ตอนที่ 3467 มรรคากระบี่มิติ!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

หลังจากต้วนหลิงเทียนกลับไปนั่งที่แล้ว อัฒจันทร์โดยรอบที่เงียบสงัดไปครู่หนึ่ง พลันกระหึ่มขึ้นมาทันที!
  “มารดามันเถอะ กระบี่ผีสางอันใดไฉนว่องไวนัก!”
  “เมื่อครู่…ข้าได้ยินแต่เสียงกระบี่เท่านั้น แต่ไม่เห็นเลยว่ามันลงกระบี่อย่างไร…”
  “ให้ตายเถอะ กระบี่ของมันจะไวเกินไปไหม ข้าเองก็เป็นเทพสงคราม 2 ดาราเช่นกัน แต่ข้าจับวิถีกระบี่มันไม่ได้เลย!”
  …
  อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนอดไม่ได้ที่จะตกใจ รวมทั้งอวี๋ตงฟางศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนเองก็เช่นกัน สีหน้าท่าทีของมันตอนนี้แลดูเคร่งขรึมจริงจังเป็นที่สุด!
  มันก็มองไม่เห็นวิถีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเหมือนกัน!
  สำหรับถงถูที่นั่งข้างอวี๋ตงฟางตอนนี้ มันหวาดกลัวจนขี้หดตดหายแล้ว! หน้าผากยังปรากฏเม้ดเหงื่อผุดซึมจนชุ่ม พอคิดถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมา ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนที่แท้เมตตาปราณีมันขนาดไหน!
  ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันมองไม่เห็นวิถีกระบี่ต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ กระทั่งความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนมันก็ไม่เห็น ที่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรใช้กระบี่ก็ฟังเสียงฮือฮาโดยรอบมาเท่านั้น!
  แถมมันยังตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง…ด่านพลังฝึกปรือของงต้วนหลิงเทียนสูงกว่ามัน!
  จากกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ต้วนหลิงเทียนใช้ขับเคลื่อนความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเมื่อครู่ มันตระหนักได้รางๆว่าอย่างน้อยๆด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนก็สมควรอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 8 ชะตา และอาจเป็นได้กระทั่งจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนักเหมือนศิษย์พี่ 3 ของมัน!
  ส่วนตัวมันเป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 6 ผสานเท่านั้น!
  “เจ้านั่น…เมื่อครู่มันมิได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งด้วยซ้ำ!”
  อวี๋ตงฟางกล่าวเสียงเครียด
  “อะไร?!”
  ได้ยินคำพูดของอวี๋ตงฟาง สีหน้าถงถูก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เพราะเมื่อครู่มันเห็นชัดเจนว่าคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแล้ว จนมีพลังและความเร็วสูงกว่ามันมาก!
  แต่มาตอนนี้ ศิษย์พี่ 3 ของมันกลับบอกว่า…
  การลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่…ไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้ง?!
  นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร!?
  ถึงแม้กฏมิติที่เป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดจะทรงพลัง แต่ก็คงไม่ร้ายกาจถึงขั้นฝืนฟ้าขนาดนั้นกระมัง? แต่ในเมื่อไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ ไฉนถึงลงมือสยบคนที่ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งได้?
  หรือด่านพลังฝึกปรือของทั้งคู่ แตกต่างกันมาก?
  “ศิษย์พี่ 3 ด่านพลังของเจ้าซือหม่าอะไรนั่นมันต่างจากต้วนหลิงเทียนมากหรือ?”
