คำพูดของถังซานเป่าใม่เพียงทำให้ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเท่านั้น ยังทำให้จางเทียนโย่วรู้สึกไร้คำจะกล่าว
  ไฉนคนที่แลดูเหมือนตัวเหลวไหลไร้มาดยอดฝีมือผู้นี้ ถึงเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อายุไม่ถึงพันที่บรรลุพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราได้?
  เรื่องพรรค์นี้ต่อให้คิดในหัวก็ไม่น่าจะพูดออกมาไม่ใช่หรือไง?
  ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลย?
  “พี่น้องต้วน…ท่านเมตตาบอกข้าสักครั้งไม่ได้หรือ?”
  หลังถังซานเป่าได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน สีหน้ามันก็ฉายความกังวลขึ้นมาให้เห็น แต่ไม่นานก็หวนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม…เรื่องสู้กัน ข้าว่าพี่น้องต้วนท่านกับข้าคงไม่ได้เจอกันเร็วๆนี้แน่”
  “ขอเพียงหลังจากนี้คู่ต่อสู้ของพี่น้องต้วนร้ายกาจเข้าหน่อย พี่น้องต้วนท่านอย่างไรก็ต้องเผยพลังฝีมือออกมา ถึงตอนนั้นข้าค่อยชมดูเอาเองก็ได้ว่าข้าจะสู้ได้รึเปล่า ถ้ารู้สึกว่าสู้ไม่ได้ต่อให้เจอพี่น้องต้วนท่าน ข้าก็จะยอมแพ้ทันที”
  พอได้ฟังวาจาประโยคต่อมาของถังซานเป่า ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกไร้คำจะกล่าวอีกคน
  “จะว่าไปตอนนี้ในบรรดาพวกเรา 4 คน ก็เหลือแต่พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้วสิที่ยังไม่ได้ลงมือ?”
  จากนั้นถังซานเป่าก็เบนความสนใจไปยังหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดื้อๆ
  หลังจากจบการประลองของวันแล้ว เช้าวันต่อมาในชุดที่ 3 ก็ปรากฏชื่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเหนือสังเวียนจนได้ และคู่ต่อสู้ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็คือ เจียงเหิงอวี่
  “ในที่สุดเจียงเหิงอวี่ก็ลงสนามเสียที…เมื่อ 10 ปีก่อน เจียงเหิงอวี่ผู้นี้ก็มีพลังเทียบได้กับเทพสงคราม 3 ดาราแล้ว ตอนนี้ไม่พ้นต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่”
  มีเสียงดังขึ้นจากอัฒจันทร์ที่นั่งอีกฝั่ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆพอจะรับทราบพลังฝีมือของคู่ต่อสู้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคร่าวๆ
  ถึงแม้ก่อนหน้านี้วิหารเฟิงฮ่าวจะมีการสร้างม่านแสงรายชื่ออัจฉริยะ 300 คนรวมถึงข้อมูล และหนึ่งในนั้นย่อมมีข้อมูลของเจียงเหิงอวี่…แต่ถ้าไม่ใช่คนที่วิหารเฟิงฮ่าวให้ข้อมูลที่น่าสนใจไว้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะจำ
  คนที่ต้วนหลิงเทียนจำ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ววิหารเฟิงฮ่าวลงความเห็นว่าน่าจะเป็นเทพสงคราม 4 ดาราขึ้นไป
  ในบรรดาคนเหล่านั้น ไม่มีเจียงเหิงอวี่
  “เจียงเหิงอวี่ เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของศาลาหยวนเซียน ขุมกำลังระดับสวรรค์แห่งชื่อเหยียนเทียน แม้จะมีอายุแค่ 800 กว่าปีแต่พลังฝีมือก็บรรลุถึงเทพสงคราม 3 ดาราแล้ว หลายคนกล่าวกันว่าเจียงเหิงอวี่สมควรบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 4 ดาราได้ก่อนมีอายุครบพันแน่นอน”
  “หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั่น…เห็นว่าเป็นผู้ฝึกตนพเนจรของเฟิงชิงเทียนหรือ?”
