ตอนที่ 3,445 : คนรู้จักของต้วนหลิงเทียน
ในขณะที่เว่ยฉีกล่าวต้อนรับพลางผายมือเชื้อเชิญ อากู๋โม่ จ้าววิหารเฟิงฮ่าวแห่งเฟิงชิงเทียนและคนอื่นๆเข้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน สายตามันก็กวาดมองไปยังเหล่ารุ่นเยาว์ทั้ง 16 คนด้านหลัง
“ใต้เท้าอากู๋โม่ รุ่นเยาว์เหล่านี้…เป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนท่านพามาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์เช่นนั้นหรือ?”
เว่ยฉีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด”
ได้ยินคำถามดังกล่าว อากู๋โม่ก็คลี่ยิ้มบางๆกล่าวตอบ “ยังเหลืออีกคนหนึ่ง…เพียงแต่เจ้านั่นชมชอบเดินทางอิสระ และตอนนี้ก็สมควรมาถึงหวนสื่อเทียนแล้ว”
“มันจะมาก่อนที่ศึกอัจฉริยะสวรรค์จะเริ่มแน่นอน…ถึงตอนนั้นข้าเองก็ต้องรบกวนจักรพรรดิอมตะมังกรกระดูกให้สั่งคนรอรับมันด้วย”
อากู๋โม่กล่าว
”โอ้?”
สองตาเว่ยฉีเป็นประกาย “ค่อนข้างเอาแต่ใจทีเดียว…เป็นศิษย์ที่วิหารเฟิงฮ่าวท่านปลูกฝังมารึ?”
คำพูดของเว่ยฉีทำให้อากู๋โม่ค่อยๆคลี่ยิ้ม “จักรพรรดิอมตะกระดูกมังกร ท่านคิดว่า… ถ้ามันเป็นคนที่ได้รับการปลูกฝังจากวิหารเฟิงฮ่าวเรา ข้าจะควบคุมมันไม่ได้หรือ?”
“ศึกอัจฉริยะสวรรค์ใกล้เริ่มต้นแล้วแบบนี้ หากเป็นคนของเราจริง ข้าย่อมพามันมาด้วยกันเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุผิดพลาดแต่แรก”
“แต่ในเมื่อมันไม่ใช่และยืนกรานจะตามมาเองทีหลัง ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
อากู๋โม่ได้แต่ถอนหายใจ
“ดูเหมือนว่า มันจะไม่ธรรมดาสินะ”
สองตาเว่ยฉีทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง “เพราะมันถึงกับทำให้ใต้เท้าอากู๋โม่ยอมผ่อนปรนให้เช่นนี้…พลังฝีมือของมันน่ากลัวอย่างน้อยๆก็ต้องมีเทพสงคราม 3 ดาราใช่หรือไม่?”
เทพสงคราม 3 ดารา
ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งก่อน อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีพลังฝีมือระดับนี้ก็ร้ากาจมากพอจะเข้าสู่ 100 อันดับแรกได้แล้ว
กระทั่งหากร้ายกาจมากหน่อยก็อาจจะติดถึง 50 อันดับแรก
ในสายตาของเว่ยฉี ลองเป็นอัจฉริยะที่อากู๋โม่ผ่อนปรนและให้สิทธิพิเศษดังกล่าว…อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงงคราม 3 ดารา!