  ถงถูเอ่ยถามเสีงหนัก ใบหน้าแลดูจริงจังไม่น้อย
  “ความแตกต่างของด่านพลังฝึกปรือนั้นมีอยู่ แต่ไม่ได้แตกต่างกันมาก…หากข้าสัมผัสไม่ผิด ต้วนหลิงเทียนนั่นมันเป็นจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนัก ส่วนซือหม่าจ๋งจิ้งเป็นเพียงจักรพรรดิอมตะ 8 ชะตา ด่านพลังึฝกปรือต่างกันแค่ขั้นเดียวเท่านั้น…ปกติแล้วต่อให้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญกฏมิติแค่ไหน หากไม่ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งก็คงยากจะเอาชนะซือหม่าจ๋งจิ้งได้…”
  อวี๋ตงฟางกล่าวสรุป
  “แล้วไฉนมันถึงเอาชนะได้ง่ายนักล่ะ?”
  ถงถูสับสนงุนงง มันไม่เข้าใจจริงๆว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่กันแน่
  “เจ้าลืมไปแล้วหรือไร…ว่าท่านอาจารย์ของพวกเรา ยามพูดถึงจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ท่านอาจารย์ชื่นชมผู้อื่นเรื่องอะไรมากที่สุด!”
  อวี๋ตงฟางหันไปมองถงถูด้วยสายตาลึกซึ้งพลางถาม
  พอถงถูได้ยินคำถามดังกล่าว ความคิดมันก็โลดแล่นในหัว พริบตาก็คล้ายมีประกายแสงหนึ่งสว่างวาบ ลูกตาหดเล็กลงเร็วไว “ศิษย์พี่ท่านหมายความว่าอะไร…ต้วนหลิงเทียนนั่น มันสำเร็จมรรคากระบี่ของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแล้วงั้นเหรอ?”
  จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน อาจารย์ขอมัน ถึงแม้จะล่วงรู้เรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียนบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว แต่เรื่องที่อาจารย์มันชื่นชมฟงชิงหยางมากที่สุดไม่ใช่เรื่องบรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่เป็นเรื่องที่ฟงชิงหยางค้นพบเต๋าของตัวเอง ทำให้มีพลังอำนาจอีกอย่างที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความลึกซึ้งของกฏ กระทั่งยังใช้ร่วมกันได้ ก่อให้เกิดเป็นพลานุภาพในการต่อสู้อย่างน่ากลัว
  วิธีการดังกล่าว คือสิ่งที่กระทั่งอาจารย์ของมันกระทั่งหลับยังฝันถึง และเนิ่นนานก็ทำได้แค่แต่ถึงธรณีประตูไม่อาจข้ามผ่าน…
  อย่างไรก็ตาม ฟงชิงหยาง ข้ามประตูนั้นไปแล้ว…
  “ท่านอาจารย์เคยบอกข้ามานานแล้ว…ว่าหากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมีความสำเร็จในเต๋ากระบี่มากขึ้น เรื่องจะบรรลุเทพก็เป็นแค่เรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น…”
  อวี๋ตงฟางหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตามันสั่นไหวไม่น้อย “ว่ากันว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น พึ่งจะได้พบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเมื่อ 100 ปีก่อนเท่านั้น…แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเข้าถึงงเต๋ากระบี่ กระทั่งไม่แน่มันอาจค้นพบเต๋ากระบี่ของตัวเรียบร้อยแล้ว!”
  “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ร้ายกาจเกินคน!”
  มันย่อมเดาได้ไม่ยากเป็นธรรมดา ว่ากระบี่ที่ทรงพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพลังแห่งกฏที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งสำแดงออกนั้น…ไม่พ้นต้องได้รับถ่ายทอดมาจากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแน่!
  แน่นอนว่าถึงงแม้จะได้พบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางได้แค่ 100 กว่าปี แต่เนื่องจากได้รับสืบทอดมรดกจากฟงชิงหยางในระนาบโลกียะ ก็ไม่ต่างอะไรจากการวางรากฐานไว้แล้ว! ทว่าต่อให้จะวางรากฐานมาตั้งแต่ระนาบโลกียะ แต่กับประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้หลังได้รับการชี้แนะแค่ 100 กว่าปี ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกใจอยู่ดี
  เพราะ เต๋า มรรคา หรือวิถี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการค้นพบหนทาง และเดินไปให้ถูกทาง…
  ยกตัวอย่างเช่นอาจารย์ของมัน ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะกระบี่เช่นกัน แต่เพราะก้าวเดินบนเส้นทางกระบี่ผิดพลาดหลายครั้ง ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย
  แต่เป็นธรรมดาที่มันจะเชื่อมั่นว่า หากอาจารยย์ของมันมีเวลามากกว่านี้ สุดท้ายก็ต้องค้นพบมรรคากระบี่ของตัวเองแน่นอน!
