ตอนที่ 3,446 : จักรพรรดิสวรรค์ในตำนาน
  เมื่อใกล้วันเริ่มศึกอัจฉริยะสวรรค์มากขึ้นเท่าไหร่ บรรากาศภายในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หวนสื่อเทียนก็เริ่มคึกคักมากขึ้นเท่านั้น
  แน่นอนว่าความคึกคักที่ว่า ก็คือการแห่แหนกันมาของเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ที่นำอัจฉระในพระราชขวังจักรพรรดิสวรรค์มาเข้าร่วมศึกอึจฉริยะ รวมถึงเหล่าจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาต่างๆของ 81 ระนาบเทวโลกที่พารุ่นเยาว์มาเข้าร่วมเช่นกัน
  เนื่องจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หวนสื่อเทียนได้จัดแจงสถานท่ำหรับศึกอัจฉริยะสวรรค์เรียบร้อยไม่ว่าจะสถานที่ประลองหรือสถานที่พักสำหรับคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์และวิหารเฟิงฮ่าว ทำให้ริเวณที่คึกคักก็มีแต่ส่วนนี้ ส่ววนในสถาที่สำคัญของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนก็ยังคงสงบเหมือนกาลก่อน
  แน่นอนว่าในความสงบดังกล่าว ก็แฝงเร้นไปด้วยความคาดหวังทั้งตื่นเต้น จะคนที่มีลูกหลานเหล่าศิษย์เข้าร่วมประลองก็ดี ไม่มีก็ดี ก็เต็มไปด้วยความสนใจและอยากดูชมการประลองของเหล่าอัจฉริยะที่จะมาประชันกันในศึกอัจฉริยะสวรรค์ทั้งสิ้น
  “นั่นคือศิษย์ปิดสำนักของจักรพรรดิสวรรค์ชางอวิ๋นเทียน ซูคุนหู ที่ร่ำลือกันว่าแม้จะมีอายุได้ 800 ปีแต่ก็บรรลุถึงระดับเทพสงคราม 3 ดาราแล้ว!”
  ภายในสถานที่พัก ที่พระราชววังจักรพรรดิสวรรค์จัดแจงให้เหล่าอัจฉระที่จะมาเข้าร่วมในศึกอัจฉริยะสวรรค์ พอปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้คนมากมายก็หันไปให้ความสนใจมันทันที
  ชายหนุ่มคนนี้รุปร่างผอมเพรียวแลดูอ้อนแอ้นปานอิสตรี และด้วยความที่ใบหน้าของมันหลอเหลาแต่ดันปล่อยผมให้ทอดยาววสลวยลงมาปานม่านน้ำตก…หากไม่ใช่เพราะมันสวมใส่ชุดบุรุษอ่างเห็นได้ชัด ไม่แน่วว่าหายคนอาจเห็นมันเป็นผู้หญิงจริงๆก็ได้
  แน่นอนว่วาหากบุรุษผู้นี้เปลี่ยนไปใส่ชุดของสตรีก็จะกลายเป็นงดงามไม่น้อย
  “นั่นน่ะหรือ ซูคุนหู?”
  “ให้ตายเถอะ…อายุแค่ 800 กวว่าพี่ปีท่านก็กลายเป็นเทพสงคราม 3 ดาราแล้ว ศึกอัจฉริยะครั้งนี้ข้ากล้างแทงสิบเอาหนึ่งเลย ว่ามันติด 100 อันดับแรกแน่นอน!”
  “ข้าวว่ามันค่อนข้างโชคร้าอยู่บ้าง หากศึกอัจฉริยะสวรรค์จัดขึ้นหลังจากนี้สักร้อยปี ข้าว่ามันต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้มาก เผลอๆจะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 4 ดาราด้วยซ้ำ”
  “ไหนเลยจะกล่าวเช่นนั้นได้เล่า ศึกอัจฉริยะสวรรค์จัดขึ้นทุกๆรอบพันปี เวลาจัดงานกล่าวได้ว่าถูกกำหนดเอาไว้แล้ว…หากเจ้าโชคไม่ดี ก็ได้แต่ต้องยอมรับเท่านั้น”
  เมื่อซูคุนหู ศิษย์ปิดสำนักของจักรพรรดิสวรรค์ชางอวิ๋นเทียนปรากฏตัว หลายคนีท่จดจำมันได้ก็สองตาลุกวาว และในขณะที่คนเหล่านี้กล่าวบอกอัตลักษณ์ของซูคุนหู หลายคนที่อยู่รอบๆแต่รู้จักซูคุนหูแค่ชื่อทว่าไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน ก็หันมามองมันเป็นแถว
  ซูคุนหูเองก็ตระหนักได้ถึงสาตาของทุกคนที่มองจ้องมา มันก็เลยหันไปโปรยยิ้มให้ทุกคนอย่างอบอุ่น เรีกว่ารอยยิ้มเป็นมิตรทั้งเสน่ห์ล้นเหลือนั่นได้ทำให้ใจหลายๆคนหววั่นไหวไม่น้อย
  “มารดาเราช่วย…ข้า…ข้ามีใจให้บุรุษเรอะ?”