ดิ้นคำถามนี้ของเว่ยฉี อากู๋โม่ก็คลี่ยิ้มลี้ลับ “จักรพรรดิอมตะกระดูกมังกร ข้าไม่อยากขายมัน”
“รอให้ศึกอัจฉริยะเริ่มเมื่อไหร่ ท่านก็เห็นฝีมือมันเอง”
เมื่อเห็นรอยยิ้มลี้ลับบบนใบหน้าของอากู๋โม่ เว่ยฉีก็หยีตาเล็กน้อย ดูเหมือนที่มันคาดเดาอาจจะเป็นจริง
ไม่งั้นอากู๋โม่คงไม่เผยท่าทีดังกล่าว
“เช่นนั้นข้าจะรอดู”
ในเมื่ออากู๋โม่ไม่คิดพูดอะไรมาก เว่ยฉีก็คร้านจะเซ้าซี้
หลังจากนั้น เมื่อจัดแจงให้อากู๋โม่กับรองจ้าววิหารอีก 2 คนเข้าพจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนแล้ว มันก็พารุ่นเยาว์ทั้ง 16 คนที่อากู๋โม่พามาไปเข้าที่พัก
“เจ้าไปตรวจสอบรุ่นเยาว์เหล่านี้หน่อย และข้าอยากรู้พลังฝีมือของรุ่นเยยาว์คนสุดท้ายของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนที่จะตามมาทีหลัง”
“ข้าเกรงว่าต่ำๆเจ้านั่นอาจจะเป็นเทพสงคราม 4 ดารา”
เว่ยฉีกำชับคนของมัน
และหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เว่ยฉีก็ได้คำตอบ
“ใต้เท้าเว่ยฉี ข้าน้อยไปสืบมาแล้ว…ในบรรดาพวกมัน ไม่มีผู้ใดรู้วว่าคนสุดท้ายที่แท้มีพลังฝีมือสูงต่ำเท่าไหร่กันแน่ เพราะพวกมันไม่มีใครสู้คนๆนั้นได้เลย”
“และในบรรดารุ่นเยาว์กลุ่มนี้ ก็มีเทพสงคราม 2 ดาราอยู่ 2 คน”
“เช่นนั้นจึงยืนยันได้ว่า คนสุดท้ายที่จะมา…อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 3 ดารา!”
“ข้าน้อยลองถามชื่อของมันจากรุ่นเยาว์เหล่านั้นดูแล้ว”
“พวกมันก็รู้เรื่องนี้”
“เจ้านั่นเรียกว่า…หลิงเจวี๋ยอวิ๋น”
ณ ที่ไหนสักแห่งในหยวนสื่อเทียน
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
เสียงกระบี่ฉับไวดังขึ้น ในชั่วพริบตาหนึ่งร่างเขื่องภายในหุบเขาอันกว้างใหญ่ ก็ล้มลงดังตึง พาลให้ฝุ่นดินปลิวว่อนฟุ้งไปทั่ว
หลังจากฝุ่นซาลง ก็เผยร่างสัตว์อมตะขนาดใหญ่ให้เห็นชัดเจน
ขณะเดียวกันเหนือขึ้นไปจากร่างดังกล่าวบนฟ้า ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งลอยล่องอยู่
เป็นชายหนุ่มชุดเทาใบหน้าเย็นชามีกระบี่อ่อนพันไว้รอบเอว สายตาของมันกำลังมองจ้องซากร่างมหึมาเบื้องล่าง
ขณะดู ปากก็กล่าวพึมพำว่า “ใกล้ถึงเวลาต้องไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนแล้ว…”
“ตอนนี้พวกอากู๋โม่คงไปถึงกันเรียบร้อย”
หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ คงจดจำได้ทันที
ว่าชายหนุ่มชุดเทาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋น
นายน้อยตระกูลหลิงของระนาบเทพ ในอดีตหลังจากที่ตระกูลหลิงถุกศัตรูบุกมาทำลาย ด้วยความช่วยเหลือของ ‘หวงเอ้อ’ จิตวิญญาณกระบี่ของพี่สาว มันก็สามารถหลบหนีมายังระนาบเทวโลกได้อย่างราบรื่น…จากนั้นเมื่อช่องทางเชื่อมต่อระหว่ว่างระนาบเทพกับระนาบเทววโลกปิดลง ก็เป็นดั่งการรับประกันความปลอดภัยให้มันพันปี
ตลอดหลาปีที่ผ่านมา มันตระเวนฝึกปรือไปทั่วระนาบเทวโลกต่างๆ ย้ายจากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง
ตอนแรกมันก็บ่มเพาะฝึกปรืออยู่ในหลิงหลัวเทียน
และในตอนนั้นเองที่มันได้พบเจอกับต้วนหลิงเทียน ก่อนจะฝากฝังหวงเอ้อให้กลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่ของงกระบี่หิงหลง 7 สมบัติซึ่งแต่เดิมว่างเปล่าไร้จิตวิญญาณกระบี่
หลังจากอยู่ในหิงหลัวเทียนได้สักพัก หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ได้เดินทางไปยังอวี้หวงเทียน
จากนั้นก็ท่องไปตามระนาบเทวโลกต่างๆ
พอวิหารเฟิงฮ่าวเปิดให้อัจฉริยะทั้งหลายมาทดสอบวัดคุณสมบัติเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่บังเอิญอยู่ในระนาบเฟิงชิงเทียน ก็เลยไปเข้าร่วมการทดสอบที่วิหารเฟิงฮ่าวของเฟิงชิงเทียน ก่อนจะผ่านการทดสอบบได้อย่างราบรื่น และได้รับสิทธิ์เข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์
