“พี่น้องต้วน ดูเหมือนเจ้าอวี๋ตงฟางนั่นมันจะมุ่งเป้ามาที่ท่านนะ…”
หลังต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงอัฒจันทร์ที่นั่ง ถังซานเป่าที่เหลือบมองแผ่นหลังของอวี๋ตงฟางขณะกลับไปอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามครู่หนึ่ง ก็หันมาพูดกับต้วนหลิงเทียน
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำสั้นๆ ไม่คิดจะอธิบายอะไร
เขาไม่ได้เก็บอวี๋ตงฟางมาใส่ใจแม้แต่น้อย
อวี๋ตงฟางนั่น เขาได้ยินถังซานเป่าพูดถึงพลังฝีมือของมันมาก่อนแล้ว แม้ตอนนี้อีกฝ่ายยจะเผยพลังฝีมือแค่ระดับเทพสงคราม 4 ดารา แต่พลังที่แท้จริงของมันสมควรอยู่ในระดับเทพสงคราม 5 ดารา
อย่างไรก็ตาม ต่อให้หลาปีมานี้อวี๋ตงฟางจะก้าวหน้าแค่ไหน อย่างดีก็มีพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดาราเท่านั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 6 ดารา
อีกทั้งต่อให้บรรลุถึงจริงแล้วจะยังไง?
สำหรับต้วนหลิงเทียน ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาต้องเผชิญ สมควรเป็นอัจฉริยะมือดีของวิหารเฟิงฮ่าว เพียงแค่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดกันแน่
ในบรรดาอัจฉริยะที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 เขาพบว่ามีอัจฉริยะนับโหลที่เป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าว
หากมมีอะไรผิดพลาด มือดีที่ว่าก็สมควรอยู่ในบรรดาคนนับโหกลุ่มนั้น
‘ท่ามกลางอัจฉริยะสิบกว่าคนนั่น มือดีที่สุดของวิหารเฟิงฮ่าวสมควรเป็นเทพสงคราม 6 ดาราแน่ๆ…ผลอมตะหยวนปะทุที่วิหารเฟิงฮ่าวนำมาเป็นของรางวัล พวกมันไม่ได้ใจกว้างอะไร แค่ตั้งใจจะมอบให้อัจฉริยะของพวกมันโดยเฉพาะ’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นอาจารย์เขากล่าวสรุปมา
เขาเอก็รู้สึกไม่ต่างกัน
…
หลังผ่านไปสักพัก กระทั่งถังซานเป่ากับซูหลี่ก็ได้ออกไปประลองเช่นกัน และคู่ต่อสู้ของทั้ง 2 คน ล้วนเป็นเทพสงคราม 3 ดาราเท่านั้น จึงเอาชนะมาได้ไม่ยากเย็น
“พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ท่านเองก็สมควรเป็นเทพสงคราม 5 ดารากระมัง?”
ถังซานเป่าหันไปมองถามหลิงเจวี๋ยอวิ๋น แววตายังสั่นไหวไม่น้อย คำถามนี้มันเอ่ยถามออกมาหายครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เมินเฉยมันเหมือนเดิม
ในปัจจุบันพลังฝีมือของพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ก็ได้เปิดเผยออกมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนกับถังซานเป่ามีพลังระดับเทพสงคราม 5 ดารา แต่ไม่ว่าจะเป็นซูหลี่หรือหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้น ก็แค่เผยพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมาเท่านั้น
และซูหลี่ก็เป็นเพียงเทพสงคราม 4 ดาราแน่นอน เนื่องจากซูหลี่พึ่งจะมาก้าวหน้าในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้
สำหรับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ตัดสินจากการลงมือที่ผ่านมา หลายคนสงสัยว่าอาจจะเป็นได้ถึงเทพสงคราม 5 ดารา เพราะทุกครั้งที่สู้ แลดูเอาชนะผู้อื่นได้ง่ายดายเหลือเกิน
ไม่นานนัก ก็ได้ตัวผู้ที่ผ่านเข้ารอบเป็นการชั่วคราวทั้ง 50 คน
อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะรูปแบบการจับคู่เข้มแข็งพบอ่อนแอของวิหารเฟิงฮ่าว แม้จะเห็นทุกคนลงมือ อนิจจาพลังที่เผยออกก็อยู่ในระดับเดียวกับที่เคยเผยออกก่อนหน้าทั้งสิ้น
ผู้ที่ปกปิดพลังฝีมือเอาไว้ ก็ยังคงซ่อนพลังได้อย่างมิดชิด
“ต่อไป วิหารเฟิงฮ่าวเราจะทำการหาผู้เข้ารอบเป็นการชั่วคราวอีกครั้ง…50 คนที่ชนะมาเมื่อครู่ จักถูกจับคู่ประลองกันทั้งสิ้น 25 คู่…”
ถึงแม้ฉีคงไห่จะกล่าวว่า ‘จะทำการจับคู่ประลอง’ อย่างไรก็ตาม พอฉีคงไห่กล่าวจบคำ ชื่อของอัจฉริยะก็ปรากฏเหนือสังเวียนประลองทันที 10 ชื่อ
“อะไรกัน? จับคู่ประลองได้เร็วขนาดนี้เชียว?”