  ดุจเดียวกับอวี๋ตงฟาง มีจักรพรรดิสวรรค์รวมถึงระดับสูงของวิหารเฟิงฮ่าวจากระนาบเทวโลกต่างๆสามารถมองเห็นเบาะแสบางอย่างจากกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ “เป็นมรรคากระบี่ทำลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง! ไม่! ดูเหมือนจะไม่ใช่มรรคากระบี่ทำลายล้าง…แม้วิถีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่จะให้กลิ่นอายยของมรรคากระบี่ทำลายล้าง แต่มันกลับแฝงไว้ด้วยกฏมิติ เป็นมันใช้วิถีกระบี่ร่วมกับกฏมิติในแนวทางของตัวเอง!”
  “มาตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าไฉนจักรพรรดิสวรรค์ถึงเลือกรับมันเป็นศิษย์! ที่แท้มันเป็นอัจฉริยะในเชิงกระบี่! อายุมีแค่น้อยนิด แต่มันกลับพบเจอมรรคากระบี่มิติของตัวเองจากมรรคากระบี่ทำลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!”
  “หลังจากนี้ หากมันประสบความสำเร็จในมรรคากระบี่มิติ เกรงว่าคงกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางคนที่ 2!”
  “ไม่แน่! หากมรรคากระบี่มิติของมันประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะพลังอำนาจรวมถึงความพิสดาร ข้าเกรงว่าอาจจะมีอานุภาพเหนือล้ำกว่ามรรคากระบี่ทำลายล้างของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเสียอีก!”
  …
  จักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลายลอบสนทนากันอย่างลับๆ มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสายตายังต่างไปจากเดิมลิบลับ
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูไล!
  ‘ฟงชิงหยางนั่นถ่ายทอดมรรคากระบี่ให้มันจริงๆ…หากข้าสามารถชิงร่างหลอมกลืนวิญญาณมันได้ มิใช่ว่าต่อไปข้าก็จักสำเร็จมรรคากระบี่ของฟงชิงหยางหรือไร?’
  ‘มันเป็นแค่จักรพรรดิอมตะตัวกระจ้อยเท่านั้น…ข้าคิดจัดการมันไยมิใช่เรื่องง่าย?’
  ‘ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของมันยังงอ่อนด้อยกว่ายูไลมาก…ข้ามิอาจครอบงำหลอมกลืนวิญญาณยูไลได้ทั้งหมด แต่กับวิญญาณอ่อนแอของเจ้าหนูนั่น ไยมิใช่ขนมหวานเล่า?’
  ‘มรรคากระบี่…นั่นเป็น 1 ในหนทางสู่ขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด!’
  สองตายูไลทอแสงจ้า
  “น้องฟงท่าน…”
  จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ หันไปมองถามฟงชิงหยางด้วยความประหลาดใจ “นี่ท่านถ่ายทอดมรรคากระบี่ทำลายล้างให้ศิษย์หลานต้วนรึ?”
  “ที่สำคัญ ด้วยมีแนวทางมรรคากระบี่ทำลายล้างของท่าน ศิษย์หลานต้วนถึงกับเริ่มก้าวเดินในมรรคากระบี่มิติของตัวเองได้แล้ว?!”
