ตอนที่ 3,454 : คำขู่
จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ก่อนที่จะเข้าสู่นรกอสุราซึ่งเป็น 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก มรรคากระบี่ทำลายล้างก็ได้สร้างชื่อเสียงจนเป็นที่เลื่องลือแต่แรก
ทุกคนรู้กันแค่ฟงชิงหยางเชี่ยวชาญกฏทำลายล้างมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ชมดูเรื่องราวทั้งหลายในสถานที่เกิดเหตุ คิดไม่ถึงจริงๆว่าการลงมือของฟงชิงหยาง แทนที่จะใช้กฏทำลายล้างที่เลื่องลือ กลับใช้กฏแห่งดินแทน!
ใช้กฏแห่งดินแบบนี้ แล้วจะเป็นคู่มือของ โจวปิงหวู่ จักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนได้หรือ?
จะอย่างไรโจวปิงหวู่ก็รั้งอยู่ในอันดับที่ 5 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ พลังฝีมืออยู่เหนือจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกถึง 76 คน
แน่นอนว่าในบรรดาผู้ที่ชมดูอยู่ ก็มีบางคนที่ตกใจ
“ดูเหมือน เรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางบรรลุถึงขอบเขตเทพจะไม่แปลกปลอมแล้ว”
ในปัจจุบัน กระทั่งโจวปิงหวู่ที่เผชิญหน้ากับฟงชิงหยาง ก็รู้สึกเหมือนกัน
เมื่อกระบี่พลังของฟงชิงหยางควบแน่นมันก็เปล่งแสงสว่างสีกากีจ้า กลิ่นอายพลังน่าเกรงขามหาใดเปรียบเองก็กำจายออกมาในบรรยากาศ พาลให้หน้าโจวปิงหวู่เปลี่ยนสีทันที เพราะมันตระหักได้ถึงพลังอานุภาพที่อัดแน่นในแสงกระบี่ดังกล่าว
และต่อให้ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นที่มันสัมผัสได้ถึงพลังอานุภาพดังกล่าว แต่มันไม่มีวันลืม!
เพราะนี่คือกลิ่นอายของ พลังเทพ!
พลังเทพ!
พลังเทพไม่ผิดแน่!!
จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วจริงๆ!
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง มีอันใดพวกเราค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีหรือไม่…”
จังหวะนี้โจวปิงหวู่ไหนเลยจะหลงเหลือความคิดต่อสู้ ถึงแม้มันก็ย่ำถึงธรณีประตูขอบเขตเทพ จนถูกเรียกหาว่าครึ่งก้าวเทพ แต่มันรู้ดีว่าตัวมันยังต่างชั้นกับเทพที่แท้จริงมาก!
เทพที่แท้จริงคิดจะบดขยี้มันให้แหลก ไม่ต้องอาศัยพลังแห่งกฏด้วยซ้ำ!
อาศัยแค่พลังเทพ ที่วิวัฒน์มาจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอย่างเดียวก็ทรงพลังมากเกินพอ!
ในฐานะที่เป็นครึ่งก้าวเทพ มันย่อมรู้เรื่องนี้ดี!
ซู่มมม!!
ครืนนนน!!
…
ความว่างเปล่าสะท้านสะเทือนโดยพลัน โจวปิงหวู่ที่สัมผัสได้วว่าจิตต่อสู้ของฟงชิงหยางไม่ลดน้อยลงแม้แต่นิดเดียว มันก็ทราบได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะลงมือให้ได้ เช่นนั้นมันก็ไม่กล้าประมาท รีบเร่งเร้าพลังสุดตัว จนคนคล้ายกลับกลายเป็นตะวันดวงที่สอง!
อย่างไรก็ตามแม้มันจะเร่งเร้าพลังสุดตัวก็แล้ว ทว่าแสงกระบี่สีกากีของฟงชิงหยางช่างทรงพลังอานุภาพเหลือเกิน ม่านพลังของมันไม่ต่างอะไรจากใบไม้แห้งกรอบ สุดท้ายก็ถูกแสงกระบี่สีกากี้เข้มทะลวงผ่านมา ซัดทำร้ายเข้าตัวอย่างจัง!
ตูมมม!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว โจวปิงหวู่ที่ถูกซัดร่วงฟ้าตกไปแน่นิ่งบนเกาะลอยเล็กๆ ตอนนี้ได้แต่พยายามยืนขึ้นอย่างลำบากลำบน สีหน้าของมันซีดปานขี้เถ้า ในแววตาฉายชัดถึงความตื่นตระหนก ความขื่นขม รวมไปถึงความหวาดกลัวจับใจ
เทพ!
นี่คือพลังเทพ!!
มันไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้ใดๆ!