  “ถึงมันเป็นผู้ฝึกตนพเนจรแล้วอย่างไร ข้าได้ยินมาว่าในบรรดาคนนับสิบที่ผ่านการทดสอบและมากับวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ร้ายกาจที่สุด นอกจากนั้นในรอบที่ 2 มันก็เผยความแข็งแกร่งไม่น้อย แถมยังลงมือได้น่ากลัวยิ่ง…กระทั่งเทพสงคราม 2 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ ยังถูกมันกระชากหัวหลุดได้ง่ายดายปานสุนัข พลังฝีมือของมันอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 3 ดารา!”
  “ข้าได้ยินอัจฉริยะที่มากับวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนบอกวว่า พลังฝีมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หากไม่ใช่ยอดฝีมือเทพสงคราม 3 ดารา ก็ต้องเป็นถึงเทพสงคราม 4 ดารา!”
  …
  วาจาทำนองดังกล่าวดังขึ้นจากอัฒจันทร์ที่นั่งหลังต่างๆ เห็นได้ชัดว่าเหล่าอัจฉริยะก็ทำการบ้านมาดี มีไปหาข้อมูลของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมาเรียบร้อย
  ตอนนี้องด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็เหินร่างออกจากอัฒจันทร์ที่นั่ง ไปลอยร่างเผชิญหน้ากับเจียงเหิงอวี่เรียบร้อย
  เจียงเหิงอวี่เป็นชายหนุ่มที่แลดูจริงจัง มาในชุดจอมยุทธ์เรียบง่าย และบัดนี้สีหน้ามันกก็เคร่งขรึมนัก มองจ้องตาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เย็นชาเบื้องหน้าอย่างเงียบงันไม่กล่าวคำใด และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายพูดก่อน สุดท้ายทั้งคู่จึงเอาแต่มองจ้องกันเงียบๆพักหนึ่ง
  ขวับ!
  สุดท้ายเจียงเหิงอวี่ก็เป็นฝ่ายลงมือก่อน และทันทีที่ลงมือ มันก็นำอาวุธอมตะของมันออกมา เป็นอาวุธอมตะที่แลดูแปลกพิกล เพราะมันเป็นเตาหลอมขนาดเล็ก ทว่าเตาหลอมขนาดเล็กดังกล่าววหลังถูกมันโยนขึ้นฟ้าแล้ว ก็ขยายใหญ่ในฉับพลัน แถมยังปรากฏเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นมาจากเตาร้อนแรง! ร่วงถล่มลงจากฟ้าเข้าใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นปานภูเขาไฟที่กำลังระเบิดปะทุ!!
  เผชิญหน้ากับเตาหลอมมหึมาอันเต็มไปด้วยเปลวไฟลุกโชนร่วงเข้าใส่ปานดาวตก สีหน้าท่าทีหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังแลดูสงบเฉยเมย ไร้ความยินดียินร้ายใดๆ
  จนเมื่อเตาหลอมขนาดใหญ่เข้ามาใกล้ ก็ปรากฏร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกคนแยกออกมา เป็นร่างแกแห่งความตายของกฏแห่งความตาย ทั่วร่างเต็มไปด้วยไอพลังสีดำ มองไปคล้ายมีมังกรทมิฬเวีนวนรอบกาย โจนทะยานขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับเตาหลอมอันเขื่องอย่างห้าวหาญ!
  ปงงงง!!
  เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เป็นร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ชกเข้าใส่เตาหลอมอันเขื่องอย่างจัง และสามารถหยุดยั้งพลังสภาวะเตาหลอมได้ชะงัด! ทว่าเตาหลอมยังไม่สิ้นหลาย เพลิงไฟในเตาพลันพวยพุ่งขึ้นมาดั่งลาวาปะทุ จากนั้นก็โถมถันหมายกลืนร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที!!