ฉากดังกล่าวย่อมทำให้อัจฉริยะทั้งหลายอดแปลกใจไม่ได้ “นี่พวกมันไม่คิดจะหารือกันก่อนหรือไร ว่าจะให้ผู้ใดพบเจอกับผู้ใด?”
“ข้าว่าพวกมันน่าจะจับคู่มาตั้งแต่เนิ่นๆแล้วล่ะ…สุดท้ายก็ไม่ยากอะไรนี่นา? เพราะ 50 คนที่ผ่านเข้ารอบ เป็นพวกมันจับคู่ให้พบกับคนที่ด้อยกว่าเอง เช่นนั้นก็สมควรชนะการประลองนัดแรกได้หมดอยู่แล้วไม่ใช่รึ?”
“ข้าก็ว่างั้น”
…
แน่นอนว่าอัจฉริยะทั้งหลายไม่มีใครโง่ แค่ฉุกคิดสักนิดก็เข้าใจได้
“ใน 50 คนจะมีผู้ที่ชนะผ่านเข้ารอบไปก่อน 25 คน…หลังจากนั้นผู้แพ้ทั้ง 25 คนก็จะทำการประลองกันจนได้ 5 คนที่แข็งแกร่งที่สุดเข้ารอบเป็นการชั่วคราว”
“หลังจากนั้น ทั้ง 30 คนที่ผ่านเข้ารอบเป็นการชั่วคราว ก็จะต้องเผชิญกับการท้าท้ายของ 70 คน…และแต่ละคนมีโอกาสท้าทาย 3 ครั้ง”
เสียงของฉีคงไห่ดังขึ้นอีกครั้ง กล่าวอธิบายยกฏกติกาของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 5 ออกมาหมดสิ้น
“ช่วงต่อไปเหล่ายอดฝีมือที่ซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้ น่าจะซ่อนต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ”
ช่วงที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 5 ทำให้เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายตาลุกวาวด้วยความคาดหวังอยู่บ้าง
เพราะในบรรดา 50 คนที่ผ่านเข้ารอบมา ศึกที่ชัดเจนและน่าเบื่อที่สุดอย่างไรก็เป็นเทพสงคราม 5 ดาราปะทะยอดฝีมือเทพสงคราม 3 ดารา
นอนจากนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นศึกระหว่างเทพสงคราม 4 ดารากับเทพสงคราม 4 ดารา!
ที่สำคัญในบรรดาเทพสงคราม 4 ดาราเหล่านี้ ไม่พ้นต้องมียอดฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราซุ่มซ่อนปะปนอยู่แน่! เพราะคงไม่อาจปกปิดพังฝีมือไว้ได้อีกต่อไป!!
“พี่น้องซูหลี่ สู้ๆ!”
ถังซานเป่ากล่าวพลางยิ้ม
เนื่องเพราะ 10 ชื่อแรกที่ปรากฏเหนือสังเวียน ก็มีชื่อของซูหลี่อยู่ด้วย และซูหลี่ก็กำลังจะพบเจอเทพสงคราม 4 ดาราคนหนึ่ง
และเจ้านั่นก็เป็นหนึ่งในศิษย์อัจฉริยะสิบกว่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวอีกด้วย
มันมีนามว่า หงหยวน
“ซูหลี่ เจ้าไม่ใช่คู่มือข้า”
หงหยวนเป็นชายหนุ่มมาในชุดคลุมสีเทาเรียบง่าย ใบหน้าเฉยชาไม่รับแขก พอเห็นซูหลี่ก็มองด้วยสายตาไร้แยแส กล่าวคำเสียงเย็น
“จะใช่หรือไม่ใช่คู่มือเจ้า ไม่ลองจะรู้หรือ”
ซูหลี่ก็เอ่ตอบกลับไปเสียงเฉยเช่นกัน
“เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ”
หงหยวนพยักหน้าเบาๆพลางกล่าว
ก่อนที่การประลองระหว่างซูหลี่กับหงหยวนจะเริ่มขึ้น หว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขดย่นเป็นปมอยู่บ้าง ทว่าต่อมาก็เริ่มคลายตัว
เพราะหงหยวนเป็นหนึ่งในอัจฉริยะนับสิบของวิหารเฟิงฮ่าว เขาก็เลยอดสงสัยไมได้ว่ามันจะใช่ ‘ไพ่ตาย’ ของวิหารเฟิงฮ่าวรึเปล่า
เพราะก่อนที่จะลงมือ ท่าทีหงหยวนแลดูเฉยเมยไร้แยแส คนแลดูสงบคล้ายไม่ใส่ใจซูหลี่ ให้ความรู้สึกลี้ลับยากหยั่งถึง
ทำให้เขาอดคิดไปไม่ได้ว่า หงหยวนผู้นี้อาจะไม่ใช่แค่เทพสงคราม 4 ดารา!