ฉากเรื่องราวดังกล่าว ทำให้สรรพเสียงโดยรอบเงียบไปครู่ใหญ่
“ให้ตายเถอะ! จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางบรรลุถึงขอบเขตแล้วจริงๆ!”
“ทรงพลังเหลือเกิน…ความแข็งแกร่งนั่นมันอะไรกัน จักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนจะอย่างไรก็เป็นอันดับ 5 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ เห็นว่าย่ำถึงธรณีประตูขอบเขตเทพจนกลายเป็นครึ่งก้าวเทพแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับไม่อาจรับมือจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางได้แม้แต่ท่าเดียว?”
“ที่สำคัญเลยก็คือ…จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางไม่ได้ใช้ออกด้วยกฏทำลายล้างที่เชี่ยวชาญที่สุด แต่ใช้แค่กฏแห่งดินเท่านั้น และในอดีตข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำว่า จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเชี่ยวชาญกฏแห่งดินด้วย”
“นั่นสิ ข้าก็เหมือนกัน”
…
นี่นับเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ฟงชิงหยางเผยพลังเทพต่อหน้าสาธารณะชน ทำให้ทุกคนตระหนักได้โดยพลัน จักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่แค่อาจจะกลายเป็นเทพ แต่กลายเป็นเทพไปแล้วจริงๆ!
ข่าวลือในอดีต ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมูลจริงๆ!
“น้องฟง…”
จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ แม้จะรู้ว่าฟงชิงหยางบรรลุถึงขอบเขตเทพแต่แรก แต่พอเห็นฟงชิงหยางทุบตีโจวปิงหวู่จนเปลี้ยในท่าเดียว มันก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขมออกมา
เพราะมันพึ่งรู้เรื่องหนึ่ง ในอดีตตอนที่มันไปท้าประลองฟงชิงหยาง เป็นฟงชิงหยางเมตตาออมมือให้มันมากจริงๆ
หาไม่แล้ว มันคงไม่แค่ถูกทุบตีกลับมาเบาะๆ
ตอนแรกมันยังสงสัยไม่น้อยว่าไฉนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเหล่าเซียนอมตะ ถึงไม่อาจเทียบได้กับพลังเทพของตัวตนเทพเลย?
ทำไมมันถึงไม่แม้แต่จะต้านทานรับไหว?
พอความจริงปรากฏขึ้นชัดแจ้ง จึงรู้ว่าที่แท้ในอดีตเป็นอีกฝ่ายออมมือให้มันมาก!
“ร้ายกาจเกินไปแล้ว! นี่น่ะเหรอพลังเทพ!?”
ถังซานเป่าที่นั่งอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน โพล่งขึ้นมาอย่างคึกคัก สองตาที่มองจ้องฟงชิงหยางบนฟ้าสูง ยิ่งมายิ่งทววีความคลั่งไคล้ ราวกับจะควบคุมตัวเองไม่ให้พุ่งไปกราบบูชาไม่อยู่แล้ว!
หากจะถามว่าในปัจจุบัน ใครที่ใจเย็นที่สุดก็เห็นแต่จะเป็นต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความต่างระหว่างขอบเขตเซียนอมตะกับขอบเขตเทพมานานแล้ว เพราะต้องทราบด้วยว่ากระทั่งข้ารับใช้ของตระกูลอวิ๋น ที่บีบคั้นให้ฟงชิงหยางต้องหลบหนีเข้าสู่นรกอสุราในปีนั้น ก็เป็นแค่ครึ่งก้าวเทพเท่านั้น
สำหรับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เกิดมาก็เจอตัวตนระดับเทพอยู่รอบกาย และเติบโตขึ้มากับตัวตนขอบเขตเทพ มันย่อมรู้ดีว่าตัวตนขอบเขตเทพแข็งแกร่งที่ไหน
เป็นธรรมดาว่าเหล่ายอดฝีมือของวิหารเฟิงฮ่าวหลายคนในที่นี้ ที่รู้เรื่องฟงชิงหยางบรรลุเทพแต่แรก มิฉะนั้นพวกมันคงไม่ประกาศเรื่องที่อันดับในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ของฟงชิงหยางเลื่อนขึ้นไประดับ 3 แล้วแน่นอน
สามารถหลบหนีออกมาจากนรกอสุราได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นตัวตนระดับครึ่งก้าวเทพ!
วิหารเฟิงฮ่าวก็อาศัยเรื่องนี้ตัดสินว่าอย่างน้อยๆฟงชิงหยางก็ต้องเป็นครึ่งก้าวเทพ…
“ร้ายกาจเกินไป! อาศัยแค่กระบี่เดียวก็ทำให้จักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนบาดเจ็บสาหัส!”
