ตอนที่ 3,453 : เจ้าไม่คู่ควร!
เมื่อเรื่องราวเริ่มแพร่ออกไป หลายต่อหลายคนก็พากันมองไปยังจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ซือถูฉูชิง
อย่างไรก็ตาม แม้จะตกอยู่ภายใต้สายตานับพันๆคู่ ทว่าสีหน้าซือถูฉูชิงยังสงบไร้คลื่นลม ราวกับนางไร้ซึ่งความกังวลใดๆ…จากนั้นสองตาก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่งราวฉุกคิดอะไรได้ หน้าบางค่อยๆหันไปมองทางต้วนหลิงเทียน
ไฉนอยู่ๆนางหันมามองเขาได้แบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ไม่ยากว่าสมควรมีคนส่งเสียงผ่านพลังไปบอกนาง
ต้วนหลิงเทียนก็มองสบตาซือถูฉูชิงอย่างไร้ความหวั่นเกรงใดๆ มุมปากยังยกยิ้มแสยะดูแคลนประการหนึ่ง
“เจ้าสมควรเป็นต้วนหลิงเทียนกระมัง”
ทันใดนั้นเอง ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้พูดอะไร เสียงผ่านพลังของอิสตรีหนึ่งก็ส่งตรงถึงหูเขา “ข้าคือซือถูฉูชิง จักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน”
ผู้ส่งเสียงผ่านพลังที่แท้ก็เป็นซือถูฉูชิง นางยังกล่าวต่ออีกว่า “ข้ากับอาจารย์ของเจ้ามีเรื่องผิดใจกันเพราะเจ้าคนเดียว…หากไม่ใช่เจ้าฆ่าลูกสาวของข้าก่อน! มีหรือข้าจะเอาโทสะไปลงกับระนาบโลกียะบ้านเกิดเจ้าเพราะหาเจ้าไม่พบ?”
“เอาอย่างนี้เป็นไร?”
“ขอเพียงเจ้าช่วยพูดกับอาจารย์เจ้า ให้ปล่อยวางเรื่องราวความแค้นครั้งนี้…ข้าก็ไม่คิดจะถือสาหาความเรื่องที่เจ้าฆ่าลูกสาวของข้าอีกต่อไป”
ได้ยินเสียงผ่านพลังของซือถูฉูชิง ต้วนหลิงเทียนก็อดอึ้งไปไม่ได้ จากนั้นก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “อาศัยจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนเจ้า ต่อให้คิดถือสาหาความข้า แต่เจ้ายังจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้? หรือเจ้ากล้าลงมือทำอะไรข้าที่นี่?”
ต้วนหลิงเทียนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซือถูฉูชิงยังกล้าโผล่หัวมาที่นี่ แถมคิดขู่เขาซึ่งๆหน้าแบบนี้อีก!
ถึงแม้ตอนนี้อาจารย์ของเขาจะยังไม่ปรากฏตัว แต่ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นในที่นี้ อาศัยแค่จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนคนเดียว นางก็ไม่อาจก่อคลื่นลมใดๆได้แล้ว
จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนไม่ใช่แค่เจ้าภาพในการจัดงานประลองศึกอัจฉริยะครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นสหายอันดีกับอาจารย์เขาด้วย และเป็นถึงอันดับ 4 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ พลังฝีมือยังเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่ข้างกายซือถูฉูชิงเสียอีก!
จักรพรรดิสวรรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่นั่น ถึงแม้จะรั้งอยู่ในอันดับ 5 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ แต่พลังฝีมือยังตามหลังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนหลายช่วงตัว
“สารเลวน้อย หรือเจ้าคิดว่าจักสามารถอยู่ข้างกายฟงชิงหยายได้ตลอดเวลา? หรือเจ้าคิดจะซ่อนตัวอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนชั่วชีวิต?”
ซือถูฉูชิงส่งเสียงผ่านพลังกลับมาด้วยรอยยิ้มเย้ยเยาะ น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยเจตนาคุกคามเต็มเปี่ยม
“เจ้ายิ่งพูดข้ายิ่งขำ!”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม “จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน เจ้ามาปรากฏตัวที่นี่แบบนี้เจ้าไม่กลัวเหรอ? เจ้าไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องที่อาจารย์ของข้าเองก็มาที่นี่ด้วยหรอกนะ?”
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปจบคำ ไม่ทันที่ซือถูฉูชิงจะได้ตอบอะไร ก็มีเสียงอุทานดังขึ้นระงงม
“โอ้! นั่น…มิใช่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางหรือไร!?”