  มองไปยังสีหน้าของเจียงเหิงอวี่ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งปรากฏเส้นเลือดเขียวปูดโปนขึ้นที่ขมับ ก็บอกให้รู้ว่าตอนนี้มันกำลังใช้พลังควบคุมเตาหลอมเต็มกำลัง!
  “หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะเสียท่าหรือไม่?”
  ในขณะที่หลายคนกำลังคิดไปแบบนี้เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้า
  “กรรร—!!”
  เสียงสนั่นปานสัตว์ร้ายคำรามพลันดังขึ้น ท่ามกลางเพลิงไฟที่โถมมาดั่งลาวา ร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นบัดนี้สองตาทอแสงสีเลือดแดงฉาน อ้าปากคำรามออกมาอย่างดุดัน จากนั้นไอพลังแห่งความตายทั่วร่างพลันระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายคมกล้าของกระบี่! จากนั้นเพลิงไฟที่ดั่งธารลาวาไหลหลากดังกล่าว พอกระทบเข้ากับไอพลังอันน่ากลัวนั่นก็ดับมอดลงทันที!!
  เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!
  …
  จากนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน ไอพลังแห่งความตายที่ระเบิดออกมาก็รวมรั้งสู่หมัดขวาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นฉับไว จากนั้นร่างแยกแห่งความตายก็ ชกหมัดขวาเข้าใส่เตาหลอมมหึมาเต็มเหนี่ยว! ไอพลังแห่งความตายที่อัดแน่นไว้ พลันระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว!!
  ตูมมมม!!
  เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เตาหลอมอันเขื่องก็กระเด็นละลิ่วไปปานดาวตก เพลิงไฟบนเตาได้ดับมอดลงไม่เหลือแม้สะเก็ดไฟ ถูกทำลายจนหมดสิ้น!
  เจียงเหิงอวี่ที่ลอยร่างควบคุมเตาหลอมอยู่ไม่ไกล พลันกระอักโลหิตออกคำหนึ่ง ร่างยังผงะถอยไปหลายก้าวใหญ่ สีหน้าแลดูยักแย่ยักยันนัก
  “ข้าแพ้”
  เจียงเหิงอวี่สะบัดมือเรียกเตาหลอมอันเขื่องที่ปลิดปลิวให้ย้อนกลับมาอย่างอ่อนล้า…หรือกล่าวให้ชัดคือเตาหลอมที่ค่อยๆหดเล็กลง!
  เนื่องจากเตาหลอมดังกล่าวค่อยๆหดเล็กลงขณะลอบกลับมา เช่นนั้นพอมาถึงมือของเจีงเหิงอวี่ ขนาดก็พอๆกับฝ่ามือของมันแล้ว จึงคว้าจับไว้ง่ายดาย
  หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ชนะไปในลักษณะนี้
  เรื่องราวทั้งหมดมันอุบัติขึ้นในชั่วพริบตาเดียว รวดเร็วจนอัจฉริยะส่วนใหญ่ยังไม่ทันได้ตอบสนองเรื่องราวด้วยซ้ำ
  นั่นเพราะมีแต่อัจฉริยะที่มีพลังสูงถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงจะมองเห็นการประมือในช่วงเวลาสั้นๆเมื่อครู่ และถึงจะเป้นแค่การประมือกันสั้นๆแต่เจียงเหิงอวี่ก็ได้ทุ่มพลังทั้งหมดออกไปแล้ว..
  อนิจจาพังทั้งหมดของเจียงเหิงอวี่ ภายใต้เงื้อมมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น มันช่างเปราะบางเหลือเกิน…
  แต่ต้นจนจบหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเพียงส่งร่างแยกแห่งความตายออกไปลงมือเท่านั้น ร่างจริงยังลอยแน่นิ่งไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว
  ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะอีกด้วย
  “เหอะๆ หากจะบอกว่าเจียงเหิงอวี่เป็นเทพสงคราม 3 ดาราชนชั้นยอดฝีมือล่ะก็…เช่นนั้นข้าพูดได้เลยยว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็คือเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ!”