“มิน่าล่ะ ก่อนหน้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางถึงไม่เห็นจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนอยู่ในสายตา แต่ยังพูดออกมาตรงๆ ว่าจักรพรรดิสววรรค์ฉีหงเทียนไม่มีคุณสมบัติพอ!”
…
ทุกสายตาเอาแต่มองจ้องฟงชิงหยางเขม็ง
ถึงแม้จะมีจักรพรรดิสวรรค์และจ้าววิหารเฟิงฮ่าวทยอยกันมาถึง ทว่าการมาของพวกมันกลับไม่ทำให้ใครสนใจเลย
ความแข็งแกร่งของฟงชิงหยางน่ากลัวเกินไป!
พลังของฟงชิงหยางในปัจจุบัน ทำให้ใจทุกคนสะท้านเต้นไปไม่เป็นจักหวะ
“หลังจากนี้ไป หากจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนเจ้า ยังคิดสอดมือยุ่งเรื่องระหว่างข้ากับซือถูฉูชิงอีก…ตาย!”
ฟงชิงหยางเหลือบไปมองจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน พลางกล่าวคำด้วยน้ำเสียงสีหน้าแววตาดุดันเอาเรื่อง! ทำให้หลายคนไม่กล้าสงสัยว่าที่พูดมาจริงหรือหลอก!
อย่างไรก็ตามคำพูดดังกล่าวของฟงชิงหยาง ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับคนรอบกายรู้สึกขนลุกอยู่บ้าง ดูจากสถานการณ์จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนก็กำลังจะโดนดีแล้ว ที่สำคัญไม่ใช่ว่าฟงชิงหยางจะฆ่านางให้ตายเลยหรือไร?
ก็เมื่อจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนกำลังจะตาย แล้วไฉนถึงกล่าวปรามจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนว่าหลังจากนี้อย่าได้สอดมือ ในเมื่อคนตายแล้วจะสอดมือทำอะไรอีก?
ทว่าคำพูดต่อมาของฟงชิงหยางก็ทำให้ทุกคนเข้าใจ
“ซือถูฉูชิง”
หลังสยบจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียนแล้ว ฟงชิงหยางก็หันไปมองซือถูฉูชิงที่บัดนี้ใบหน้ากำลังบิดเบี้ยวเหยเก “เจ้าคิดว่า…อาศัยการแยกวิญญาณออกมาแล้วใช้ไม้วิเศษอมตะสร้างร่างกายเพื่อปรากฏตัวที่นี่ แล้วข้าจะไม่มีปัญญาฆ่าเจ้าได้งั้นเหรอ?”
พอฟงชิงหยางกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆที่สงสัยก็เข้าใจได้ทันที
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนก่อนหน้าฟงชิงหยางถึงพูดออกมาแบบนั้น
ปรากฏว่าร่างจักรพรรดินีสวรรค์ที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ร่างจริง! แต่เป็นร่างแยกที่สร้างขึ้นโดยการแยกวิญญาณออกมาส่วนหนึ่งแล้วอาศัยไม้วิเศษอมตะในการสร้างร่าง
ครู่ต่อมาเสียงอุทานก็เริ่มดังขึ้นระงม
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าไม้วิเศษอมตะสามารถผสานรวมเข้ากับเสี้ยววิญญาณและสร้างร่างอวตารได้ ถึงแม้พลังของงร่างอวตารจะไม่อาจเทียบได้กับร่างจริง แต่ก็เสมือนเป็นร่างแยกที่มีชีวิต หากไม่ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบโดยละเอียดก็คงยากจะพบพิรุธอันใด…วันนี้ได้เห็นกับตานับว่าสมคำร่ำลือจริงๆ”
“ที่แท้จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนที่เราเห็นไม่ใช่ร่างจริง แต่เป็นร่างแยกจากการใช้ไม้วิเศษอมตะ!”
“ไม้วิเศษอมตะที่ว่า ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกก็นับเป็นสมบัติล้ำค่า…แต่อย่างไรเสียสำหรับชนชั้นจักรพรรดิสวรรค์แล้วจะมีติดมือไว้บ้างก็ไม่แปลก”
…
ในขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจ ซือถูฉูชิงก็ลุกขึ้นยืน มองกล่าวกับฟงชิงหยางด้วยสีหน้ามืดมน “ฟงชิงหยาง ต่อให้เจ้าจะกลายเป็นเทพไปแล้ว แต่เจ้าก็ใช่จะอยู่ยงคงกระพันในใต้หล้า!!”
“ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ อย่าพึ่งกลัวไปเล่า…บุรุษของข้าซือถูฉูชิงเป็นตัวตนขอบเขตเทพจากระนาบเทพ! เมื่อหลายร้อยปีก่อน ตอนที่ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกกับระนาบเทพยังไม่ปิด บุรุษของข้าได้ลงมาเที่ยวในระนาบเทวโลกจนได้พบเจอกับข้า!”