“ให้ตายสิ! ในที่สุดข้าก็ได้เห็นหน้าค่าตาจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนในตำนานกับตา! ช่างสมคำร่ำลือนัก ใบหน้าหล่อปานหยกเสลา อีกทั้งยังแลดูร้ายกาจมาก!”
“ว่ากันว่า…จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางคนนี้ ถือเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลายในปัจจุบัน!”
“มิผิด…ข้ายังได้ยินมาว่าผู้อื่นเป็นคนที่ทะยานขึ้นสวรรค์มาได้ไม่ถึงหมื่นปีดีด้วยซ้ำ”
“ไม่ถึงหมื่นปี กลับประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ ชวนให้ผู้คนใจสะท้านจริงๆ!”
…
สำหรับตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของระนาบเทวโลกหนึ่ง เวลาหมื่นปีไม่ถือว่านานอะไรเลย เพราะจักรพรรดิสวรรค์แทบทั้งหมดล้วนมีอายุหลายหมื่นกระทั่งหลายแสนปีขึ้นไปทั้งสิ้น
ยังมีกระทั่งแพะเฒ่าที่อายุเป็นล้านปีด้วยซ้ำ
การบ่มเพาะฝึกฝน ยิ่งมายิ่งยาก
ไม่ต้องกล่าวถึงใดอื่น ลำพังศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่จัดขึ้นทุกรอบพันปีนั้น แม้จะมีปรากฏอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันที่มีพลังระดับเทพสงคราม 5 ดารา…แต่อัจฉริยะเหล่านี้คิดจะยกระดับพลังงฝีมือให้สูงขึ้นไปอีกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บ้างก็อาจจะหยุดอยู่ในระดับเดียวยาวนานถึงหมื่นปี
มีเพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้น ที่ยังก้าวหน้าต่อไปได้
ความเข้าใจของคนเราบางครั้งช่วงแรกๆก็น่าทึ่ง แต่เมื่อเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงจุดๆหนึ่ง ก็อาจจะเกิดความตีบตันยากที่จะทะลวงผ่านไปได้…อย่างเช่นจักรพรรดิอมตะบางคนสามารถเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งถึง 3 ประการได้อย่างง่ายดาย ทว่าคิดจะเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งประการที่ 4 บางทีให้ใช้เวลานับพันนับหมื่นปีก็อาจทำไม่ได้
“พวกเจ้าดูเร็ว ตั้งแต่ที่จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานมาถึง สองตาก็จับจ้องมองจักรพรดรินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนไม่วางตาเลย!”
“จากลักษณะแล้ว ข้าว่าไม่ได้ไปลอบทำข้อตกลงลับหลังอะไรกันหรอก”
“แต่หากไม่ได้ประนีประนอมกันแล้ว การที่จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนปรากฏตัวที่นี่ ยังไม่ใช่รนหาที่ตายรึไง?”
…
พอเห็นว่าหลังฟงชิงหยยางปรากฏตัวขึ้น คนก็เหินลงจากฟ้าไปหยุดหน้าเกาะเล็กๆกลางอากาศ อันเป็นเกาะที่จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ซือถูฉูชิง อยู่ แถมยังมองจ้องนางด้วยสายตาเฉยเมยผู้คนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที
สองตาหลายคนยังทอประกายจ้าขึ้น
ดูเหมือนวันนี้พวกมันจะได้เห็นศึกใหญ่!
“ซือถูฉูชิง ไม่คิดเลยวาเจ้าที่ซ่อนตัวเยี่ยงมุสิกขลาดเขลาอยู่หลายปีจะกล้าโผล่หัวหัวออกมาอีกครั้ง”
เสียงของฟงชิงหยางไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่ในสถานที่จัดแข่งศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่กลาเป็นเงียบงัน มันก็ดังมากพอให้ทุกคนได้ยิน
ในปัจจุบันขอเพียงเป็นคนปกติ ย่อมสามารถได้ยินความเย็นชาที่แฝงไว้ด้วยการดูถูกเต็มเปี่ยมในน้ำเสียงฟงชิงหยางชัดเจน
“ท่านอาจารย์…”
พอเห็นฟงชิงหยางมาถึง สองตาต้วนหลิงเทียนก็เป็นประกายทันที
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
ในขณะที่ซือถูฉูชิงมองฟงชิงหยางด้วยสายตาหวั่นกลัว ชายวัยกลางคนแลดูแข็งแกร่งที่นั่งข้างๆนางก็ลุกขึ้นยืน เป็นจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่ อันดับที่ 5 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์
ก่อนที่ฟงชิงหยางจะกลับออกมาจากนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลกมันก็รั้งอยู่ในอันดับ 4 ของรายนามจักรพรรดิสสวรรค์
“ข้าได้ยินความบาดหมางระหว่างท่านกับจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนแล้ว”
โจวปิงหวู่ มองฟงหยางพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ต้นตอของเรื่องล้วนเป็นเพราะศิษย์คนแรกของท่านเข่นฆ่าลูกสาวของจักรพรรดินีสวรรคั่วสุ่ยเทียนก่อน สิ่งนี้ทำให้นางมีโมโหจนบันดาลโทสะฆ่าล้างสรรพชีวิตในระนาบโลกียะบ้านเกิดท่าน”
“เจ้าคิดปกป้องนาง?”