  “ไม่ผิด! อาศัยเทพสงคราม 4 ดาราทั่วไป ไม่มีทางเอาชนะเจียงเหิงอวี่ได้ง่ายดายขนาดนั้นแน่!”
  …
  ชัยชนะอันเด็ดขาดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกระตุ้นความสนใจของผู้ชมไม่น้อย จากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ชนะศึกแล้ว ก็เหินร่างกลับไปนั่งข้างๆต้วนหลิงเทียนเหมือนเดิม
  “หลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียน กับคนอื่นๆ…ดูเหมือนจะอยู่ด้วยกันตลอดเลยนะ”
  “อืม ข้าเห็นตั้งแต่รอบแรกแล้ว พวกมันนั่งด้วยกันตรงนั้นประจำ”
  “โอย! นี่มันเป็นการรวมตัวอันใดกันเนี่ย? ต้วนหลิงเทียนก็ดี ซูหลี่ กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ดี…แถมยังมีถังซานเป่าที่เป็นเทพสงคราม 5 ดาราอีกคน!”
  …
  เดิมทีก็มีไม่กี่คนที่ให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนกับพวก แต่ตอนนี้พอเห็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอาชนะได้อย่างเด็ดขาดอีกคน ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนนัก
  และตอนนี้ก็เริ่มมีคนสังเกตเห็นว่า พวกต้วนหลิงเทียนนั่งอยู่ด้วกันตลอด แลดูจะรู้จักมักคุ้นกันดี
  “หรือจะเป็นดั่งคำว่า กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์…ยอดฝีมือก็มักจะอยู่กับยอดฝีมือ?”
  เมื่อโดนหลายคนมองจ้องมา ทั้งได้ยินวาจาดังกล่าว พวกจางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอวี่ ที่นั่งรวมกลุ่มอยู่กับพวกต้วนหลิงเทียนด้วยก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล พวกมันยังรู้สึกกดดันไม่น้อย
  อย่างไรก็ตาม สุดท้ายพอเสียงจากการประมือกันของคู่ประลองอีก 4 คู่ดังขึ้น ความสนใจของหลายๆคนก็เริ่มละออกไป
  เวลาค่อยๆล่วงเลยไปอย่างเงียบงัน และพอฟ้าเริ่มมืดอีกครั้ง ช่วงแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ก็ถึงกาลยุติ…และช่วงที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ ถังซานเป่า และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเท่านั้นที่ทำผลงานได้ดี ยังมีอัจฉริยะที่เผยพลังฝีมือร้ายกาจออกมาไม่น้อย
  อย่างเช่นจงกุ้ยอวี่ ผู้ฝึกตนจากอู๋หยาเทียนที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่ง แต่พอลงมือในรอบที่ 4 ก็สร้างความตกตะลึงให้ผู้คนยกใหญ่
  และอวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน ก็ได้เผพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมา แต่ไม่ทราบว่านั่นใช่พลังทั้งหมดของมันแล้วหรือไม่ หากจะรู้ได้ก็คงต้องรอให้มันพบเจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้มันลงมือจริงจังเท่านั้น
  นอกจากนั้นก็มีอัจฉริยะบางคนที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก เผยพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมาให้เห็น
  อย่างไรก็ตามแต่ จนถึงบัดนี้ก็มีเพียงจงกุ้ยอวี่และถังซานเป่า 2 คนเท่านั้น ที่เปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาให้เห็นกันชัดๆ และเหตุผลที่แนทั้งคู่เผยพลังระดับนี้ออกมาก็เพราะคู่ต่อสู้ของพวกมันเป็นเทพสงคราม 4 ดารา หากไม่ลงมือจริงจังหน่อยก็คงยากจะเอาชนะได้…
  ทุกคนเชื่อว่าต้องมีเทพสงคราม 5 ดาราอีกแน่นอน เพียงแค่คู่ต่อสู้ที่พบเจอไม่ใช่เทพสงคราม 4 ดารา เช่นนั้นพวกมันจึงไม่ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจัดการสบคู่ต่อสู้
  ในเมื่อคู่ต่อสู้อ่อนด้อยกว่ามาก อาศัยพลังแค่บางส่วนก็เอาชนะได้ ยังจะมีใครบ้าจี้ลงมือเต็มกำลัง?