เป็นธรรมดาว่าถึงจะออมรั้งยั้งมือไว้แล้ว ก็ยังมีคุณสมบัติเกินพอ และสิ่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจของจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนอ่างอากู๋โม่นัก
จากนั้นอากู๋โม่ก็พยายามทดสอบมันด้วยตัวเอง
สุดท้ายหลังผ่านการทดสอบบางอย่างกับอากู๋โม่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็บอกมันว่าจะไม่ไปพร้อมกับวิหารเฟิงฮ่าวและเหล่าอัจฉริยะโง่งมพวกนั้น แต่เลือกจะไปฝึกปรือเพียงลำพังที่หยวนสื่อเทียน รอให้ใกลถึงเววลาเริ่มศึกอัจฉระสวรรค์เมื่อไหร่เดี๋ยวจะติดต่อหาอากู๋โม่มาอีกที
‘ไม่รู้…ต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ด้วยรึเปล่า?’
ทันใดนั้นเองสองตาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เริ่มเหม่อลอยฉายชัดถึความคิดถึง ‘ไม่ได้เจอเจ้านั่นหลายปีดีดักแล้ว…งมีพี่สาวหวงเอ้ออีก’
‘ด้วยพรสวรรค์กับความเข้าใจไม่ใช่ชั่วของเจ้านั่น พลังฝีมือต้องก้าวหน้าไปไม่ใช่น้อย’
‘แต่ไม่รู้ว่ามันจะรู้เรื่องและเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้รึเปล่า’
‘หวังว่ามันจะมา’
‘สุดทายแล้วมันกับข้าก็มีโอกาสเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้แค่ครั้งเดียว…อย่างไรเสียหากผ่านไปอีกพันปีข้ากับมันก็อายุเกินกว่าจะเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งต่อไปได้’
ไม่ว่าใครก็สามารถเก็บซ่อนลมหายใจแห่งอายุได้
อย่างไรก็ตาม อายุกระดูก ไม่อาจปลอมแปลง
เป็นธรรมดาว่ามียอดฝีมือรุ่นเยาว์อัจฉริยะบางคนที่เข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์เป็นพวกกลับชาติมาเกิด ถึงแม้ร่างกายอาจจะยังเยาว์ แต่ที่จริงวิญญาณของพวกมันล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่า!
จะอย่างไรก็ตาม ถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้จะกลับชาติมาเกิด แต่ด่านพลังฝึกปรือก็ถูกจำกัดด้วยร่างกาย
ไม่ว่าด่านพลังฝึกปรือในอดีตของพวกมันจะเลิศล้ำแค่ไหน แต่ร่างใหม่ของพวกมันก็ไม่อาจสำแดงพลังในอดีตได้
เพราะจิตวิญญาณของพวกมันจะถูกระงับให้มีพลังฝึกปรือเท่าร่างกาย
ด้วยเหตุนี้แล้ว เหล่าผู้ที่กลับชาติมาเกิดเหล่านี้จึงมีดีแค่ประสบการณ์การต่อสู้ที่เหนือกว่าคนวัยเดียวกันส่วนใหญ่…สำหรับเรื่องอื่นก็ไม่ได้เปรียบอะไรมากนัก
ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียน หรือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น…เว้นเสียแต่จะใช้การกลับชาติมาเกิดหรือใช้วิธีช่วงชิงร่างกาย…
หาไม่แล้วจะสามารถเข้าร่วมศึกอัจฉริยะได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้
‘หลังจากนี้อีกสักพัก ค่อยไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน’
หลังตัดสินใจได้แล้ว หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก้เหินร่างออกจากหุบเขา เพื่อไปเดินทางหาประสบการณ์ต่อ
…
ณ อวี้หวงเทียน
แดนจักรพรรดิหยก
ณ วิหารเฟิงฮ่าว สาขาอวี้หวงเทียน
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าก็ติดตามข้าไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนก่อน…หวังว่าพอไปถึงที่นั่นแล้วเจ้าจะไม่หย่อนยาน เกียจคร้าน เวลาที่เหลืออีก 6 เดือน พยยายามกระดับพลังตัวเองให้ได้มากที่สุด ผลงานในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้จักได้ออกมาดีๆ”
จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาอวี้หวงเทียน อันเป็นหญิงชราในชุดคลุมดำสนิท ใบหน้าของนางเหี่ยวย่นแลดูอัปลักษณ์ สองตาทอแสงเย็นปานมีดดาบ กล่าวคำด้วยน้ำเสียงขึงขัง
เมื่อชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 19 คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนางถูกนางมองมา ก็เร่งรุดก้มหน้าหลบตากันใหญ่
มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าสบตามองหน้านาง และสีหน้าไม่เปลี่ยน ไม่ได้ออกอาการใดๆทั้งสิ้น
หญิงงชราเห็นดังนั้นก็มองไม่กี่คนที่ว่าด้วยสายตาพึงพอใจ
“ไป!”