  บัดนี้สีหน้าติงฟู่ฉาชัดถึงความตกตะลึงทั้งซับซ้อนนัก
  “อืม”
  ฟงชิงหยางพยักหน้า มุมปากเริ่มยกยิ้มบางๆ “มรรคากระบี่มิติ…ตอนนี้ยังค่อนข้างอ่อนด้อยอยู่บ้าง”
  “เพ่ย! น้องฟงท่านคิดทำร้ายจิตใจผู้คนให้ตายเชียวหรือ นี่ยังเรียกว่าอ่อนด้อย?”
  ได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ แทบกระอักเลือดตาย จากนั้นก็หันไปถลึงตามองกล่าวกับเว่ยฉีข้างๆ เป็นการระบายความคับข้องใจ “เจ้าเห็นแล้วหรือไม่? นั่นคือศิษย์ของอาจารย์อาเจ้า…ตอนเจ้าอายยุเท่าศิษย์หลานต้วน ด้วยพลังฝีมือเจ้า น่ากลัวจะต้านทานศิษย์หลานต้วนไม่ได้แม้กระบี่เดียว!!”
  เว่ยฉีที่อยู่ๆก็โดนอาจารย์ตำหนิ ได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม…
  มันอย่างไรก็คือจักรพรรดิอมตะกระดูกมังกรที่ลือชื่อ ตอนนี้กลับเป็นได้แค่กระโถนรองรับอารมณ์?
  มันอยากจะโต้เถียงกลับไปว่า แล้วตอนที่อาจารย์ท่านอายุเท่านี้ ท่านตีกับศิษย์น้องต้วนไหวไหมล่ะ? แต่ก็ไม่กล้า…เพราะสุดท้าย ในสายตาของมันอาจารย์ของก็ไม่ต่างอะไรจากบิดาคนที่ 2
  เป็นธรรมดาถึงแม้มันจะรู้สึกว่าคำพูดของอาจารย์นี้เหมือนจะทำร้ายจิตใจผู้คน แต่ทุกถ้อยคำก็เป็นเรื่องจริง…ตอนมันอายุเท่าต้วนหลิงเทียน มองจากกระบวนท่ากระบี่เมื่อครู่ อย่าว่าแต่หนึ่งกระบวนท่าเลย ต่อให้ครึ่งกระบวนก็ไม่ไหวจะสู้!.
  “อาศัยมรรคากระบี่ทำลายล้างของฟงชิงหยางเป็นแนวทาง กลับคลำทางสร้างมรรคากระบี่มิติของตัวเองได้ และประสบความสำเร็จไม่ธรรมดา…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดหรือไร?”
  เหล่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาระนาบเทวโลกต่างๆเริ่มส่งเสียงผ่านพลังคุยกันอย่างลับๆ ตอนีน้ในแววตาพวกมันแต่ละคนล้วนฉายชัดถึงความตกใจ
  “หากให้เวลามันอีก 2-3 พันปี ไม่พ้นต้องไล่ตามฟงชิงหยางทันแน่!”
  “นั่นไม่จำเป็น…มันก้าวหน้าเติบโตได้ หรือฟงชิงหยางไม่ก้าวหน้าเติบโตแล้ว? พวกเจ้าต้องทราบด้วยว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางจะอย่างไรก็บรรลุถึงขอบเขตเทพเรียบร้อย หนทางข้างหน้ายังมีพื้นีท่ให้ก้าวหน้าอีกมาก!”
  “อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนนั่นก็ต้องใช้เววลาอีกหลายยพันกระทั่งนับหมื่นปี ถึงจักไล่ตามฟงชิงหยางได้ทัน!”