  “แม่เอ้ย…เจ้านั่นมันเป็นผู้ชายจริงรึ?”
  …
  จนเมื่อซูคุนหูพบเจอบ้านไม้ว่างเปล่า แล้วเดินเข้าไป หลายๆคนก็เลิกสนใจมัน
  แต่หลังจากนั้นไม่นานนักเสียงอุทานก็ดังขึ้นอีก “เพ่ย! เจ้านั่นมัน…อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายฝันลี้ลับ ขุมกำลังระดับสวรรค์ของซวนหยวนเทียน เมิ่งฟ่านกุ้ย ไม่ใช่เรอะ”
  พอเสียงอุทานดังกล่าวดังขึ้น ผู้คก็หันไปชมดูต้นเสียง ก่อนจะหันมองตามสายตามันไปเห็นชายหนุ่มชุดดำที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาๆ หากแต่นัยน์ตาคล้ายมีอาจลี้ลับบางอย่าง
  “นั่นน่ะเหรอ เมิ่งฟ่านกุ้ย? ยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายฝันลี้ลับ ที่ฆ่าเทพสงคราม 3 ดาราเมื่อหลายสิบปีก่อน?”
  “มิผิด! เมิ่งฟ่านกุ้ยผู้นี้ ร่ำลือกันว่าพลังฝีมือของมันอู่ในระดับเทพสงคราม 4 ดาราแล้ว!”
  “อะไร! เทพสงคราม 4 ดารา? พลังฝีมือระดับนั้นไม่ใช่ว่าสามารถติดอยู่ใน 30 อันดับแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้แล้วรึไร?”
  …
  การปรากฏตัววของเมิ่งฟ่านกุ้ย เรีกว่าดึงดูดผู้คนมากกว่าซูคุนหูเสียอีก
  ในอดีตชื่อเสียงของมันอาจจะเทียบกับชื่อเสียงของซูคุนหูไม่ได้ แต่เมื่อหลายปีก่อนหลังจากที่เมิ่งฟ่านกุ้ยเข่นฆ่าตัวตนระดับบเทพสงคราม 3 ดาราได้ ก็ทำให้ชื่อเสียงของมันโด่งดังขึ้นมาจนเหนือล้ำกว่าซูคุนหูในเวลาชั่วข้ามคืน
  ให้เทียบกับซูคุนหูแล้ว เมิ่งฟ่านกุ้ยผู้นี้แลดูเย็นชากว่ากันมาก มันไม่สนใจจะมองหน้าทักทายผู้ใด เพียงก้าวอาดๆไปหาบ้านว่างแล้วปิดประตูไม่รับแขกทันที
  “ข้าได้ยินว่านิกายฝันลี้ลับของเมิ่งฟ่านกุ้ยเก่งเรื่องใช้ภาพมายาเป็นที่สุด…และเมิ่งฟ่านกุ้ยเองก็เข้าใจกฏแห่งความมืด อาศัยความลึกลับของกฏแห่งความมืดกับวิชามายาของมัน ข้าว่าคงยากที่จะมีใครในระดับเดียวกันรับมือเมิ่งฟ่านกุ้ยได้!”
  “จริง! ข้าไม่ค่อยได้ยินว่าจะมีใครเชี่ยวชาญการใช้วิชามาสักเท่าไหร่…ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเมิ่งฟ่านกุ้ยที่ใช้วิชามายาสังหารเทพสงคราม 3 ดาราจนตกตายอยย่างไม่อาจตอบโต้มันได้เลย!”
  “ก็ไม่แน่นักหรอก ระนาบเทวโลกกว้างใหญ่ไพศาลสุดคาดคิด…ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้น่าจะดึงดูดเหล่าลูกหลานเหล่าศิษย์ของสุดยอดฝีมือที่เร้นกายในใต้หล้า แล้วเจ้าทราบหรือไม่ ว่าสุดยอดฝีมือเร้นกายเป็นตัวตนเช่นใด? เจ้าคิดว่าในบรรดาลูกหลานเหล่าศิษยืของผู้เร้นกายจะไม่มีใครเชี่ยวชาญวิชามายากันเลยรึ?”