หลังฟังโจวปิงหวู่พล่ามยืดยาวจบ ฟงชิงหยางก็ไม่พูดอะไรมาก เพียงเหลือบมองผ่านๆพร้อมถามเสียงเบา
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ช่วยเห็นแก่หน้าข้าสักครั้งเถอะ”
โจวปิงหวู่กล่าวพลางยิ้ม
“เห็นแก่หน้าเจ้า?”
ลูกตาที่เฉยเมยไร้แยแสของฟงชิงหยางหดลงเล็กน้อย เผยประกายเยียบเย็นขณะกล่าว “แล้วเจ้านับเป็นตัวอะไร?”
เจ้านับเป็นตัวอะไร?!
ผู้คนที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบทั้งหลาย ไม่มีใครคิดใครฝันเลยว่าฟงชิงหยางจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
ให้ตายเถอะ!
จะดุร้ายเกินไปไหม!?
นั่นคือจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน อันดับ 5 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์เชียวนะ! ถึงพลังฝีมืออาจจะสู้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะอ่อนด้อยกว่ากันมากไม่ใช่หรือไร?!
หรือข่าวลือจะเป็นความจริง?
จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว?
ต้วนหลิงเทียนก็ทึ่งกับเรื่องราวเบื้องหน้าอยู่บ้าง อาจารย์ที่แลดูเป็นกันเองและใจดีต่อหน้าเขา กับคนนอกช่างแตกต่างกันเหลือเกิน!
วูบ วูบ
ไม่ว่าจะจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนก็ดี หรือจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียนก็ดี สีหน้าท่าทีล้วนเปลี่ยนไปทันใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนผู้เกี่ยวข้อง การถูกผู้อื่นดูถูกต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ เรียกว่าหน้ามันดำเสียจนแทบจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง เจ้าคิดจะสู้กับข้างั้นเหรอ?”
สิ้นคำกล่าวของ โจวปิงหวู่ จักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน กลิ่นอายพลังร้อนแรงขุมหนึ่งก็เริ่มปะทุออกมาจากเกาะลอยเล็กๆก่อนจะแผ่ขยายไปทั่ว จากนั้นคล้ายมีลูกไฟดวงเขื้องบอุบัติขึ้นบนเกาะลอยเล็กๆดังกล่าว
กลิ่นอายร้อนลวกแผดเผาเริ่มกำจายออกไปทั่วสถานที่จัดงานประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์ทันที!
“สู้?”
นอกจากจักรพรรดิสวรรค์หยยวนสื่อเทียน ติงฟู่ แล้ว จักรพรรดิสวรรค์คนอื่นๆล้วนหยีตามองชมเรื่องราวด้วยความสนใจ และในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าประเดี๋ยวต้องมีศึกใหญ่ให้ชมดูแน่ ฟงชิงหยางก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง “เจ้ามีคุณสมบัติจะสู้กับข้า?”
และพอฟงชิงหยางพูดคำนี้จบ โดยรอบก็กลายเป็นเงียบงันอีกรอบ
จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานคนนี้จะดุร้ายเกินไปไหม?
ไม่คิดจะไว้หน้าผู้อื่นเลยหรือ?
“พี่น้องต้วน! อาจารย์ท่านจะครอบงำผู้คนเกินไปแล้ว…สมแล้วที่เป็นแบบอย่างของข้า!!”