อย่างน้อยๆก็ไม่น่าจะใช่เทพสงคราม 4 ดาราทั่วๆไป…
จากนั้นซูหลี่ที่ประมือกับหงหยวน ไม่ทันครบ 10 กระบวนท่าก็เป็นฝ่ายแพ้พ่าย นับว่ายืนยันการคาดเดาก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน…
“ซูหลี่แพ้แล้ว! หงหยวนผู้นี้นับเป็นเทพสงคราม 4 ดาราระดับต้นๆก็ว่าได้ อาศัยซูหลี่ที่พึ่งกลายเป็นเทพสงคราม 4 ย่อมไม่ใช่คู่มือมัน”
จางเทียนโย่วเอ่ยออกเสียงขรึม
ไม่นานนัก ซูหลี่ที่แพ้พ่ายก็เหินร่างกลับมา ทว่าสีหน้าไม่ได้แลดูผิดหวังอะไร ราวกับไม่ได้เก็บเอาความพ่ายแพ้ครั้งนี้มาใส่ใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามซูหลี่ และคำถามดังกล่าวก็ทำให้จางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอวี่งุนงง
“ร้ายกาจ”
หลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน สีหน้าท่าทีซูหลี่เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ข้ารู้สึกว่าเจ้านั่นยังซ่อนพลังไว้อยู่”
“อะไร!?”
ทันทีที่ซูหลี่พูดจบ จางเทียนโย่วก็โพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจ “หงหยวนนั่นมันเผยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 4 ดาราแล้ว แต่มันยังซ่อนพลังไว้อีกหรือ?”
“หรือมันจะเป็นถึงเทพสงคราม 5 ดารา?”
แม้พวกจางเทียนโย่วจะตกใจแต่ก็ไม่สงสัย พวกมันเชื่อการตัดสินของซูหลี่
ขณะเดียวกัน เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ ก็เริ่มคุยกันถึงความพ่ายแพ้ของซูหลี่ “ซูหลี่คนนั้นแพ้แล้ว…”
“ถึงซูหลี่จะแพ้ แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว…อายุเพียง 600 ปีเศษ แต่มาถึงงุจดนี้ได้ก็มากพอให้ผู้คนจดจำแล้วล่ะ”
“มิผิด หากเจ้าหงหยวนนั่นมีอายุแค่ 600 ปีเศษเหมือนซูหลี่ ข้าเกรงว่าคงไม่กล้ายืนอยู่ต่อหน้าซูหลี่ด้วยซ้ำ!”
“หากจะโทษ ก็ต้องโทษที่ซูหลี่ไม่เกิดให้เร็วกว่านี้สัก 200-300 ปี!”
“เหอะๆ ไม่ต้องถึง 200-300 ปีหรอก ข้าว่าขอแค่ซูหลี่เกิดไวกว่านี้สักร้อยปี ก็ตีเจ้าหงหยวนนั่นกลับบ้านไม่ถูกแล้ว!”
…
เรียกว่าถึงแม้ซูหลี่จะแพ้พ่าน แต่ก็ได้รับการยอมรับจากอัจฉริยะส่วนใหญ่ และก่อนหน้านี้ก็ไม่มีผู้แพ้คนไหนได้รับการยอมรับแบบนี้เลย
ในเวลาเดียวกัน อีก 4 คู่บนสังเวียนก็เริ่มประมือกัน
และมีอัจฉริยะคนหนึ่งเผยให้เห็นพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา!
“เจ้านั่นมันศิษย์ปิดสำนักของจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวหย่งฉี!”
“ให้ตายเถอะ! ไม่คิดเลยว่าที่แท้เจ้าโจวหย่งฉีนั่นจะบรรลุถึงเทพสงคราม 5 ดาราแล้ว!!”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่จักรพรรดิสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนซือถูฉูชิงยังอยู่ จักรพรรดิสวรรค์โจวปิงหวู่ได้ออกหน้าปกป้องซือถูฉูชิงจาก ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ทว่าสุดท้ายดันโดนฟงชิงหยางกดดันจนไม่กล้าเสนอหน้าอีก…ตอนนี้ศิษย์ปิดสำนักของมันที่แท้มีพลังฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ ข้าว่าหากมันเจอต้วนหลิงเทียน ไม่พ้นต้องคิดเล่นงานต้วนหลิงเทียนถึงที่สุดแน่”
“ข้าได้ยินมาว่า โจวหย่งฉีนั่นมันเป็นเด็กกำพร้าที่จักรพรรดิสวรรค์โจวปิงหวู่เก็บมาเลี้ยง ด้วยเหตุนี้มันจึงได้ใช่แซ่โจวเหมือนโจวปิงหวู่ และในสายตาของมัน โจวปิงหวู่ ก็ไม่ต่างอะไรจากบิดาแท้ๆ ข้าเชื่อว่าจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับโจวปิงหวู่ มีโอกาส 8-9 ส่วนที่มันคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย!”