  “จริง ไม่ต้องกล่าวถึงลูกหลานเหล่าศิษย์ของสุดยอดฝีมือที่เร้นกายเลย…เอาแค่อัจฉริยะที่วิหารเฟิงฮ่าวปลูกฝังมา แต่ทว่วาถูกเก็บซ่อนไว้อย่างดี ก็ยากที่จะมีใครรู้ว่าพลังฝีมือร้ายกาจขนาดไหน…”
  “ศึกอัจฉริยะสวรรค์ในอดีต กว่าครึ่งของผู้ที่ปรากฏตัวล้วนแล้วแต่เป็น ‘ม้ามืด’ ที่ไม่มีผู้ใดรู้จักมักคุ้นทั้งสิ้น…ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นแน่นอน!”
  …
  พอมีผู้คนทยอนกันมาถึงมากเข้า สถานที่พักของเหล่าอัจฉริยะที่จะเข้าร่วมการประลองคราวนี้ก็ยิ่งคึกครื้นมากขึ้นเรื่อย
  แน่นอนว่าเหล่าอัจฉริยะที่ว่างพอจะออกมาสนทนาด้านนอกที่พัก ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นผู้ที่มีพลังฝีมือกลางๆไม่ได้หวังผลเลิศล้ำอะไร ที่พวกมันมาเข้าร่วมก็เพื่อความสนุกสนานและหาประสบการณ์เท่านั้น
  อย่างไรก็ตามพวกมันเหล่านี้อย่างน้อยๆก็ผ่านการทดสอบจากวิหารเฟิงฮ่าวและมีคุณสมบัติมากพอจะเข้าร่วมได้ ก็บ่งบอกให้รู้ว่าไม่มีใครเป็นชนชั้นต่ำทราม พลังฝีมือต่ำๆก็ใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งสิ้น
  หากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งระดับนี้ คงยากจะผ่านการประเมินคุณสมบัติของวิหารเฟิงฮ่าว
  แน่นอนว่าคนเหล่านี้อาจถูกมองว่าเป็นคนธรรมดาในบรรดาอัจฉริยะที่เข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ แต่ถ้าพววกมันไปปรากฏตัวที่อื่น ไม่วว่าใครก็ล้วนเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระนาบเทวโลกของตัวเองทั้งสิ้น
  เนื่องจากศึกอัจฉริยะสวรรค์ได้มีเหล่าสุดยอดอัจฉริยะไร้คู่เปรียบมาเข้าร่วมมากเกินไป ต่อหน้าอัจฉริยะไร้คู่เปรียบที่ว่า พวกมันก็จำต้องถูกบดบังเป็นธรรมดา
  เนื่องจากแต่ละคนรู้ตัวดีว่าไม่ได้ถูลิขิตให้ได้รับอันดับเลิศล้ำอะไร จึงเลือกจะออกมาเตร็ดเตร่ในเขตที่พัก และชมดูเหล่าอัจฉริยะที่ร้ายกาจและมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งหลายแทน…เพราะในอดีตพววกมันเคยดิ้นก็แต่ชื่อ วันนี้มีโอกาสได้พบเห็น ไยไม่ออกมาดูเล่า?
  ในอดีตตอนพวกมันอยู่ในถิ่นของตัว พวกมันก็มองแคลนผู้อื่น และไม่เห็นหัวใคร
  มาวันนี้เป็นพวกมันที่ถูกเหล่าสุดยอดอัจฉริยะไร้คู่เปรียบไม่เห็นหัวบ้าง…
  เพราะความแตกต่างที่มากเกินไป ทำให้หลายคนบังเกิดแรงฮึดสู้ครั้งใหญ่ แต่บางคนก็ถึงกับถอดใจไปเลย เพราะรู้ว่าพยายามให้ตายก็ยังห่างชั้นกับผู้อื่น และยากที่จะตามผู้อื่นได้ทัน
  “นั่นใช่ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์หลิงหลัวเทียน ทั่วป๋าเจิ้ง รึเปล่า!?”
  ไม่นานนักการมาถึงของชายหนุ่มร่างใหญ่สวมใส่ไว้ด้วยชุดคลุมหรูหรามีระดับ ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
  “ทั่วป๋าเจิ้งผู้นี้ อายุไม่ถึงพันปี แต่ก็มีพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราแล้ว!”
  “เมื่อ 20 ปีก่อน มีคนเห็นทั่ววป๋าเจิ้งสังหารเทพสงคราม 3 ดารา 2 คนในสมรภูมิ 9 ยมโลก…แต่เป็นธรรมดาว่าเทพสงคราม 3 ดาราทั้ง 2 นั่นไม่ได้กลุ้มรุมมัน แต่อย่างน้อยๆนี่ก็พิสูจน์ว่ามันมีพังระดับเทพสงคราม 4 ดารา!”
  “สมแล้วที่เป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่ง พลังฝีมือมันร้ายกาจจริงๆ!”