ถังซานเป่าที่นั่งบนอัฒจันทร์แถวหลังต้วนหลิงเทียน แลดูตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย ใบหน้ายังเริ่มแดงขึ้น
ด้านจางเทียนโย่วกับพวกทั้ง 3 ที่นั่งด้านหลังต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ตอนนี้แต่ละคนมองจ้องร่างจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานของพวกมัน หรือก็คือเซียนกระบี่ไร้เทียมทานด้วยสายตาเร่าร้อนมากล้นไปด้วยความเคารพบูชา
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่คิดเลยว่าอาจารย์อาฟงยังมีด้านดุร้ายเช่นนี้ด้วย”
ด้านหลังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน จักรพรรดิอมตะกระดูกมังกร เว่ยฉี ที่ยืนอย่างเรียบๆร้อยๆ อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอยู่บ้าง
“ข้าเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน…”
ติงฟู่ส่ายหัวไปมา “น้องฟงคนนี้ ปกติตอนพบกันก็แลดูเป็นกันเองทั้งวางตัวสุภาพ…ถึงแม้ข้าจะเคยได้ยินเรื่องที่น้องฟงบุกไปฆ่าจักรพรรดิสวรรค์เพื่อเมิ่งหลัวมาบ้าง แต่ข้าก็ไม่คิดเลยจริงๆว่าที่แท้น้องฟงจะดุดันกว่าข้าเสียอีก”
“สมกับคำคลื่นลูกใหม่แซงคลื่นลูกเก่า…ต่อไปคนรุ่นใหม่เช่นน้องฟงก็จะมาแทนที่คนรุ่นเก่าอย่างข้าแล้ว…”
กล่าวถึงประโยคท้าย ติงฟู่ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
ในแง่ของอายุ ฟงชิงหยางนั้นน้อยกว่ามันมาก ยังน้อยกว่าเป็นแสนๆปี กระทั่งตอนที่มันรับศิษย์คนเล็กสมัยโลดแล่นอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก ฟงชิงหยางยังไม่เกิดด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ ผู้อื่นไม่เพียงกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ในตำนาน! ด้วยอายุแค่ 10,000 ปีกว่าๆ ก็ได้ก้าวข้ามมันไปแล้ว!!
เมื่อเห็นท่าทีมั่นใจของฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์คนอื่นๆที่ชมดูเรื่องราวอยู่ก็เริมเผยสายตาตกใจ “อย่าบอกนะ…จักรพรรดิสวรรรค์ฟงชิงหยางผู้นี้…บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว?”
ด้านจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่ ที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง สีหน้าก็กลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ทุกคนคาดว่าเจ้าน่าจะบรรลุถึงขอบเขตเทพ…วันนี้ให้ข้าชมดูเป็นขวัญตาเถอะ!
พอกล่าวจบคำ ร่างโจวปิงหวู่ก็ดีดตัวลอยขึ้นฟ้า เพลิงพลังรอบกายควบแน่นฉับไว จากนั้นก็มาเกาะกลุ่มรอบตัวเปล่งแสงสว่างออกมาเจิดจ้าปานดวงตะวัน ยากจะชมมองตรงๆ
จากนั่นคลื่นความร้อนหนึ่งก็แผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ พาลให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบรู้สึกเสมือนตกลงไปในกะทะน้ำมัน!
ไม่ว่าใครล้วนสัมผัสได้ถึงกฏแห่งไฟที่ทรงพลังอำนาจไม่ใช่ชั่วของโจวปิงหวู่ทั้งสิ้น อาศัยแค่อุณหภูมิรอบตัวของโจวปิงหวู่ตอนนี้ คงเหลือไม่กี่อย่างในโลกที่มันหลอมไม่ได้!
“ข้าบอกไปแล้ว…เจ้ามันไม่คู่ควร!”
ฟงชิงหยางส่ายหัวไปมา จากนั้นไม่เห็นว่าคนลงมืออย่างไร แต่เหนือศีรษะบังเกิดมวลพลังสีกากีขุมหนึ่งลอยลล่องออกมา และพริบตามวลพลังสีกากีดังกล่าวก็ควบรวมก่อเกิดกระบี่เล่มเขื่อง!
“ช้าก่อน…นั่นมัน ไม่ใช่กฏแห่งดินหรือ?”
“กฏที่ฟงชิงหยางเชี่ยวชาญที่สุดไม่ใช่กฏทำลายล้างหรือไร?”
“หรือคิดจะใช้แค่กฏแห่งดินในการจัดการโจวปิงหวู่?”
…
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าสร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนไม่น้อย ไม่เพียงเหล่าอัจฉริยะเท่านั้นที่ตกตะลึง กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลายที่ชมดูเรื่องราวอยู่ ก็ตกใจจนพูดไม่ออก