  …
  มีคำกล่าวที่ว่า ‘ชาวบ้านดูเอาสนุกสนาน แต่ผู้เชี่ยวชาญแลเห็นลู่ทาง’ จักรพรรดิสวรรค์รวมถึงเหล่าจ้าววิหารและรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวของระนาบเทวโลกต่างๆ ล้วนถกกันถึงเรื่องมรรคากระบี่มิติของต้วนหลิงเทียนกันใหญ่ และเพียงดูก็รู้ว่าได้แนวทางมาจากมรรคากระบี่ทำลายล้างของฟงชิงหยาง สำหรับอัจฉริยะทั้งหลายนั้น กว่า 99 ส่วน ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
  มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะมองเห็นอะไรบางอย่าง ทำให้สีหน้ากลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
  สำหรับผู้คนส่วนใหญ่นั้นงุนงงและไม่เข้าใจอะไรเลย
  “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พลังของกฏมิติมันร้ายกาจท้าทายสวรรค์ขนาดนี้? สหายของข้าเองก็เก่งกฏมิติ แต่ตอนที่มีระดับความเข้าใจพอๆกัน พลังงฝีมือมันก็ดีกว่าข้าแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะไม่เกินจริงไปหน่อยรึ?”
  “ที่แท้ต้วนหลิงเทียนลงมือด้วยวิชาผีสางอันใดกันแน่? ไฉนไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งแต่กลับเอาชนะเทพสงคราม 2 ดาราได้ง่ายๆ?”
  “ให้ตายเถอะวะ นั่นมันเทพสงคราม 2 ดาราเชียวนะ ไม่ใช่หมาแมวที่ไหน!”
  …
  เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
  อย่างไรก็ตามจนเมื่อต้วนหลิงเทียนกลับไปนั่งที่ ทั้งหมดค่อยได้สติและตระหนักว่ากระบี่เมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจขนาดไหน
  “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะค้นพบมรรคากระบี่ของตัวเองแล้ว”
  เป็นธรรมดาว่าท่ามกลางผู้คนรอบตัวต้วนหลิงเทียน ผู้ที่ตกใจกว่าใครก็คือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น เพราะมันมาจากตระกูลลับ ที่จัดว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ มันเองก็ได้ยินผู้อาวุโสในตระกูลกล่าวถึงตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าพลังแห่งกฏนั้นแม้จะทรงพลานุภาพ แต่หากบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้วปลายทางของทุกคนก็เท่ากัน…
  ทว่า เต๋า วิถี หรือมรรคานั้น แต่ละคนล้วนมีเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ว่าใครก็จะบรรลุถึงและเข้าใจเส้นทางของตัวเองกันได้ง่ายๆ และต่างจากเทพเบญจธาตุที่ขอแค่ขวนขวายหน่อยก็หาได้โดยสิ้นเชิง มันเป็นอีกหนึ่งเส้นทางในการบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด!
  แต่เป็นธรรมดา ไม่ใช่ผู้ที่ค้นพบมรรคาของตัวเอง หรือครอบครองเทพเบญจธาตุจะบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้ทุกคน
  เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ตาม ต่อให้ค้นพบมรรคาของตัวเองแล้ว แต่ถ้าไม่อาจก้าวเดินไปจนสุดทาง และทำให้มรรคานั้นเป็นเอกอุไร้ใดเสมอเหมือน รวมถึงผู้ที่ไม่อาจยกระดับวิวัฒน์เทพเบญจธาตุให้ถึงขั้นสุดท้าย ก็ยากจะบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้อยู่ดี
  “นี่เจ้า เข้าใจมรรคากระบี่ของเจ้าด้วยตัวเองหรือ?”
  หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวถามเสียงเข้ม ขณะเดียวกันสองตามันก็ทอประกายซับซ้อนออกมา เพราะถ้าหากต้วนหลิงเทียนค้นพบมรรคากระบี่ของตัวเองด้วยอายุเพียงเท่านี้ เรียกว่าเข้าถึง ‘เต๋า’ ได้แล้วล่ะก็ ต่อให้ไปอยู่ในระนาบเทพ แต่ต้วนหลิงเทียนก็คือสุดยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก!
  ตัวตนเช่นนี้ หากยอดฝีมือขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดคิดจะรับเป็นศิษย์ เกรงว่าจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก!