป็นไปได้มากมายแล้ว”
“ศิษย์น้องต้วน ด้วยท่านมีอาจารย์อย่างอาจารย์อาฟง ถึงแม้ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ผลงานของท่านอาจจะออกมากลางๆ แต่ด้ววพลังฝึกปรือของอาจารย์อาฟง วันหน้าท่านต้องเติบโตเป็นยักษ์ใหญ่ในระนาบเทวโลกทั้งมวลคนนึงแน่!”
“กระทั่งขอบเขตเทพก็ยังมีหวังบรรลุถึง!”
พอกล่าววถึงคำขอบเขตเทพ สองตาเว่ยฉีก็ทอประกายวับวาวนัก สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนยังแลดูลึกซึ้งไม่น้อย
เห็นแววตาที่มองมาดังกล่าวของเว่ยฉี ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าไม่พ้นเรื่องที่อาจารย์เขาฟงชิงหยางบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว เว่ยฉี ก็รับทราบ
หาไม่แล้วเว่ยฉีคงไม่มองเขาด้วยสายตาดังกล่าว
“ดูเหมือนศิษย์พี่เว่ยฉีก็ไม่มั่นใจในตัวข้าเช่นกัน…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องต้วน ไม่ใช่ว่าข้าไม่มั่นใจในตัวเจ้า…แต่ครั้งนี้เจ้าก็กล่าวคำโตเกินไป คิดจะคว้าอันดับ 1 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์หาได้ง่ายดายไม่!”
“ที่สำคัญคราวนี้วิหารเฟิงฮ่าวถึงกับนำเอา ‘ผลอมตะหยวนปะทุ’ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผลไม้อมตะที่ไร้ผลไม้อมตะใดเทียบได้ออกมาเป็นของรางวัล เห็นได้ชัดว่าศิษย์อัจฉริยะของพวกมันถูกกำหนดไว้ให้เป็นอันดับ 1 แล้ว ไม่งั้นพวกมันคงไม่ควักของล้ำค่าเช่นนี้ออกมาเป็นรางวัลหรอก”
“เมื่อวิหารเฟิงฮ่าวมั่นใจว่าอัจฉริยะของพวกมันจะคว้าตำแหน่งชนะเลิศได้…เกรงว่าอย่างน้อยๆอัจฉริยะของพวกมันก็ต้องเป็นเทพสงคราม 5 ดารา ระดับต้นๆ…”
“เผลอๆอาจจะเป็นได้ถึงเทพสงคราม 6 ดารา!”