  นั่นไม่ใช่เป็นการเผยไต๋โดยใช่เหตุหรือไร?
  สำหรับจงกุ้ยอวี่กับถังซานเป่านั้น ไม่มีทางเลือก เพราะคู่ต่อสู้ของพวกมันคือเทพสงคราม 4 ดารา หากม่ำสแดงพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาเลย ก็ไม่พ้นต้องเสียเวลาสู้ยืดเยื้อ ยากจะเอาชนะได้ง่ายๆ
  “หลังจากนี้อีก 3 วัน ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ช่วงที่ 2 จักเริ่มขึ้น และจะเป็นการจับคู่ประลองตัวต่อตัว!”
  เสียงของ ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักพลันดังขึ้นอีกครั้ง เป็นการปิดม่านการประลองช่วงที่ 1 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ลงแต่เพียงเท่านี้
  และวันเวลาแค่ 3 วัน ก็ผ่านพ้นไปในพริบตาสำหรับทุกคน
  อีกทั้งเวลา 3 วันก็มากพอให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บฟื้นฟูรักษาตัวให้กลับมาพร้อมสมบูรณ์แว
  สุดท้ายในรอบที่ 4 เมื่อทุกคนเห็นว่าท่าไม่ดีและสู้ผู้อื่นไม่ได้ ก็ไม่มีใครเลือกจะดันทุรังให้เจ็บตัว ทั้งหมดชิงบดขยี้ป้ายหยกเพื่อยอมแพ้ออกมาทั้งสิ้น
  ก่อนที่จะเริ่มช่วงที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ อัจฉริยะทั้งหลายก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูชมไม่น้อย
  อย่างไรก็ตาม พอมันเริ่มขึ้นจริงๆทุกคนก็พบว่า…
  ผู้ที่ทำงานโดดเด่นในรอบก่อนๆ จะไม่พบเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งมากนัก ล้วนพบเจอแต่ผู้ที่อ่อนด้อยกว่าทั้งสิ้น…ด้วยสาเหตุนี้ นับประสาอะไรกับผู้ที่ไม่ได้ลงมือจริงจังมาก่อน ต่อให้เป็นจงกุ้ยอวี่กับถังซานเป่าเอง ก็ไม่ได้ใช้พลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา
  สุดท้าย 75 คนที่ลอยลำไปก่อน ก็ล้วนแต่แสดงผลงานเลิศล้ำในช่วงแรกทั้งสิ้น
  75 คนที่แสดงผลงานเลิศล้ำที่ว่า ก็รวมถึงต้วนหลิงเทียนด้วย
  “ดูเหมือนวิหารเฟิงฮ่าวตั้งใจจัดการประลองเด็ดๆไว้รอบท้ายๆ…หากบอบกว่าช่วงแรกพวกมันยังไม่รู้ว่าผู้ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามและไร้ข้อมูลมากพอมีพลังฝีมือระดับไหน…หลังผ่านช่วงแรกของรอบที่ 4 ไป พวกมันก็พอกะประมาณได้คร่าวๆแล้ว”
  จางเทียนโย่วกล่าว
  “ก็จริงของเจ้า…”
  ว่างถิงพยักหน้าเห็นด้วย
  หลังจากนั้นตลอดช่วงที่ 3 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และถังซานเป่า ก็กลายเป็นผู้ชมเช่นกัน…