“อีกทั้งบุรุษของข้าก็มิใช่เทพธรรมดาๆ”
“หากเจ้ากล้าฆ่าข้าซือถูฉูชิง…วันหน้าบุรุษของข้าไม่มีวันละเว้นเจ้าแน่!!”
เห็นได้ชัดว่าซือถูฉูชิงรู้ดีว่าการยอมลงตอนนี้ไม่มีความหมาย จึงเลือกจะแข็งข้อต่อต้านถึงที่สุด และยกอ้างบุรุษของตัวที่เป็นเทพจากระนาบเทพออกมาขู่ข่ม
ทันทีที่ซือถูฉูชิงพูดเรื่องนี้ออกมา ผู้คนโดยรอบก็แตกตื่นไม่น้อย
ไม่มีใครคิดว่านางจะพูดเรื่องนี้ออกมา
บุรุษของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน…เป็นเทพจากระนาบเทพที่ลงมาเที่ยวงั้นหรือ?
ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะล่วงรู้ว่าซือถูฉูชิงมีลูกสาวคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครล่วงรู้ว่านางมีลูกกับใคร และบุรุษของนางก็เป็นตัวตนอันลึกลับนัก
บางคนยังถึงกับเดาอย่างอุกอาจว่า…ซือถูฉูชิงใช่ลอบไปมีสัมพันธ์ลับๆกับจักรพรรดิสวรรค์คนไหนรึเปล่า และพอดีจักรพรรดิสวรรค์คนนั้นอาจมีภรรยาแล้ว จึงได้แต่ปกปิดเรื่องบิดาของลูกสาวเอาไว้เป็นความลับ
เป็นธรรมดาว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่รู้ว่าจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนไม่ได้มีลูกสาวแค่คนเดียว แต่มีถึง 2 คน และอีกคนก็ได้ถูกต้วนหลิงเทียนศิษย์ที่แท้จริงเพีงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางฆ่าตายไปแล้ว
“ลูกสาวข้า ที่ถูกต้วนหลิงเทียนศิษย์ที่แท้จริงของเจ้าฆ่าตาย ก็เป็นลูกสาวแท้ๆของข้ากับคนรักที่เป็นเทพของข้า!”
ซือถูฉูชิงกล่าวขู่ออกมาเสียงหนัก
หลังซือถูฉูชิงกล่าวขู่จบ ทุกคนก็หันไปมองทางฟงชิงหยางทันที “ถึงแม้จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางจะบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นเทพระดับล่างสุด…บุรุษของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ในเมื่อเป็นเทพของระนาบเทพ ไม่แน่ก็อาจจะบรรลุถึงขอบเขตเทพมานานแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้!”
“ข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่แท้สามีของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนจะเป็นตัวตนขอบเขตเทพจากระนาบเทพ!”
“ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ฆ่าลูกสาวที่นางมีกับเทพผู้นั้นหรือ?”
…
เมื่อกลุ่มคนเริ่มกระซิบกระซาบ ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง เขาไม่คิดว่าเบื้องหลังของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่เทีนจะมีตัวตนขอบเขตเทพอยู่ แถมนั่นยังเป็นผู้ชายของนางอีก
ในขณะที่หลายคนคิดว่าฟงชิงหยยางอาจจะกลัวคำขู่ของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน มิคาดคนกลับมองถามจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนเสียงเรียบด้วยสีหน้าไร้แยแส “แล้วไง?”
และพอกล่าวจบคำ แสงกระบี่นับพันก็พวยพุ่งออกมาจากร่างฟงชิงหยาง ดั่งกระแสน้ำเชี่ยวโถมเข้าใส่ซือถูฉูชิงทันที
ไม้วิเศษอมตะที่เป็นแก่นของร่างก็ถูกบดขยี้ทำลายในพริบตา
ฉากเรื่องราวที่อุบัติขึ้นในฉับพลัน ทำให้ทุกคนอื้ออึงทั้งเสียดายอยู่บ้าง
แต่เป็นธรรมดาว่าทุกคนก็รู้ดี สำหรับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแล้ว ไม้วิเศษอมตะอาจไม่ได้มีค่าอะไรมาก…เพราะในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนอาจมีปลูกไว้ด้วยซ้ำ!
เพราะไม้วิเศษอมตะ มักจะเติบโตในสถานที่ๆมีสายแร่ผลึกอมตะระดับสูงๆเท่านั้น
จะอย่างไรพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนก็เป็นขุมกำลังที่ครอบครองสายแร่ผลึกอมตะที่ดีที่สุดในระนาบจี้เมี่ยเทียน…