  …
  การปรากฏตัวของศิษย์จักรพรรดิสวรรค์ที่โดดเด่นมากอีกคน ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คอีกครั้ง
  “จะว่าไป พอพูดถึงเรื่องศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์ขึ้นมา…กล่าวไปข้ายังสนใจศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแห่งจี้เมี่ยเทียนไม่น้อย”
  จู่ๆก็มีคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา
  และพอมันเปิดประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ก็มีหลายคนที่สนใจหัวข้อนี้ไม่น้อย
  “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแห่งจี้เมี่ยเทียน เรียกว่าในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหมดในปัจจุบันท่านคือคนที่มาแรงที่สุด! ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านไม่เพียงแต่จะกลับออกมาจากนรกอสุราได้ทั้งยังมีชีวิต แต่ยังรับศิษ์ที่แท้จริงอีกด้วย!!”
  “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง หลังกลับออกมาจากนรกอสุราก็ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 3 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ทันที…ที่สำคัดูจากอดีตอันดับ 3 อย่างจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนที่ไม่ออกมาโต้แย้งหรือเคลื่อนไหวอะไร ท่าทางพลังฝีมือของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางจะเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนจริงๆ”
  “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้น ในจี้เมี่ยเทียนท่านถูกขนานนามว่า เซียนกระบี่ไร้เทียมทาน…แต่ทั่ววระนาบเทวโลกทั้งมวล ท่านถูกเรียกขานว่าจักรพรรดิสวรรค์ในตำนาน! ต้องทราบด้วยว่าผู้อื่นพึ่งทะยานขึ้นมาแค่หมื่นปีเท่านั้น!!”
  “ในเวลาเพียงแค่หมื่นปี สามารถบรรลุถึงขอบเขตเทพได้…ความสำเร็จดังกล่าวให้กวาดตามองทั่วระนาบเทวโลก ก็มีน้อยคนนักที่กระทำได้สำเร็จ”
  “ไม่รู้ว่าศิษย์ที่แท้จริงคนนั้นของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมาถึงแล้วหรือยัง?”
  …
  เมื่อหัวข้อนี้เริ่มกล่าวกันหนาหูเข้า เหล่าอัจฉริยะที่ทราบการมาถึงของต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็กล่าวบอกออกมา “ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมาถึงแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงผู้อื่นก็เก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหนเลย”
  “แล้วมันเป็นคนเช่นไรเล่า? ลองจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางรับเป็นศิษย์ที่แท้จริงได้ ต้องไม่ธรรมดามากใช่หรือไม่?”
  หลาคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
  “เหอะๆ ข้าเกรงว่าพวกเจ้าคงต้องผิดหวังกันแล้วล่ะ…เพราะเหตุผลที่ทำให้เจ้านั่นกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางได้ ล้วนเป็นเพราะมันโชคดีพบเจอมรดกของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางที่เหลือทิ้งไว้ในระนาบโลกียะ กล่าวได้ว่ามีโชคชะตาทาบกันกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงงหยางแต่แรก จึงทำให้มันถูกรับตัวมาเป็นศิษย์”
  “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเกรงว่าพวกเจ้าคงยังไม่รู้เรื่องนี้กัน…แต่ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางพึ่งจะมีอายุได้ 600 ปีเศษเท่านั้น อาศัยอายุแค่ 600 ปี พวกเจ้าจให้มันบรรลุความสำเร็จถึงระดับไหนเล่า? ยังจะหวังผลเลิศล้ำในศึกอัจฉริยะสวรรค์ได้อย่างไร?”
  เมื่อคำพูดดังกล่าวเริ่มแพร่กระจายออกไป ก็ทำให้ผู้คนโดรอบเริ่มเงียบกันทันที ด้ววยไม่มีใครคิดเลยว่าศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ของฟงชิงหยางจะความเป็นมาแบบนี้
  เพราะความโชคดี จึงได้เป็นศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์ในตำนาน
  แถมยังพึ่งมีอายุได้ 600 กว่าปี
  “เหอะๆ ดูเหมือนศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง จะไม่มีอะไรให้คาดหวังแล้วล่ะ…”
  หลายคนได้แต่ถอนหายใจออกมา
  “ข้าก็หลงคิดว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่โด่นเด่นหาตัวจับยากเสียอีก ถึงได้ต้องตาพึงใจจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางจนได้กลายเป็นศิษย์…ข้าล่ะอุตส่าเฝ้ารอจะได้พบเจอ ไม่คิดเลยว่าที่แท้เรื่องราวจะเป็นแบบนี้”
  “น่าเสียดาย”
  …
  หลังได้รับทราบ ‘รายละเอียด’ ของต้วนหลิงเทียน ผู้คนส่วนใหญ่โดยรอบก็อดผิดหวังไม่ได้