“หากข้าเป็นมัน ข้าเองก็คงตั้งตัวเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนเหมือนกัน กระทั่งยังอาจจะคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายด้วย! สุดท้ายอาจารย์ผู้อื่นก็ทำให้คนที่ตัวเองเห็นเป็นบิดาเสียหน้า เมื่อมีโอกาสดีๆในศึกอัจฉริยะสวรรค์ ถึงจะฆ่าต้วนหลิงเทียนไป แต่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางก็ไม่อาจพูดอะไรได้!”
…
พอทราบว่าโจวหย่งฉีศิษย์ปิดสำนักของโจวปิงหวู่มีพลังระดับเทพสงคราม 5 ดารา หลายคนก็เริ่มคุยกันอย่างออกรส และหันไปมองต้วนหลิงเทียนเป็นบางครั้ง
กระทั่งตัวโจวหย่งฉีเองก็มองไปที่ต้วนหลิงเทียนเช่นกัน แม้สายตาของมันจะแลดูสงบ แต่ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นความเย็นชาในแววตามัน
ทว่าเขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย
เขาไม่กลัวกระทั่ง ‘ไพ่ตาย’ ของวิหารเฟิงฮ่าว ที่อาจจะเป็นเทพสงคราม 6 ดารา เช่นนั้นเข้าจะไปกลัวโจวหย่งฉีที่เป็นแค่เทพสงคราม 5 ดาราได้อย่างไร?
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้น ข้าว่าคงมาได้แค่นี้แล้วล่ะ”
เมื่อ 10 รายชื่ออัจฉริยะที่จะลงประลองชุดใหม่ปรากฏขึ้น ทุกคนที่สังเกตเห็นว่าหนึ่งในนั้นคือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพลางกล่าว
เพราะไม่ทราบว่าวิหารเฟิงฮ่าวจงใจหรืออย่างไร ทว่าคู่ต่อสู้ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น กลับเป็นหนึ่งในอัจฉริยะสิบกว่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่ทำผลงานได้ดีไม่น้อย
ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคาดเดา ว่ามันจะใช่ ‘ไพ่ตาย’ ของวิหารเฟิงฮ่าวรึเปล่า
มันเป็นชายหนุ่มชื่อ หลิวคงอวี้
หลิวคงอวี้ มีรูปร่างปานกลางหน้าตาธรรมดา อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นชายหนุ่ม กลับมีผมหงอกแซมอยู่ แลดูสะดุดตาไม่เบา
และจนถึงบัดนี้ พลังฝีมือที่มันเผยออกมา ก็มีแค่เทพสงคราม 4 ดาราเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทุกครั้งเป็นมันลงมือสยบคู่ต่อสู้ด้วยท่าทีสบายๆ ทำให้หลายคนรู้สึกว่ามันสมควรซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้!
“มาได้แค่นี้อะไรของเจ้าเล่า…อย่าว่าแต่หลิวคงอวี้เลย ข้าว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็สมควรซ่อนพลังเอาไว้อยู่…แค่ไม่ทราบว่าใครจะซ่อนได้ลึกกว่ากัน!”
“ใช่ และเท่าที่ดูแม้พลังฝีมือที่เผยออกของทั้งคู่จะเป็นเทพสงคราม 4 ดาราเหมือนกัน แต่ข้าให้ภาษีหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเหนือกว่า…ข้าเชื่อว่าอย่างน้อยๆหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ต้องเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 4 ดารา!”
“ใช่”
“หากหลิวคงอวี้ไม่ร้ายกาจถึงขั้นเทพสงคราม 5 ดารา ข้าว่ามันไม่น่าจะสู้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้”
“จริง แถมหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็มีโอกาสสูงด้วยที่จะเป็นเทพสงคราม 5 ดารา!”
…
เมื่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหิวคงอวี้มาเหินร่างเผชิญหน้ากัน ก็ดึงความสนใจของอัจฉริยะแทบทั้งหมดไปทันที
เนื่องเพราะ 5 คู่ประลองบนสังเวียน คู่ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นอะไรที่ผู้คนคาดหวังมากที่สุด