จากนั้นจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาอวี้หวงเทียน ก็นำพารองจ้าววังทั้ง 2 พร้อมด้วยอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันทั้ง 19 คนที่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติแล้ว ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของวิหารเฟิงฮ่าวเพื่อไปหยวนสื่อเทียน
จากนั้นก็บึ่งตรงไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ทันที
‘ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ กล่าวได้ว่ารวมเหล่าสุดยอดอัจฉริยะจากทั่วทุกมุมของระนาบเทวโลกแน่…หากไม่มีเหตุผิดพลาดใดๆ ต้วนหลิงเทียนเองก็น่าจะมาด้วย’
ในบรรดาชายหนุ่มหญิงสาวของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาอวี้หวงเทียน ก็มีคนที่ต้วนหลิงเทียนรู้จักรวมอยู่ด้วย
เป็น ซูหลี่!
ย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอกับซูหลี่ในดินแดนทักษินยุทธ์ของอวี้หวงเทียน ความสำเร็จขอซูหลี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าต้วนหลิงเทียนมากนัก
หลาร้อยปีผ่านไป พลังฝึกปรือของซูหลี่ก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด
และด้วยความที่นิกายกระบี่หมื่นหายนะพยายยามปลูกฝังซูหลี่อย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะวิชาลับและค่ายกลที่มีพลังอำนาจท้าทายสวรรค์บางอย่างที่ใช้เวลาสึกษาอยู่นับหมื่นปี ทำให้ซูหลี่มีคุณสมบัติมากพอจะเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ที่หยวนสื่อเทียน สุดท้ายจึงเดินทางไปยังวิหารเฟิงฮ่าวและผ่านการทดสอบอย่างง่ายดาย
และซูหลี่ยังทำให้อดีตจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาอวี้หวงเทียน ซึ่งเป็นหญิงชราคนหนึ่งพึงพอใจกว่าใคร
เพราะสุดท้ายแล้วในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้ง 19 คนที่อายุไม่ถึงพันและกำลังมุ่งหน้าไปเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่หยวนสื่อเทียนครั้งนี้ ก็เป็นซูหลี่ที่โดดเด่นที่สุด
…
ด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็ยังไม่ทราบเลย ว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้จะมีคนรู้จักเขาเข้าร่วมมากกว่า 1 คน
ตอนนี้เขากำลังทำความเข้าใจกฏมิติ
ด้วยมีความช่วยเหลืจากผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ความเร็วในการทำความเข้าใจกฏมิติของต้วนหลิงเทียนก็รวดเร็วจนน่กลัว
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนจงใจดความเร็วในการทำความเข้าใจลง เพราะในหัวบังเกิดความคิดประการหนึ่งจุดประกายขึ้น…เขาคิดรวมวิธีการใช้ความลึกซึ้งของกฏมิติทั้งหลายเข้ากับกระบี่ หมายสร้างมรรคากระบี่ของตัวเองขึ้นมา
แน่นอนว่ารากฐานมรรคากระบี่ของเขา ก็คือมรรคากระบี่ทำลายล้างของฟงชิงหยาง
และด่านที่ยากที่สุดในการสร้างมรรคากระบี่ ก็ได้อาจารย์อย่างฟงงชิงหยาง ช่วยให้เขาก้าวข้ามไปได้เรียบร้อย…